|
 |
 |
 |
 |
|
ขอให้ขึ้นภาษีที่ดินจะได้ผลดีกว่าขอขึ้นค่าจ้างโดยตรง
ยินดีให้เผยแพร่ต่อด้วยความขอบคุณ
ค่าจ้างแรงงานกับภาษีที่ดินมีความสัมพันธ์กัน แต่คนธรรมดาอาจมองไม่ออก
การเก็บภาษีที่ดินต่ำทำให้เจ้าของที่ดินได้ประโยชน์จากการที่ที่ดินมีราคา-ค่าเช่าสูงขึ้นเรื่อยๆ เกือบตลอดมา เจ้าของที่ดินไม่มีส่วนในการลงแรงหรือลงทุนผลิต แต่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งจากการผลิต ย่อมทำให้ผู้ทำงานและผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนน้อยลง
เมื่อเจ้าของที่ดินได้ส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ผู้ทำงานและผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนลดลงเรื่อยๆ อย่างน้อยก็โดยอัตราส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเช่าที่ดิน เพราะการผลิตมีปัจจัยที่นำมาใช้เพียงสามปัจจัยเท่านั้น แต่ครอบคลุมหมด นั่นคือ ที่ดิน แรงงาน และ ทุน ผู้จัดการก็เป็นผู้ใช้แรงงานด้านสมองมากกว่าแรงกาย เขาอาจมีส่วนเป็นผู้ลงทุนในกิจการอยู่ด้วยก็ได้ และอาจเป็นเจ้าของที่ดินที่ใช้ในกิจการนั้นอีกด้วย ถึงแม้คนหนึ่งๆ จะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตครบทั้งสามปัจจัยดังกล่าว แต่เราก็ต้องพิจารณาปัจจัยทั้งสามแยกกัน
การแบ่งผลตอบแทนแก่ปัจจัยการผลิตทั้งสามนี้มีกฎธรรมชาติด้านสังคมเป็นตัวกำหนด นั่นคือ --
ค่าเช่าที่ดินคือผลต่างระหว่างผลผลิตของที่ดินแปลงนั้นกับผลผลิตที่ขอบริมแห่งการผลิตหรือที่ดินชายขอบ เมื่อใช้แรงงานและทุนเท่ากัน (ที่ดินชายขอบหรือขอบริมแห่งการผลิต คือ ที่ดินเลวที่สุดที่ใช้กันอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นที่ดินดีที่สุดที่หาได้โดยไม่เสียค่าตอบแทน ถ้าการผลิตต้องขยายออกไปจากขอบริมแห่งการผลิตขอบเดิม ขอบริมใหม่มักจะให้ผลผลิตต่ำกว่าขอบริมเดิม ที่ขอบริมเดิมก็มีค่าเช่าเกิดขึ้น ที่ดินที่มีค่าเช่าอยู่แล้ว ค่าเช่าก็สูงขึ้นไปอีก เป็นส่วนที่เจ้าของที่ดินได้เพิ่มขึ้นมาเฉยๆ)
ค่าแรงคือผลผลิตที่แรงงานสามารถผลิตได้ ณ ขอบริมแห่งการผลิต (ยิ่งที่ดินชายขอบขยายออกไป ค่าแรงยิ่งลด ยกเว้นไว้แต่ถ้าแรงงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น)
ดอกเบี้ยหรือค่าใช้ทุนจะสูงขึ้นหรือต่ำลงเช่นเดียวกับค่าแรง โดยขึ้นอยู่กับขอบริมแห่งการผลิตเหมือนกัน
ค่าเช่าหรือราคาที่ดินยังสูงขึ้นได้อีกจากการมีประชากรมากขึ้นและความเจริญก้าวหน้าทั้งหลาย การมารวมตัวของผู้คนเป็นชุมชนที่ค่อยๆ ขยายตัวออกเป็นเมือง นคร มหานคร การทำงานและการลงทุนของทั้งเอกชนและรัฐ (รัฐก็ใช้ภาษีจากเอกชนนั่นเอง) ช่วยให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ปลอดภัย การขนส่ง สื่อสาร การผลิต การค้าทำได้รวดเร็วและค่าใช้จ่ายต่ำลง การแบ่งงานกันทำแยกกย่อยมากขึ้น ความรู้ความชำนาญสั่งสมแยกเป็นเฉพาะทางมากขึ้น อารยธรรมและประสิทธิภาพการผลิตก็สูงขึ้นๆ แต่สิ่งเหล่านี้กลับไปทำให้ค่าเช่า/ราคาที่ดินในเมืองสูงขึ้นมากมาย
ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เจ้าของที่ดินทำ ผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิตต่างหากที่ทำ ถ้าเจ้าของที่ดินทำเขาก็ทำในฐานะผู้ทำงานหรือผู้ลงทุน ซึ่งย่อมจะได้รับผลตอบแทนในฐานะผู้ทำงานหรือผู้ลงทุนอยู่แล้ว การเข้าครอบครองที่ดินหรือหาซื้อที่ดินมาไว้ในครอบครองไม่ใช่การลงทุนผลิต แต่เป็นการแสวงหาหรือสืบทอดอภิสิทธิ์ที่จะเรียกแบ่งเอาผลตอบแทนจากผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิต เจ้าของที่ดินจึงถูกเรียกว่า ผู้เก็บเกี่ยวโดยไม่ได้ไถหว่าน รายได้ของเจ้าของที่ดินจึงถูกเรียกว่า unearned income และเจ้าของที่ดินส่วนหนึ่งก็เป็นประเภท absentee landlords
เมื่อที่ดินให้ราคาหรือค่าเช่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ผู้คนที่มีเงินพากันสะสมหาซื้อที่ดินเก็บกันไว้ ที่เรียกว่า การเก็งกำไร ที่ดินที่เราเห็นว่างๆ ร้างรกอยู่มักมีเจ้าของแล้ว ยกเว้นที่ดินที่ทางราชการสงวนเอาไว้ ซึ่งก็ยังถูกบุกรุก การเก็งกำไรกักตุนที่ดินคือผลแห่งระบบภาษีที่เอื้อประโยชน์แก่เจ้าของที่ดิน ซึ่งส่งผลเสียหายร้ายแรงซ้ำแก่ประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ผู้มีแต่แรงงานสามัญ คือทำให้ราคา/ค่าเช่าที่ดินสูงเกินจริง และเบียดคนจนออกจากโอกาสการเป็นเจ้าของที่ดิน คนจนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ได้เงินมาจ่ายค่าเช่าที่ดินและเลี้ยงปากท้องตนและครอบครัว ส่วนหนึ่งหาได้ไม่พอจ่ายต้องกู้หนี้ยืมสิน จ่ายดอกเบี้ยแพง เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
การเก็งกำไรทำให้ที่ดิน 70 % ทั้งในเมือง ชานเมือง และชนบทไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ก็ไม่เต็มที่ ซึ่งหมายถึงมีการจ้างงานน้อยกว่าที่ควร ค่าแรงก็ต่ำลง ยิ่งเดือดร้อนคนจน ผลผลิตของชาติก็ต่ำ เมืองมีขนาดใหญ่แต่หลวม ผู้คนต้องหาบ้านอยู่นอกเมือง สาธารณูปโภคต้องขยายไปไกล ต้นทุนค่าใช้จ่ายจึงสูง ซ้ำต้องมีการใช้พาหนะเดินทางเช้าเข้าเมือง เย็นออก การจราจรติดขัดเสียเวลา สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เกิดมลภาวะ
ถ้ารัฐบาลขึ้นภาษีที่ดินจนเสมือนเจ้าของที่ดินเป็นผู้เช่าจากรัฐ การเก็งกำไรที่ดินจะหมดไป ที่ดินจะเปิดออกหาคนมาทำประโยชน์ให้คุ้มกับภาษี หรือให้เช่า ไม่ก็ต้องขาย ราคาที่ดินจะเป็นศูนย์ ค่าเช่าส่วนที่สูงกว่าปกติจะหายไป ผู้คนจะสามารถซื้อหรือเช่าที่ดินทำกินเป็นนายตนเองได้ง่ายขึ้น จะมีการจ้างงานมากขึ้น ค่าแรงจะสูงขึ้น นายทุนก็ไม่สามารถกดค่าจ้างไว้ได้ ชาติก็จะเจริญดีขึ้น ภาระของรัฐที่จะต้องช่วยเหลือคนจนจะลดลง
อีกทั้งรายได้จากภาษีที่ดินจะทำให้รัฐบาลสามารถลด-เลิกภาษีจากการลงแรงและการลงทุนชดเชยกัน ทำให้ผู้ทำงานผู้ลงทุนมีรายได้เพิ่ม ซ้ำราคาของกินของใช้ก็ต่ำลง แข่งขันสู้ต่างชาติได้ดีขึ้น นี่คือผลดีของการให้ทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องแบ่งที่ดินจริง
การเก็บภาษีที่ดินเสมือนเจ้าของที่ดินเป็นผู้เช่าก็คือการนำความยุติธรรมกลับคืนมาสู่ผู้ลงแรงและผู้ลงทุน ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วว่าราคา/ค่าเช่าที่ดินที่สูงขึ้นนั้นมิใช่เพราะการกระทำของเจ้าของที่ดิน แต่เป็นเพราะกิจกรรมของผู้ทำงานและผู้ลงทุน
อย่างไรก็ดี ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงฮวบฮาบ เพื่อมิให้เกิดเดือดร้อนวุ่นวายเกินไป เพราะระบบเก่าให้อภิสิทธิ์เขาไว้เอง แต่ขอให้ค่อยๆ เพิ่มภาษีที่ดิน เช่น ปีละ 3.3 % ของค่าเช่าที่ดินที่ควรเป็นซึ่งจะกินเวลาราว 30 ปีก็จะครบ 100%.
จาก //www.utopiathai.webs.com
Create Date : 01 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 23:33:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 756 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|