Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
มุสลิมในอาณาจักรอยุธยา : ถิ่นฐาน

มีปาฐากถาของ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ดี ๆ อีกมากมาย ที่ข้าพเจ้ายังมิได้นำมาเสนอใหม่ เรื่องหนึ่งคือเรื่อง “ความเป็นมาของมุสลิมในประเทศไทย” แสดงที่ห้องประชุมคุรุสภา  สวนกุหลาบวิทยาลัย ตามคำเชิญของพิทยสามัคคีสมาคม เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2501


  •      แต่เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยาว ข้าพเจ้าจึงขอตัดตอนมาเสนอเป็นเรื่องย่อย ๆ ไป เช่นเรื่องแรกนี้จะเล่าถึงมุสลิมสมัยอยุธยา
  •      เริ่มดังนี้


     “........ในปัจจุบันนี้นี้เราได้ค้นพบเครื่องถ้วยชามสังคโลก อันเป็นผลิตภัณฑ์ของกรุงสุโขทัย ซึ่งสินค้าที่ส่งออกนอกเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นสินค้าสำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย ในระยะนั้นถ้วยชามสังคโลกเหล่านี้ได้ขุดพบในประเทศอิสลามต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ได้พบเป็นจำนวนมาก ยังอยู่ในลักษณะที่ดีที่บริบูรณ์ยิ่งกว่าที่เราพบในเมืองไทยเสียอีก เพราะในเมืองไทยที่ตกค้างอยู่ก็เป็นเฉพาะถ้วยชามที่เสียหายแตกหักร้าวที่ฝังไว้ตามเตาเผาถ้วชาม


     นอกจากประเทศอินโดนีเซียแล้ว ยังได้พบถ้วยชามสังคโลกไกลออกไปถึงขนาดประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศอิสลาม แล้วก็ออกไปจนถึงอัฟริกาอีกหล่ายแห่งซึ่งได้พบถ้วยชามสังคโลกเหล่านั้น หลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีการค้าขายติดต่อระหว่างประเทศไทยกับชนชาติอิสลามต่าง ๆ มาเป็นเวลาช้านานทีเดียว อาจจะก่อนสมัยสุโขทัยขึ้นไปอีกก็ได้


     แต่อย่างไรก็ตามนับเป็นเรื่องที่เมืองไทยเรายังไม่มีประวัติศาสตร์แน่ชัดลงมาแล้ว เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ที่นับถือศาสนาอิสลามนั้นมีอยู่ตลอดมา และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องมีการเดินเรือติดต่อกัน


คนไทยนั้นดูตามประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏว่าเป็นชาติที่เดินเรือเก่งกล้าอะไรนัก เพราะฉะนั้นเรือสินค้าในสมัยนั้นน่าจะเป็นเรือที่มาจากต่างประเทศ คือประเทศต่าง ๆ ที่ส่งเรือสินค้าเข้ามาบรรทุกสินค้าจากประเทศไทยออกไปยังประเทศของตนอีกทีหนึ่ง และในขณะนั้นยังไม่ปรากฏว่ามีชาวยุโรปเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นผู้ที่มาค้าขายเดินเรือติดต่อระหว่างประเทศไทยกับประเศอื่น ๆ นั้น จึงน่าจะสันนิษฐานว่าเป็นชนชาติอาหรับซึ่งเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามแน่นอน


     นอกจากการเดินเรือติดต่อแล้ว การค้าขายระหว่างประเทศในสมัยนั้น ก็จะต้องมีพ่อค้ามาต้งสำนักหลักแหล่งอยู่ภายในประเทศ เพื่อรับซื้อสินค้าต่าง ๆ ส่งออกไป  และรับสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นผมเข้าใจว่าในกรุงสุโขทัยนั้น น่าจะมีมุสลิมีนที่มาจากต่างประเทศเข้ามาตั้งสำนักหลักแหล่งเพื่อดำเนินการค้าขายอยู่แล้ว ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ก็คงมีอยู่


     อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง กรมศิลปากรได้ขุดพระเจดีย์หรือพระธาตุที่วัดราชบูรณะ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างขึ้นในแผ่นดินพระเจ้าสามพระยา (พระบรมราชาธิราช) ก็ราว ๆ พุทธศักราช 1961-1962 นับว่าเป็นสมัยแรกเริ่มของกรุงศรีอยุธยา เครื่องสมบัติต่าง ๆ อันมีค่าที่พบอยู่นั้นปรากฏว่ามีเหรียญอยู่สองเหรียญ มีตัวหนังสืออาหรับจารึกอยู่  ปรากฏว่าเป็นเหรียญทองคำที่ทำขึ้นในประเทศแคชเมียร์ ในรัชสมัยของพระมหากษัตริย์อิสลามผู้ทรงพระนามว่าพระเจ้าไซนูอาบีดีน เหรียญทองคำสองอันนี้เป็นหลักฐาน แสดงให้เห็นการติดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กับประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างแน่ชัด


ในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้เอง ที่มีหลักฐานแน่นอนว่าได้มีมุสลิมีนเข้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุธยาและได้ตั้งเมืองเป็นสำนักหลักแหล่งขึ้น โดยมีหลักฐานอย่างแน่นอนปรากฏตามจดหมายเหตุโบราณว่า มีคนที่คนโบราณเรียกว่า “แขกเทศ” ตั้งบ้านเรือนอยู่ตั้งแต่สะพานประตูจีนด้านตะวันตกของกรุงศรีอยุธยาไปจนถึงหลังวัดนางมุก แล้วเลี้ยวไปท่ากายี อันเป็นท่าน้ำแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา



     ที่พูดมานี้คือตั้งแต่สะพานประตูจีนฟากตะวันตกไปจนถึงหลังวัดนางมุก แล้วเลี้ยวไปท่ากายีนั้นเป็นบริเวณที่มุสลิมีนตั้งบ้านเรือนอยู่ในกำแพงเมือง และนอกกำแพงเมืองออกไปก็ตั้งแต่ปลายสะพานประตูจีนฟากตะวันตกไปถึงตำบลที่เรียกว่าฌะไกรน้อย ฟากตะวันตก สำหรับทำเลที่ว่าอยู่นอกกำแพงเมื่องนี้ เป็นไร่นา เข้าใจว่ามุสลิมีนจะใช้ทำการเพาะปลูกอยู่ด้วย

     สำหรับคนที่ได้เข้ามาอยู่ในประเทศช้านาน จนกระทั่งมีที่ดินเป็นของตัวเอง ย่อมทำไร่ไถนาด้วยตัวเอง นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศทีเดียว และสำหรับผู้ที่อยู่ในกำแพงเมืองประกอบอาชีพด้วยการค้าขายสินค้าต่าง ๆ ในบริเวณตั้งแต่ประตูจีนฟากตะวันตก มาจนถึงฌะไกรน้อยนี้เอง มีถาวรวัตถุที่ร้างไปแล้วยัง คือที่ ๆ ปรากฏนั้นเป็นโคกหรือเป็นเนินสูง ซึ่งเข้าใจว่าได้ถมขึ้นเพื่อให้พ้นระดับน้ำท่วมในฤดูนั้น และบนเนินสูงก็มีสิ่งก่อสร้างซึ่งร้างไปแล้วปรากฏอยู่ ปรากฏอยู่ ชาวบ้านเรียกกันมาจนทุกวันนี้ว่า กะฎีทอง

     เข้าใจกันว่ากะฎีทองนี้เป็นซากของสุเหร่าหรือมัสยิด ที่คนที่นับถือศานาอิสลามในสมัยนั้นสร่างขึ้นไว้ ทีนี้คำว่า “แขกเทศ” ที่ปรากฏในจดหมายเหตุนี้ นักโบราณคดีสันนิษฐานกันว่าจะเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่มีรกรากบ้านเดิมอยู่ในประเทศอาหรับบ้าง  และในประเทศอิหร่านหรือเปอร์เซียนนั้นบ้าง แล้วก็มาตั้งรกรากเพื่อดำเนินการค้าขาย

     แล้วในที่สุดก็กลายเป็นคนไทยไปแล้วมากต่อมาก สำหรับตำบลที่ผมมากล่าวนี้ ก็เป็นคนที่มาจากเปอร์เซียหรือจากอาหรับ คนที่นับถือศาสนาอิสลามที่มาจากมลายูนั้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็มีตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นตำบลใหญ่ หลายร้อยหลายพันหลังคาเรือนเหมือนกัน ตำบลนั้นอยู่คลองตะเคียนทางทิศใต้

ส่วนอิสลามชนอีกพวกหนึ่งซึ่งมาจากอินโดนีเซียในปัจจุบัน จากเกาะที่เรียกว่าเกาะมากาซ่า หรืออย่างในภาษาไทยเรียกกันว่ามักสันนั้น ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาด้านฝั่งตะวันตก ใกล้ปากคลองตะเคียนข้างใต้ลงไป นี่ก็เป็นหลักฐานเท่าที่ทราบ แสดงว่าสมัยศรีอยธยานั้นมีมุสลิมีนต้งบ้านเรือนยอุ๋ภายในพระนครและโดยรอบพระนครนั้นเป็จำนวนมาก และก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่คนเหล่านี้ก็จะต้องมีส่วนมากมายหลายอย่าง ในการสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศไทยใหเกิดขึ้น ดังที่ผมจะได้กล่าวต่อไป”



ขอบคุณพิเศษ นสพ สยามรัฐ




Create Date : 30 เมษายน 2555
Last Update : 30 เมษายน 2555 6:51:59 น. 0 comments
Counter : 962 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.