HR Management and Self Leadership
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
30 กันยายน 2556

แนวโน้มของการรักษาไว้ซึ่งพนักงานขององค์กร จากอดีตถึงปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงการรักษาพนักงาน (Retention) องค์กรส่วนใหญ่ต่างก็มีความต้องการที่จะให้พนักงานที่ตนเองรับเข้ามาทำงานแล้วนั้น อยู่ทำงานสร้างผลงานให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเรื่องของการธำรงรักษาไว้ซึ่งพนักงานในองค์กรจึงเป็นเรื่องที่ทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปในอดีต เรื่องของการรักษาพนักงานให้ทำงานในองค์กรไปนานๆ นั้น จะมีปัจจัยสำคัญๆ ต่อไปนี้

  • ค่าจ้างเงินเดือน ในอดีตนั้น เมื่อพูดถึงเรื่องของการรักษาพนักงาน องค์กรส่วนใหญ่ก็มองไปที่เรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนขององค์กร องค์กรใดที่ต้องการจะเก็บรักษาพนักงานไว้ ก็จะต้องมีระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่ดี มีระดับการจ่ายค่าจ้างที่สูงพอสมควร จนทำให้พนักงานมั่นใจว่า ไม่มีที่ไหนที่จ่ายได้ขนาดนี้ ก็จะทำให้องค์กรสามารถที่จะเก็บรักษาพนักงานไว้ได้
  • สวัสดิการที่ดี อีกเรื่องที่องค์กรในอดีตพยายามที่จะทำให้ดี เพื่อที่จะเก็บรักษาพนักงานไว้ให้ได้ก็คือ เรื่องของการให้สวัสดิการที่ดี องค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะเก็บรักษาพนักงานไว้ ก็จะพยายามสร้างสวัสดิการที่ดี ที่โดดเด่นกว่าองค์กรอื่นๆ เพื่อทำให้พนักงานไม่อยากจะออกจากองค์กรไปทำงานที่อื่น

ในอดีตมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา องค์กร และพนักงานส่วนใหญ่จะมองและเน้นเรื่องของค่าตอบแทนและสวัสดิการว่า เป็นเครื่องมือสำคัญในการจะเก็บรักษาพนักงานไว้ในองค์กรให้ได้ จึงพยายามที่จะพัฒนา และปรับปรุงระบบการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการไปเรื่อยๆ จะกระทั่งการแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะขยับเรื่องเหล่านี้ได้อีก พร้อมกันนั้น ก็มีหลักฐานมากขึ้นที่พอจะพิสูจน์ได้ว่า การเก็บรักษาพนักงานไว้ในองค์กรนั้น มีปัจจัยที่สำคัญมากกว่าเรื่องของค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ

ยุคต่อมา ก็เริ่มมองเรื่องอื่นๆ มากขึ้น ว่าอะไรที่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเก็บรักษาพนักงาน ก็เริ่มมีการทำวิจัยความพึงพอใจของพนักงานมากขึ้น และพยายามที่จะนำเอาผลการวิจัยความพึงพอใจของพนักงานมาปรับระบบการบริหารบุคคลในองค์กรให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน ซึ่งทำให้เรามองเห็นว่า ปัจจัยที่จะรักษาพนักงานไว้นั้นมีปัจจัยที่สำคัญมากกว่าเรื่องของเงินเดือนและสวัสดิการ

  • ภาวะผู้นำของผู้บริหารองค์กร เรื่องนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้พนักงานอยากอยู่ หรืออยากไปจากองค์กร ถ้าองค์กรมีค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการที่ดี แต่ผู้บริหารเป็นผู้บริหารที่ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถที่จะนำพาองค์กรไปสู่อนาคตที่ดีได้ พนักงานก็ย่อมจะขาดความเชื่อถือ และจะเริ่มไม่อยากที่จะอยู่กับองค์กรนี้ องค์กรก็จะเริ่มรักษาพนักงานไว้ไม่ได้ และในปัจจุบันเรื่องของภาวะผู้นำของผู้บริหารเป็นปัจจัยแรกๆ เลยที่เป็นปัจจัยที่ทำให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร
  • หัวหน้าและผู้จัดการ ปัจจัยที่สองที่มีผลต่อความพึงพอใจของพนักงาน และเป็นตัวบอกได้ชัดเจนว่า องค์กรนั้นไม่สามารถรักษาพนักงานไว้ได้เลย ก็คือ หัวหน้างานและผู้จัดการทุกระดับนั่นเอง ถ้าพนักงานมีหัวหน้างานที่ดี มีความรับผิดชอบ และให้การยอมรับพนักงานอย่างดี มีทักษะในการสื่อความ การจูงใจ และการสอนงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะทำให้พนักงานอยากอยู่ทำงานในองค์กรต่อไปนานๆ เพราะทำให้เขารู้สึกว่า เขาเป็นคนสำคัญต่อองค์กร เมื่อคนเราได้รับความสำคัญ เขาก็ย่อมไม่อยากจากองค์กรไปไหน
  • ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยในการเก็บรักษาพนักงานไว้ในองค์กรอีกประการหนึ่งก็คือ เรื่องของการที่พนักงานได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีอะไรที่เป็นจุดอ่อน หรือจุดแข็ง องค์กรก็มีแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้เป็นพนักงานที่มีความรู้ทักษะที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ พนักงานเองเมื่อรู้ว่า อยู่ทำงานที่นี่แล้วองค์กรมีแนวทางที่จะทำให้ตนเองเก่งขึ้น มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ก็ไม่อยากไปไหนอีกเช่นกัน
  • ความเจริญก้าวหน้าในองค์กร ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเก็บรักษาพนักงานอีกประการหนึ่งก็คือ เรื่องของความก้าวหน้าในการทำงาน พนักงานที่มาทำงานในองค์กรนั้น เกือบทุกคนล้วนแต่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในองค์กร อยากรู้ว่า องค์กรมีระบบอะไรมาช่วยให้เขาก้าวหน้าไปได้ เพื่อองค์กรพัฒนาพนักงานแล้ว และพนักงานมีความรู้ และทักษะที่มากขึ้นแล้ว เขาจะเติบโตไปไหนได้บ้าง อย่างไร ซึ่งถ้าพนักงานมีความมั่นใจว่า อยู่ที่นี่แล้วมีความก้าวหน้า พนักงานก็ไม่อยากจะลาออกไปทำที่อื่นเช่นกัน

ปัจจัยข้างต้นเริ่มเป็นปัจจัยที่ทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การบริหารทรัพยากรบุคคลไปไกลกว่าแค่คำว่าการสำรวจความพึงพอใจ แต่เริ่มเปลี่ยนเป็นคำว่า การสร้างความผูกพันของพนักงานในองค์กร

การเก็บรักษาพนักงานจะไม่ใช่สักแต่ว่าเก็บรักษาอีกต่อไป เนื่องจากในอดีตเราไม่ได้เจาะจงลงไปว่าเราจะเก็บรักษาพนักงานแบบไหนไว้กับองค์กร ก็เลยทำให้บางองค์กรเก็บรักษาได้แต่พนักงานที่ไม่มีมูลค่าเพิ่มใดๆ ให้กับองค์กรเลย ในยุคปัจจุบัน การเก็บรักษาพนักงานไว้กับองค์กรก็จะเน้นไปที่พนักงานที่เก่งๆ มีศักยภาพสูง หรือที่หลายๆ องค์กรเรียกกันว่า High Potential หรือ Talent

พนักงานกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่องค์กรจะต้องดูแล และเก็บรักษาไว้อย่างดี นโยบายต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ก็ไม่ได้ทำแบบหว่านไปทั่ว แต่จะทำเพื่อเน้นพนักงานในกลุ่มคนเก่งมากขึ้น เพราะองค์กรพิสูจน์มาแล้วว่า การที่เราสามารถเก็บรักษาคนเก่งไว้ได้เพียง 1 คน ยังดีกว่าการเก็บรักษาพนักงานแบบผลงานกลางๆ ถึง 3 คน และยิ่งถ้าเป็นพนักงานที่แย่ๆ ไม่ทำมูลค่าเพิ่มใดๆ แล้ว 1 คนที่เก็บรักษาได้จะคุ้มกว่ามากมาย เพราะคนๆ นี้จะสามารถสร้างผลงาน และมูลค่าเพิ่มทางด้านผลงานให้กับองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นการเก็บรักษาพนักงานในยุคปัจจุบัน จึงต้องทำอย่าง Focus มากขึ้น ระบุกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการจะเก็บรักษาไว้ให้ชัดเจนมากขึ้น มิฉะนั้นแล้วนโยบายการเก็บรักษาพนักงานขององค์กร ก็อาจจะรักษาได้แค่เพียงพนักงานที่ผลงานกลางๆ ถึงต่ำๆ ก็เป็นไปได้ครับ




Create Date : 30 กันยายน 2556
Last Update : 1 ตุลาคม 2556 7:17:05 น. 0 comments
Counter : 1440 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]