|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทริปขึ้นเหนือวันสิ้นปี เชียงราย-เชียงแสน-แม่สาย-พะเยา-ลำปาง
บล็อกแรกขอปีนี้ขอเล่าเรื่องทริปเชียงรายช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาครับ เส้นทางการเดินทางหนนี้แวะเที่ยวตั้งแต่ ลำปาง-เชียงราย-เชียงแสน-แม่สาย-พะเยา-ลำปางอีกที ลองพยายามยัดรูปลง 1 บล็อกปรากฏว่าโหลดโหดมหาศาล เพราะงั้นบล็อกนี้จะเล่าภาพรวมของทริป 5 วันนี้ แล้วแยกช่วงที่เที่ยวโบราณสถานต่างๆไปเป็นบล็อกประวัติศาสตร์แล้วกันครับ
หนนี้ขึ้นเหนือโดยใช้เส้น 101 แทนสาย 1 ซึ่งก็พบว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร ช่วงอุตรดิตถ์-แพร่ ถนนขึ้นลงเขาคดเคี้ยว แถมช่วงพิจิตรก็ขรุขระไม่ต่างจากเส้นกำแพงเพชร-นครสวรรค์ที่ผมพยายามเลี่ยง ที่สำคัญดันหลงทางในพิษณุโลกเพราะงงกับถนนมันอีกต่างหาก ออกจากบ้านตีสี่ กว่าจะถึงลำปางก็ล่อไป 11 โมง ผมเล็งเที่ยวในลำปางไว้สามวัดคือวัดม่อนจำศีล วัดพระแก้วดอนเต้า และวัดพระธาตุเสด็จ ซึ่งก็ได้ไปครบถ้วน ไว้จะเล่าในบล็อกประวัติศาสตร์เขลางค์นครครับ
จากลำปางก็ดิ่งขึ้นเชียงราย ก่อนถึงตัวเมืองจะผ่านวัดสีขาวประดับกระจกแวววาวที่วิจิตรงดงามที่สุดในประเทศไทย วัดร่องขุ่น สร้างสรรค์โดยอาจารย์เฉลิมชัยตั้งแต่ปี 2540 โดยตั้งใจสร้างที่นี่เป็นงานพุทธศิลป์ถวายพระเจ้าแผ่นดิน โดยออกแบบให้เหมือนเมืองสวรรค์ และสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ซึ่ง อ.เฉลิมชัยเองก็คาดว่าคงทำไม่เสร็จในชาตินี้ ผมเคยมาที่นี่สองครั้ง ตอนนั้นตัวโบสถ์ยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ มาหนนี้มีของเพิ่มมาอีกเยอะครับ
 สวยมากๆ! สวยสุดๆ! สวยไปหมดทุกหนแห่ง! พระประธานคือภาพวาดพระพุทธองค์ ฝีมือ อ.เฉลิมชัย แต่ด้านในโบสถ์ถ่ายภาพไม่ได้นะครับ
 ทุกอย่างในวัดนี้เป็นศิลปะกรรมชั้นยอด แม้แต่ป้ายห้ามสูบบุหรี่ หรือกรวยจราจรก็ออกแบบพิเศษจนมีลวดลายสวยงาม แม้แต่ส้วมก็ยังสวย สีทองๆเหมือนปราสาทนั่นละครับ ส้วมครับ!
 มีคนพาราชู๊ตแถววัดด้วย อย่าตกมาโดนหนามแหลมๆทิ่มเอานะเพ่นะ
 ที่นี่มีอาคารแสดงผลงานของ อ.เฉลิมชัยด้วย นอกจากงานปั้นแล้ว ผลงานที่ผมชอบที่สุดก็คืองานประเภทภาพสีอะคริลิคบนผ้าใบครับ
ขับเข้าตัวเมืองเชียงรายคืนแรกนอนที่บ้านบัวเกสเฮาส์ครับ จองไว้ล่วงหน้าสองอาทิตย์ยังเหลือแค่ห้องเดียว เชียงรายหน้านี้คนเที่ยวกันเยอะสุดๆจริงๆ ผมซุกหัวนอนที่ไหนก็ได้อยู่แล้วเลยสนใจทำเลมากกว่าสภาพห้อง ที่นี่ดีตรงที่ใกล้กลางเมืองเดินไปเชียงรายไนท์บาร์ซ่าและหอนาฬิกาได้ครับ ถึงมันจะน้ำไม่ค่อยไหล อ่างล้างหน้าระบายน้ำไม่ลง ไม่มีทีวี ไม่มีน้ำขวดให้ และผ้าเช็ดตัวแข็งเหมือนพรมเช็ดตีนผมก็ไม่บ่นหรอก (นี่ขนาดไม่บ่นนะเนี่ย)
 ยามนอนนอกสถานที่ เรื่องที่ผมคอนด้อม เอ้ย! คอนเซิร์นที่สุดก็คือสายฉีดตูดนี่แหละ ปรากฏว่าที่นี่มีให้ไม่บกพร่อง
สัญลักษณ์ คือตรารับประกันว่าที่พักนี้มีสายฉีดตูดที่สามารถใช้การได้ครับ (แล้วเอ็งจะมารีวิวห้องน้ำทำพรื้อ?)
เชียงรายไนท์บาร์ซ่ายังคงคึกคักเหมือนที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน ที่นี่เป็นตลาดกลางเมืองที่ผมชอบมากที่สุดในภาคเหนือ เพราะอาหารราคาถูก และมีการแสดงให้ดูถึงสองเวที ขนาดวันที่ 28 ธ.ค. คนยังคึกคักขนาดนี้ ผมว่าช่วงเคาท์ดาวน์ทั้งการแสดง ทั้งปริมาณคนต้องอลังการกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ผมไม่ได้อยู่ดูอ่ะ
 หากนับตั้งแต่ พ.ศ. 1805 ที่พญามังรายก่อตั้งเมืองเชียงรายบนดอยจอมทอง ปีนี้ก็นับว่าเชียงรายก่อตั้งมาครบรอบ 750 ปีแล้ว ที่นี่มีชื่อตามพญามังรายว่า "เชียงราย" (คำว่า "มัง" หมายถึงผู้ปกครอง และชื่อจริงๆคือ "ราย" ครับ) แต่ก่อนหน้านั้นกลุ่มคนไทยที่อพยพมาจากตอนใต้ของจีนได้สร้างเมืองโยนกนาคพันธุ์และหิรัญนครเงินยางในพื้นที่เชียงแสนปัจจุบัน หากจะพูดว่าพื้นที่เชียงรายแห่งนี้นับเป็นที่แรกที่บรรพบุรุษคนไทย สร้างเมืองขึ้นมาบนแผ่นดินสุวรรณภูมิก็คงไม่ผิดไปนัก ส่วนเมืองที่เก่าแก่กว่านั้นอย่างเมืองในสังกัดทวาราวดีหรือศรีวิชัยนั้น ชนชาติอื่นๆ เช่น มอญ ขอม มลายู ฯลฯ เป็นคนสร้างขึ้นมาครับ
การแสดงบนเวทีวันนี้มีเพลงเชียงรายที่แต่งขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 750 ปี เล่าถึงการสร้างเมืองของพญามังราย เมืองดอกไม้งาม มีพระธาตุดอยตุงล้ำค่า เหนือสุดแดนสยาม ดินแดนสามแผ่นดิน ถิ่นฐานวัฒนธรรมเรา ฯลฯ เรียกได้ว่าชาวเชียงรายมีเรื่องให้ภาคภูมิใจมากมาย
นอกจากวิวสวยอากาศดีแล้ว คนเหนือที่ยิ้มแย้มมีอัธยาศัยดีก็มีส่วนทำให้ภาคเหนือเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของหลายๆคนด้วย
เดินเที่ยวไปเรื่อยก็ยิ่งสังเกตได้ว่าผู้หญิงภาคเหนือสวยอย่างที่เขาว่ากันจริงๆครับ เห็นได้จากเพื่อนบล็อกชาวภาคเหนือของเราทั้งรินซ่า (พะเยา) พี่กิ่ง (ลำปาง) พี่ก๋า (เชียงใหม่) คุณแหม่ม (พิษณุโลก) และอีกหลายๆท่านล้วนหน้าตาดี คนเหนือส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนไทยวน (หรือยุคหลังๆเรียกว่า "คนเมือง') หลังนโยบายรวมชาติของจอมพล ป. ก็เปลี่ยนมาใช้ภาษากลางเหมือนคนภาคกลาง แม้จะมีประวัติศาสตร์ของตนเองมายาวนาน แต่คนภาคเหนือไม่ได้มีประเด็นความไม่พอใจรัฐบาลกลางรุนแรงเหมือนบางพื้นที่ในภาคใต้ เพราะพวกเขายินดีเลือกอยู่กับไทยตั้งแต่พญาจ่าบ้านและพญากาวิละนำกองทัพล้านนามาสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อให้ช่วยปลดปล่อยล้านนาจากการปกครองของพม่าแล้วครับ ไว้บล็อกประวัติศาสตร์จะเล่าให้ฟังโดยละเอียดอีกที แม้ช่วงต้นยุครัตนโกสินทร์ ล้านนาจะมีความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางบ้าง แต่ปัจจุบันคนภาคเหนือมีสำนึกของความเป็นชาติ และยินดีที่ได้อยู่อย่างสงบสุขใต้ร่มธงชาติไทยผืนเดียวกันครับ
นี่คือหอนาฬิกาใหม่ของเมืองเชียงรายที่ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัยอีกแล้วครับท่าน จะยกให้เป็นหอนาฬิกากลางเมืองที่สวยที่สุดในประเทศไทยก็คงไม่ผิดไปนัก

เช้าวันที่ 29 ธ.ค. วันนี้ขับรถเที่ยววัดเก่าๆในตัวเมืองเชียงราย คือวัดกลางเวียง วัดงำเมือง และวัดพระธาตุดอยจอมทอง ไว้จะเก็บไปเล่าในบล็อกประวัติศาสตร์เชียงรายครับ พอสายหน่อยก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พญาเม็งรายมหาราชที่ห้าแยกพ่อขุน พญามังรายเป็นบูรพกษัตริย์ที่ชาวภาคเหนือ โดยเฉพาะคนเชียงใหม่และเชียงรายเคารพนับถือมาก
ชื่ออนุสาวรีย์คือพ่อขุนเม็งรายมหาราช แต่ที่ถูกต้องเรียกว่า "พญามังราย" นะครับ
 บริเวณอนุสาวรีย์มีร้านขายของที่ระลึกและแปลงดอกไม้สวยงามสมเป็นเชียงรายเมืองดอกไม้งามครับ มาที่นี่ก็ไม่ต้องไปลานตุงหรือเทศกาลดอกไม้อาเชียนละ
 เป้าหมายต่อไปคือเที่ยวถ้ำทั้งหลายแถวแม่สายครับ ขาออกจากเชียงรายรถเยอะแบบสุดๆ จะฮิตกันไปถึงไหนเนี่ยจังหวัดนี้ ยิ่งเชียงใหม่คนคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่า เที่ยงวันนี้แวะกินอาหารอิสลามร้านราชาข้าวหมกข้างซ้ายของถนนสาย 1 ขาออกเมืองเชียงรายขึ้นแม่สาย ที่ต้องกล่าวถึงเพราะมื้อนี้ อร่อยมากกกกกกกกกกกก~!! ผมชอบอาหารอิสลามกับอาหารอินเดียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็จริง แต่ที่นี่รสชาติเยี่ยมกว่าอาหารอิสลามที่เคยกินมามากๆ ลูกชิ้นปิ้งกับกาแฟสดก็อร่อยครับ
 หนนี้ผมไม่ได้ไปที่เที่ยวยอดฮิตของเชียงรายอย่างแม่สลองหรือดอยตุงเพราะเคยขึ้นไปหลายครั้งแล้วครับ เป้าหมายของรอบนี้คือพุทธสถานถ้ำปลา ซึ่งเป็นที่เที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวมากมายไม่แพ้กัน แต่ละวัดในภาคเหนือมักมีตำนานอัศจรรย์ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างวัดต่างๆ อย่างที่ธารน้ำที่ไหลออกจากถ้ำของวัดนี้มีปลาไม้หีบตัวแบนๆว่ายอยู่ ก็เล่ากันว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดสัตว์ที่โยนกนคร (มาไกลจัง) มีคนเอาปลาหนีบไม้ปิ้งมาถวาย ท่านเลยร่ายเวทชุบชีวิต ให้ปลาหนีบไม้ปิ้งกลับฟื้นคืนชีพกระโดดลงน้ำแหวกว่ายเป็นที่น่าอัศจรรย์ - -b ปัจจุบันไม่มีปลาไม้หีบที่ว่าให้ดูแล้วครับ มีแต่ปลาดุกกับปลาคาร์พที่ชาวบ้านเอามาปล่อย
 ที่เห็นเด่นเป็นสง่าบนยอดเขานี้คือพระธาตุอินแปลง แต่ไม่มีทางเดินขึ้นไปนะจ๊ะ ตามตำนานเชื่อว่าพระอินทร์แปลงเป็นฤาษีมาสร้างไว้ด้วยตัวคนเดียวครับ
 ด้านขวามือของวิหารมีเจดีย์นพจุฑา (เก้ายอด) ไม่ใช่ของเก่าแก่อะไรครับ เพิ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2523 เก่าแก่กว่าคนเขียนบล็อกนี้แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง
 ที่นี่อุดมไปด้วยลิงไอ้เนี๊ยะ (หายากนะเอ้า) ระวังโดนฉกขนมไปกินนะครับ มีป้ายเตือนว่าลิงเป็นสัตว์ป่าอันตราย พวกเธออย่าได้หลงคิดว่ามันน่ารักเชียวนะ
 พรีเซนเตอร์ขนมกรุบกรอบตะวัน ท่าทางอร่อยนะนั่น
ด้านซ้ายของวิหารมีทางขึ้นถ้ำเปลวปล่องฟ้า ต้องขึ้นบันไดไปพอสมควรครับ ด้านบนมีแสงส่องลงมาหน้าปากถ้ำสวยงาม
 จากหน้าถ้ำยังมีทางขึ้นไปด้านซ้ายต่อเพื่อชมวิวจากยอดเขา แต่ต้นไม้บังมะเหงไรเบย ไม่ต้องปีนขึ้นไปหรอกครับ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปและเจดีย์ขนาดเล็กว่ากันว่าสร้างโดยพระเจ้าอชุตราช ผู้ครองนครโยนกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 แต่พงศาวดารโยนกบอกว่าเมืองโยนกล่มเป็นหนองน้ำไปตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11 ประวัติศาสตร์เมืองโบราณในเชียงรายถูกคัดลอกเป็นใบลานและพับสาหลายเวอร์ชั่น จะค่อนข้างคลุมเครือกว่าเมืองโบราณรุ่นเดียวกันอย่างพะเยาหรือสุโขทัยที่มีการจารึกลงหลักศิลาชัดเจนครับ

ออกจากถ้ำปลา ขึ้นมาด้านบนอีกนิดจะถึงวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แถวถ้ำหลวงมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย ผมขึ้นไปถ้ำพญานาคทางเดินป่าสมบุกสมบันอย่างมาก ยุงป่าเยอะอีกต่างหาก พอมาถึงเป็นถ้ำเล็กๆ มีจุดขายคือหินงอกลักษณะแปลกตาคล้ายลำตัวพญานาคครับ

 ใกล้ๆกันมีถ้ำเลียงผา แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะ HP หมดจากการปีนขึ้นถ้ำพญานาค ส่วนถ้ำพระนี่อยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นเท่าไหร่ มีพระพุทธรูปและรูปปั้นยมทูตหน้าตาตลกหน้าถ้ำ
 หมดจากถ้ำตัวประกอบคราวนี้เตรียมใจลุยถ้ำหลวงครับ ที่นี่คือถ้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 7 กม.!! แต่ทางเดินที่ทำไว้ให้มนุษย์เดินมีแค่ 800 เมตรเท่านั้นนะครับ ไกลกว่านั้นถ้าไม่ห้าวพอก็อย่าได้อุตริเดินเข้าไป ก่อนถึงทางเข้าถ้ำมีศาลเจ้าแม่นางนอนพร้อมป้ายจุดน่าสนใจต่างๆในถ้ำที่ตั้งชื่อได้แฟนตาซีชวนให้เข้าไปชมมากๆ เช่น เขาพระสุเมรุ ท้องฟ้าจำลอง เขาวกวน ถ้ำกระดูก เจดีย์ทราย บ่อน้ำทิพย์ นครลอยฟ้า เมืองลับแล นครบาดาล ฯลฯ ซึ่งทุกจุดมันก็คือตำแหน่งที่มีหินงอกหินย้อยลักษณะต่างๆเท่านั้นเองแหละ

 ด้านหน้าสุดของถ้ำเป็นโพรงขนาดใหญ่โตมโหฬารครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ปลื้มการปีนหิน แนะนำให้มาถึงจุดนี้แล้วหันหลังกลับครับ เพราะทางเข้าไปต่อนั้นมืดมิดไร้แสงไฟ เดินทางลำบาก และไกลมาก ต้องพกไฟฉายและกินไข่ขาวเพาะกล้ามเนื้อน่อง ด้านขวาของปากทางเข้ามีหินงอกนูนเป็นเนินเรียกเขาพระสุเมรุ ด้านซ้ายสามารถเข้าไปได้อีกลึกมาก มีทั้งลานทราย ช่องแคบ หุบเหว หินงอกหินย้อย ลักษณะหินจากที่นี่จะต่างจากถ้ำหินงอกที่อื่นซึ่งเป็นหินปูน ที่นี่เป็นหินมีเกล็ดสะท้อนแสงแบบหินริมน้ำ แต่ก็ไม่ถึงกับระยิบระยับสวยงามหรอกครับ
 ผมไปถึงจุด 800 เมตร แต่ทีมที่เดินนำหน้ามาเข้าไปต่อจากจุดที่มนุษย์ควรเดินเข้าไปด้านในอีก โหยยย อันตรายสุดๆ แต่ทีมนั้นไต่ถ้ำเก่งครับ สงสัยรับยีนส์สไปเดอร์แมนมา โอ้ว พลังอันยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง 
ริมทางของแม่สายสวยตลอดทาง ถนนขาออกจากถ้ำหลวงเป็นไร่ยาสูบครับ ผมว่ามันสวยไม่แพ้ไร่อื่นๆเลยหละ อีกหน่อยนักท่องเที่ยวอาจนิยมมาถ่ายรูปไร่ยาสูบแทนไร่ทานตะวันหรือไร่กะหล่ำ

ช่วงเย็นขับรถเข้าอำเภอเชียงแสน พักที่รุจิรา รีสอร์ทครับ ห้องสภาพดีกว่าที่พักคืนก่อน ราคาถูกมาก คืนละ 500.- ถ้านอนชั้นล่างครับ ที่นี่เป็นรีสอร์ทเก่าแก่เปิดกิจการมานานแล้ว ก่อนที่จะมีรีสอร์ทใหม่ๆหลายแห่งมาเปิดใกล้ๆกัน แต่ที่นี่ถูกที่สุดครับ เจ้าของที่พักก็อัธยาศัยดี แม้น้ำจะไม่แรงและอ่างล้างหน้าตัน แต่จุดขายก็คือมีที่ฉีดตูด เอ้ย! ที่ตั้งที่อยู่ริมทะเลสาบเชียงแสนแบบเดินถึงกันได้เลย
 พระอาทิตย์อัสดงริมทะเลสาบเชียงแสน งดงามยิ่งนัก ที่นี่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่คนนิยมมาดูนกกัน และเชื่อกันว่าคือตำแหน่งที่เมืองโยนกจมลงไปหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อพันปีก่อน แต่อีกหลายๆคนรวมทั้งผมเชื่อว่าน่าจะเป็นเวียงหนองล่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบนี้มากกว่า

 เช้าของวันที่ 28 ธ.ค. เป็นวันที่สามของการเดินทาง วันนี้จะเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ด้วยครับ เพราะเราจะไปเมืองโบราณเชียงแสนกัน แต่ผมขอเก็บเรื่องเมืองเชียงแสนไว้เล่าในบล็อกประวัติศาสตร์เชียงแสนครับ
เช้านี้เราไปกันที่สามเหลี่ยมทองคำ บริเวณที่สามประเทศคือไทย-พม่า-ลาว มาบรรจบกัน มีป้ายสามเหลี่ยมทองคำอยู่ 5-6 อันล้วนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป มองข้ามสายน้ำโขงไปจะเป็นฝั่งลาว ถ้าขับเลยขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเป็นพม่า
 วิวที่เห็นสามประเทศพร้อมๆกันในเวลาเดียวกันแบบนี้ไม่ได้หาดูง่ายๆนัก ฝั่งที่ผมยืนอยู่คือประเทศไทย ดินรูปสามเหลี่ยมด้านซ้ายคือพม่า และด้านขวาคือลาวครับ ถ้าขึ้นไปชมจากยอดวัดพระธาตุปูเข้าจะเห็นจากมุมสูงกว่านี้อีก แต่ผมชอบมุมนี้มากกว่า
 สายน้ำโขงเปลี่ยนทิศทางจากยุคโบราณกาลมาหลายครั้ง โดยเฉพาะบริเวณเชียงแสนที่เป็นแนวแผ่นดินไหว แผ่นดินเคลื่อนตัวบ่อยครั้ง ทำให้เมืองโบราณบางส่วนจมอยู่ในหนองบ้าง แม่น้ำบ้าง เชื่อกันว่าอาณาจักรสุวรรณโคมคำที่เก่าแก่ บางส่วนของหิรัญนครเงินยาง รวมทั้งบางส่วนของเมืองเชียงแสนก็จมอยู่ในลำน้ำโขงแห่งนี้ บ้างก็ว่าสมัยที่ลาวรบกับไทยต้นยุครัตนโกสินทร์ ลาวได้ขุดเปลี่ยนทิศทางลำน้ำโขงเพื่อทำลายกำแพงเมืองเชียงแสน ทำให้เมืองเชียงแสนส่วนหนึ่งจมอยู่ในน้ำ หนึ่งในโบราณวัตถุสำคัญที่มีผู้เคยพบเห็นคือพระเจ้าล้านทองทิพย์ หรือที่เรียกกันว่าพระเจ้าล้านตื้อ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ของเชียงแสนที่จมอยู่ในแม่น้ำโขง แม้จะมีการสำรวจอย่างจริงจังหลายครั้งแต่ยังไม่มีผู้ค้นพบว่าอยู่ตรงไหนของแม่น้ำ เจอเพียงรัศมียอดพระพุทธรูป ซึ่งปัจจุบันนี้เก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน เดี๋ยวบล็อกหน้าจะเอามาให้ชมครับ
ริมฝั่งมีพระพุทธนวล้านตื้อประทับบนเรือนแก้วกุศลธรรม ซึ่งสร้างจำลองจากพระเจ้าล้านตื้อองค์เดิมซึ่งจมอยู่ในแม่น้ำโขง พระองค์นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ผมมาสามเหลี่ยมทองคำครั้งล่าสุดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ยังไม่มีพระองค์นี้ครับ
 ฝั่งแม่น้ำโขงหน้าองค์พระยังมีตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติและอนุสาวรีย์พระเจ้าแสนภู กษัตริย์ล้านนาผู้สร้างเมืองเชียงแสน
 ถนนเลียบแม่น้ำโขงนอกจากวิวสวยๆ มุมถ่ายรูป และร้านอาหารมากมายแล้วยังมีร้านขายของที่ระลึกที่น่าจับจ่ายตั้งเรียงกันหลายร้าน ของที่นี่ราคาถูกน่าเอาไปฝากมิตรรักแฟนเพลงที่บ้านครับ
 อีกหนึ่งป้ายแลนด์มาร์คเก่าแก่ของสามเหลี่ยมทองคำ ป้ายนี้จำได้ว่ามีตั้งแต่ผมมาเชียงแสนคราวก่อน เช่นเดียวกับร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ติดกับป้ายนี้ ตั้งมานานแล้วเหมือนกันครับ
 จากนั้นเราขึ้นพระธาตุปูเข้า แล้วลงไปเมืองเชียงแสนน้อย ก่อนขึ้นมาเชียงแสน แล้วตระเวนค้นหาเวียงหนองล่มที่เมืองโยนกนาคพันธุ์จมอยู่ ไว้จะมาเล่าให้ฟังในบล็อกประวัติศาสตร์โยนกนาคพันธุ์-หิรัญนครเงินยางครับ (สรุปว่าอีกกี่บล็อกถึงจะจบเชียงรายเนี่ย?) คืนนี้ก็ยังคงนอนที่รุจิรารีสอร์ทข้างทะเลสาบเชียงแสนครับ
มาถึงวันที่ 4 ตอนเช้าๆหรือเย็นๆได้ตระเวนขับรถถ่ายรูปข้างทางบรรยากาศดีทุกหนแห่งในเชียงรายจริงๆครับ นี่ภาพพระอาทิตย์ขึ้นจากทุ่งนาบนถนนสู่แม่สาย
 ใช่แล้ว วันนี้เวลาเราเหลือ เลยเที่ยวเก็บตกที่ๆตั้งใจจะมาตั้งแต่วันก่อนๆ แต่ไม่ได้มา ที่แรกคือพระธาตุดอยเวาและตลาดแม่สายครับ ที่นี่คือจุดเหนือสุดของประเทศไทย ติดกับชายแดนพม่า มีด่านศุลกากรกรอกฟอร์มเพื่อผ่านเข้าพม่าได้ไม่ยากครับ
 และนี่คือหลักกิโลอันสุดท้ายของประเทศไทย ของเก่าตัวหนังสือเลือนแทบหมดแล้ว
 ป้ายยอดนิยม คนเข้าคิวถ่ายรูปเยอะพอๆกับป้ายสูงสุดแดนสยามที่ดอยอินทนนท์
 นอกจากเป็นจุดเหนือสุดของไทยแล้วตลาดที่นี่ยังมีสินค้าราคาถูกอีกมาก ถ้ากลัวตาดีได้ตาร้ายเสียก็ซื้อของกินอย่างพวกอาหารแห้ง ไวน์ผลไม้ เห็ดหอม เครื่องตุ๋นยาจีน ถั่วต่างๆ ผลไม้ คุณภาพดีและราคาถูกมากๆครับ ของส่วนมากนำเข้าจากประเทศจีน พวกขนมจะห่วยครับ
 หลังเที่ยวเชียงรายจนหนำใจก็ได้เวลาเดินทางกลับ ขาลงแวะพะเยาที่ไม่ได้แวะวันแรก เพราะเสียเวลาเดินทางเยอะกว่าที่คิด ผมเลือกไปโบราณสถานสมัยเมืองพะเยารุ่งเรืองอย่างวัดศรีโคมคำ วัดป่าแดงบุญนาค วัดลี ครับ ส่วนใหญ่บูรณะหมดแล้ว ไม่ได้เห็นอิฐแดงๆอย่างที่โปรดปรานเลย พิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปหินทรายในวัดลีก็ปิดอีกต่างหาก วันนี้ (31 ธ.ค.) วัดต่างๆเตรียมสวดมนตร์ข้ามปีครับ
กว๊านพะเยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ติดถนนสายหลักที่ผ่านเมืองพะเยา ที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศไทยรองจากหนองหานและบึงบอระเพ็ด มีวัดเก่าแก่ของพะเยาจมอยู่ในกว๊านหลายแห่ง เพราะเมื่อ 70 ปีก่อนกรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำไว้กักน้ำในกว๊านพะเยาทำให้ชุมชนและวัดโดยรอบจมอยู่ในกว๊านไป ซึ่งวัดที่คนนิยมนั่งเรือไปชมกันก็คือวัดติโลกอารามที่มีบางส่วนโผล่ขึ้นจากน้ำให้เห็นครับ แต่ผมไม่ได้ไปดู...แป่ว!
ผมไปจุดชมกว๊านพะเยาหลังวัดศรีโคมคำและบริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ที่นี่สร้างรูปปั้นพญานาคพ่นน้ำไว้กลางกว๊านเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองครับ ตรงกลางคือพระธาตุจอมทองจำลอง ตามตำนานว่าพญานาคในกว๊านพะเยาได้เลื่อมใสต่อพระพุทธองค์ที่เสด็จมาประทับที่ดอยจอมทอง แล้วสร้างพระเจ้าตนหลวงขึ้นในวัดศรีโคมคำ แม้ฟ้าจะหลัวแต่แสงอาทิตย์ก็แหวกหมู่เมฆส่องลงหน้าพญานาค เป็นเพราะบารมีพ่อขุนงำเมืองเป็นแน่แท้
 ผมเคยได้ยินว่าอีกด้านของพญานาคที่หันหลังให้คน เขาไม่ได้ทำเกล็ดกับหน้านาคไว้อ่ะ ใครพายเรือไปถ่ายมาให้ดูหน่อยดิ๊
วัดสุดท้ายที่ผมแวะก่อนดิ่งยาวคือวัดอนาลโยทิพยาราม วัดดังของพะเยาที่ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัมครับ สำหรับวัดนี้คงไม่ต้องเก็บไปเล่าในบล็อกประวัติศาสตร์พะเยา เพราะไม่ได้เก่าแก่อะไร เพิ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2525 (อ๊ะ เด็กกว่าผมปีนึงแน่ะ) ทางขึ้นเป็นบันไดพญานาคยาวทารุณไม่แพ้ทางขึ้นถ้ำเปลวปล่องฟ้าเลยครับ เมื่อขึ้นมาจนถึงลานด้านบนก็พบว่ารถยนต์สามารถแล่นขึ้นมาได้เช่นกัน (เวรกรรม!)
 สิ่งก่อสร้างต่างๆของที่นี่ทั้งพระพุทธรูป รูปปั้น เจดีย์ และพุทธสถานต่างๆก็สร้างได้อย่างงดงาม มีทั้งศิลปะแบบล้านนา พม่า สุโขทัย อินเดีย ฯลฯ ปนกัน ผมขึ้นดอยบุษราคัมที่มีหอพระโบราณ หอพระแก้วมรกต เจดีย์ อาคารล้านนา และพระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคลประดิษฐานอยู่ ไม่ได้ขึ้นไปดูเจดีย์พุทธคยาจำลองและพระพุทธลีลาซึ่งอยู่บนเขาตรีเพชรอีกดอยหนึ่งครับ เขาสร้างเป็นอุทยานพระพุทธศาสนาจำลองสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพานของพระพุทธเจ้า
คืนวันที่ 31 ธ.ค. สำหรับหลายท่านก็เป็นวันสำคัญที่จะสวดมนตร์ข้ามปีในปีพุทธชยันตีแบบที่คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วในชีวิต ในขณะที่อีกหลายท่านก็เป็นค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองดังเช่นคืนวันปีใหม่ของทุกปี ซึ่งผมเป็นพวกหลังครับ ทริปนี้ไม่ได้วางตารางของวันที่ 4 ไว้ว่าจะไปไหนบ้าง เรียกว่าขับรถถึงที่ไหนก็นอนมันที่นั่นเลย เราออกจากเมืองพะเยามาถึงลำปางครับ กว่าจะผ่านโค้งมหาศาลยามโพล้เพล้มาได้ก็มึนไปหลายตลบ คืนนี้เราพักที่เมืองลำปาง ซึ่งที่พักก็ไม่ได้ตั้งใจหา แต่มันขับรถหลงทางมาเจอเอาพอดี เลยพักซะเลย
ปรากฏว่า เอสบีอพาร์ทเม้นท์นี้ดีกว่าที่คิดมากๆครับ คืนละ 350บาท !! มีแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำขวด ทีวี ฯลฯ ...อ้อ ที่ฉีดตูดด้วย ให้อย่างครบครัน ที่นี่อยู่ในซอยใกล้กับหอนาฬิกาของลำปาง เดินเที่ยวได้สบายเลยครับ
 พูดถึงลำปางหลายคนนึกถึงชามตราไก่กับรถม้า ซึ่งผมก็ได้เจอทั้งสองอย่างครับ รถม้านี่วิ่งจนดึกเชียว
 เทศบาลนครลำปาง นับเป็นประตูสู่ดินแดนห้าเชียง คือ เชียงใหม่ เชียงราย เชียงตุง (พม่า) เชียงรุ้ง (สิบสองปันนา) และเชียงทอง (หลวงพระบาง) มีผู้คนคึกคักที่สุดในภาคเหนือตอนบนรองจากเชียงใหม่และเชียงราย โดยเฉพาะคืนนี้ยิ่งคึกคักเพราะเป็นสถานที่จัดงานเคาท์ดาวน์ของชาวลำปางครับ นอกจากไฟประดับสวยงาม ของขายมากมายแล้วเขายังทำถนนคนเดินเป็นลำปางมิวเซียม มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ แบ็คกราวด์ของลำปาง และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ มีมุมให้ถ่ายรูปมากมายทั้งโซนที่จัดเป็นสถานที่เที่ยวดังของประเทศต่างๆ มาสคอตตัวการ์ตูนดัง (มีจ่าดราม่าด้วย) กระทั่งชิงช้าสวรรค์ก็ยังมี มื้อเย็นวันนี้ผมกินที่ตลาดนี่แหละครับ เลือกสารพัดอาหารมานั่งกินกันได้หลากหลายดี ที่เชียงรายว่าของถูกแล้ว ที่นี่ยิ่งถูกเข้าไปอีก! หมึกปิ้งไม้ละ 5 บาท ไอติมเล็ก โคนละ 1.5 บาท
 มีโคมขายให้คนซื้อไปจุดลอยขึ้นฟ้าด้วย คืนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยโคมลอย
 บริเวณเวทีข้างหอนาฬิกามีการแสดงต่อเนื่องหลายชุดตั้งแต่หัวค่ำ แต่ผมอยู่ไม่ถึงเที่ยงคืนนะครับ เดินตั้งแต่หนึ่งทุ่มยันสามทุ่มกว่าก็อิ่มใจแล้วที่ได้เห็นบรรยากาศเคาท์ดาวน์ต่างถิ่น แถมหนนี้ได้มาไกลถึงลำปาง
 คืนนี้ชาวลำปางแท้ๆอย่างพี่กิ่งสวดมนต์ข้ามปีที่วัดพระแก้วดอนเต้า ดีเลยที่ผมได้เก็บบรรยากาศงานปีใหม่ที่หอนาฬิกามาแลกกันดูครับ ^^
เช้าวันต่อมาดิ่งกลับบ้านครับ มื้อเช้าวันนี้กินโจ๊กลำปางข้างร้านข้าวมันไก่แถวหอนาฬิกา อร่อยทั้งคู่ ตอนนี้ตีห้า แม้ไฟประดับต่างๆยังคงเปิดสว่างไสว แต่พอไร้ผู้คนแล้วรู้สึกอย่างกับไม่ใช่ที่เดียวกับเมื่อวาน

ผมได้เห็นแสงอาทิตย์แรกของปีนี้ที่ลำปางครับ ขอจบทริปลำปาง เอ้ย! ทริปเชียงรายแต่เพียงเท่านี้ คงไม่ต้องบอกให้ไปเที่ยวกันเยอะๆเพราะคนเที่ยวภาคเหนือเยอะอยู่แล้ว แต่ขอให้ช่วยกันรักษาสภาพแหล่งท่องเที่ยวต่างๆให้คงความน่าเที่ยวต่อไปนานๆด้วยนะครับ
Create Date : 05 มกราคม 2556 |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 19:25:58 น. |
|
57 comments
|
Counter : 5776 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:9:33:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:9:52:53 น. |
|
|
|
โดย: story_dnp วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:9:59:02 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:11:20:58 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:12:43:55 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:13:40:40 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:16:11:55 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:16:13:41 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:16:31:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:22:48:06 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:22:53:42 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:23:05:25 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:1:51:45 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:5:30:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:6:15:34 น. |
|
|
|
โดย: มิลเม วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:9:50:36 น. |
|
|
|
โดย: mamamodern วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:18:04:41 น. |
|
|
|
โดย: mamamodern วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:20:06:29 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:20:52:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:21:56:55 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 6 มกราคม 2556 เวลา:22:35:34 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:6:50:55 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:16:34:02 น. |
|
|
|
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:17:54:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:23:31:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:5:48:28 น. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:10:12:30 น. |
|
|
|
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:11:20:44 น. |
|
|
|
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:11:20:44 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:15:40:00 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 9 มกราคม 2556 เวลา:23:29:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:6:40:10 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:12:17:11 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:12:23:34 น. |
|
|
|
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:12:38:54 น. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:12:50:16 น. |
|
|
|
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:17:58:08 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:0:20:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:5:54:06 น. |
|
|
|
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 11 มกราคม 2556 เวลา:21:15:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มกราคม 2556 เวลา:6:16:38 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 12 มกราคม 2556 เวลา:14:55:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:7:09:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|