ระบบประเมินผลงานเป็นอีกระบบหนึ่งที่มีแต่ปัญหา ทั้งๆ ที่ก็เป็นระบบที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หายไปได้เลย บางองค์กรเรียกได้ว่า พอถึงช่วงเวลาในการประเมินผลงานในแต่ละปี ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นของผู้จัดการที่ต้องประเมินผลงานลูกน้อง และของพนักงานทุกคนที่ต้องเป็นฝ่ายถูกประเมิน เราลองมาดูมุมมองและความเห็นของพนักงานที่มีต่อระบบประเมินผลงานกันบ้างนะครับ ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ผมรวบรวมเวลาที่ไปวางระบบบริหารผลงาน การทำ Engagement Survey และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลให้กับบริษัทต่างๆ ครับ

• กลุ่มผู้จัดการ และผู้บริหารขององค์กร มากกว่า 90% ไม่เคยพอใจระบบประเมินผลงานขององค์กรเลย บ่นตลอดเวลา และไม่อยากที่จะประเมินผลงานลูกน้อง เพราะรู้สึกว่าระบบประเมินผลงานขององค์กรยังไม่เป็นธรรมมากพอ

• พนักงานในองค์กรมากกว่า 60% ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ระบบประเมินผลงานขององค์กรนั้น เป็นอะไรที่ทำให้เสียเวลาในการทำงานมาก ยิ่งไปกว่านั้น ประเมินไปแล้วก็ไม่เห็นจะบอกตนเองได้เลยว่า ผลงานของตนนั้นดี หรือไม่ดีตรงไหน และจะต้องพัฒนาอะไรบ้าง หนักไปกว่านั้นก็คือ ถึงเวลาประเมินผลงานทีไร ก็จะรู้สึกหมดแรงจูงใจกันไปหมด ไม่อยากมาทำงานกันในช่วงนั้น

• ผู้บริหาร และผู้บริหารฝ่ายบุคคล ให้ความเห็นว่า ข้อมูลที่ได้มาจากการประเมินผลงานในแต่ละปีนั้น กว่า 80% เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงทางด้านผลงานของพนักงานเลย ดังนั้น การที่เราเอาผลการประเมินมาขึ้นเงินเดือน จ่ายโบนัส และพิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงาน มันก็ไม่น่าจะสะท้อนผลงานที่แท้จริงของพนักงานแต่ละคน

• พนักงานที่ได้รับ Feedback จากหัวหน้าในกรณีที่บริษัทมีระบบบริหารผลงานและส่งเสริมให้หัวหน้าต้อง Feedback ลูกน้องตนเอง ก็บอกว่า ตนเองไม่ได้รับประโยชน์จากการที่หัวหน้าเรียกมาคุยเรื่องผลงานเลย เพราะหัวหน้าก็ไม่กล้าบอก บางครั้งก็เข้ามาคุยๆ ไปให้หมดเวลา โดยที่ไม่มีการพูดถึงเรื่องผลงานอะไรใดๆ

• พนักงานเก่งๆ หมดแรงในการทำงานหลังจากที่ประเมินผลงานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในหลายองค์กรก็คือ พอหลังจากประเมินผลงานผ่านไป แจ้งผลงานกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว พนักงานมือดี และพนักงานที่พอจะมีศักยภาพดีๆ ก็จะรู้สึกหมดพลังในการทำงาน และมีบางส่วนที่ขอลาออกจากบริษัทหลังจากที่ได้รับค่าตอบแทนแล้ว คำตอบที่ได้มาก็คือ “รู้สึกว่าบริษัทไม่เป็นธรรมในเรื่องของการประเมินผลงาน และการให้รางวัล ดังนั้นอยู่ทำงานไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลาออกไปทำงานที่อื่นดีกว่า เผื่อจะมีอะไรที่ดีกว่านี้”

จากคำตอบที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นพนักงานในแต่ละบริษัท ผลที่ออกมาต่างก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ระบบประเมินผลงานของบริษัทนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะทำให้พนักงานส่วนใหญ่รู้สึกแย่มากกว่ารู้สึกดีแทนที่จะรู้สึกดี เพราะระบบมีความเป็นธรรม

เราลองมาดูความเห็นของคนกลุ่มเดิมกันบ้างว่า เขาคิดอย่างไรบ้างในการพัฒนาและปรับปรุงระบบประเมินผลงานให้ดีขึ้น และให้เป็นสิ่งที่พนักงานรู้สึกว่าเป็นธรรมมากขึ้น

• ต้องเชื่อมผลงานขององค์กรลงสู่ผลงานของพนักงานให้ได้ จะได้มีตัวชี้วัดผลงานที่ชัดเจนจากผลงานขององค์กรด้วย

• ต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดผลงานที่ดี และมีการเก็บข้อมูลการทำงานจริงๆ ว่าผลงานที่ออกมานั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้

• เป้าหมายที่กำหนดในเรื่องของผลงาน ก็ต้องมีที่มาที่ไป ซึ่งก็คือ ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรด้วย ไม่ใช่ใครอยากจะกำหนดเป้าหมายยากง่ายอย่างไรก็ต่างคนต่างกำหนดกันเอง

• ให้มีการสื่อความพูดคุยในเรื่องของผลงาน ตั้งแต่เป้าหมายผลงานก็ต้องมีการบอกกันก่อนตั้งแต่ต้นปี และต้องบอกให้พนักงานเข้าใจอย่างชัดเจนว่าต้องทำงานอะไรบ้าง ทำเท่าไหร่ อย่างไร ถึงจะได้ผลงานดี หรือไม่ดี และในระหว่างปี ก็ต้องมีการพูดคุยเรื่องความคืบหน้าของผลงานให้พนักงานได้รับทราบ เพื่อที่จะได้ปรับปรุงผลงานของตนเองได้ทันการประเมินในแต่ละปี

• ในมุมของพฤติกรรมในการประเมินผลงาน ก็ขอให้หัวหน้างานมีการพูดคุยกันถึงพฤติกรรมที่พนักงานต้องแสดงออกให้ชัดเจน ว่าต้องปรับปรุง และแสดงออกอย่างไร ที่จะแปลว่าผลงานออกมาดี

• ต้องมีการเชื่อมโยงผลงานเข้ากับระบบค่าตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเงินเดือน และการให้โบนัสตามผลงาน

• อยากให้มีการพัฒนาหัวหน้า และผู้จัดการให้มีความสามารถในการสื่อความทางด้านผลงาน ก็คือ พูดเรื่องผลงานแล้ว ไม่ทำให้พนักงานเสียกำลังใจลงไปอีก แต่ทำอย่างไรให้พนักงานรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ท้าทาย และเป็นสิ่งที่จะต้องพัฒนาเพื่อให้ผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ลองสังเกตสิ่งที่พนักงานและหัวหน้างานตอบในเรื่องที่จะทำให้ระบบประเมินผลงานเป็นระบบที่ดีได้อย่างไร ผมเห็นว่าพนักงานทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดในองค์กร ต่างก็รู้ว่าระบบประเมินผลงานที่ดีนั้นเป็นอย่างไร แต่ประเด็นก็คือ แล้วทำไมผู้จัดการเหล่านั้นถึงไม่ยอมประเมินผลงานให้มันดี และเป็นธรรมอย่างที่เขาคิดล่ะครับ

ลองหาคำตอบกันดูนะครับว่าเป็นเพราะอะไร ผมเชื่อว่าทุกท่านตอบได้ครับ

Create Date : 13 กรกฎาคม 2558
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 5:57:49 น.		0 comments
Counter : 896 Pageviews.
Share Tweet