|
|
ข้อเสียของการแก้ปัญหาที่ดินโดยจำกัดการถือครอง
สมมุติตามที่นิยมกันว่าครอบครัวละ 50 ไร่ (หรือคนละ 50 ไร่ ?) ข้อนี้ใช้ได้กับที่ดินด้านเกษตรเท่านั้น แล้วที่ดินในเมืองซึ่งราคาแพงจะปล่อยให้เจ้าของได้ประโยชน์ต่อไปตามเดิมหรือ ? คนไหนมีที่ดิน 50 ไร่ในเมืองนี่เป็นมหาเศรษฐีพันหรือหมื่นล้านเลยนะครับ
อย่าลืมว่าที่ดินไม่มีมนุษย์ผู้ใดสร้าง มูลค่าของที่ดินกลางเมือง โดยเฉพาะที่ดินเปล่า มีราคาสูงขึ้น ๆ ได้อย่างไร เพราะความเป็นเมืองใช่หรือไม่ ? นั่นคือเพราะกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกรวดเร็วปลอดภัยที่ค่อย ๆ มาก ขึ้นดีขึ้นจากส่วนรวมของคนเมือง รวมทั้งภาษีที่พวกเขาจ่าย มูลค่าหรือค่าเช่าที่ดินจึงควรกลับมาเข้าส่วนรวม แทนที่จะเข้ากระเป๋าเจ้าของที่ดิน ด้วยวิธีการภาษี ซึ่งใช้ได้กับที่ดินที่มีราคาทุกแห่ง ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง
แล้วที่ว่าจำกัดครอบครัวละหรือคนละ 50 ไร่นั้น จะให้สิทธิอย่างไรสำหรับบริษัทหรือธุรกิจนิติบุคคล ? มิกลายเป็นว่าคนมีเงินร่วมกันประกอบกิจการจะได้สิทธิถือครองที่ดินมากกว่าคนจนไปหรือ ? แต่จะไม่ให้สิทธิที่มากกว่านี้ การจำกัดขนาดที่ดินก็จะกลายเป็นการทำให้เสียประสิทธิภาพการผลิตไป
วิธีแก้ปัญหาที่ดินโดยเก็บภาษี ถ้าค่อย ๆ ทำ จนในที่สุดสัก 30 ปีก็เท่ากับค่าเช่าที่ดิน จะทำให้ที่ดินไม่มีราคา (ราคาเป็นศูนย์) แต่รัฐ (คือส่วนรวม) ได้ภาษีมากพอที่จะยกเลิกภาษีเงินได้และภาษีอื่น ๆ จากการลงแรงลงทุนที่ก่อผลผลิตและบริการเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน (ค่อย ๆ ลดไปเท่ากับที่ได้ภาษีที่ดินเพิ่ม) นับเป็นการส่งเสริมการลงแรงลงทุนอย่างดี ผลผลิตไม่เสียภาษีก็มีราคาต่ำ ขายแข่งสู้ต่างประเทศได้ดีขึ้น
ถ้าไม่เก็บภาษีที่ดินเช่นนี้ ที่ดินจะยังคงมีราคาสูงและสูงขึ้นไป เป็นที่หมายปองของคนรวยอีกต่อไป คนจนไม่มีที่ดินอาจจะลดน้อยลงบ้าง แต่จะยังมีอยู่ คนที่ไม่รวยนักคงต้องกู้เงินมาลงทุนเหมือนเดิม และจะยังคงสูญเสียที่ดินที่เอาไปค้ำประกันเงินกู้ต่อไปตามเดิม และวิกฤตวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่แตกก็จะยังคงมีอยู่ก่อความเสียหายแก่ทั้งคนรวยคนจนต่อไป (สำหรับคนจนคือต้องถูกปลดออกกลายเป็นคนว่างงาน)
จาก utopiathai.webs.com
Create Date : 09 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 22:27:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 695 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|