HR Management and Self Leadership
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
17 กันยายน 2557

วัฒนธรรมองค์กรแบบไหนที่ไม่ส่งเสริมระบบบริหารผลงานเลย

การบริหารผลงาน หรือ Performance Management ในปัจจุบันมีหลายองค์กรให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากองค์กรทุกแห่งล้วนต้องการผลงานที่ดีขึ้น และผลงานขององค์กรจะดีหรือไม่ดีนั้น ก็มาจากผลงานของพนักงานแต่ละคนมารวมกัน จนเป็นผลงานขององค์กร ด้วยเหตุผลดังกล่าว ก็เลยทำให้ระบบบริหารผลงานเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เพราะผู้บริหารมองแล้วว่า ระบบนี้ดี และเป็นระบบที่จะทำให้ผลงานขององค์กรบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

แต่อย่างไรก็ดี ระบบบริหารผลงานนั้น ก็มีกระบวนการของมันอยู่เช่นกัน ที่ทำให้องค์กรเองจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจนมากขึ้น ตั้งแต่เป้าหมายขององค์กร และจะต้องมีการกระจายเป้าหมายขององค์กรลงสู่หน่วยงาน และตำแหน่งงานตามลำดับ ซึ่งด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้เป้าหมายการทำงานของพนักงานทุกคนในองค์กรมีการเชื่อมโยงไปถึงเป้าหมายขององค์กร

จากนั้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการผลงาน ซึ่งจะต้องเน้นไปที่การสื่อสารในเรื่องของผลงานระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องมากขึ้นกว่าเดิม หัวหน้าต้องมีการให้ feedback และ coaching ลูกน้องเพื่อให้ลูกน้องได้มีการพัฒนาผลงานให้ดีขึ้น และทำให้ผลงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ด้วยระบบบริหารผลงานนี้เองที่ทำให้ผู้บริหารหลายๆ องค์กรรู้สึกชอบ และอยากจะนำมาใช้ในองค์กรของตนเอง เพราะมีความรู้สึกว่าถ้าเราสามารถนำเอามาใช้ได้จริงๆ ก็คงทำให้องค์กรของเราบรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น และเร็วขึ้น

การนำระบบบริหารผลงานมาใช้ให้ได้ผลนั้น องค์กรเองก็จะต้องมีวัฒนธรรมการทำงานบางอย่างที่เอื้อกับระบบนี้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น คงจะใช้ยากมาก และทำให้กลายเป็นความอึดอัดของทั้งผู้จัดการและพนักงานในองค์กรไป

ลองมาดูวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อระบบบริหารผลงานเลย ว่ามีอะไรบ้าง

  • ผู้บริหารไม่เคยสื่อสารเป้าหมาย และนโยบายองค์กร ถ้าองค์กรใดที่ผู้บริหารระดับสูงไม่เคยคิดที่จะมีการสื่อสารในเรื่องของเป้าหมายในการทำงานแต่ละปี ไม่เคยมีการกำหนดแผนกลยุทธ์ที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ การจะเปลี่ยนแปลงให้ผู้บริหารต้องทำเรื่องเหล่านี้ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่ยากมาก ผู้บริหารบางคนยังงงๆ อยู่เลยว่า “เป้าหมายขององค์กรเราคืออะไรกันแน่ และเรามีกลยุทธ์อะไรบ้าง ก็ไม่รู้เลย” ถ้าองค์กรมีผู้บริหารที่บริหารจัดการองค์กรในลักษณะนี้ ก็จะทำให้ระบบบริหารผลงานเกิดขึ้นได้ยากครับ
  • ไม่เคยมีการสื่อสารกันในเรื่องของการทำงาน ถ้าองค์กรของเราไม่เคยมีระบบการสื่อสารกันภายใน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงานขององค์กร และผลงานของพนักงาน ไม่เคยมีความคิดที่หัวหน้าจะพูดคุยกับลูกน้องในเรื่องของผลงานอย่างจริงจัง พนักงานทำอะไรดี หรือไม่ดี ก็ไม่มีการบอกกัน เวลาประชุมผู้บริหารก็ไม่มีการนำเอาผลงานมาคุยกัน แต่กลับคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีวาระการติดตามผลงานที่ชัดเจน มีแค่ระบบการประเมินผลงานตอนปลายปีเท่านั้น ซึ่งถ้าองค์กรของเราไม่มีระบบการสื่อสารเรื่องของผลงานที่ดีแล้ว ระบบบริหารผลงานก็เกิดขึ้นได้ยากอีกเช่นกัน
  • ไม่เคยรู้สึกดีกับการให้ Feedback และการ Coaching ระบบบริหารผลงานที่ดีนั้น จะต้องมีระบบการให้ Feedback แก่พนักงานในเรื่องของผลงานอย่างสม่ำเสมอ และถ้าผลงานพนักงานยังไม่ดีพอ หัวหน้างานก็ต้องมีการสอนงาน ให้คำแนะนำ เพื่อให้พนักงานสามารถทำผลงานให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นถ้าองค์กรของเรา พนักงานรู้สึกไม่ดีกับการได้รับ Feedback แล้ว หรือหัวหน้างานเองไม่อยากที่จะให้ Feedback แก่พนักงานเลย เพราะไม่เคยทำกันมาก่อน รวมทั้งระบบการสอนงานก็ไม่เคยมี และมุมมองของทั้งหัวหน้าและพนักงานเอง ก็ไม่เคยรู้สึกดีกับทั้งสองเรื่องนี้เลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ระบบบริหารผลงานก็จะเกิดขึ้นในองค์กรได้ยากกว่าปกติ เพราะจะต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติครั้งใหญ่ให้กับพนักงานทุกในองค์กร และมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการผลงานกันขนานใหญ่เช่นกัน สิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องทำให้พนักงานรู้สึกดีกับการได้รับ Feedback
  • ไม่รู้สึกถึงการสร้างผลงานและความเป็นเลิศ บางองค์กรทำงานแบบ เช้าชามเย็นชาม ผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงานต่างทำงานแบบเรื่อยๆ ไม่มีความรู้สึกถึงความต้องการที่จะเป็นเลิศในการทำงาน และไม่เคยคิดที่จะสร้างผลงานให้กับองค์กรที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มองว่าองค์กรเราก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว มันคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มาก หรือคิดว่า องค์กรเรามันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว อย่าไปคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเลย ไม่มีประโยชน์ ฯลฯ ถ้าพนักงาน และผู้บริหารส่วนใหญ่ขององค์กรคิดกันแบบนี้ ก็ไม่ต้องนำเอาระบบบริหารผลงานมาใช้เลยครับ เพราะยังไงก็ไม่ได้ผล เนื่องจากไม่มีพลังมากพอที่จะผลักดันผลงานที่ดีให้เกิดขึ้นนั่นเองครับ
  • เชื่อว่าองค์กรเราเป็นเลิศอยู่แล้ว บางองค์กรมีความเชื่อว่า เราเป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็อาจจะมาจากผลงานที่ดีเลิศในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆ ปัจจุบันเราอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้นก็ได้ แต่เรายังเชื่อ และคิดไปเองว่าเราดีเลิศ จนทำให้เราคิดว่า ระบบบริหารผลงานมันก็ไม่จำเป็นอะไรเลย เพราะเราเก่งอยู่แล้ว เราบริหารผลงานได้ดีอยู่แล้ว บางคนคิดขนาดว่า องค์กรเรานั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปซีเรียสกับการสร้างผลงานอะไรให้มันดีไปกว่านี้อีกแล้ว ฯลฯ ความคิดแบบนี้ ก็ค้านกับระบบบริหารผลงานอีกเช่นกันครับ
  • องค์กรที่เน้นการทำงานตามสั่ง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ การที่องค์กรจะนำเอาระบบบริหารผลงานมาใช้จริงๆ แสดงว่า องค์กรมีความต้องการที่จะผลักดันผลงานแบบเร็ว และแรง ไม่ใช่ไปเรื่อยๆ แสดงว่า ถ้าองค์กรของเราทำงานแบบตามคำสั่งกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีไอเดียอะไรใหม่ๆ เลย หรือไม่เคยคิดที่จะหาแนวทางใหม่ๆ มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานของตนเองให้ดีขึ้น ชอบที่จะทำงานแบบเดิมๆ วิธีเดิมๆ วัฒนธรรมแบบนี้ ก็ไม่เอื้อให้ระบบบริหารผลงานเกิดความสำเร็จในองค์กรเช่นกัน

ถึงจุดนี้แล้ว ก็น่าจะพอเห็นภาพนะครับว่า อะไรที่เป็นปัจจัยที่ทำให้บางองค์กรไม่สามารถที่จะนำเอาระบบบริหารผลงานมาใช้งานจริงได้เลย แม้ว่าผู้บริหารบางคนอาจจะเห็นชอบกับระบบนี้มากมายแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นถ้าองค์กรของเราต้องการนำเอาระบบบริหารผลงานมาใช้จริงๆ ตัวผู้บริหาระดับสูงสุดขององค์กรจะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการทำงานก่อนคนอื่นเลย และจะต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงจังที่จะเอาระบบนี้มาใช้ให้ได้

ถ้าหัวขยับ มีหรือหางจะไม่ขยับ จริงมั้ยครับ ยกเว้นหัวไม่ขยับอย่างจริงจัง




Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 18 กันยายน 2557 7:10:17 น. 0 comments
Counter : 936 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]