ท่องผืนป่ามรดกโลกที่ห้วยขาแข้ง
งานอย่างเยอะเลยครับปีนี้ อัพได้ 3 อาทิตย์/1 บล็อก จริงๆ สงสัยเป้าหมายทายาทจานเต๊ะ & ทุเรียนกวน คงไม่ไกลเกินเอื้อม
วันนี้เป็นทริปช่วงปลายปีที่ไปมาเมื่อวันที่ 29-30 ธ.ค. 64 ที่่ผ่านมา เที่ยวโซนตะวันตกของจังหวัดอุทัยธานีที่มีผืนป่ามรดกโลกอย่างห้วยขาแข้ง และ อ.ลานสัก-บ้านไร่ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ทำงานหน้าคอมมาทั้งปีแล้วก็ขอไปสูดอากาศดีๆ กันสักหน่อย ทริปนี้ไปคนเดียวนะครับ มื้ออาหารต่างๆ ก็จะไม่อลังการเพราะเรากินน้อย
ทริปนี้ออกจากบ้านตีห้าครึ่ง ออกไปทางสุพรรณแล้วเข้าอุทัยจาก อ.บ้านไร่ ที่นี่มีที่ท่องเที่ยวธรรมชาติน่าสนใจทั้งถ้ำพุหวาย ต้นไม้ยักษ์ และสารพัดน้ำตก ก่อนอื่นแวะกินโจ๊กโรงเตี๊ยม (บรรยากาศร้านตกแต่งเป็นโรงเตี๊ยม) เป็นมื้อเช้าที่เหมาะมาก ร้านมีโจ๊ก ต้มเลือดหมู เกาเหลา ไข่ลวก และอาหารตามสั่ง สั่งโจ๊กรวมมิตรใส่ไข่ พบว่าอร่อย!! ตอนอยู่อยุธยาไม่ค่อยได้กินโจ๊กอร่อยๆ เลยครับ แต่โอกาสแวะกลับมากินอีกรอบช่างน้อยเหลือ อยู่อุทัยไม่ว่า ยังอยู่อำเภอที่ชาตินึงจะมาสักครั้งอย่างบ้านไร่อีก บริเวณนี้คือชุมชนบ้านสะนำ ที่มีจุดขายหลักคือต้นไม้ยักษ์ ทางเข้าต้นไม้ยักษ์ไม่ต้องเดินป่าไกลมากมายแบบต้นกระบากใหญ่ หรือต้นสักใหญ่ เลยครับ เป็นทางเดินคอนกรีตจากที่จอดรถไป 200 เมตร ผ่านตลาดชุมชน (ตอนนี้แปดโมง ยังไม่เปิด) ก็จะถึงต้นไม้ยักษ์อย่างง่ายดาย
ต้นไม้ยักษ์บ้านสะนำ เป็นต้นเชียงอายุ 300 ปี ความสูง 53 เมตร ขนาดวงรอบต้น 25.8 เมตร เดิมทีบริเวณนี้เป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นเชียง แต่ถูกโค่นทำที่อยู่อาศัย เหลือเพียงต้นที่สูงที่สุดไว้กลางชุมชน ชาวบ้านเรียกต้นนี้ว่าต้นผึ้ง เพราะเคยมีผึ้งทำรังอยู่นับร้อยรัง บริเวณนี้เป็นป่าหมาก ภาพต้นไม้ยักษ์ล้อมด้วยหมู่ต้นหมากยิ่งทำให้ต้นไม้ยักษ์โดดเด่นขึ้นไปอีก และต้นไม้ยักษ์นี้คือหนึ่งในรุกขมรดกของแผ่นดิน ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้แต่งตั้งยศนี้ให้ต้นไม้ที่มีความสำคัญทั่วประเทศไทย ที่กวาดพื้นอยู่ข้างหน้านั่นคือคุณเฮียง เป็นชาวป่าเจ้าของพื้นที่ป่าหมาก 2 ไร่ที่ตั้งของต้นไม้ยักษ์ เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เปิดให้คนเข้าชมได้แบบไม่เก็บค่าใช้จ่ายนะครับ พื้นที่นี้ได้รับสืบทอดมาจากพ่อตา และคุณเฮียงยกให้ลูกไปแล้ว แต่ครอบครัวก็ตั้งใจจะรักษาต้นไม้ยักษ์นี้ไว้เป็นมรดกตกทอดและเป็นของดีที่ดึงดูดผู้คนมาเที่ยวบ้านสะนำ คุณเฮียงจะออกมากวาดใบไม้ทุกเช้า ให้พื้นที่สะอาดสะอ้าน สะดวกคนที่มาเที่ยวชม พื้นป่าแท้ๆ แต่สะอาดกว่าหน้าบ้านผมอีกอะ | | | ระหว่างทางลงไปถ้ำพุหวายห่างจากต้นไม้ยักษ์ 8 กม. จะมี วัดเขาวง เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่มีเรือนไทยไม้สัก 4 ชั้น พร้อมภูมิสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวดังของ อ.บ้านไร่เหมือนกันนะครับ ทีแรกไม่สนใจจะมาเพราะเป็นวัดใหม่ ไม่มีโบราณสถาน แต่ไหนๆก็ผ่านอยู่แล้วเลยแวะซะหน่อย | ตัววัดเป็นเรือนไทย 4 ชั้น ชั้นล่างขายของ ชั้น 2 เป็นวิหาร+พระพุทธบาทจำลอง ชั้น 3 เป็นกุฏิ ชั้น 4 เป็นโบสถ์ ส่วนด้านหลังวัดเป็นเขาหินปูน มีถ้ำเล็กๆ อยู่ 7-8 ถ้ำ เป็นที่วิปัสสนา | |
ถ้ำพุหวาย (Phu Wai Cave)
ลงไปจากวัดถ้ำเขาวงอีก 3 กม. จะมาถึงถ้ำพุหวาย อยู่ในวนอุทยานถ้ำเขาวง ด้านในมืดมาก แม้จะมีไฟฉายให้เช่า แต่ควรให้เจ้าหน้าที่พาเข้าไปชมด้วยครับ ใช้เวลาเดินขึ้นเขาไป 5 นาทีก็ถึงตัวถ้ำ ถ้ำพุหวาย เป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ทะลุถึงกัน อากาศถ่ายเทไม่อับชื้น มีหินงอกหินย้อยสวยงาม จุดที่เป็นไฮไลท์คือน้ำตกหินปูนที่มีผลึกแร่สะท้อนแสงสวยงามระยิบระยับ ภายในยังเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาว 9 ชนิด พระอาจารย์สุรศักดิ์ โพธิสารีที่ชาวบ้านแถวนี้เคารพนับถือเคยมาจำศีลปฏิบัติธรรมในถ้ำนี้ ก่อนจะถูกยิงมรณะภาพเมื่อปี พ.ศ.2532
อยากให้ติดไฟให้เห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยชัดเจนขึ้นนะครับ นี่มืดจนภาพถ่ายมาแทบจะดูไม่ได้เลย แต่เพราะเป็นถ้ำธรรมชาติที่สวยงามและยังไม่มีสายไฟระโยงระยาง ถ้ำนี้เลยถูกใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายละครอย่างนาคีด้วย ก้อนกลมๆ หน้าพระพุทธรูปนั่นคือหินปลอมที่ทีมถ่ายละครทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าครับ ถ้ำสามารถทะลุออกด้านหลัง และกลับลงเขาจากอีกทางได้
เป้าหมายถัดไปคือน้ำตกผาร่มเย็น ย้อนกลับขึ้นไปทางไปแก่นมะกรูด ขึ้นจากถ้ำพุหวายมา 24 กม. ถนนช่วงนี้เป็นทางขึ้นเขา คดเคี้ยวประมาณนี้ครับ แต่ไม่ได้ยาวมากมายอะไร
น้ำตกผาร่มเย็น (Pha Rom Yen Waterfall)
ทางเข้าน้ำตกประมาณว่าต้องจอดรถข้างทาง แล้วเดินเข้าป่าไปแบบไม่มีใครเชิญครับ ถ้าไม่เปิด GPS ไว้ไม่มีทางเข้าถูกอะ | |
ทางเดินไปถึงน้ำตก 500 เมตร เป็นทางขึ้นตลอดทาง และมันเป็นบันไดผุ ดีว่ามาคนเดียวนะครับ ถ้ามาเป็นหมู่คณะได้โคลงเคลงกันสนุกสนาน น้ำตกผาร่มเย็น เป็นน้ำตกเล็กกลางป่าดงดิบ ไม่มีแอ่งให้ลงเล่นน้ำ แต่หน้าตาน้ำตกก็สวยงามแปลกตา จนต้องไต่บันไดผุมาหา น้ำตกไหลจากผาสูงนับร้อยเมตร ผ่านผาสี่ชั้นก่อนตกลงมาถึงเบื้องล่าง ช่วงปลายปีน้ำยังเยอะอยู่ ก็เห็นประมาณนี้ครับ ด้วยความสูงทำให้ละอองน้ำฟุ้งกระจายเต็มพื้นที่เกิดความชุ่มชื้นตลอดทั้งปีจนมอสเฟิร์นขึ้นเต็ม ช่วงที่ลมพัดแรงๆ สายน้ำบางๆ ตกจากความสูงมากๆ ก็ปลิวไปตามแรงลม เออ สวยแปลกๆ ดี คุ้มละที่มา
จากนั้นขึ้นมายาวๆเลยครับ คืนนี้จะพักที่ลานสัก ก่อนไปห้วยขาแข้งวันพรุ่งนี้ ระหว่างทางขึ้นมามีน้ำพุร้อนสมอทอง อยู่ห่างจากน้ำตกผาร่มเย็น 43 กม. เหมาะเป็นที่พักกลางทางหลังจากขึ้นเขามาสองลูกในช่วงเช้า
น้ำพุร้อนสมอทอง (Samo Thong Hot Spring)
น้ำพุร้อนสมอทอง อยู่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคด เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ มีทั้งบ่อน้ำร้อน ร้านอาหาร ร้านค้า ที่พัก ช่วงนี้คิดว่าจะซบเซาไปตามสถานการณ์โควิด แต่ก็ยังมีคนเยอะอยู่นะ พยายามเล็งร้านอาหารระหว่างทางไม่มีเลยจริงๆ เลยมาหวังพึ่งเอาจากในแหล่งท่องเที่ยวนี่ละครับ มีร้านครัวคุณนก ขายอาหารตามสั่ง เห็นวิวอ่างเก็บน้ำสวยเลย ที่นี่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาหลายจุด อุณหภูมิ 70-80 องศา เดิมทีมีสำนักสงฆ์น้ำพุร้อนตั้งอยู่ แต่พอกรมชลประทานขุดอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วก็ย้ายสำนักสงฆ์ออกไป เหลือเพียงองค์หลวงพ่อพุทโธ อบต. ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในปี พ.ศ.2544 อาคารแช่เท้า เปิดน้ำร้อนให้แช่เท้าได้ สะดวกดีครับ ใครเข้าใช้บริการก็หยอดตังค์ไว้ 10 บาท หลังถมดินตอนทำอ่างเก็บน้ำแล้วอุณหภูมิน้ำลดมาเหลือ 60 องศา ก็ยังร้อนไปนิด (คนเราควรแช่น้ำอุณหภูมิ 40 องศา) เปิดไว้สักพักแล้วค่อยเอาเท้าจุ่มนะครับ มีห้องแช่ตัว สระน้ำแร่ หลายสระเลย แต่ช่วงโควิดนี้ปิดนะครับ องค์พระใหญ่นั่นคือหลวงพ่อพุทโธที่สำนักสงฆ์น้ำพุร้อนทิ้งไว้เป็นที่ระลึก ขึ้นมาต่ออีกนิดก็ถึง อ.ลานสัก ถนนหลักเข้าตัวอำเภอป้ายอย่างเท่ บริเวณนี้ต้นสักล้วนๆ เลยครับ รู้สึกเข้าใกล้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ สำหรับรอบนี้ไล่เก็บที่เที่ยวที่เล็งๆ ไว้ตั้งแต่รอบก่อน นั่นคือถ้ำพระยาพายเรือที่อยู่หลังวัดเขาพระยาพายเรือครับ มีตำนานเล่าว่ามีพระยาคนหนึ่งหนีความผิดพายเรือเข้ามาที่ถ้ำแห่งนี้และหายสาบสูญไป เป็นที่มาของชื่อถ้ำ
ถ้ำพระยาพายเรือ (Khao Phraya Phai Ruea Cave)
ถ้ำด้านหน้ายังมีการก่อสร้างอยู่เลยครับ ตรงนี้ลึกไม่มาก คนเข้ามาง่าย ถ้ำสวยๆ ที่ลงไปลึกๆ อยู่อีกโพรงนึง พี่ช่างฝีมือเขามาเปิดไฟให้ลงไปในถ้ำลึกๆ ได้ด้วย
อันนี้ทางลงหมู่ถ้ำครับ แคบและยาวเอาเรื่อง แต่พอถึงโถงถ้ำก็เดินสบาย | | หมู่ถ้ำที่ต่อกันประกอบด้วย ถ้ำแก้ว ถ้ำสีชมพู ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำอ่างน้ำมนต์ และถ้ำพุทธสถาน เป็นประสบการณ์เดินในถ้ำลึกๆ แบบไม่มีคนอื่น นอกจากเจ้าของบล็อกและฝูงค้างคาว นับว่าเป็นที่เที่ยวที่ไปไม่ยาก และมีอะไรให้ดูเยอะ ทั้งถ้ำที่สวยงาม และส่งก่อสร้างที่จะเพิ่มเติมมาอีกในอนาคต วัดป่าแดนนาบุญ อยู่ระหว่างทางเข้าวัดเขาพระยาพายเรือ รูปร่างประหลาดขัดใจจนต้องถ่ายเก็บไว้ | | เข้าที่พักละครับ บ้านแสนสุขรีสอร์ท ได้บ้านทั้งหลัง มีที่จอดรถ แม้จะถอยเข้าจอดยากไปหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าของบล็อกที่รถมีกล้องรอบคัน (อ้าว ไม่ได้ขับเก่งหนิ) รีสอร์ทอยู่กลางทุ่งนาสวยสงบ ที่สำคัญราคาถูกมากด้วยครับ คืนละ 500 เองนะ พอเที่ยวคนเดียวมักทำเวลาได้ดีจนเวลาเหลือเยอะ เก็บของเสร็จก็นอนกลิ้งไปมาชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็ออกมาหาของกินมื้อเย็น อำเภอเล็กๆ นี้มีของขายข้างถนนยาวตลอดทาง แวะกินก๋วยเตี๋ยวในร้านตามสั่งบ้านๆ ซื้อของเซเว่น แล้วเข้านอนครับ ลานสักสะดวกสำหรับเป็นที่พักก่อนเที่ยวห้วยขาแข้งจริงๆ
สวัสดียามเช้าวันที่ 30 ธ.ค. 2564 ท้องฟ้าเดือนธันวาคมยังคงสวยงามเช่นเดิม วันนี้เราจะไปห้วยแข้งขา เอ้ย! ค่วยขาแห้ง เย้ย! ห้วยขาแข้ง เจ้ย! ...ถูกแล้ว!
เติมเอ็นเนอร์จี้มื้อเช้าที่ ตลาดสดลานสัก ครับ จิ้มกูเกิ้ลหาร้านที่เปิดเช้าๆ ก็มาเจอร้านข้าวแกงในตลาดสดนี้แหละ เปิดตั้งแต่ตีสาม!! เที่ยวตลาดซะเลย เป็นตลาดสดที่ใหญ่เอาเรื่องเลยครับ จอดรถที่ไปรษณีย์แล้วเดินมาก็สะดวกดี ฝากท้องมื้อเช้าที่นี่ครับ ข้าวแกงป้าปุ้ย หม้อเพียบแบบนี้รับประกันความนิยมโดยคนท้องถิ่นได้เลย ข้าวแกงแถวบ้านไม่ค่อยได้เห็นผัดปลาดุกชิ้นโตๆ แบบนี้เนอะ ตอนนี้ 7 โมงเช้า ใช้เวลาจอดรถ+เดินตลาด+กินข้าว+ซื้อขนม+เดินกลับมาที่รถ รวมทั้งสิ้น 20 นาที ไม่ค่อยสงสัยละว่าทำไมมาเที่ยวคนเดียวแล้วเวลามันเหลือเยอะนัก โบกมือบ๊ายบายลานสักแล้วมุ่งสู่ทิศตะวันตกสุดขอบอุทัยธานี ไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกัน~
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง (Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary)
| | | ห้วยขาแข้ง เป็นป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์และมีสัตว์ป่าเช่นวัวแดง เสือโคร่ง ช้างป่า หมูป่า เก้ง กวาง หมาจิ้งจอก ชะมด นกหัวขวาน นกกระเต็น เหยี่ยว ฯลฯ เมื่อพูดถึงห้วยขาแข้ง คนมักนึกถึงเรื่องราวการเสียสละของคุณสืบ นาคะเสถียร ผู้ปกป้องผืนป่า สืบ นาคะเสถียร เป็นชาวปราจีนบุรี เข้ารับราชการป่าไม้ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่ง และมีผลงานมากมายทั้งการปราบปรามผู้บุกรุกทำลายป่าเขาเขียว อพยพสัตว์ป่าจากพื้นที่สร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน คัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจนในทุ่งใหญ่นเรศวร และมีผลงานค้นคว้าวิจัยอีกมากมาย คุณสืบได้เข้ามาประจำห้วยขาแข้งในปี พ.ศ.2531 และพยายามผลักดันเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะได้รับการปกป้องตามหลักยูเนสโก แต่ต้องเจอความกดดันทั้งผู้มีอิทธิพลที่กอบโกยประโยชน์จากผืนป่า และมีลูกน้องเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ คุณสืบตัดสินใจยิงตัวตายในวันที่ 1 ก.ย. 2533 ในห้องนอนที่บ้านพัก หลังจากนั้นจึงมีการกำหนดมาตรการป้องกันการบุกรุกป่าห้วยขาแข้งอย่างจริงจัง จนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2534 และทางการกำหนดให้วันที่ 1 ก.ย. ของทุกปี เป็นวันสืบนาคะเสถียร | ค่าเข้าคนละ 20 บาท รถ 30 บาท ราคานี้มาหลายสิบปีแล้วไม่เปลี่ยนเลย เป้าหมายวันนี้คือที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ซึ่งต้องขับรถจากด่านเข้ามาอีก 9 กม. ถนนเป็นดินลูกรังเกือบตลอดทาง สงสารรถไม่น้อย คาดว่าวันนี้ขนดินจังหวัดอุทัยกลับอยุธยาไปหลายโลอยู่
ถึงแล้วก็จอดรถข้ามสะพานแขวนไปเลยครับ นี่คือคลองทับเสลา ลำน้ำตามธรรมชาติหน้าที่ทำการเขต ตอนนี้ยังเช้า อากาศดีมากกกกกกก รู้สึกคิดถูกที่มารีเฟรชปลายปีที่ป่าแท้ๆของเมืองไทยที่นี่ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากนะครับ พอมองลงไปก็เห็นสัตว์ป่ากำลังข้ามลำน้ำ ...นั่นมันรถเจ้าหน้าที่! | | ข้ามมาอีกฝั่งนึง ก็ยังคงไม่เจอผู้คน มีอาคารแจกปฏิทิน บุ๊คเล็ต และ CD มากมาย กองไว้แบบใครมาหยิบก็ได้ เดินผ่านทุ่งไปอีกนิดแถวอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร เห็นตัวอะไรไหวๆ จิตตกเลยครับ กลัวจะเป็นหมา ถ้ามันมาเป็นฝูงเราอาจโดนกินได้ เพราะเราอร่อยมาก
อนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร จัดแสดงนิทรรศการและประวัติคุณสืบ ตอนนี้เงียบเหงา ไม่มีกิจกรรมอะไรครับ ข้างอาคารจัดแสดงกะโหลกช้างป่าที่ถูกนายพรานล่าหลายเชือก ออกจากอนุสรณ์สถานก็เห็นเจ้าตัวที่ไหวๆ ตะกี้ ไม่ใช่หมาครับ นี่กวางป่าจริงๆ! ด้านหลังอาคารยังอยู่กันเป็นฝูงเลย ถึงจะเป็นสัตว์ป่าแต่ได้รับความอ่อนโยนจากเจ้าหน้าที่จนกวางๆ แถวนี้ไม่ระแวงคนแล้ว คุณสืบคงยินดี เดินเข้ามาต่ออีกนิดเป็น อนุสาวรีย์และบ้านพักของคุณสืบนาคะเสถียร ที่นี่เคยเป็นที่พักและที่ทำงานของคุณสืบ หลังเหตุการณ์ยิงตัวตาย ที่นี่ก็ถูกรักษาสภาพเดิมเหมือนสมัยที่คุณสืบใช้งาน
ตอนนี้แปดโมงครึ่ง ได้ยินเสียงสัตว์ป่า แต่นึกไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร ปลื้มปริ่มกับความป่าของที่นี่มาก จะว่าไปเราเดินจากที่จอดรถมาไกลเหมือนกัน ขากลับย้อนออกไปทางเดิมครับ แวะเที่ยวชัยนาทนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน
จบแล้วครับสำหรับอุทัยธานี ในเมืองก็มีวัดดัง วัดสวย ชุมชนเก่า ฝั่งตะวันตกก็มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สมบูรณ์มากมาย ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย แต่ทริปปลายปีจริงๆ ของปีนี้ไม่ใช่อุทัยนะครับ แต่เป็นกรุงเทพ (31 ธ.ค. - 2 ม.ค.) เดี๋ยวขอเก็บรายละเอียดบางกอกกรุงเทพมหานครอีกหลายๆ รอบ แล้วจะทยอยปล่อยบล็อกประวัติศาสตร์กรุงเทพซะที
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2565 |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2565 18:35:07 น. |
|
52 comments
|
Counter : 2187 Pageviews. |
|
|
สนใจแพลนจะไปเที่ยวอุทัยเช่นกันคร้าชอบหมดทุกที่ที่คุณชีริวรีวิววันนี้
แต่ไปเข้าถ้ำนี่...คิดหนัก!!!...ผู้หญิง สว.อย่างเราไปเที่ยวจะไหวมั๊ยเนี๊ยะ
ภาพสวยมากๆๆๆๆ ชอบทุกภาพ ภาพถนนโค้ง...ถ่ายได้งัยอ่ะ...เจ๋งมากๆเลย
สักวันจะแกะรอยตามไปบางที ค่ะ...ขอบคุณมากคร้ารีวิวเยี่ยมภาพสวย