HR Management and Self Leadership
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
18 มีนาคม 2558

ความจงรักภักดีของพนักงานต่อองค์กร มันหายไปจริงๆ หรือ

ในการบริหารทรัพยากรบุคคลระยะหลังๆ เรามักจะได้ยินคำว่าความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเนื่องด้วยอาจจะเป็นด้วยเรื่องนี้มีงานวิจัยรองรับ และมีข้อพิสูจน์ค่อนข้างชัดเจนว่า มีผลต่อผลงานและความสำเร็จขององค์กรค่อนข้างจะมากอยู่ จนเดี๋ยวนี้เราแทบจะไม่ค่อยได้ยินคำว่า ความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงาน (Employee Loyalty) ซึ่งคำนี้จะกินความที่ลึกกว่าแค่ความผูกพันที่มีต่อองค์กร แต่จะลงไปถึงการที่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ และรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในความสำเร็จ และความล้มเหลวขององค์กรด้วย มันลึกลงไปในความรู้สึก เหมือนกับที่เราจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือจงรักภักดีต่อตราสินค้าบางอย่าง ฯลฯ มันคือความรู้สึกที่ลึกมาก ๆ

ในช่วงปีสองปีมานี้ ก็เริ่มมีงานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องของความจงรักภักดีของพนักงานต่อองค์กรว่า มันเริ่มหายไปจริงๆ หรือ และมีข้อมูลทางด้านตัวเลขของการบริหารทรัพยากรบุคคลบางตัวที่เป็นที่น่าสังเกตอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยได้ยินข้อมูลเหล่านี้มาบ้างหรือไม่ครับ คือ

  • ในแต่ละปีองค์กรต้องสูญเสียคนเก่งที่ขอลาออกจากองค์กรไปถึงประมาณ 40%
  • ประมาณ 57% ของพนักงานรุ่นใหม่ๆ (Gen Y) มีความเชื่อว่า คำว่า ความจงรักภักดีต่อองค์กรนั้นมันหมดไปแล้วในยุคนี้ และมันไม่เกิดขึ้นได้จริงๆ อีกต่อไป
  • 91 % ของพนักงานที่เป็น Gen Y ไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ทำงานในองค์กรเดิมเกินกว่า 3 ปี

จากข้อมูลเหล่านี้ ความเชื่อในเรื่องนี้มันเริ่มหายไปจากคนรุ่นใหม่ จริงๆ หรือ และถ้าเราจะทำให้ความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงานกลับมา เราจะทำได้หรือไม่

ท่านผู้อ่านคิดอย่างไรกันบ้างครับกับเรื่องนี้

แนวทางในการสร้าง Engagement ให้เกิดขึ้นกับพนักงานนั้น เป็นแนวทางที่สามารถนำมาปรับใช้ในการสร้างความจงรักภักดีของพนักงานต่อองค์กรได้เช่นกัน เพียงแต่มันจะต้องลงลึกในบางประเด็น เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมบางอย่างให้เกิดขึ้นกับพนักงาน จากประสบการณ์ และจากที่ผมได้พบเจอกับผู้บริหารและพนักงานที่รู้สึกถึงความจงรักภักดีต่อองค์กรนั้น ต่างก็บอกว่า น่าจะยังคงสร้างกันได้อยู่ เพียงแต่ต้องมีแนวทางในการสร้าง ซึ่งก็คือ

  • ต้องทำให้พนักงานรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในความสำเร็จขององค์กรให้ได้ เพราะมีงานวิจัยอีกเช่นกันที่บอกว่า พนักงาน 56% อยากที่จะทำงานกับองค์กรที่สามารถสร้างผลงานที่ดี และอยากเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น ดังนั้นถ้าองค์กรสามารถที่จะเชื่อมโยงเป้าหมายความสำเร็จขององค์กร ลงสู่พนักงานแต่ละคนได้ ก็จะทำให้พนักงานรู้สึกว่า ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้นจริงๆ เวลาที่มีคนภายนอกพูดถึงความสำเร็จขององค์กร พนักงานก็จะรู้สึกว่า นี่แหละคือสิ่งที่ตนเองทำมันขึ้นมา ความภาคภูมิใจก็จะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดความภาคภูมิใจขึ้น ความรู้สึกผูกพันก็จะเกิดขึ้น และความจงรักภักดีต่อองค์กรก็จะเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เสียดายที่หลายๆ องค์กรในบ้านเราไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงเป้าหมายความสำเร็จขององค์กรลงสู่พนักงานได้ พนักงานก็เลยไม่รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม รู้สึกแค่เพียงว่าต้องมาทำงานเพื่อให้ได้เงินเดือนไป และเมื่อไหร่ถ้าเบื่อก็ออกไปหาที่ใหม่
  • ใส่ใจในพนักงานอย่างจริงใจ การที่เราต้องการให้พนักงานจงรักภักดีต่อองค์กร ตัวผู้บริหารองค์กรเองก็ต้องให้ความจงรักภักดีแก่พนักงานเช่นกัน กล่าวคือ ต้องให้ความสำคัญกับพนักงานในเรื่องของการพัฒนาพนักงานอย่างจริงจัง และมีการลงทุนเพื่อให้พนักงานเก่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งไปพัฒนาทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีการมอบหมายงานที่ท้าทาย โดยไม่กลัวว่าพนักงานจะลาออกไปไหน ก็คือ เรียกว่าให้อย่างเต็มที่ไม่กั๊กไว้เลย เมื่อพนักงานรู้สึกว่าองค์กรไม่กั๊ก ตัวพนักงานเองก็ไม่กั๊กเช่นกัน มันเป็นผลทางจิตวิทยาที่ได้ผลจริงๆ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นที่เห็นชัดเจนก็คือ กับองค์กรขนาดเล็ก ที่รับพนักงานมือดีเข้ามาทำงาน แม้ว่าเขาจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่เจ้าของกลับไม่มองจุดนั้น แต่กลับลงทุนกับพนักงานกลุ่มหนึ่งที่ตั้งใจที่จะปั้นให้เป็นมือขวา มือซ้ายของเจ้าของกันเลย ทุ่มเทแบบไม่อั้น รวมทั้งยังให้ความเชื่อมั่นในตัวพนักงานกลุ่มนี้มากๆ จนพนักงานเองก็รู้สึกได้ ผลก็คือ พนักงานกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่นำพาบริษัทไปสู่เป้าหมายที่ต้องได้ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มผู้บริหารกลุ่มนี้ก็ยังอยู่จนกระทั่งเกษียณอายุกันไป โดยไม่คิดจะออกไปทำงานที่อื่นเลย
  • ผู้นำรับฟังพนักงานอย่างเปิดใจ การที่จะทำให้พนักงานรู้สึกจงรักภักดีได้จริงๆ นั้น ตัวผู้นำขององค์กรมีส่วนสำคัญมากๆ นอกจากต้องใส่ใจพนักงานในทุกด้านแล้ว ยังต้องเปิดใจรับฟังพนักงานจริงๆ ต้องลงจากหอคอย ถอดหัวโขน และลงมาเดินเคียงข้างพนักงานในการทำงานฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ เรื่องของผู้นำมีส่วนเยอะมากครับ พนักงานที่จงรักภักดีต่อองค์กรนั้น ส่วนใหญ่มาจากผู้นำองค์กรทั้งสิ้น พนักงานรู้สึกถึงความเป็นผู้นำที่ดี นำทางเราได้ อีกทั้งยังพยายามที่จะรับฟังปัญหาอย่างเปิดใจ ลงมาสัมผัสกับพนักงาน ยิ่งไปกว่านั้นยังพยายามที่จะสร้างผู้นำคนใหม่ให้เกิดขึ้น ลองคิดดูสิครับ ถ้าเราเป็นพนักงานคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานในองค์กร แล้วมีผู้นำที่พยายามสร้าง และปั้นเราให้เป็นผู้นำขององค์กร ให้ความไว้วางใจ มอบหมายงานที่ท้าทาย อีกทั้งใส่ใจในความเป็นอยู่ของพนักงานอย่างจริงจัง อะไรให้ได้ อะไรให้ไม่ได้ คุยกันอย่างมีเหตุมีผล เจอผู้นำแบบนี้ ใครจะไม่จงรักภักดีบ้างล่ะครับ

ทั้ง 3 ประเด็นข้างต้นนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติได้หรือไม่ หรือจริงๆ แล้วมันก็เป็นแค่เพียงแนวคิด และความเพ้อฝันที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนในองค์กรว่าอยากที่จะให้เกิดสิ่งที่เรียกกว่าความจงรักภักดีต่อองค์กรหรือไม่ ถ้าต้องการให้เกิดขึ้นจริงๆ ก็คงต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน วิธีการบริหาจัดการ โดยทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงนั้น จะต้องเติมคำว่า “ใส่ใจ” เข้าไปในทุกเรื่อง

แล้วความจงรักภักดีของพนักงานต่อองค์กรก็น่าจะเกิดขึ้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะครับ




Create Date : 18 มีนาคม 2558
Last Update : 18 มีนาคม 2558 7:29:17 น. 0 comments
Counter : 1267 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]