happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
9 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๙๕




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการศิลปะเทิดพระเกียรติชุด “ภูมิใจภักดิ์ รัก จักรี”


ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของราชวงศ์จักรี ที่ได้สร้างประโยชน์สุขให้กับปวงชนชาวไทย สร้างความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติ ภายใต้ร่มพระบารมี มากว่า ๒oo ปี






เนื่องใน "วันจักรี" วันที่ ๖ เมษายน ปีนี้ ศิลปินไทย ๘ ท่านได้แก่ วัชระ กล้าค้าขาย, แดง บัวเสน, วิศนุพงศ์ หนูนันท์, ธนฤทธิ์ ทิพย์วารี, ชัชวาล รอดคลองตัน, กิตติพงศ์ สุริยทองชื่น, ทวีศักดิ์ ศรีทองดี และ ธวัชชัย สมคง จึงมีผลงาน พระบรมสาทิสลักษณ์และพระบรมรูปของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ หลากเทคนิคการสร้างสรรค์ ในรูปแบบเฉพาะตน มาจัดแสดงให้ชมผ่าน






นิทรรศการ ภูมิใจภักดิ์ รักจักรี (Beloved Chakri Art Exhibition) ระหว่างวันที่ ๔ - ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ บริเวณชั้น ๒ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ใกล้ท่าน้ำสี่พระยา อีกหนึ่งนิทรรศการที่ต้องการบอกกล่าวเล่าแจ้งด้วยว่า ริเวอร์ซิตี้ มีนโยบายกลับมาคืนพื้นที่ศิลปะให้กับศิลปินและผู้ชม ดังนั้นต่อไปนี้ บริเวณชั้น ๒ จะมีนิทรรศการศิลปะที่น่าสนใจหมุนเวียนมาให้ชมตลอดทั้งปี






ความเป็นมาของ “วันจักรี”


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่1)เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีและทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของไทย เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ โดยชื่อของราชวงศ์จักรี มีที่มาจากบรรดาศักดิ์ของ “เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์” ตำแหน่งสมุหนายก ซึ่งเป็นตำแหน่งทางราชการที่พระองค์เคยดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยกรุงธนบุรี






คำว่า “จักร” และ “ตรี” เป็นเทพอาวุธของพระนารายณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระแสงจักรและพระแสงตรีไว้ ๑ สำรับ และกำหนดให้ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์จักรีสืบมาจนปัจจุบัน (ซึ่งปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี)






ในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๔ พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นธรรมเนียมปีละครั้ง และโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่มีการย้ายสถานที่ในการประดิษฐานหลายครั้ง เช่น พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท และพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท เป็นต้น






ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ย้ายพระบรมรูปมาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๕ พระบรมชนกนาถ จนกระทั่ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๑ การซ่อมแซมก่อสร้างและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง ๕ รัชกาล จึงสำเร็จลุล่วง และได้มีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ ๖ เมษายนปีนั้น






และต่อมาโปรดฯ ให้เรียกวันที่ ๖ เมษายนว่า “วันจักรี”


นิทรรศการศิลปะเทิดพระเกียรติชุด “ภูมิใจภักดิ์ รัก จักรี” : Beloved Chakri Art Exhibition ผลงานจิตรกรรม, ประติมากรรมโดย ธวัชชัย สมคง, ทวีศักดิ์ ศรีทองดี, กิตติพงศ์ สุริยทองชื่น, ชัชวาล รอดคลองตัน, วิศนุพงศ์ หนูนันท์ , ธนฤทธิ์ ทิพย์วารี , แดง บัวแสน และ วัชระ กล้าค้าขาย จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔-๑๒ เมษายน ๒๕๕๗ และมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo น. โดยได้รับเกียรติจาก คุณพงษ์ชัย จินดาสุข ผู้อำนวยการเขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ พื้นที่ศิลปะ ชั้น ๒ ริเวอร์ซิตี้











ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com
manager.co.th














"นิทรรศการศิลปนิพนธ์ BUDDHIST ART THESIS EXHIBITION 2014”



ผลงานโดย นิสิต สาขาพุทธศิลปกรรม รุ่นที่ ๒ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๕ - ๓o เมษายน ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo น. พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ "พุทธศิลป์ในมิติร่วมสมัีย" ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : CMU Art Center



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com













"รดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๗”


วันที่ 4 เมษายน นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) เปิดเผยว่า สวธ.เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นการแสดงออกถึงความรักความผูกพันความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ใหญ่และบุคคลที่ตนเคารพเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสมานฉันท์ปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม อีกทั้งเป็นต้นแบบในการส่งเสริมและสืบสานประเพณีสงกรานต์ที่ดีงาท ดังนั้นจึงจัดงานรดน้ำศิลปินแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ ๑o เมษายน เวลา ๑๓.๓o น. ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย


โดยมีศิลปินแห่งชาติเข้าร่วมงานกว่า ๓o คน อาทิ สุเทพ วงศ์กำแหง ,ผ่องศรี วรนุช ,ชาลี อินทรวิจิตร , สมเศียร พานทอง ,ชำเรือง วิเชียรเขตต์ , ชัยชนะ บุญนะโชติ ,มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา , ชิน ฝ้ายเทศ , วนิดา พึ่งสุนทร , วินิตา ดิถียนต์ ,ดอกดิน กัญญามาลย์,ทัศนีย์ ขุนทอง



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th
matichon.co.th














"๑o พิพิธภัณฑ์เชิญชมของดีสร้างสังคมการเรียนรู้”


ตลอดเดือนเมษายนนี้ ใครอยากสัมผัสเสน่ห์โขนและร่วมฝึกทักษะการแสดงโขนเบื้องต้น ตามบทบาทของตัวละคร ทั้งหนุมาน ทศกัณฐ์ กับเหล่าศิลปินจากสำนักสังคีต กรมศิลปากร ให้พากันมาเที่ยวมิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ฯ เพราะเป็นหนึ่งในกิจกรรมวัฒนธรรมที่น่าสนใจของโครงการ "Museum Family ปี ๒" ที่มิวเซียมสยาม ภายใต้สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) จัดต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้เยาวชน และชักชวนให้ไปเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ





โขนรามราชจักรี
ภาพจาก เฟซบุคมิวเซียมสยาม



โดยค่ำวันที่ ๑ เมษายนที่ผ่านมา มีคนแน่นขนัดมาเยี่ยมเยือนและชมการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุด "รามราชจักรี" เฝ้าติดตามหนุมานทหารทัพหน้ายกข้ามมหาสมุทรมาเมืองลงกา เพื่อชิงนางสีดากลับคืน ก่อนทศกัณฐ์ยกกองทัพออกรบกับพระราม และถูกพระรามแผลงศรตัดเศียร ฝีมือนักแสดงกรมศิลป์กว่า ๙o ชีวิต ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยยามเย็น ฉาก แสง สี สวยงาม


นอกจากกรมศิลปากร ปีนี้มีเครือข่ายพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้อีก ๙ แห่งที่เข้าร่วมโครงการ "Museum Family ปี ๒" ได้แก่ พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาโรงเรียนเทพศิรินทร์ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ พิพิธภัณฑ์แมลงสยาม พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และพิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำให้กิจกรรมมีความหลากหลาย และมีทริปพิเศษพาเรียนรู้ของดีของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์นอกกรุงด้วย





(บน) พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาโรงเรียนเทพศิรินทร์ ภาพจาก sac.or.th
(ล่างซ้าย) หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ภาพจากchiangmaitodays.blogspot.com (ล่างขวา) พิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ภาพจาก ohomylife.com



ศุภกร ปุญญฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ สพร. กล่าวว่า โครงการ Museum Family ปีแรกมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมที่มิวเซียมสยามตลอดปีจำนวน ๑.๙ แสนคน เป็นที่มาของการสานต่อปี ๒ พร้อมกับก้าวสู่ปีที่ ๗ ของมิวเซียมสยาม ส่วนเครือข่ายพันธมิตรที่เปิดตัวปีนี้ คัดเลือกพิพิธภัณฑ์ที่มีความพร้อม ๑o แห่ง เป็นการสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สาขาต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ปีนี้ทำเชิงรุก ขยายสถานที่จัดกิจกรรมออกไปภายนอกมิวเซียมสยามที่มาหาเราไม่ได้ เป็นทริปร่วมกับกรมศิลปากรไปตามรอยเส้นทางการค้าทางเรือที่จันทบุรี จะกระตุ้นให้เด็กๆ และประชาชนสนใจศึกษาประวัติศาสตร์การค้าทางเรือของไทย กรมศิลปากรได้ค้นคว้าวิจัยโบราณคดีใต้น้ำมานาน ไม่ได้มีเฉพาะสาธิตการแสดงโขนและเวิร์กช็อป "รู้เล่น เป็นโขน" สนุกแบบมีสาระที่มิวเซียมสยามเท่านั้น


"ปี ๒ เราจะออนทัวร์ด้วย หากพิพิธภัณฑ์ดำเนินงานเชื่อมโยงและเกื้อหนุนกันจะทำให้พิพิธภัณฑ์อยู่ได้ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวมกลุ่มกันทำงานสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น รวมถึงไม่ให้พิพิธภัณฑ์ตามต่างจังหวัดต้องล้มเลิกหรือยุติไป จากฐานข้อมูลปัจจุบันมี ๘oo กว่าแห่ง กระจายทั่วประเทศไทย" ศุภกรมั่นใจกิจกรรมหลากหลายเป็นส่วนสำคัญให้วงการพิพิธภัณฑ์ดีขึ้น





(บน) พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภาพจาก 245857.blogspot.com
(ล่างซ้าย) พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ภาพจาก sadoodta.com
(ล่างขวา) พิพิธภัณฑ์แมลงสยาม ภาพจาก compasscm.com



ด้าน สหภูมิ ภูมิธฤติรัฐ ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร กล่าวว่า ร่วมเป็นเครือข่ายปีที่ ๒ การนำพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปแบบการจัดแสดงต่างกันมาให้เรียนรู้ที่มิวเซียมสยาม ประชาชนจะได้ความรู้และร่วมกิจกรรมที่เพลิดเพลิน ที่สำคัญเห็นคุณค่าของพิพิธภัณฑ์ ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาระบบพิพิธภัณฑ์ของประเทศ จากการทำกิจกรรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เกิดการพัฒนาตัวเองและระดับแหล่งเรียนรู้ให้ได้มาตรฐาน เชื่อว่าพันธมิตรทั้ง ๑o แห่ง มีเป้าหมายเดียวกันคือสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้


"เลือกนำเสนอเรื่องราวเสน่ห์โขน เพื่อดึงดูดให้คนมามิวเซียมสยาม มีทางเลือกในการพักผ่อนหรือเล่นอย่างเพลิดเพลินของเด็ก วันที่ ๕, ๖, ๒๖, ๒๗ เมษา.นี้ จัดเวิร์กช็อป "รู้เล่น เป็นโขน" สาธิตการแสดงโขน ฝึกการเล่นโขน ขอให้มากันเยอะๆ" ผอ.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกล่าว และชักชวนไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในความรับผิดชอบ ทั้งพิพิธภัณฑ์พระนคร หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า หอศิลป์พีระศรี โรงเรือบางกอกน้อย และพิพิธภัณฑ์ช้างต้น จะรู้จักประวัติศาสตร์ของไทยมากขึ้น





(บน) หอศิลป์เชียงใหม่ ภาพจาก chiangmaitodays.blogspot.com
(ล่างซ้าย) พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาพจาก eduzones.com
(ล่างขวา) หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ภาพจาก manager.co.th



กิจกรรมโครงการ "Museum Family ปี ๒" ที่แนะนำเมษา.นี้เป็นโขน เดือนพฤษภาคมร่วมกับพิพิธภัณฑ์แมลงสยามจัด "ปีกจิ๋วจำอวด" ผจญภัยไปกับโลกของแมลง เดือนมิถุนายนร่วมกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี เสนอนิทรรศการ "มาเล่นกันเถอะ" เรียนรู้เรื่องราวภูมิปัญญาพื้นบ้านจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมเวิร์กช็อป จากนั้นกลางเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ที่มิวเซียมสยามมีนิทรรศการ "แปร๊นท่องกรุง" มารู้จักช้างที่อยู่คู่กับคนไทย ประวัติศาสตร์ ผ่านการตีความของเครือข่ายอย่างกรมศิลปากร หอภาพยนตร์ พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียฯ มกท.


กันยายนมีการแสดงละครเวทีในสวนเรื่อง "รักข้ามแผ่นดิน" มิวเซียมสยามร่วมกับหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ถ้าชอบลิเก ศิลปะการแสดงที่มีมาตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ มาเดือนตุลาคม จะได้พบความงดงามผ่านการแสดง ตัวละคร เนื้อหา ดนตรี สุดท้าย เสาร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ เพลินเสียงดนตรีพื้นบ้านอาเซียน ดนตรีไทย ดนตรีสากล รวมไปถึงดนตรีในอุษาคเนย์ ผ่านการแสดงและฝึกอบรม.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
oknation.net














"ศ.ศ.ป.คัด ๑o สุดยอดผลงานโชว์นวตศิลป์นานาชาติ ๒o๑๔”


ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. จัดโครงการประกวดผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ ครั้งที่ ๓ หรือ Innovative Craft Award 2014 หวังยกระดับงานหัตถกรรมไทย เปิดเวทีแข่งขัน สร้างโอกาสให้ช่างผู้ผลิตและนักออกแบบ แสดงศักยภาพนำเสนอผลงานเชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ ๆ ผสานวัสดุและเทคนิคการผลิตจากภูมิปัญญาดั้งเดิมเพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์





ผลงานจากทีม “ฝันถึงสายลม”



นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. เปิดเผยว่า โครงการประกวดผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ได้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ ๓ โดยคัดสรรทีมนักออกแบบและชุมชนที่สร้างสรรค์งานที่มีรูปแบบใหม่ ๆ มีการใช้เทคนิคและวัสดุจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยผสมผสานแนวคิดร่วมสมัยสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งการดำเนินงานจัดการประกวดผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ในครั้งนี้ ศ.ศ.ป.มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางงานหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ และผลักดันผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมของไทยให้ได้รับการยอมรับและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้อย่างภาคภูมิ





ผลงานทีม “Chedi Side Table”



สำหรับเกณฑ์การประกวดฯ ครั้งนี้ได้กำหนดในรูปแบบ “ทีม” แต่ละทีมประกอบด้วยนักออกแบบอย่างน้อย ๑ คน และช่างฝีมือ ๑ คน ภายใต้กลุ่มผลงาน ๙ สาขา ประกอบด้วย เครื่องไม้ เครื่องจักสาน เครื่องดิน เครื่องทอ (เครื่องผ้า) เครื่องรัก เครื่องโลหะ เครื่องหนัง เครื่องกระดาษ และเครื่องหิน ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร หรือที่พักอาศัย ในรูปแบบประติมากรรม (Sculpture) หรือศิลปะการจัดวาง (Installation Art) ภายใต้หัวข้อ Simple Luxury “หัตถศิลป์ไทยร่วมสมัย เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า” ปีนี้มีผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน ๑๙๙ ทีมจากทั่วประเทศ ซึ่งมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้คัดเลือกผลงานประกวดให้เหลือ ๑o ทีม ได้แก่ ทีม “Talung Lamp” โคมไฟที่พัฒนารูปแบบจากหนังตะลุง พับขึ้นรูปจาก ๒ มิติ เป็น ๓ มิติมีการประยุกต์ใช้ลวดลายการสร้างสรรค์หนังตะลุงให้ผลิตง่ายขึ้น





ผลงานจากทีม "เรื่องเล่าจากรังไหม"



ทีม “Mata Palas” สร้างสรรค์ผลงานดินและไม้ปั้นและกลึง ในรูปแบบจากกรงนกเขาชวา เกิดเป็นผลงานสำหรับตกแต่งบรรยากาศในห้อง สัมผัสความคลาสสิกร่วมสมัย และกลิ่นอายศิลปะมลายู ทีม “ฝันถึงสายลม” การออกแบบเก้าอี้ให้มีลักษณะที่ทำให้รู้สึกคล้ายสายลม ใช้สำหรับนั่งหรือเอนหลังกึ่งนอนในแบบ Low style โดยใช้รูปแบบงานเครื่องไม้ในการขึ้นรูปทรงและใช้เทคนิคงานเครื่องรักในการตกแต่งผลงานทีม “Chedi Side Table” เป็นการเผยแพร่ภูมิปัญญา ได้แก่ การตัดไม้อย่างประณีตและแม่นยำ ช่วยสร้างชิ้นงานโดยไม่มีเศษไม้เหลือ และเพิ่มคุณค่าของชิ้นงานด้วยการลงรักปิดทองที่หน้าตัดของไม้





ผลงานทีม “Peacock&Crest”



ทีม “เรื่องเล่าจากรังไหม” งานประติมากรรมจากกระดาษไหม ตัดและพับขึ้นรูปเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของวงจรชีวิตกระดาษไหมนี้มีส่วนผสมจากรังไหมที่เหลือใช้จากการผลิต และนำมาทำเป็นกระดาษดังกล่าว ทีม “งอบ” โคมไฟไม้ไผ่สานขึ้นรูป ศึกษาและพัฒนาจากลวดลายและเทคนิคการจักสานของหมวกชาวล้านนา ต่อยอดภูมิปัญญาเครื่องจักสานท้องถิ่นทีม “Peacock&Crest” รูปทรงของดอกงดงามคล้ายกับนกยูงรำแพนหาง





ผลงานจากทีม "พัสตรา"





ผลงานทีม “เป็นหนึ่งเดียว”



ส่วนเทคนิคงานหนังตะลุงนั้นเป็นความเรียบง่ายด้วยแผ่นหนังวัวที่อาจจะมีคุณค่าไม่มากนัก แต่ด้วยงานฝีมือตอกหนังของช่างที่ตั้งใจ ทีม “พัสตรา”การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องแต่งกายของไทยในอดีต การพับ การทบ การจับจีบ การสร้างลวดลายลงบนผ้าด้วยเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงเทคนิคการอบร่ำผ้าแบบโบราณ มีการใช้กระดาษเยื่อฝ้ายที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ นำมาผลิตด้วยเทคนิคการประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่มไทยแบบโบราณ ทีม “เป็นหนึ่งเดียว” ความเชื่อและความศรัทธาในธรรมชาติของชาวภูไทที่แสดงออกทางการย้อมคราม ที่มีการนำเทคนิคการทอ และการย้อมครามที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น โดยใช้ลวดลายพื้นบ้านที่มาจากธรรมชาติ มาใช้ผสมผสานกับเทคนิคการกัดสีสมัยใหม่เพื่อให้เกิดมิติของสีมากยิ่งขึ้น





ผลงานจากทีม "โคมไฟดอกบัว"



ทีม “โคมไฟดอกบัว”งานฝีมือของช่างย่านวัวลายซึ่งถนัดในงานดุนเงิน ทำลวดลายนูนสูงและฉลุหรือเจาะให้เป็นลวดลายต่าง ๆ และมีลายของพื้นบ้านวัวลายซึ่งเป็นลวดลายเฉพาะนำมาผสมผสานกับรูปทรงที่ทันสมัยที่คลี่คลายจากดอกบัวให้มีรูปทรงและลวดลายที่เรียบง่ายแต่ยังคงเหลืออัตลักษณ์ของบ้านวัวลาย”





ผลงานทีม “Mata Palas”



สำหรับผลรางวัลชนะเลิศ คือ “Mata Palas” สร้างสรรค์ผลงานดินและไม้ปั้นและกลึงในรูปแบบจากกรงนกเขาชวา ได้รับเงินรางวัลจำนวน ๑oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตรและโล่รางวัล ส่วนทีม “Talung Lamp” โคมไฟที่พัฒนารูปแบบจากหนังตะลุง พับขึ้นรูปจาก ๒ มิติ เป็น ๓ มิติ ได้รับรางวัล Popular Vote เงินรางวัลจำนวน ๓o,ooo บาท ทั้งนี้ ทีมที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง ๑o ทีมได้จัดแสดงผลงานภายในงานเทศกาลนวัตศิลป์นานาชาติ (International Innovative Craft Fair 2014) หรือ IICF 2014 ระหว่างวันที่ ๒๗-๓o มีนาคม ๒๕๕๗ ณ อาคาร 103-104 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา





ผลงานจากทีม "Talung-Lamp"



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thanjob.com
manager.co.th














"สองนิทรรศการเปิดตัวแอดเลอร์ ศุภโชค แกลเลอรี”


แอดเลอร์ ศุภโชค แกลอรี่ (Adler Subhashok Gallery) สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่ต้องการสนับสนุนศิลปินไทยสู่วงการศิลปะโลก นำเสนอ ๒ นิทรรศการ ๒ รสชาติ ได้แก่ “MOI/SOI” นิทรรศการภาพถ่าย Portrait ซึ่งเป็นการรวมตัวของ ๘ ศิลปิน และ “BLUE” งานแสดงเดี่ยวของ มานิต ศรีวานิชภูมิ ซึ่งทั้งนิทรรศการทั้งสองชุดนี้ ได้รับเกียรติให้ร่วมแสดงใน Art Paris Fair 2014 มาแล้ว






นิทรรศการ “น้ำเงิน” (BLUE) เป็นผลงานชุดล่าสุดของ มานิต ศรีวานิชภูมิ เป็นชุดภาพผู้หญิงและชายในทาวงท่าที่บิดเบี้ยว คดงอ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าอาบชุ่มด้วยสีน้ำมัน สลัดคราบทางเพศสภาวะออกจนดูคลุมเคลือ แยกไม่ออกว่าเป็นเพศไหน รวมกับจิตวิญญาณภูตผีท่ามกลางความขัดแย้ง ราวกับจะสื่อถึงความอึดอัดคับข้องใจ และเก็ฐกดในภาวะทางสังคมการเมือง ดูเหมือนไร้ทางออก เจ็บปวดและทรมาน นอกจากเรื่องราวของ “น้ำเงิน” (BLUE) แล้ว ศิลปินยังได้หยิบชุดภาพ “แดง” (Red) มาเป้นสว่นหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวหักล้างความเป็นน้ำเงินได้อย่างสุดขั้ว ผ่านภาพนู้ดสีแดง ๓ ภาพ กับการจัดวางองค์ประกอบที่ถูกอาบไปด้วยสีแดงเข้ม นำเสนอผู้หญิงเปลือยหลายคนทับซ้อนกันในท่วงท่าที่สื่อถึงอารมณ์ทางเพศ






ส่วนนิทรรศการ “MOI/SOI” เป็นนิทรรศการภาพ Portrait ของ ๘ ศิลปิน ประกอบด้วย กิติคุณ หมั่นกิจ, ประดิษฐ์ ตั้งประสาทวงศ์, พัชรพงษ์ มีศิลป์, ลำพู กันเสนาะ, เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์, พลุตม์ มารอด, ไมเคิล เชาวนาศัย และ ศิลาวิศว์ พูลสวัสดิ์ ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะที่สื่อถึงความชอบส่วนบุคคล และตัวตน ความอยากที่จะโดดเด่นในสังคม และการฉีกหนีวัฒนธรรมของบุคคลที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แทนที่จะสร้างตัวตนขึ้นมาหนึ่งชั้น ศิลปินเหล่านี้จะตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ ที่จะตีความหมายของเอกลักษณ์ และค้นหาความเป็นไปได้ในการหาตัวตนที่แท้จริง การค้นหาครั้งนี้ อาจจะไม่ได้บทสรุปที่กระจ่าง แต่จะนำไปสู่ความไม่ชัดเจนต่อไป ซึ่ง MOI / SOI เป็นภาษาฝรั่งเศส MOI แปลวา ฉัน ส่วนคำว่า SOI แปลว่า ตัวตนของฉัน






แอดเลอร์ ศุภโชค แกลลอรี่ (Adler Subhashok Gallery) เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของนักสะสมงานศิลปะทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ นักพาณิชย์ศิลปะอิสระ โลรองต์ เดอ พาส, สองสามีภรรยา โคเฮน ทั้งคู่เป็นเจ้าของแกลลอรี่ชื่อดัง Galerie Adler Paris ในประเทศฝรั่งเศส และ ศุภโชค อังคสุวรรณศิริ เจ้าของหอศิลป์ (Subhashok the Arts Centre : S.A.C.) ที่เห็นตรงกันว่าถึงเวลาแล้วที่ศิลปินไทย รวมไปถึงศิลปะของไทย ควรจะต้องถูกเปิดเผยสู่สายตาโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสะสมจากต่างประเทศ โดยเชื่อว่าด้วยการสนับสนุนผลักดันอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จะทำให้ศิลปินไทยสามารถยืนท่ามกลางศิลปินที่มีฝีมือและโดดเด่นในยุคนี้จากทั่วโลกได้อย่างภาคภูมิ






นิทรรศการ “น้ำเงิน” (BLUE) และ “MOI/SOI” ถือเป็นนิทรรศการเปิดตัว แอดเลอร์ ศุภโชค แกลลอรี่ อย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้สนใจเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ – ๓o เมษายน ๒๕๕๗ ณ แอดเลอร์ ศุภโชค แกลลอรี่ (สุขุมวิท ๓๓) โดยวันอังคาร-วันศุกร์ เปิดเวลา ๑o.oo - ๑๗.oo น. และ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เปิดเวลา ๑๑.oo - ๑๘.๓o น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โทร. o๑-๖๖๒-o๒๙๙ หรือผ่านทางเฟสบุ๊ค //www.facebook.com/adlersubhashokgallery



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














นิทรรศการศิลปกรรมดอกไม้กระดาษ “กระดาษมีความจำ : BRIDE”


นิทรรศการศิลปกรรมดอกไม้กระดาษ “กระดาษมีความจำ : BRIDE” ผลงานโดย ปุณยวีย์ เอี่ยมสกุล จัดแสดงระหว่างวันที่ ๘ เมษายน - ๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ I People's Gallery P3 ชั้น ๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : bacc “กระดาษมีความจำ” ทุกความรู้สึก ถูกถ่ายทอดอยู่ในทุกรอยพับและทุกรอยม้วนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ รอยที่ปรากฏแล้ว ก็ไม่อาจลบได้ ร่องรอยแห่งความเหงาได้ก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนเกิดเป็นรูปร่าง...“ ความเดียวดายได้ปรากฏกายเป็นเจ้าสาว” วิวาห์ เพียงลำพัง...



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th
contestwar.com














""The Happiness" By 7art Teachers”


ผลงานศิลปะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๑ - ๒o เมษายน ๒๕๕๗


และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.


ณ หอศิลป์ต้นตาล : TonTann ArtSpace and Gallery



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














นิทรรศการภาพลายเส้น "Across Voids, Reaching"


ผลงานโดยศิลปินชาวอเมริกัน Corey Best


จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ เมษายน - ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗


และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๔ เมษายน นี้ เวลา ๑๘.๓o น.


สนทนากับศิลปินเวลา ๑๙.oo น. ณ Gallery Seescape



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














นิทรรศการ “S Code”


ผลงานโดย ศราวุธ ยาสมุทร (Sarawut Yasamut)


จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ – ๓o เมษายน ๒๕๕๗


และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น.


ณ Koi Art Gallery : ก้อย อาร์ต แกเลอรี่



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














"คอนเสิร์ตกล่อมกรุง”



"คอนเสิร์ตทรงคุณค่า ที่ลูกทุกคนต้องพาพ่อแม่มาดู"

ครั้งแรกของ A-Time Showbiz

ที่จะพาคุณพบกับศิลปินระดับตำนาน


สุเทพ วงศ์กำแหง, สวลี ผกาพันธุ์, รวงทอง ทองลั่นธม, ธานินทร์ อินทรเทพ, จินตนา สุขสถิตย์, ศรีไศล สุชาตวุฒิ, ดาวใจ ไพจิตร, เศรษฐา ศิระฉายา, วินัย พันธุ์รักษ์, รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส และ จิตติมา เจือใจ

จัดแสดงวันที่ ๓ - ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo น.

ที่ Royal Paragon Hall
บัตรราคา ๔,ooo / ๓,ooo / ๒,๕oo / ๒,ooo บาท
จำหน่ายบัตรวันที่ ๒๑ มีนาคมนี้
ที่ thaiticketmajor ทุกสาขา

//www.thaiticketmajor.com
/ //www.atimeshowbiz.com / 02-262-3456



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com
เฟซบุค Atime Showbiz














นิทรรศการ "ฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ : ศิลปแห่งสถาปัตยกรรมสถาน


นิทรรศการ ‘ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ทเนอร์: ศิลปะแห่งสถาปัตยกรรม’ จะจัดขึ้นที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นนิทรรศการสัญจรครั้งแรกในประเทศไทยที่จะมีการแสดงผลงานโครงการออกแบบสถาปัตยกรรมที่หลากหลายมากที่สุดของบริษัทที่ได้รับการกล่าวขวัญยกย่องอย่างสูงหลังการจัดแสดงที่ประเทศจีนและมาเลเซียมาแล้ว


ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ทเนอร์ ภายใต้การนำของนอร์แมน ฟอสเตอร์ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นหนึ่งในบริษัทผู้สร้างสรรค์สุดยอดนวัตกรรมการออกแบบและสถาปัตยกรรมของโลกในปัจจุบัน ฟอสเตอร์แอนด์พาร์ทเนอร์มีฐานตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนและมีสำนักงานดำเนินโครงการทั่วโลก กว่าสี่สิบปีที่ผ่านมา บริษัทได้คิดค้นพัฒนาวิธีการออกแบบสถาปัตยกรรมและอาคารนิเวศตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และนำมาใช้ในโครงการที่สำคัญ ๆ อาทิ ผังแม่บทพัฒนาเมือง โครงสร้างพื้นฐานบริการสาธารณะ สนามบิน อาคารชุมชนและศิลปวัฒนธรรม สำนักงานและสถานประกอบการ ตลอดจนการออกแบบบ้านและการออกแบบผลิตภัณฑ์


นิทรรศการครั้งนี้จะนำเสนอเนื้อหาการออกแบบก่อสร้างภายใต้หัวข้อโครงสร้างพื้นฐาน อาคารสูงระฟ้า ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ทั้งหมดเป็นการออกแบบในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน จากผลงานที่นำมาแสดงจะเห็นได้ว่าบริษัทได้ทำการออกแบบสถาปัตยกรรมมากมายหลายโครงการ ในการแสดงนิทรรศการจะมีรายละเอียดโครงการใหม่ ๆ ในเอเชียด้วย


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม //www.artofarchitecture.org



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














"ทรานสมิชชั่น : ส่องมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย”


เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันครบรอบวันเกิด ๑o๘ ปี จิม ทอมป์สัน และในวาระพิเศษนี้ หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน จึงได้นำเสนอ นิทรรศการ "ทรานสมิชชั่น" เพื่อมุ่งสำรวจจุดเชื่อมต่อระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย ขณะเดียวกันก็ต้องการเผยให้เห็นเสี้ยวหนึ่งของความเป็นไทยก่อนการเป็นรัฐชาติผ่านผลงานศิลปะของ ๗ ศิลปิน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้แก่ สาครินทร์ เครืออ่อน, สุวิชชา ดุษฎีวนิช, ถกล ขาวสะอาด, นิค ชาน (ศิลปินชาวสิงคโปร์), อัลเบิร์ต โยนาธาน เซ็ตยาวัน (ศิลปินชาวอินโดนีเซีย), โสเพียซ พิช (ศิลปินชาวกัมพูชา) และ เดอะโพรเพลเดอร์ กรุ๊ป (กลุ่มศิลปินจากเวียดนาม) โดยศิลปินทั้งหมดผ่านการคัดเลือกจาก เดวิด เทห์ ภัณฑารักษ์ผู้ริเริ่มการจัดนิทรรศการ


ในงาน เดวิด เทห์ เล่าว่า เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาสำรวจดูร่องรอยวัฒนธรรม ณ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ก็ได้เห็นงานศิลปะและวัตถุโบราณจำนวนมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของสะสมที่มีอายุเกินร้อยปี จึงบอกกับตัวเองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนแค่ประวัติศาสตร์ความเป็นชาติไทย แต่บอกความหมายได้กว้างกว่านั้น และจึงเป็นที่มาของนิทรรศการ


นิทรรศการจะตั้งคำถามถึงในช่วงเวลาก่อนประเทศจะถูกสถาปนาเป็นรัฐชาติ และช่วงเวลาก่อนจะเข้าสู่สมัยใหม่ ว่ามีการส่งผ่านองค์ความรู้กันอย่างไร ทั้งระหว่างผู้คนและระหว่างกลุ่มคน วัฒนธรรมสามารถก้าวข้ามพื้นที่และเวลาได้อย่างไร อะไรคือปัจจัยที่ทำให้วัฒนธรรมบางอย่างไม่เคยแปรเปลี่ยน หรือเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และเหตุใดวัฒนธรรมบางอย่างยังคงอยู่ ในขณะที่อีกหลายส่วนได้สลายไปกับการเวลาแล้ว" เดวิดเผยความน่าสนใจของนิทรรศการ






คำถามเหล่านี้นำเสนอผ่านงานศิลปะใหม่ ๆ หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่งานไม้ งานจิตรกรรม ไปจนถึงศิลปะการจัดวาง วิดีโอและเสียง โดย ภัณฑารักษ์ให้เหตุผล ๒ ประการในการคัดเลือกศิลปินที่มาจัดแสดงงานครั้งนี้คือ ต้องศิลปินที่สร้างสรรค์งานหัตถกรรม และมีแนวคิดการทำงานที่น่าสนใจ ซึ่งทั้ง ๗ ศิลปินมีลักษณะที่ตรงกับความต้องการที่ตั้งเอาไว้ ผลงานของแต่ละคนได้ตีความมาจากงานสะสมของพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ตามรูปแบบของตัวเอง ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นว่าอดีตจะเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างไรเท่านั้น หากแต่ยังทำให้เห็นว่าอดีตยังสามารถเป็นคำท้าทายได้เช่นกัน


สุวิชชา ดุษฎีวนิช เลือกสะท้อนวัฒนธรรมผ่านผลงานประติมากรรมไม้ชิ้นใหญ่ ชื่อ "ทบ-ทวน" ลักษณะคล้ายรูปเคารพ ตรงกลางปล่อยเป็นพื้นที่ว่าง เพื่อให้คนเข้าไปนั่งพักกายใจทบทวนสิ่งต่าง ๆ เล่าว่า ส่วนตัวมีความสนใจของเก่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะไม้เก่าที่มีเรื่องราวความเป็นมาในตัวของมัน ผลงานชิ้นนี้ใช้ไม้เก่าที่หามาได้จากหลายที่ อาทิ แผ่นไม้จากบ้านเก่า แผ่นไม้จากอาคารที่ถูกไฟไหม้ เป็นต้น เล่นกับความเป็นวัตถุโบราณของประติมากรรมทางศาสนา แต่เน้นไปยังพื้นที่ว่างรอบเนื้อหา ที่เมื่อเข้าไปนั่งก็อยากให้ได้ทบทวนสิ่งเก่า ๆ ที่ได้กระทำมา ขณะเดียวกันก็ให้คิดถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต ดังนั้นต้องการให้ทุกคนเดินผ่านกาลเวลาอย่างมีสติ เพื่อให้เกิดความพลาดผิดน้อยที่สุด


ส่วนผลงาน "แปดศอก หนึ่งวา และ เครื่องมือ" ของ ถกล ขาวสอาด นั้นเจ้าตัวเล่าว่า จับประเด็นมาจากเรือนไทยหลาย ๆ หลังภายในพิพิธภัณฑ์ จิม ทอมป์สัน เกี่ยวกับเรื่องมาตรการวัดและเครื่องไม้เครื่องมือของครอบครัวที่สืบทอดประเพณีงานช่างไม้มายาวนาน โดยชิ้นงานที่ทำขึ้นด้วยมือตั้งแต่เริ่มแรกจากองค์ความรู้และวัสดุทั้งในพื้นถิ่นและต่างประเทศ เปรียบได้ดั่งการหลอมรวมกันของทักษะพื้นบ้านและความเป็นเหตุผลอันเป็นสากล ซึ่งเผยให้เห็นว่ามาตรฐานของโลกนั้น คิดคำนวณมาจากมาตรวัดเฉพาะตัวในพื้นถิ่นอยู่เสมอ






ขณะที่ แมท ลูเซโร หนึ่งในศิลปินชาวเวียดนาม เดอะโพรเพลเลอร์ กรุ๊ป เลือกถ่ายทอดจุดเชื่อมต่อระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย ผ่านผลงาน "Antique Space Debris" ศิลปะงานแกะสลักไม้ขนุนอันงดงาม หัตถกรรมอันเก่าแก่ของชนเผ่าเวียดนาม สร้างสรรค์ผ่านไอเดียร่วมสมัย ชวนให้หวนรำลึกถึงมรดกทางวัฒนธรรมของเวียดนาม


ด้านศิลปินชาวอิเหนา อัลเบิร์ต โยนาธาน เซ็ตยาวัน เจ้าของผลงาน "โกลเด้น โบว์ส โลตัส เฮ้าส์ มายสติ๊ก ฟาวเวอร์ส และ โกลเด้น เฮ้าส์" โดยเจ้าตัวเลือกสร้างสรรค์ผลงานเซรามิกอันบอบบางผสมผสานพืชพรรณเข้ากับแมลงพื้นถิ่นที่ยึดโยงเข้าด้วยกันผ่านแรงดึงดูดและการลอยละล่องภาพลายเส้นวาดมืออันละเอียดลออ แม้จะสร้างสรรค์ขึ้นจากลวดลายเรขาคณิต ทว่ากลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตของศิลปิน ช่วยย้ำเตือนว่าก่อนการเกิดขึ้นของเครื่องจักร การผลิตซ้ำนั้นที่จริงเป็นงานทำมือมานานนับศตวรรษ


ผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการครั้งนี้สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๙.oo-๑๗.oo น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"ความหลังเมืองพริบพรี-เพชรบุรี”


ครงการวัฒนธรรมสัญจร ประจำปี พศ. ๒๕๕๗ ของสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร เรื่อง “ตามรอยฝรั่ง เล่าความหลังเมืองพริบพรี (เพชรบุรี)” ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๗ (วันศุกร์ และวันเสาร์)


การสัญจรทางวัฒนธรรมที่เริ่มต้นด้วยการเดินทางไป ยี่สาร และ บางตะบูน จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อย้อนรอยเส้นทางการค้าในอดีตตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เชื่อมต่อด้วยการเดินทางไปร่วมค้นหาความแปลกใหม่ของจังหวัดเพชรบุรีที่นอกจากเป็นเมืองทะเลสวยและอาหารอร่อยในแบบที่คุณเคยรู้จักแล้ว การสัญจรครั้งนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้และรู้จักเพชรบุรี เมืองสำคัญเมื่อครั้งอดีตของชาติไทยในอีกแง่มุมที่อาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน ด้วยการบอกเล่าความเป็นมาของเพชรบุรีในฐานะย่านเศรษฐกิจการค้าอันเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยาผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณสถาน วัฒนธรรมชุมชน (อาทิ พิพิธภัณฑ์ปานถนอม (ไทยทรงดำ เขาย้อย) วัดเกาะแก้วสุทธาราม วัดสระบัว ถ้ำเขาหลวง พระรามราชนิเวศน์ และ พระนครคีรี ฯลฯ) และเอกสารประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้โดยชาวต่างชาติ พร้อมด้วยวิทยากรที่จะคอยให้ความรู้และร่วมเดินทางตลอดโครงการฯ


หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้วคุณจะรู้จักเพชรบุรีมากกว่าที่คุณเคยรู้จัก


ค่าสมัครเข้าร่วมโครงการ เพียงท่านละ ๒,๒oo บาท (รวมค่าเดินทาง ค่าที่พัก อาหารกลางวัน 2มื้อ และอาหารว่าง ๔ มื้อ)


สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถดูรายละเอียดกำหนดการและดาวน์โหลดแบบตอบรับเข้าร่วมโครงการได้ที่ literatureandhistory.go.th พร้อมแฟกซ์แบบตอบรับและหลักฐานการชำระเงินจากธนาคารกลับมาที่ o๒-๒๘๑-๑๑๕๓, o๒-๒๘๑-๐๓๘๒ ในวันและเวลาราชการ


( บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทเวศร์

ชื่อบัญชี นางสาวสุภาภรณ์ ติดใจดี เลขที่ ๘๘๐ – ๗ – ๐๖๙๕๕ – ๗ )

รับจำนวนจำกัด ๖๐ ท่าน (พิจารณาตามลำดับการส่งคืนแบบตอบรับและหลักฐานการชำระเงิน)

หรือสอบถามรายละเอียดการสมัครที่ หมายเลข ๐๒-๖๒๘-๕๐๒๑ ต่อ ๕๔๕-๕๕๐ (คุณพรพรรณ)

และ ๐๒-๒๘๑-๐๓๘๒ (ทั้งเบอร์โทรศัพท์และแฟกซ์)

สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่นี่ finearts.go.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
finearts.go.th














“ดอกไม้กลางไฟใต้” จะสวยสดงดงามเพียงใด?


องค์การอ็อกแฟม ประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิยูนิลีเวอร์ และมิวเซียมสยาม ชวนคุณมาร่วมฉลองหนึ่งศตวรรษวันสตรีสากลในนิทรรศการ “ดอกไม้กลางไฟใต้” (Deep South Insight: Women Across Barriers)


รวบรวมภาพถ่ายสะท้อนวิถีชีวิตอันเรียบง่าย และงดงามของผู้คนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยช่างภาพสารคดีชื่อดังจากกลุ่ม สห+ภาพ


ในวันอังคารที่ ๑๑ มี.ค. – วันอาทิตย์ที่ ๑๓ เม.ย. ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo-๑๘.oo น. ณ มิวเซียมสยาม (บริเวณชั้น ๑ ตึกอาคารนิทรรศการ)


*ไม่เสียค่าใช้จ่าย


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :https://www.facebook.com/museumsiamfan



ภาพและข้อมูลจากเวบ
museumsiam.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 09 เมษายน 2557
Last Update : 9 เมษายน 2557 22:01:52 น. 0 comments
Counter : 3069 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.