พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงเป็นยามเฝ้าตลิ่งให้ปวงสัตว์
.ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนมีบุรุษผู้หนึ่ง ว่ายล่องกระแสน้ำลงไปเพราะเหตุจะได้สิ่งน่ารักน่าเพลินใจ มีบุรุษบัณฑิตผู้หนึ่ง ยืนอยู่บนฝั่ง เห็นบุรุษผู้ว่ายน้ำนั้นแล้ว ร้องบอกไปว่า "ท่านผู้เจริญ !ท่านย่อมว่ายล่องตามกระแสน้ำ เพราะเหตุจะได้สิ่งน่ารักน่าเพลินใจโดยแท้. แต่ว่า ทางเบื้องล่างนั้นมีห้วงน้ำลึก มีคลื่น มีน้ำวน มียักษ์ มีรากษส ซึ่งเมื่อท่านไปถึงที่นั่นแล้ว จักต้องตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย".ภิกษุ ท. ! บุรุษผู้ว่ายล่องตามกระแสน้ำ นั้น ครั้นได้ฟังดังนั้นแล้วก็พยายามว่ายทวนกระแสน้ำกลับมา ด้วยกำลังมือและเท้าทั้งหมดของเขาภิกษุ ท. ! คำอุปมานี้ ตถาคตผูกขึ้น เพื่อให้รู้เนื้อความ. เนื้อความในเรื่องนั้น ดังนี้ : คำว่า กระแสน้ำ' เป็นชื่อแห่งตัณหา. คำว่า สิ่งน่ารักน่าเพลินใจ' เป็นชื่อแห่งอายตนะภายในหก. คำว่า`ห้วงน้ำลึก' เป็นชื่อแห่งสัญโญชน์เบื้องต่ำห้าอย่าง. คำว่า `คลื่น' เป็นชื่อแห่งความโกรธ และความคับแค้น. คำว่า น้ำวน' เป็นชื่อแห่งกามคุณห้า. คำว่า ยักษ์' และ รากษส' เป็นชื่อแห่งเพศตรงข้าม.คำว่า ว่ายทวนกระแสกลับมา' เป็นชื่อแห่งเนกขัมมะ.คำว่า พยายามด้วยกำลังมือและเท้าทั้งหมด 'เป็นชื่อแห่งการปรารภความเพียร. คำว่า บุรุษบัณฑิต ผู้ยืนอยู่บนฝั่ง' เป็นชื่อแห่งตถาคต ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้แล...บาลี อิติวุ. ชุ. ๒๕/๓๑๖/๒๘๙. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.