20091104 วิพากษ์ UNITED vs CSKA in UCL Matchday 4
NEVER GIVE UP, ITS UNITEDS WAY สวัสดีครับ ก่อนอื่น คงต้องขออภัยทุกๆท่าน ในความไม่สะดวกจากการที่กระทู้เก่าเกิดด๋อยไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และส่งผลให้คอมเมนต์ดีๆในกระทู้นั้นต้องหายวับไปกับตา เล่นเอาผมและหลายๆท่านถึงกับอึ้งกิมกี่ แถมยังไม่ได้แจกกิ๊ฟให้อีก เอาเป็นว่า สำหรับเดือนนี้ ผมจะเริ่มแจกกิ๊ฟตั้งแต่กระทู้นี้เลยดีกว่าครับ จะได้ครบกันทุกๆคนเนอะ วกมาเข้าเรื่องกันดีกว่า สำหรับเกมนี้ เมื่อผมฟังแหล่งข่าวหลายๆแหล่ง ก็เริ่มลังเลที่จะตื่นมาดูเกมสดๆ เพราะทราบว่าจะจัดสำรองลงเล่นหลายตำแหน่ง เพื่อเตรียมทัพไว้บดเชลซีวันอาทิตย์ แถมเกมนี้ก็ปรับเวลาแล้ว มาเริ่มเอาตีสองสี่สิบห้านาที ซึ่งพอบอลจบ ผมก็จะเหลือเวลานอนแค่สี่สิบนาทีก็ต้องลุกมาอาบน้ำแล้ว เท่ากับว่าได้นอนแค่ก่อนบอลจะมาเท่านั้น แต่สุดท้ายเมื่อไหนๆก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็เลยตั้งอกตั้งใจดูสักหน่อย จะได้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังครับ
การจัดทัพในเกมนี้ ท่านเซอร์ยังคงพักตัวหลักหลายคนที่ดูไม่ฟิตเต็มร้อยเท่าไหร่ เช่นวิดิช, ริโอ, กิ๊กส์, เบอร์บาตอฟ และ พาร์ค ชี ซอง ส่วนเวย์น รูนี่ย์ ที่เพิ่งได้ลูกชายหมาดๆชื่อว่า ไค-เวย์น นั้นก็มีชื่อเป็นเพียงแค่สำรองเท่านั้น โดยผู้รักษาประตูได้ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ เฝ้าเสา ฟูลแบ๊กซ้าย-ขวา เลือก ฟาบิโอ ดา ซิลวา และ แกรี่ เนวิลล์ คู่เซ็นเตอร์ใช้ จอนนี่ เอแวนส์ จับกับ เวสลี่ย์ บราวน์... อืม...แผงหลังขั้นเทพสินะ... //หยอกเย้า สำหรับมิดฟิลด์คู่กลาง วันนี้ดันพอล สโคลส์มายืน และเรียกใช้บริการ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ลงมาเคาะสนิมหลังเจ็บไปสองสามวีค ตัวริมเส้นซ้าย-ขวา วางหลุยส์ นานี่ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ส่วนคู่หน้าใช้ ไมเคิล โอเว่น จับกับ เฟเดริโก้ มาเคด้า
สำหรับทัพหมีขาวผู้มาเยือนจากแดนไกลนั้น เพิ่งกระทำการปลดโค้ช ฆวนเด้ รามอส ออกจากตำแหน่ง และได้แต่งตั้งเลโอนิด สลัทซ์กี้ ขึ้นเป็นโค้ชแทน ส่วนทัพนักเตะยังคงไว้วางใจนักเตะตัวหลักๆชุดเดิม (ไม่ใช่ผมรู้หรอกนะ ฟังอาสาธิตมาอีกทีน่ะ//หยอกเย้า) มีนายทวารมหัศจรรย์ อิกอร์ อาคินเฟเยฟ ยืนตระหง่านเฝ้าระหว่างสองเสา ผู้เล่นหลักๆก็ยังมีเหมือนเดิม ไม่ว่า กองหลังคู่แฝดเบเรซุตสกี้, อิกนาเชวิค หรือเชนนิคอฟ ส่วนพวกแสบๆจากเกมแรกก็ยังครบหน้า ไล่เรียงตั้งแต่ คราซิค, เนซิด, ซาโกเยฟ หรือเซมเบราส และซีเอสเคเอมาเกมนี้ ก็ยังมีความหวังที่จะได้เข้ารอบต่อไปอยู่ด้วย จึงเป็นที่คาดหมายกันว่า น่าจะมาเปิดเกมแลกกัน ประกอบกับเจ้าถิ่นเองก็ส่งสำรองเยอะ คงไม่เน้นแท็คติคมากนัก ผมเองก็คาดหมายว่าเกมน่าจะแลกกันมันหยดอยู่
พอเริ่มเกมก็เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่ผิดเพี้ยน สองฝั่งต่างเปิดเกมรุกแลกกันชนิดมีโอกาสเข้าทำกันอยู่เรื่อยๆ ซีเอสเคเอนั้นเริ่มได้ลุ้นก่อนจากลูกยิงนอกกรอบ แต่ยูไนเต็ดเองก็เอาคืนได้ทันควัน เกมโดยรวมยูไนเต็ดดูจะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่การเข้าทำจังหวะสุดท้ายยังมีปัญหาเหมือนเคย โอเว่นยังเครื่องสะดุด ยังล้อฟรี ติดๆดับๆ อยู่เรื่อยๆจากโอกาสสองสามครั้งในช่วงต้นครึ่งแรก ลูกยิงของเฟล็ทเชอร์และมาเคด้าก็หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดายจริงๆ ทางฝั่งผู้มาเยือนเองก็มีจังหวะจบสกอร์เรื่อยๆเหมือนกันแต่ไม่ผ่านมือน้าซาร์ เกมรุกของเจ้าบ้านดูจะมีปัญหากับการขึ้นเกมตรงกลางอีกแล้ว เมื่อเฟล็ทเชอร์และสโคลส์ดูจะตั้งอกตั้งใจกับการยืนกลางสนามมากกว่าจะสอดเติมขึ้นหน้าบ่อยๆ อีกทั้งการผ่านบอลและความแม่นยำในการให้เท้าสู่เท้ายังสู้ทีมเยือนไม่ได้ แต่เจ้าบ้านยังมีทีเด็ดที่การวางบอลออกปีกของสโคลส์ทั้งซ้ายและขวาให้ตัวริมเส้นลากเลื้อยโจมตี แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังมีปัญหาเหมือนเดิม เกมนี้ยังดีที่ยังสร้างโอกาสได้จบด้วยการยิงเรื่อยๆ เพียงแต่ยังไม่เป็นประตู
ทางฝั่งผู้มาเยือนนั้น ทักษะความสามารถเฉพาะตัวแต่ละคนดูจะเหลื่อมๆเจ้าถิ่นพอสมควร โดยเฉพาะทีมเวิร์คและการประสานงาน ซึ่งเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี การให้บอลเท้าสู่เท้า การออกบอลให้กันค่อนข้างไหลลื่น และแต่ละคนก็ครองบอลดี บังบอลได้ค่อนข้างดี ทำให้เมื่อวัดประสิทธิภาพกันจริงๆแล้วนั้น การต่อบอลตรงกลางของทีมเยือนดูจะสวยงามและไหลลื่น น่ากลัวกว่า โดยเฉพาะการให้บอลเร็วในจังหวะสวนกลับ บอลเพียงสองสามจังหวะก็ทะลุถึงกรอบได้ตลอด ยิ่งการขึ้นเกมทางขวาของคราซิคที่เหมือนจะวิ่งสวนทางกับฟาบิโอได้ตลอดนั้น ยิ่งขึ้นบอลได้เร็วและน่ากลัว การประสานงานกับเพื่อนก็วูบวาบและไหลลื่นดี โดยเฉพาะการทำเกมร่วมกับซาโกเยฟ และเนซิด แหม...คราซิคเนี่ยก็เบอร์ 17 เหมือนของเราเหมือนกันนะ แต่ทำมั้ยยยยย ประสิทธิภาพและความเข้าใจเกมมันต่างกันขนาดนี้ฟะเนี่ย คนนึงไปพรวดๆ ให้แล้วไป ทะลุไปรับ วิ่งพริ้วลุยโครมๆ อีกคนก็ดั๊นนนนน...เอาแต่ยึก ยัก ยึก ยัก คลึง โยก จิ้ม วิ่ง ติด ทะลัก เสียบอล อุแม่เจ้า...
ประตูแรกที่เกิดขึ้นมาจากความเสียดายของวาเลนเซีย (มั้ง...มองไม่ชัดเท่าไหร่) ในจังหวะกำลังขึ้นบอลเร็วทางกราบขวา ไปเกี่ยวเอาบอลที่กำลังจะหลุดออกเส้นข้างกลับเข้ามาในสนามได้ ขณะที่เจ้าตัวเสียหลักไปแล้ว ซีเอสเคเอเก็บบอลได้วางยาวสวนเร็วทันที เนซิดพักอกให้ซาโกเยฟรับบอลพุ่งเข้าไปทางซ้ายของกรอบ จังหวะสวนคราวนี้เร็วจริงๆครับ เร็วชนิดที่ว่าเหลือแค่เอแวนส์เพียงคนเดียวที่ตามมาเบียดไว้ แต่ซาโกเยฟยังขืนตัวลากไปต่อจนเกือบสุดเส้นหลังแล้วหักข้อยิงทันที บอลพุ่งเฉี่ยวศีรษะน้าซาร์เสียบหน้าต่างเสาสองอย่างเหลือเชื่อ ลูกนี้ต้องบอกว่ายิงยากมากๆ เพราะเสาแรกถูกปิดมิดแล้ว แถมตัวน้าซาร์เองยังน่าจะบังเหลี่ยมเสาสองไว้แล้วด้วย เหลือแค่ข้างศีรษะนั่นแหละที่จะยัดเข้าไปได้ ก็เล่นเอาน้าซาร์ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ลูกเร็วและแรงมาก ระยะก็ใกล้เกินกว่าจะงัดซูเปอร์เซฟมาใช้ แต่ยูไนเต็ดก็มาตีเสมอได้เร็วจากจังหวะทำเกมบุกทางกราบขวา นานี่รับบอลจากวาเลนเซีย ตอกส้นทะลุเข้ากรอบ มีโอเว่นพิงกองหลังตัวสุดท้าย ก่อนจะสลัดไปยิงจ่อๆผ่านตัวอคินเฟเยฟได้สำเร็จแบบที่ผมเองยังต้องเล็งว่าล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหว่า โดยตัวที่ยืนเหลื่อมไลน์อยู่ชัดๆน่ะ น่าจะเป็นมาเคด้า แต่โอเว่นเหมือนจะไลน์เดียวกันเป๊ะๆ
เจ้าบ้านดีใจได้ไม่นาน ทีมเยือนก็มาหนีไปอีก จากจังหวะทะลุขึ้นมาเร็ว เนซิดจ่ายทะลุช่องให้คราซิคที่พุ่งมาจากกราบขวาชนิดไลน์เดียวกับตัวสุดท้ายเหมือนกัน ในขณะที่ยูไนเต็ดหยุดเล่นกันหมด คราซิคกลับยังลากบอลเข้ามาหน้ากรอบ ก่อนจะแตะหลบน้าซาร์ แล้วเอี้ยวตัวยิงเข้าไป ลูกนี้ผมให้เครดิตคราซิคครึ่งหนึ่ง กับขอหักเครดิตบราวน์กับแกรี่สองคนอีกครึ่งหนึ่งมาจ่าย สองคนนี้ยืนอยู่บนไลน์วิ่งของคราซิคที่หลุดเข้าไปแท้ๆ แต่กลับยืนนิ่งจ้องแต่ผู้กำกับเส้นว่าจะยกธงหรือไม่ ลูกนี้ทำเอาน้าซาร์ต้องด่าออกอากาศเลยครับ หลังจากนั้น เกมของเจ้าถิ่นดูจะตื้อๆลงไป ส่วนซีเอสเคเอก็หันมาเล่นแน่นอนมากขึ้น เริ่มที่จะถอยร่นลงไปแพ็คเกมรับต่ำ ยูไนเต็ดก็ยังเหมือนเดิมครับ จังหวะจบสกอร์ยังเป็นปัญหา แถมยังต้องมาฝ่าด่านอคินเฟเยฟอีกคน จึงนับเป็นงานที่สาหัสสากรรจ์พอสมควรสำหรับทีมชุดผสมของเราในช่วงที่ฟอร์มโดยรวมยังไม่เข้าที่เข้าทางนักเช่นนี้
ครึ่งหลัง ทีมเยือนได้เฮก่อนทันที จากฟรีคิกมุมซ้ายกรอบโทษ ทีมเยือนเปิดเลยมาเสาสอง มีเพียงวาซิลี่ เบเรซุตสกี้ที่เทคโหม่งเพียงคนเดียวโดดๆ ลูกนี้มาเคด้าเป็นเพียงคนเดียวที่หันมาเห็นหมอนี่สอดเข้ามาที่เสาสอง แต่มาเคด้าก็ไม่ได้ตามมาบล๊อคแต่อย่างใด แถมยังโวยเพื่อนอีก อุแหม่.......//หยอกเย้า การเสียไปสามประตูของเจ้าบ้านนั้น ทำให้เกมเริ่มเปลี่ยนรูปโฉมไปจากครึ่งแรกอย่างชัดเจน จากที่ทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าแลกกัน ซีเอสเคเอหันกลับมาแพ็คเกมแน่น แล้วเน้นครองบอลฆ่าเวลา และเพื่อรอจังหวะจู่โจมสวนกลับ ทำให้เจ้าบ้านกลับไม่สามารถเจาะแนวรับเข้าไปจบได้สวยๆมากนัก ประมาณว่าถูกบล๊อคทางวิ่งทางให้บอลแทบทั้งหมดนั่นเอง จากครึ่งแรก ที่ถึงแม้จะทำเกมกันขาดๆเกินๆ แต่ด้วยการที่ซีเอสเคเอเปิดหน้าแลกด้วย มันทำให้ยังพอจะมีพื้นที่เล่นและทะลุหลุดเข้าไปได้บ้างเรื่อยๆ แต่พอเขาหันมาแพ็คแน่น เราก็เหมือนตื้อไปเฉยๆ เกมรุกทางริมเส้นเริ่มเจาะไม่เข้า โดยเฉพาะทางซ้ายที่เอวร่าเคยเด่นนั้น ฟาบิโอคงต้องศึกษาเกมเอวร่ามากกว่านี้ เพราะเขาลงไม่ทันตลอด แถมเติมขึ้นมาสูงบ่อยแต่กลับต่อเกมไม่ค่อยได้แล้วเสียบอลให้โดนสวนบ่อยด้วย
ท่านเซอร์ปรับเกมทันที นี่แหละ คือท่านเซอร์ที่ผมรัก ท่านเซอร์ที่เกลียดความพ่ายแพ้ ไม่ว่าถ้วยไหน จะจัดทีมอย่างไร ก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ท่านเซอร์ถอดนานี่ออกทันที หลังจากเจ้าตัวยังหาทางไปไหนไม่ค่อยเจอ แล้วส่งรูนี่ย์ลงมาแทน จากนั้นตามด้วยเอาเอวร่าลงมาแทนฟาบิโอ เพียงเท่านี้ เกมก็เริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อรูนีย์สลับกับมาเคด้ามาทัวร์ฝั่งซ้ายบ่อยๆแล้วได้เอวร่าช่วยเติม ทำให้รูปเกมการเข้าทำและการประสานงานข้างหน้าเริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง แผงหลังซีเอสเคเอเริ่มถูกถ่างกว้างมากขึ้น ทำให้พื้นที่หน้ากรอบมีมากขึ้นตามไปด้วย วาเลนเซียเริ่มที่จะมีพื้นที่เล่นทางขวาและหน้ากรอบอีกครั้ง แถมสโคลส์และเฟล็ทเชอร์เองก็มีพื้นที่หน้ากรอบมากขึ้นอีกหน่อยให้ได้เล่น การที่ซีเอสเคเอลงมาตั้งรับลึกนั้น กลับทำให้จังหวะพวกเขาเองเสียไปเยอะ เพราะบอลจังหวะสองที่ถูกเคลียร์ออกมาจากกรอบ ก็มักจะไปเข้าทางเจ้าถิ่นซะมากกว่า เนื่องจากผู้เล่นทีมเยือนพากันตั้งกำแพงอยู่ลึกนั่นเอง ครั้นจังหวะที่เก็บบอลได้ ก็ต้องใช้พื้นที่และเวลาลากบอลขึ้นมาไกล รวมทั้งไม่มีตัวรอต่อบอล จึงถูกรุมแย่งเอาไปได้ตั้งแต่กลางสนามซะเป็นส่วนใหญ่
เกมมาถึงตรงนี้ ซีเอสเคเอ เริ่มมีการทยอยเปลี่ยนตัวเหมือนกัน โดยเอาราฮิมิชลงมาแทนมามาเยฟ ที่เกมนี้ออกจะเงียบๆ จากนั้นก็ถอดซาโกเยฟที่เด่นมากๆออก โดยส่ง ดาเนียล คาวัลโญ่ลงมาแทน เจ้าบ้านยังคงนรุกไล่อย่างเมามัน ส่วนซีเอสเคเอตอนนี้พอได้บอลก็เริ่มติ๊ดชึ่งดึงเวลากันแล้ว ยูไนเต็ดพยายามไล่อย่างสุดกำลังทุกจังหวะ แสดงให้เห็นคาแร็คเตอร์ไม่ยอมแพ้ออกมาอย่างชัดเจนในเกมนี้ เอวร่าวิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งรุกและรับอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รูนี่ย์กับโอเว่นเองก็ไล่บอลในแดนหน้าเป็นหมาบ้าทีเดียว เกมถูกชักเย่ออยู่อย่างนั้นจนมาถึงนาทีที่ 82 ป๋าก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายลงมาในสนาม โดยถอดมาเคด้าออก และเพิ่มตัวทำเกมอย่างโอแบร์กตองลงไป หลังจากนั้นก็เป็นได้เรื่องครับ ยูไนเต็ดมาได้ฟรีคิกทางขวาของกรอบโทษ แกรี่ เนวิลล์เปิดโค้งเข้าหน้ากรอบ มีสโคลส์ที่ลอยตัวขึ้นเทค โหม่งเช็ดส่งบอลเสียบสามเหหลี่ยมซ้ายชนิดหมดปัญญาที่อคินเฟเยฟจะเซฟไว้ได้ เจ้าบ้านไล่ตามมาเป็น 2:3 แล้ว หลังจากนั้น เนซิดก็ถูกถอดออก แล้วแทนที่โดยพิลิเยฟ ซึ่งตอนนั้นเหลือไม่ถึงห้าหกนาทีจะครบเก้าสิบนาที
โอแบร์กตองเกมนี้ไม่แสดงอาการลนลานหรือตื่นสนามให้เห็นแล้ว กลับสามารถโชว์ฟอร์มประสานงานกับเพื่อนๆได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งลากไปเอง พริ้วหลบ หรือชิ่งหนึ่งสองกับเพื่อน โอแบร์กตองลงมาในสนามเล่นกับเอวร่าแค่ไม่กี่นาที กลับสามารถดึงแนวรับซีเอสเคเอมาได้สองสามสี่คนตลอด ทำเอากำแพงรัสเซียสั่นคลอนโอนไปเอนมาหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เมื่อซ้ายทำงานได้ แนวรับก็ต้องถูกฉีกออกมามากขึ้น ทางขวาก็เลยทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย เกมถึงตรงนี้เจ้าบ้านปูพรมถล่มแหลกแล้ว และไม่ใช่การบอมบ์แบบหมดหนทาง แต่เป็นการปูพรมแบบต่อบอลหาช่องเข้าไปยิง นี่สิ ยูไนเต็ดแบบที่คุ้นเคยของผม... ช่วงนี้แผงหลังซีเอสเคเองานเข้าเต็มๆแล้ว กล้องจับภาพไปที่สลัทซ์กี้ทีไร เห็นนั่งโยกไปโยกมา ลุ้นตัวเกร็งอยู่ตลอด แหม่... ผมเองก็ลุ้นตัวเกร็งเหมือนกันนา แถมลุ้นตั้งแต่ลูกที่ปริ๊นซ์ของผมถูกเกี่ยวล้มในเขตโทษแต่ดันได้ใบเหลืองซะงั้น เล่นเอาผมเกร็งจนเซ็งจิตไปเยอะเชียวลูกนั้นน่ะ
เกมมามันเต็มที่เอาตอนห้านาทีสุดท้ายรวมกับช่วงทดเวลานี่แหละครับ ที่เจ้าบ้านโหมเข้าใส่แบบใม่ลืมหูลืมตา จนมาทำได้สำเร็จในนาทีที่ 91 กว่าๆ จากการทำเกมเลาะหน้ากรอบมาจากทางซ้าย บอลไหลมาถึงเท้าของวาเลนเซีย ปีกเอกวาดอร์แต่งบอลเล็กน้อยก่อนจะซัดเต็มข้อ บอลพุ่งวาบก่อนจะกระทบศีรษะเชนนิคอฟเปลี่ยนทางเข้าประตูไปแบบอคินเฟเยฟหมดสิทธิ์เซฟอีกครั้ง ตอนนี้สกอร์เป็น 3:3 แล้ว และเป็นสกอร์ที่หมายถึงการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่งเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จนั่นเอง โดยที่เหลือก็ลุ้นแค่ว่าจะเข้าเป็นที่หนึ่งหรือที่สองของกลุ่มเท่านั้น เกมหลังจากนั้นเจ้าบ้านยังคงโหมไม่เลิก หวังที่จะเก็บชัยชนะอีกต่างหาก และกดดันซะจนผมอดคิดไม่ได้ว่า แหม่...ถ้ามันมีอีกสี่ห้านาทีนี่ได้เห็นลูกที่สี่ของเราแน่ๆครับ แต่เสียดายที่หมดเวลาซะก่อน ก็เท่ากับว่าเรายังรักษาสถิติไม่แพ้เหย้า-เยือนไว้ได้อีกนัดในเกมยุโรป แถมผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จแต่หัววันเสียด้วย
เกมนี้ก็อย่างที่กล่าวเอาไว้ตอนต้นครับ แท็คติคไม่มีอะไรลึกซึ้งมาก ต่างฝ่ายต่างเปิดแลกกันแต่แรกชนิดใครดีใครอยู่ พอเขานำห่างก็แพ็คแน่นและลึก เราต้องเร่งเกมสู้ ก็เอาตัวจริงลงมาทดแทน แท็คติคหลักๆมีเพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่สองทีมมีต่างกันก็เพียงแค่แผงหลังของเราไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ความผิดพลาดยังมีเยอะพอสมควร บราวน์เองถ้าวันนี้ไม่ได้เอแวนส์ช่วยเซฟไว้ผมว่าถึงตายห่านเลยนะครับนั่น ส่วนฟาบิโอก็ยังเด็กและมุทะลุไปหน่อย โอเคว่าเติมเกมรุกนี่สะเด่าและดูน่ากลัวกว่าราฟาเอล แต่เกมรับของฟาบิโอยังไว้ใจได้น้อยกว่าราฟาเอลพอสมควร เพราะมีจังหวะเสียบอลข้างหน้าง่ายๆแล้วเขาลงมาไม่ทันตลอด ซึ่งอาจเป็นไปได้อย่างหนึ่งว่าการเล่นกับนานี่นั้น มันอาจส่งผลให้เกมของฟาบิโอเสียศูนย์ เพราะการที่แบ๊กซ้ายอย่างฟาบิโอและขวาอย่างราฟาเอลมีสไตล์เติมเกมรุกแบบนี้นั้น มันต้องอาศัยความเข้าใจกับปีกอย่างมาก เพื่อให้การเติมเกมขึ้นไปไม่เสียประโยชน์เปล่าๆ และไม่เสียบอลง่ายๆจนโดนสวนกันทวารบานแบบนั้น
ถึงแม้จะเสียสามประตู แต่ด้วยการผสมผสานผู้เล่นสำรองเยอะขนาดนี้ แล้วยังสามารถคัมแบ๊กมาได้หลังถูกนำไป 3:1 แค่นี้ผมก็ว่าแจ่มมากๆแล้ว รูนี่ย์และเอวร่าวิ่งน้ำบานก็จริง แต่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ไม่น่าส่งผลต่อความฟิตในเกมหน้า ส่วนเฟล็ทเชอร์เกมนี้ถึงจะดูเด่นแค่บางครั้ง ไม่ได้เข้าที่เข้าทางเข้าฟอร์มสุดยอดเหมือนก่อนหน้านี้ ผมมองว่าเขาเพิ่งหายเจ็บ และคงลงมาเล่นเพื่อเรียกจังหวะมากกว่าจะหวังให้งัดฟอร์มหรือลุยเต็มที่นัก แต่สิ่งดีๆจากเฟล็ทช์นัดนี้ยังมีให้เห็นคือการวิ่งสกรีนบอลหน้าแผงหลังยังโอเคอยู่ แถมการสอดเติมเข้าทำเริ่มดีวันดีคืน การประสานงานข้างหน้ายังคงมีปัญหา แต่ยืนยันอย่างหนึ่งได้ว่า โอเว่นยังมีเหลี่ยมทางบอลดีอยู่มาก และน่าจะได้โอกาสยืนเป็นตัวหลักมากกว่านี้ ทางด้านโอแบร์กตองเองก็กลบรัศมีนานี่ได้ ถึงแม้โอกาสจะต่างกันหกสิบนาทีต่อสามสิบนาทีก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโอแบร์กตองนั้นสร้างมิติเกมรุกได้ดีกว่า และพลิกรูปเกมทางฝั่งซ้ายได้อย่างน่าชมเชยจริงๆ ทั้งๆที่ตอนนั้น ซีเอสเคเอลงไปตั้งรับกันแน่นเต็มพื้นที่แล้วด้วยซ้ำไป
จบเกมนี้แล้ว กับการผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ ก็อย่าถึงกับประมาท เพราะเชลซีเองก็ผ่านเข้ารอบได้เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองทีมที่ว่า สามารถโฟกัสลงไปที่บอลลีกได้เต็มที่แล้วในช่วงนี้ กับเกมวันอาทิตย์ที่ทั้งสองทีมต้องโคจรมาพบกันนั้น ผมคงไม่พูดถึงให้เคล็ดมันขัดยอก หวังว่าทุกๆท่านคงทราบเหตุผลกันดี แต่ผมอยากพูดถึงสิ่งที่เราได้จากเกมนี้ ที่มันน่าจะต่อยอดไปถึงตารางแข่งขันเกมถัดๆไปมากกว่า ว่ามันส่งผลอะไรได้บ้าง แน่นอนว่าการเสียสามประตูในบ้านย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะทำเป็นลืมได้ง่ายๆ และป๋าก็คงต้องเคี่ยวเข็ญทีมอีกเยอะ แต่กับการที่เราคัมแบ๊กกลับมาได้ในเกมต่างหากที่มันสำคัญกว่า แพสชั่นของผู้เล่น ความมุ่งมั่น จะว่าเป็นความกระหายในชัยชนะหรือเกลียดชังความพ่ายแพ้ก็ตามที สื่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนฝังเข้าไปในยีนของนักเตะทุกๆคนในเสื้อสีแดงที่มีตัววีสีดำพาด สิ่งนี้เองที่ปลุกเร้าวิญญาณนักสู้ในร่างของนักเตะให้ตื่น และสู้เต็มที่ทำทุกๆอย่างเพื่อไม่ให้พ่ายแพ้ และเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งผลลัพธ์ของมัน แน่นอนครับ ว่าส่งผลถึงสภาพจิตใจให้ฮึกเหิมได้เป็นอย่างดี และผมหวังว่า ความฮึกเหิมนี้ จะถูกต่อยอดออกไปได้อีกหลายๆเกมข้างหน้า
สำหรับทีมของเรา โอเคว่าเทียบตัวต่อตัวถ้าพูดถึงชุดหลักจริงๆ โดยเฉพาะมิดฟิลด์นั้น อาจเป็นรองทีมใหญ่ๆก็จริง แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ผมว่ามันคงไม่เข้าทีนัก ถ้าจะพูดว่าจะเอาคนนั้น จะรอคนนี้ เพราะยังเหลืออีกสองเดือนกว่าตลาดจะเปิดอีกครั้ง และตอนนี้เราต้องทำงานด้วยขุมกำลังที่มีอยู่เท่านี้ ซึ่งถึงแม้ว่าชุดใหญ่เราอาจจะเป็นรอง แต่ขุมกำลังทดแทนที่มีตอนนี้ ผมว่าเราสามารถยืนระยะได้เรื่อยๆจนถึงตลาดเปิดแน่นอน อาจจะมีแพ้บ้างตามรายทาง แต่ผมเชื่อครับ ว่าด้วยขุมกำลังสำรองอย่าง เฟล็ทช์, แอนนี่, กิ๊บสัน, บราวน์, อีฟ, โอเช, เงาะซ้าย, เงาะขวา, อบต., พาร์ค, เดอ ลาท, โอเว่น, มาเคด้า, เว็ลเบ็ค, หรือแม้แต่ คิง พวกนี้ยังมีดีพอที่จะช่วยรักษาโอกาสลุ้นแชมป์ของเราไว้ได้ในทุกๆถ้วยจนถึงตลอดเปิดแน่นอน แล้วถึงตอนนั้น เราค่อยมาดูกัน ว่าจะมีอะไรดีๆเข้ามาสู่ทีมอีกไหม นอกจาก อเด็ม ลายิช และ มาเม่ บิแรม ดิยุฟ
แล้วมาลุ้นกันครับ
สงบใจ
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 11:01:30 น. |
Counter : 583 Pageviews. |
|
 |
|