เมอรัลเจีย พาเรสทีทิกา Meralgia Paresthetica (Burning Thigh Pain , Skinny Jeans Syndrome) ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) .. นำมาฝาก กระเป๋านักเรียน หนักเกินทนไหว สะพายเป้อย่างไร ไม่ให้ปวดหลัง อาการปวดกล้ามเนื้อ ปัญหาสุขภาพจากการใช้ Smartphone ... โดย ภัทริยา อินทร์โท่โล่ และคณะ ปวดหลังกระดูกทับเส้น ยา pregabalin และสัจจธรรมเรื่องอาการปวด .. โดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ กลุ่มอาการผิดปกติจากความสั่นสะเทือนเฉพาะมือและแขน (Hand-Arm Vibration Syndrome: HAVS) .. นำมาฝาก ปวดหลัง .. ก็มีคะแนน ทำเองได้ ง่ายมาก ทำไม ... ลูกถึงเดินขาโก่ง ... แบบนั้นละคะคุณหมอ ??? ข้อสะโพกอักเสบ ชั่วคราว ในเด็ก ( Transient synovitis , toxic synovitis or irritable hip ) ปวดก้นกบ ( Coccyx Pain , coccydynia , coccygodynia ) หัวกระดูกสะโพกตาย จากการขาดเลือด ในเด็ก Legg-Calve'-Perthes disease มะเร็งกระดูก เนื้องอกกระดูก ชนิดไจแอนท์เซลทูเมอร์ (Giant Cell Tumor, GCT ) Osteosarcoma ปวดเข่า .... ส่องกล้องข้อเข่า ... knee arthroscopy ปวดขาในเด็ก จากการเจริญเติบโต ( Growing Pain or benign limb pain of childhood ) กระดูกเสื่อม กระดูกพรุน เหมือนกัน ??? ถ้าเป็นโรคกระดูก ต้องกินแคลเซี่ยมเสริม ??? กระดูกงอก แคลเซี่ยมเกาะ ถือว่า ผิดปกติ ต้องผ่าตัดเอาออก หรือไม่ ? ดัดข้อ แล้วมีเสียงลั่น ในข้อ เกิดจากอะไร ??? อันตรายหรือไม่ ??? ภาวะ หัวกระดูกสะโพกตาย จาก การขาดเลือด กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกทับเส้น กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท เป็นอย่างไร ??? โรคนิ้วหัวแม่เท้าเก ออกด้านนอก (โรคฮัลลักซ์ วัลกัส ,Hallux Valgus ) กลุ่มอาการปวดบริเวณ ส้นเท้า ... เส้นเอ็นร้อยหวาย อักเสบ เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เส้นเอ็นข้อศอกอักเสบ (Tennis Elbow , Golfer Elbow ) ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ ( โรคคาร์พัล แกงเกลียน ,Carpal ganglion ) ปลอกหุ้มเอ็นนิ้วหัวแม่มืออักเสบ (โรคเดอ เกอร์แวง , De Quervain's Disease) เส้นเอ็นอักเสบแบบนิ้วไกปืน (โรคทริกเกอร์ ฟิงเกอร์ ,Trigger Finger) กลุ่มอาการ เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ (ผังผืดทับเส้นประสาท) อาหารเสริมกับโรคข้อ ปวดคอ ปวดไหล่ ข้อไหล่ติด โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด ( AS ) กล้ามเนื้อหลัง อักเสบ หมอนรองกระดูกส่วนเอวกดทับเส้นประสาท การฉีดซีเมนต์รักษากระดูกสันหลังหักยุบ กระดูกสันหลังเสื่อม สาเหตุ ของอาการ ปวดหลัง ที่พบบ่อย ปวดหลัง ข้อแนะนำเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการ ปวดหลัง น้ำไขข้อเทียม (แถม ฉีดยาสเตียรอยด์เข้าข้อเข่า , การฉีดเกล็ดเลือด PRP) ข้อเข่าเสื่อม ( OA knee , Osteoarthritis knee ) โรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ ( ออสกูด-ชาเลตเทอร์'ส ดีสีส , Osgood-Schlatter's Disease) ปวดเข่า โรคข้อเสื่อม บ้านสำหรับผู้สูงอายุ ปลอดภัย ไม่ล้ม ผู้สูงอายุ ท่าทางที่เหมาะสม โรคเอสแอลอี หรือ โรคลูปัส เกาต์ การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (BONE DENSITOMERY) กระดูกพรุน กระดูกโปร่งบาง Osteoporosis โรครูมาตอยด์ในเด็ก ข้อแนะนำเกี่ยวกับยา MTX (เมทโทรเทรกเสด หรือ ยาต้านมะเร็ง) กายภาพบำบัดในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้ออักเสบ
โรคเอสแอลอี หรือ โรคลูปัส
โรคเอสแอลอี หรือ โรคลูปัส โรคเอสแอลอี หรือ โรคลูปัส หรือที่เรียกกันว่า โรคพุ่มพวง เป็นโรคในกลุ่มข้ออักเสบและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผลจากความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสร้างสารโปรตีนชนิดหนึ่งต่อต้านเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายตนเองและเกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่เป็นพิษต่ออวัยวะขึ้น(แพ้ภูมิตนเอง) ทำให้มีอาการและอาการแสดงได้กับ ทุกระบบในร่างกาย เช่น มีไข้ รู้สึกอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีผื่นแพ้แดดบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือต้นแขน อาการปวดข้อ ข้ออักเสบบวม ปวดตามกล้ามเนื้อ ซีด จุดเลือดออกตามตัว บวม ไตอักเสบ ซึมเศร้า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจหรือปอดอักเสบ เป็นต้น การดำเนินของโรค อาการจะทรุดลงและดีขึ้นสลับกันไป โดยที่อาการแสดงและความรุนแรงในผู้ป่วยแต่ละคน จะมีความแตกต่างกันมาก บางรายอาจมีอาการน้อย เช่น ปวดข้อ มีผื่นที่หน้า แพ้แดด แต่ในบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ โรคนี้พบได้เกือบทุกช่วงอายุ แต่ ในเพศหญิง ช่วงอายุ 10-39 ปี โดยพบได้มากกว่าเพศชายประมาณ 10 เท่าสาเหตุของโรคเอสแอลอี สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่า โรคนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ฮอร์โมนเพศหญิง พันธุกรรม แสงแดด หรือรังสีอัลตร้าไวโอเลต การติดเชื้อบางอย่าง หรือยาบางชนิดสามารถกระตุ้นให้โรคกำเริบขึ้นได้แนวทางการวินิจฉัยโรค แพทย์จะอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ การถ่ายภาพรังสี ซึ่งการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะมีประโยชน์มากในการวินิจฉัยและติดตามการรักษา แพทย์จะให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ เมื่อพบว่ามีความผิดปกติดังต่อไปนี้ ตั้งแต่ 4 ข้อขึ้นไป 1. ผื่นที่หน้า รูปผีเสื้อ บริเวณโหนกแก้ม 2. ผื่นบริเวณผิวหนัง ตามหน้า ลำตัว แขนขา 3. แพ้แดด 4. แผลในปาก 5. ข้ออักเสบ 6. การอักเสบของเยื่อหุ้มปอด หรือ เยื่อหุ้มหัวใจ 7. ความผิดปกติทางไต เช่น มีโปรตีนในปัสสาวะ มีตะกอนในปัสสาวะ 8. ความผิดปกติทางระบบประสาท ที่หาสาเหตุไม่ได้ 9. ความผิดปกติของระบบเลือด เช่น ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ 10. ความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน 11. การตรวจพบสาร antinuclear antibody ในเลือด การวินิจฉัยโรค SLE นั้นใช้ criteria ของ systemic lupus international collaborating clinics (SLICC) ซึ่งต้องมีมากกว่าหรือเท่ากับ 4 ข้อ โดยต้องมีอย่างน้อย 1 ข้อจาก clinical และ laboratory criteria หรือ biopsy-proven LN ที่มี positive ANA or Anti-DNA โดย Clinical criteria ประกอบไปด้วย Acute cutaneous lupus, Chronic cutaneous lupus, Oral or nasal ulcers, Non-scaring alopecia, Arthritis, Serositis, Renal, Neurologic, Haematologic anaemia, Leukopaenia, Thrombocytopaenia และ Immunologic criteria ซึ่งประกอบไปด้วย ANA, Anti-DNA, Anti-Sm, Antiphospholipid antibodies, Low complement (C3, C4, CH50), Direct Coomb's test (not corresponds to haemolytic anaemia) ข้อควรสังเกตในการวินิจฉัย 1. ข้อวินิจฉัยนั้นต้องแยกภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อและอื่นๆออกไปก่อน จึงจะสรุปว่าเป็นข้อวินิจฉัยของSLE ได้ 2. ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแสดงไม่ครบเกณฑ์การวินิจฉัยSLE แต่ไม่มีสาเหตุอื่นๆที่จะอธิบายอาการแสดงทางคลินิกนั้นๆควรให้การวินิจฉัยว่าเป็นprobable SLE และให้การรักษาตามแนวทางการรักษาโรคSLE แต่ควรติดตามอาการและอาการแสดงในระยะยาวเพื่อการรวินิจฉัยที่แน่นอน 3. การวินิจฉัยโรคSLE อาศัยลักษณะอาการทางคลินิกเป็นหลักการตัดตรวจชิ้นเนื้อจึงทำเฉพาะในรายที่มีปัญหาในการวินิจฉัยหรือเพื่อประเมินความรุนแรงของพยาธิสภาพในอวัยวะนั้นๆรวมถึงการวางแผนการรักษา ( ที่มา แนวทางการรักษาโรคเอสแอลอี(systemic lupus erythematosus) พญ.ขวัญฤทัย ศรีพวาทกุล https://www.medkorat.in.th/admin/ckfinder/userfiles/files/SLE-1.pdf )แนวทางการรักษา เนื่องจากโรคนี้จะมีช่วงระยะกำเริบ และ ช่วงระยะสงบสลับกันไป ทำให้อาการแสดง และ ความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันได้มาก การรักษาจึงแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ในแต่ละช่วงเวลา โดยแพทย์จะพิจารณาว่าจะเลือกวิธีรักษาแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับ ความรุนแรง และ อวัยวะที่มีอาการ ถ้าผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงแค่ดูแลตนเอง และมาพบแพทย์เพื่อติดตามการดำเนินของโรคเป็นระยะปีละ 1-2 ครั้งก็พอ ส่วนผู้ที่มีอาการมากอาจต้องมาพบแพทย์บ่อย ๆ หรือ ต้องนอนพักในโรงพยาบาลโดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการมาก แต่เมื่ออาการดีขึ้นก็ค่อยปรับวิธีรักษาใหม่ เป็นครั้ง ๆ ไปแนวทางการรักษาโดยทั่วไป ประกอบด้วย1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น แสงแดด ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การติดเชื้อ ยาโรคหัวใจ หรือ ยาความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาคุมกำเนิด ยาย้อมผม เป็นต้น2. การรักษาทางยา เป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคนี้ ยาจะประกอบไปด้วยหลายกลุ่มซึ่งแล้วแต่ความรุนแรงของโรค และอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่มีอาการ ยาที่ใช้รักษาได้แก่ ยาแก้ปวดลดการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาต้านมาลาเรีย ยาสเตียรอยด์ และ ยาต้านมะเร็ง หรือ ยากดภูมิคุ้มกันอื่น ๆ ในช่วงที่โรคอยู่ในระยะสงบ ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานยาต่อ และ มาตรวจตามแพทย์นัดเป็นระยะ เช่น ทุก 4 - 6 เดือน แต่ผู้ป่วยควรรีบมาพบแพทย์ ถ้ามีอาการซึ่งแสดงว่าโรคกำเริบ เช่น ไข้ น้ำหนักลด เกิดผื่นใหม่ ๆ ข้ออักเสบมากขึ้น หรือ มีจ้ำเลือดตามตัว เป็นต้น เนื่องจากยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงมาก ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหา หรือสงสัยว่าจะเกิดผลข้างเคียงของยา ไม่ควรหยุดยาเอง เนื่องจากอาจทำให้โรคกำเริบได้3. การรักษาอื่น ๆ ตามอาการ ที่เป็นอยู่เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาทาผิวหนัง ยากันแดด ยาลดความดันในรายที่มีความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ป่วยควรทราบถึงลักษณะการดำเนินของโรค แผนการรักษาในแต่ละช่วง ผลข้างเคียงของการใช้ยา ตลอดจนวิธีดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงที่โรคจะกำเริบมากขึ้น และ ควรติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง เพราะในบางครั้งอาการอาจรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เสียชีวิตได้ โรคนี้ถึงแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็สามารถรักษาให้อาการต่าง ๆ สงบลง จนผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้เวลาในการรักษาในช่วงแรก ๆ เป็นระยะเวลานานหลายเดือน ผู้ป่วยก็ต้องมีความอดทนที่จะรักษาอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีปัญหาในการรักษาก็ต้องปรึกษากับแพทย์ที่รักษา อย่าปรับเปลี่ยนการรักษาเองการตั้งครรภ์และการคุมกำเนิด การตั้งครรภ์และการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจกระตุ้นให้โรคกำเริบมากขึ้น ในผู้ที่สามารถควบคุมอาการได้และมีการสงบของโรคเป็นเวลานานพอควรจะสามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรโดยมีภาวะแทรกซ้อนน้อยมากทั้งต่อแม่และเด็ก แต่ในผู้ที่ยังคุมอาการไม่ดี หรือ มีไตอักเสบกำเริบอยู่ ควรคุมกำเนิด เพราะมีโอกาสที่จะกำเริบรุนแรงถึงขั้นไตวายหรือเสียชีวิต โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หรือ ช่วงหลังคลอด ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการคุมกำเนิดในช่วงที่โรคกำเริบ และ ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะตั้งครรภ์ แนะนำอ่านเพิ่มเติม เอกสารแนะนำข้อมูลโรคเอสแอลอี สำหรับประชาชน สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทยhttps://www.thairheumatology.org/wp-content/uploads/2017/07/เอกสารแนะนำข้อมูลโรค-SLE-สำหรับประชาชน.pdf แนวทางการรักษาโรคเอสแอลอี(systemic lupus erythematosus) พญ.ขวัญฤทัย ศรีพวาทกุลhttps://www.medkorat.in.th/admin/ckfinder/userfiles/files/SLE-1.pdf 2019 European League Against Rheumatism/American College of Rheumatology classification criteria for systemic lupus erythematosushttps://ard.bmj.com/content/78/9/1151 Systemic Lupus Erythematosus (SLE) in Pregnancyhttps://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=1317:systemic-lupus-erythematosus-sle-in-pregnancy&catid=45:topic-review&Itemid=561 โรคข้ออักเสบ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-12-2007&group=5&gblog=1 โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=05-01-2008&group=5&gblog=2 โรคเอสแอลอี หรือ โรคลูปัส https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=08-03-2008&group=5&gblog=9 การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ตรวจแลบ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=10-02-2008&group=4&gblog=9
Create Date : 08 มีนาคม 2551
Last Update : 2 กันยายน 2563 22:17:59 น.
4 comments
Counter : 16638 Pageviews.
โดย: coffee princess (Shuhan^_^ ) วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:21:16:11 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:22:52:10 น.
โดย: Moon~JulY วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:20:01:08 น.
โดย: หมอหมู วันที่: 21 มิถุนายน 2555 เวลา:23:57:26 น.
หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [? ]
ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ ) หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป ) นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู ) ปล. ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..
บางทีก็มีแผลในปาก
แล้วก็ผื่น ผด ขึ้นง่าย เพราะผิวแพ้ง่ายมาก ๆ
หรือว่า?