เส้นเอ็นอักเสบแบบนิ้วไกปืน (โรคทริกเกอร์ ฟิงเกอร์ ,Trigger Finger)
เส้นเอ็นอักเสบแบบนิ้วไกปืน ( โรคทริกเกอร์ ฟิงเกอร์ ,Trigger Finger )
โรคเส้นเอ็นอักเสบแบบนิ้วไกปืน มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหลายอย่าง เช่น นิ้วล็อก เอ็นนิ้วมือสะดุดและติดแข็ง ปลอกเอ็นตีบตันจากการอักเสบ เส้นเอ็นอักเสบแบบมีก้อน เป็นต้น
เกิดเนื่องจากเมื่อเส้นเอ็นอักเสบเป็นเวลานาน ก็จะมีการหนาตัวของเส้นเอ็นทำให้เคลื่อนที่ผ่านปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ยาก และ ถ้าเส้นเอ็นหนาตัวมาก ๆ ก็จะคลำได้เป็นก้อน
พบบ่อยใน เส้นเอ็นงอ นิ้วนาง นิ้วกลาง และ นิ้วหัวแม่มือ
ตำแหน่งที่เกิดการอักเสบ คือบริเวณโคนนิ้ว อาจพบในมือเพียงข้างเดียว หรือ อาจเป็นทั้งสองข้างก็ได้
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร แต่เชื่อว่ามีสาเหตุจาก การสัมผัส การกด หรือ เสียดสีบริเวณโคนนิ้วมือซ้ำ ๆ กัน หรือ อาจเกิดจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อในตำแหน่งนี้ทำให้ปลอกเส้นเอ็นหนาตัวขึ้น เช่น ช่างไม้ ชาวนาชาวไร่ แม่บ้าน เป็นต้น
อาจพบได้ในผู้ที่เป็นโรคบางอย่าง เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก็าท์ หรือ เบาหวาน
มักพบบ่อยในผู้หญิง อายุมากกว่า 40 ปี
อาการและอาการแสดง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 มักมีอาการเจ็บบริเวณโคนนิ้วมือ หรือปวดเมื่อสัมผัส หรือ กด บริเวณโคนนิ้วมือ โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าตอนตื่นนอนใหม่ ๆ อาจจะมีอาการปวดมาก งอนิ้วไม่ค่อยได้ แต่สักพักก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น
ระยะที่ 2 รู้สึกสะดุด (กระตุก) ที่นิ้วนั้น อาจคลำได้ก้อนบริเวณที่เจ็บ ซึ่งก้อนนี้จะขยับตามการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ หรือ อาจมีเสียงดังเวลาขยับนิ้ว
ระยะที่ 3 งอนิ้วหรือเหยียดนิ้วได้ไม่เต็มที่ (เนื่องจากอาการเจ็บ) หรือ งอได้แต่เหยียดนิ้วไม่ออก ต้องใช้มืออีกข้างช่วยจับให้เหยียดนิ้วออก ซึ่งอาจจะมีเสียงดังที่บริเวณโคนนิ้วและจะมีอาการปวดมาก
ระยะที่ 4 นิ้วจะติดอยู่ในท่างอ หรือ เหยียด ไม่สามารถขยับนิ้วได้เลย
แนวทางรักษา
1.วิธีไม่ผ่าตัด การรักษาวิธีนี้ได้ผลดีในรายที่เป็นไม่มาก ( ระยะที่ 1 , 2 ) แต่มีโอกาสเกิดเป็นซ้ำ ประมาณ 30-50%
วิธีรักษา
ลดกิจกรรม หรือ หลีกเลี่ยงการทำงานที่ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น
ประคบบริเวณที่ปวดด้วยความร้อน
บริหารนิ้วมือ
รับประทานยาแก้ปวดลดการอักเสบ
ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่
ใส่เฝือกชั่วคราว
2.วิธีผ่าตัด จะเลือกวิธีผ่าตัดในผู้ที่ฉีดสเตียรอยด์ 2 ครั้งแล้วไม่ได้ผล หรือในรายที่มีอาการมาก ( ระยะที่ 3 และ 4 )
วิธีการผ่าตัด แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ แผลผ่าตัดจะยาวประมาณ 1 ซม.
แพทย์จะตัดพังผืดที่รัดเส้นเอ็นออก หลังตัดพังผืดจะสามารถงอ-เหยียดนิ้วโดยไม่รู้สึกว่านิ้วติด ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 20 นาที
หลังผ่าตัด แพทย์จะพันผ้ายืด รัดแน่นเพื่อห้ามเลือด ถ้ารู้สึกแน่นมากให้คลายออกได้บ้าง ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
เริ่มทำแผลในวันที่สองหลังผ่าตัด หลังจากนั้นควรทำแผลวันละครั้ง เมื่อครบ 7-10 วันก็ตัดไหมได้
ท่าบริหารนิ้วมือ ( ท่า 1-2 และ 5-6 ) (ตามภาพ ยกเว้น ท่าที่ 3-4 ซึ่งเป็นท่าบริหารข้อมือ แต่ถ้าจะทำทั้งหมดเลยก็ได้

ตัดบางส่วนมาจาก วิธีบริหาร นิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog=8
อ้างอิง ..
//emedicine.medscape.com/article/1244693-overview
//orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00024
//www.eatonhand.com/hw/hw022.htm
//www.wheelessonline.com/ortho/trigger_finger_tenosynovitis
//www.medicinenet.com/trigger_finger/article.htm
//www.handuniversity.com/topics.asp?Topic_ID=28
//www.ejbjs.org/cgi/content/abstract/90/8/1665
//www.freemd.com/trigger-finger/definition.htm

อาการปวดกล้ามเนื้อ ปัญหาสุขภาพจากการใช้ Smartphone ... โดยภัทริยา อินทร์โท่โล่ และคณะ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=17-04-2017&group=5&gblog=51 ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) .. นำมาฝาก //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=17-08-2017&group=5&gblog=53 ปวดคอ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-06-2008&group=5&gblog=26 ปวดไหล่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-06-2008&group=5&gblog=25 ปวดหลัง //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=13-06-2008&group=5&gblog=18 เส้นเอ็นอักเสบแบบนิ้วไกปืน (โรคทริกเกอร์ฟิงเกอร์ ,TriggerFinger) //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=16-07-2008&group=5&gblog=29 กลุ่มอาการ เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ(ผังผืดทับเส้นประสาท) //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=15-07-2008&group=5&gblog=28 ปลอกหุ้มเอ็นนิ้วหัวแม่มืออักเสบ (โรคเดอเกอร์แวง , De Quervain'sDisease) //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=16-07-2008&group=5&gblog=30 เส้นเอ็นข้อศอกอักเสบ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=22-07-2008&group=5&gblog=32
Create Date : 16 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 27 กันยายน 2560 21:37:42 น. |
|
3 comments
|
Counter : 66346 Pageviews. |
|
 |
|
นิ้วล็อค ภัยเงียบที่คุณควรรู้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก lockfinger.com
เคยไหม... อยู่ดีๆ ก็ขยับนิ้วไม่ได้ จะงอก็ไม่ได้ จะยืดก็ไม่ได้ หรืออยู่ดีๆ นิ้วก็เกิดอาการกระตุกขึ้นมาซะอย่างงั้น… และนิ้วที่เป็นบ่อยคือนิ้วนาง นิ้วกลาง และนิ้วหัวแม่มือ (แต่จริงๆ แล้วก็สามารถเกิดได้กับทุกนิ้ว) แถมพอจะกระดิกนิ้วก็กระดิกไม่ได้อีก เพราะมันทั้งตึงทั้งเจ็บปวดมากๆ ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่า "นิ้วล็อค" นั่นเอง
"นิ้วล็อค" เป็นภาษาชาวบ้านที่เรียกกันง่ายๆ ตามอาการที่เป็น คือผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนนิ้วล็อค นั่นคือ กำมืองอนิ้วได้ แต่เวลาเหยียดนิ้วออก นิ้วใดนิ้วหนึ่งเกิดเหยียดไม่ออกเหมือนโดนล็อคไว้ จึงเป็นที่มาของคำว่า "นิ้วล็อค"
ถ้าเรียกกันให้ถูกต้องแล้ว โรคนี้ต้องเรียกว่า "โรคนิ้วเหนี่ยวไกปืน" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Trigger Finger" เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเยื้อหุ้มเส้นเอ็นงอนิ้ว ซึ่งอยู่ที่บริเวณฝ่ามือตรงตำแหน่งโคนนิ้ว มีโอกาสเป็นได้ทุกนิ้ว ผู้ป่วยบางคนอาจจะเป็น 2 หรือ 3 นิ้วพร้อมกัน (อูย... คงจะปวดน่าดู)
อย่างไรก็ตาม โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และอายุที่พบบ่อยอยู่ที่ประมาณ 40 - 50 ปี โดยมากจะเกิดกับผู้ที่ใช้งานมือในลักษณะเกร็งนิ้วบ่อยๆ เช่น การทำงานบ้านต่างๆ การบิดผ้า การหิ้วของหนัก การใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ ตัดผ้า การยกของหนักต่างๆ เป็นต้น
อาการของโรคนี้แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ
1. ระยะแรก มีอาการปวดเป็นอาการหลัก โดยจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ และจะมีอาการปวดมากขึ้น ถ้าเอานิ้วกดบริเวณฐานนิ้วมือด้านหน้า แต่ยังไม่มีอาการติดสะดุด
2. ระยะที่สอง มีอาการสะดุด (triggering) เป็นอาการหลัก และอาการปวดก็มักจะเพิ่มมากขึ้นด้วย เวลาขยับนิ้ว งอ และเหยียดนิ้ว จะมีการสะดุดจนรู้สึกได้
3. ระยะที่สาม มีอาการติดล็อคเป็นอาการหลัก โดยเมื่องอนิ้วลงไปแล้ว จะติดล็อคจนไม่สามารถเหยียดนิ้วออกเองได้ ต้องเอามืออีกข้างมาช่วยแกะ หรืออาจมีอาการมากขึ้นจนไม่สามารถงอนิ้วลงได้เอง
4. ระยะที่สี่ มีการอักเสบบวมมาก จนนิ้วบวมติดอยู่ในท่างอเล็กน้อย ไม่สามารถเหยียดให้ตรงได้ ถ้าใช้มือมาช่วยเหยียดจะปวดมาก
วิธีป้องกัน "โรคนิ้วล็อค"
1. ไม่หิ้วของหนัก เช่น ถุงพลาสติก ตะกร้า ถังน้ำ ถ้าจำเป็นต้องหิ้ว ควรใช้ผ้าขนหนูรองและหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ แทนที่จะให้น้ำหนักตกที่ข้อนิ้วมือ หรือใช้วิธีการอุ้มประคองช่วยลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือได้
2. ไม่ควรบิดหรือซักผ้าด้วยมือเปล่าจำนวนมากๆ และไม่ควรบิดผ้าให้แห้งสนิท เพราะจะยึดปลอกหุ้มเอ็นจนคราก และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนิ้วล็อค
3. นักกอล์ฟที่ต้องตีแรง ตีไกล ควรใส่ถุงมือ หรือใช้ผ้าสักหลาดหุ้มด้ามจับให้หนาและนุ่มขึ้น เพื่อลดแรงปะทะ และไม่ควรไดร์กอล์ฟต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
4. เวลาทำงานที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่าง ควรระวังการกำหรือบดเครื่องมือทุ่นแรง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ ควรใส่ถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้ใหญ่และนุ่มขึ้น
5. ชาวสวนควรระวังเรื่องการตัดกิ่งไม้ด้วยกรรไกร หรืออื่นๆ ที่ใช้แรงมือควรใส่ถุงมือเพื่อลดการบาดเจ็บของปลอกเอ็นกับเส้นเอ็น และควรใช้สายยางรดน้ำต้นไม้แทนการหิ้วถังน้ำ
6. คนที่ยกของหนักๆ เป็นประจำ เช่นคนส่งน้ำขวด ถังแก๊ส แม่ครัวพ่อครัว ควรหลีกเลี่ยงการยกมือเปล่า ควรมีผ้านุ่มๆ มารองจับขณะยก และใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น รถลาก
7. หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ ควรใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
8. งานบางอย่างต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่นทำ 45 นาที ควรจะพักมือสัก 10 นาที
สำหรับวิธีการรักษา "โรคนิ้วล็อค" ประกอบไปด้วย...
1. การใช้ยารับประทาน เพื่อลดการอักเสบ ลดบวม และลดอาการปวด ร่วมกับพักการใช้มือ
2. การใช้วิธีทางกายภาพบำบัด ได้แก่ การใช้เครื่องดามนิ้วมือ การนวดเบาๆ การใช้ความร้อนประคบ และการออกกำลังกายเหยียดนิ้ว โดยการรักษาด้วยยาและกายภาพบำบัด อาจใช้ร่วมกันได้ และมักใช้ได้ผลดีเมื่อมีอาการของโรคในระยะแรก และระยะที่สอง
3. การฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ เพื่อลดการอักเสบ ลดปวดและลดบวม เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก ส่วนมากมักจะหายเจ็บ บางรายอาการติดสะดุดจะดีขึ้น แต่การฉีดยามักถือว่าเป็นการรักษาแบบชั่วคราว และข้อจำกัดก็คือ ไม่ควรฉีดยาเกิด 2 หรือ 3 ครั้ง ต่อ 1 นิ้วที่เป็นโรค การรักษาโดยการฉีดยานี้สามารถใช้ได้กับอาการของโรคตั้งแต่ระยะแรกจนถึงระยะท้าย
4. การรักษาโดยการผ่าตัด ถือว่าเป็นการรักษาที่ดีที่สุดในแง่ที่จะไม่ทำให้กลับมาเป็นโรคอีก หลักในการผ่าตัด คือ ตัดปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาอยู่ให้เปิดกว้างออก เพื่อให้เส้นเอ็นเคลื่อนผ่านได้โดยสะดวก ไม่ติดขัดหรือสะดุดอีก ทั้งนี้ การผ่าตัดแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ การผ่าตัดแบบเปิด เป็นวิธีมาตรฐาน ที่ควรทำในห้องผ่าตัด โดยฉีดยาชาเฉพาะที่ผ่าตัดเสร็จก็กลับบ้านได้ หลังผ่าตัดหลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก และการสัมผัสนิ้ว ประมาณ 2 สัปดาห์
อีกวิธีเป็นการผ่าตัดแบบปิด โดยการใช้เข็มเขี่ยหรือสะกิดปลอกหุ้มเอ็นออก โดยแทบไม่มีแผลให้เห็น โดยวิธีนี้อาจมีผลแทรกซ้อนได้ถ้าไปเขี่ยหรือสะกิดถูกเส้นประสาท ดังนั้น จึงไม่แนะนำสำหรับนิ้วที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเส้นประสาทสูง คือ นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ และการผ่าตัดแบบปิดนี้ใช้ได้สำหรับคนไข้ที่มีอาการของโรคตั้งแต่ระยะที่สองขึ้นไป
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
- ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- นิตยสารชีวจิต ปีที่ 8 ฉบับ 16 มิถุนายน 2549
- คอลัมน์ พบแพทย์ จุฬาฯ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2549