พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงขอให้สาวกเป็นธรรมทายาท
.
ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงเป็นธรรมทายาท (คือรับมรดกธรรม) ของเราเถิด, อย่าเป็นอามิสทายาท (คือรับมรดกสิ่งของ) เลย. ความเป็นห่วงของเรา ในเธอทั้งหลายมีอยู่ว่า "ทำอย่างไรเสียสาวกทั้งหลายของเราก็คงจะเป็นธรรมทายาท, ไม่เป็นอามิสทายาท" ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกเธอเป็นอามิสทายาทไม่เป็นธรรมทายาทของเราแล้ว, เธอทั้งหลายก็จะถูกเขาตราหน้าว่า "สาวกทั้งหลายของพระศาสดา เป็นอามิสทายาทอยู่โดยปรกติ หาได้เป็นธรรมทายาทไม่เลย" ดังนี้.
แม้เราเอง ก็จะถูกเขาพากันโทษว่า "สาวกทั้งหลายของพระศาสดา ล้วนแต่เป็นอามิสทายาทกันเป็นปรกติหาได้เป็นธรรมทายาทไม่เลย" ดังนี้
ภิกษุ ท. ! ถ้าพวกเธอพากันเป็นธรรมทายาทของเรา และไม่เป็นอามิสทายาทแล้วไซร้, เธอทั้งหลายก็จะได้รับการยกย่องว่า "สาวกของพระศาสดาล้วนแต่เป็นธรรมทายาทกันอยู่โดยปรกติ หาได้เป็นอามิสทายาทไม่" ดังนี้.
แม้เราเอง ก็จะได้รับการยกย่องว่า "สาวกของพระศาสดา ล้วนแต่พากันเป็นธรรมทายาทั้งนั้น หาได้เป็นอามิสทายาทไม่เลย" ดังนี้ด้วยเหมือนกัน.
ภิกษุ ท. ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทั้งหลายจงพากันเป็นธรรมทายาทของเราเถิดอย่าได้เป็นอามิสทายาทเลย.
ความเป็นห่วงของเราในเธอทั้งหลายมีอยู่ว่า "ทำอย่างไรเสียสาวกทั้งหลายของเรา จงเป็นผู้เป็นธรรมทายาทเถิด อย่าได้เป็นอามิสทายาทเลย" ดังนี้ . . . บาลี ธัมมทายาทสูตร มู.ม. ๑๒/๒๑/๒๑. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน
Create Date : 30 กันยายน 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2555 8:06:20 น. |
Counter : 1236 Pageviews. |
|
|
|
อนุโมทนาสาธุครับ