จรรยาบรรณที่หายไปของบริษัทยา

นำมาฝากนะคะ


จรรยาบรรณที่หายไปของบริษัทยา


เมื่อไม่นานนี้มีข่าวคราวที่เกิดขึ้นกับบริษัทแกล็กโซสมิธไคลน์ (GSK) จำกัด บริษัทผลิตและจำหน่ายยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่ทำให้หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขตลอดจนผู้บริโภคยาในประเทศไทยต้องหันกลับ มาทบทวนเกี่ยวกับระบบสาธารณสุขในประเทศของเราจากการที่GSK ถูกศาลเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มีคำสั่งปรับเป็นเงิน3,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาทโดยเป็นค่าปรับในคดีอาญา 1,000 ล้านดอลลาร์ และค่าปรับในคดีแพ่งอีก2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีในข้อหาสำคัญหลายข้อหา ได้แก่ทำตลาดยาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration : FDA) จากกรณีการใช้ยาไม่ตรงกับข้อบ่งใช้ที่ขึ้นทะเบียนไว้ปิดบังเกี่ยวกับอันตรายของยา ตลอดจนกล่าวอ้างในงานวิจัยว่ายามีความปลอดภัย

แต่ละข้อหาที่ GSK ถูกกล่าวหาดำเนินคดี ล้วนแต่เป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่ส่งผลกระทบไปถึงผู้คนในวงกว้างจากการที่ GSK มีการส่งออกยาไปขายในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย พฤติกรรมของ GSK ประการหนึ่งที่ทำให้ผู้สนใจติดตามข่าวนี้ต้องตกตะลึงก็คือการติดสินบนแพทย์ในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้สั่งจ่ายยารักษาโรคเบาหวานยี่ห้อAvandia โดย GSK ได้ปกปิดงานวิจัย 3 ชิ้นที่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาตัว นี้แต่กลับใช้งานวิจัยที่ได้ทำขึ้นใหม่เพื่ออ้างความปลอดภัยของยา  GSK ได้จ่ายสินบนให้แพทย์โดยจัดทัวร์ไปพักผ่อนที่ฮาวาย เงินสด รวมตั๋วคอนเสิร์ตราคาแพงของมาดอนนาเป็นต้น

นอกจากนี้ GSK ยังได้ทำการตลาดเพื่อจำหน่ายยารักษาโรคซึมเศร้ายี่ห้อPaxil และ Wellbutrin โดยไม่ผ่านการรับรองจากFDA ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวก็ยังใช้ไม่ตรงกับที่บริษัทขออนุญาต และไม่ตรงกับที่ระบุในฉลากยา ไฟรเซอร์ บริษัทยาตลาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้มหาศาลจากการผลิตและขายยาไวอากร้าก็ได้ถูกศาลสหรัฐสั่งปรับเป็นเงิน 2,300 ล้านดอลลาร์มาแล้วจากคดีที่ขายยาแก้ปวดยี่ห้อ Bextra โดยไม่ได้รับอนุญาต

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับกรณีบริษัทยายักษ์ใหญ่ดังกล่าวข้างต้น ทำให้สังคมไทยคงต้องหันกลับมามองดูว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับแพทย์ในสหรัฐอเมริกาจะเกิดขึ้นกับแพทย์ในประเทศไทย ได้บ้างหรือไม่ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าพฤติการณ์เช่นเดียวกันนี้อาจจะเกิดขึ้นกับแพทย์หรือ โรงพยาบาลในประเทศไทยได้เช่นกันทำให้คนไทยที่เจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีความจำเป็นต้องใช้ยาอยู่บนความเสี่ยงใน การใช้ยา ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปของการผลิตและประสิทธิภาพที่แท้จริงของยาที่ตนเองใช้ว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยได้ผลหรือไม่

ความเสี่ยงในการใช้ยาดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นกับยาใหม่ และยาจากคลินิกเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งปัจจุบันมีข้อสังเกตว่ายาที่คลินิกเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งจ่ายให้ แก่คนไข้ที่ไปใช้บริการจะไม่มีชื่อยาและไม่ระบุส่วนผสมซึ่งการไม่ระบุรายละเอียดหรือส่วนผสมของตัวยาดังกล่าว อาจเกิดจากเหตุสำคัญ 2ประการคือ ประการแรกเป็นยาที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข ประการที่สองอาจจะเป็นตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. แต่คลินิกเอกชนและโรงพยาบาลเอกชนนั้นไม่ต้องการให้คนไข้หรือผู้บริโภคทราบชื่อยาดังกล่าว เพื่อให้คนไข้หรือผู้บริโภคต้องมาซื้อยาจากคลินิกเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชนนั้นแต่เพียงผู้เดียว กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ อย. ควรจะเข้ามาดูแลกวดขันเข้มงวดกับบรรดาคลินิกเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชนทั้งหลายให้ทำการเปิดเผยชื่อยา ตลอดจนสูตรและส่วนผสมของยาให้มีความชัดเจนไม่ว่าจะที่เป็นยาใหม่ยาที่นำเข้าจากต่างประเทศและยาที่ผลิตในประเทศ เพื่อเป็นการคุ้มครองคนไข้และผู้บริโภคมิให้เกิดอันตรายจากการใช้ยา ปัญหาที่กล่าวมานี้ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้วแต่ก็ไม่เคยได้ข่าวว่า อย. ได้เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ทั้งที่ อย. ถือเป็นหน่วยงานหลักที่กฎหมายได้ให้อำนาจอย่างเต็มที่ในการดูแลความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารและยาให้กับประชาชน

ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยจำนวนมากในอนาคตอีกด้วย หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลไม่ว่าจะเป็นอย. และกระทรวงสาธารณสุข ควรจะเข้ามาป้องกันและเตรียมการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรีบด่วนโดยเฉพาะในเรื่องระบบการเข้าถึงยาของคนไทย เพื่อให้ผู้บริโภคยาชาวไทยไม่ต้องยืนอยู่บนความเสี่ยงใช้ยาโดยไม่ทราบกระทั่งชื่อของยา และไม่ทราบว่ายาที่ตนเองใช้อยู่จะรักษาอาการป่วยไข้ได้ผลเพียงใด อีกทั้งจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นจากการใช้ยาหรือไม่ นอกจากนี้ ควรที่จะทำให้คนไทยทั่วไปสามารถเข้าถึงยาที่ดีและมีประสิทธิภาพในการรักษาได้ในราคาที่สมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไปอย่างที่เป็นอยู่ จากการที่บริษัทยาต่างชาติขูดรีดขายยาราคาแพงให้คนไทยใช้อยู่ในขณะนี้.


(ขอบคุณบทความ จรรยาบรรณที่หายไปของบริษัทยา จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย รุจิระ บุนนาค)


ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี




Create Date : 28 กันยายน 2555
Last Update : 28 กันยายน 2555 17:05:04 น.
Counter : 1630 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kandanalikecoconutoil.BlogGang.com

kandanalike
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]

บทความทั้งหมด