|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
- รวม Review หนังสั้นประจำเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน 2550
- รักแห่งสยาม : บทพล่ามถึงความรักที่ลอยอยู่รอบตัวเรา
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน ตุลาคม 2550
- ร่าง พรบ. ฉบับใหม่... กูไม่ใช่เกาหลีเหนือโว้ย!!
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550(2)
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550(1)
- ชำแหละความชิบหายของ "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ"
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน สิงหาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ขนาดยาวประจำเดือน สิงหาคม 2550 (2)
- รวม Review ภาพยนตร์สั้นที่ได้ดูในเดือนสิงหาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ขนาดยาวประจำเดือน สิงหาคม 2550 (1)
- รวม Review ภาพยนตร์ 16 เรื่องจาก Bangkok Film
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนกรกฎาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมิถุนายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนพฤษภาคม 2550
- Memories of Matsuko แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ
- Pan's Labyrinth มันหนังรัฐศาสตร์ชัดๆเลยครับพี่น้อง!!!
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนเมษายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมีนาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมกราคม 2550
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus (สหรัฐอเมริกา, Steven Shainberg, 2006)
- Open Season (สหรัฐอเมริกา, กำกับสามคน, 2006)
- Thank You for Smoking (สหรัฐอเมริกา, Jason Reitman, 2005)
- Earthcore - หนังสั้นปฐมบทของ "13 เกมสยอง" (ไทย, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, อนุโลมว่า 2550 ละกัน)
- Final Score-365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ (ไทย, โสรยา นาคะสุวรรณ, 2550)
- A Stranger of Mine aka Unmei janai hito (ญี่ปุ่น, Uchida Kenji, 2005)
- Velvet Goldmine (สหราชอาณาจักร+สหรัฐอเมริกา, Todd Haynes, 1998)
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา (ไทย, หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, 2550)
- Dead Poets Society (สหรัฐอเมริกา, Peter Weir, 1989)
- ครูสมศรี (ไทย, หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, 2528)
- Reservoir Dogs (สหรัฐอเมริกา, Quentin Tarantino, 1992)
- 10 หนังสั้นในโครงการ "ชวนเด็กดูหนัง"
- Conflict (สหภาพโซเวียต, ใครกำกับ?, ปีไหนก็ไม่รู้)
- Takeshis' (ญี่ปุ่น, Kitano Takeshi, 2005)
- Wordplay (สหรัฐอเมริกา, Patrick Creadon, 2006)
- The Black Dahlia (เยอรมนี+สหรัฐอเมริกา, Brian de Palma, 2006)
- Hidden aka Cache (ฝรั่งเศส+ออสเตรีย+เยอรมนี+อิตาลี, Michael Haneke, 2005)
- Perfume: The Story of a Murderer (เยอรมนี+ฝรั่งเศส+สเปน, Tom Tykwer, 2006)
- Blood Diamond (สหรัฐอเมริกา, Edward Zwick, 2006)
- Nanoguy Awards 2006
- Nanoguy Awards 2006 ช่วงที่ 2
- Nanoguy Awards 2006 ช่วงที่ 1
- จมโลกเซลลูลอยด์
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 4 : อำมหิตพิศวาส/ เปนชู้กับผี/ Stormy Night/ หมากเตะรีเทิร์น/ mastersOFhorror
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 3 : Days of Glory/ Candy/ The Pianist / Infernal Affairs /Monster House
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 2 :: The Last Emperor/ DOA/ ผีคนเป็น/ Climates/ 21 Grams/ The Departed
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 1 : Cars/ The Ant Bully/ 13 เกมสยอง/ A Soap/ Paris, I Love You/ Rob-B-Hood
- แซ่บหนัง ทั้งเทอม!!
- แซ่บเรื่องหนัง(7-จบ) : The Wind that Shakes the Barley, WTC, The Devil Wears Prada, The Child
- แซ่บเรื่องหนัง(6) : Me and Youฯ, The Thomas Crown Affair, The Host, Seasons Change, Death Note
- แซ่บเรื่องหนัง(5) : Jasmine Women/ My Super Ex-Girlfriend/ Dreamer/ An Inconvenient Truth/ Cube
- แซ่บเรื่องหนัง(4) : โคตรรักเอ็งเลย/ The Lake House/ House of Wax/ Miami Vice/ United 93/ Brick
- แซ่บเรื่องหนัง(3) : Superman Returns/ แก๊งชะนีกับอีแอบ/ The Alibi/ Lady in the Water/ Sad Movie
- แซ่บเรื่องหนัง(2) : Don't Tell/ X-Men 3/ หนูหิ่น เดอะมูฟวี่/ The Bow/ Pirates of the Caribbean 2
- แซ่บเรื่องหนัง(1) : Sympathy For Mr Vengeance/ The Lover/ Spirited Away/ The Omen/ Scary Movie 4
- ต้มยำรวมมิตร(3-จบ) Poseidon/ มอ๘/ Match Point/ The Da Vinci Code/ Kinsey/ Always/ ก้านกล้วย
- ต้มยำรวมมิตร(2) ลาง-หลอก-หลอน/ The Wild/ Red Lights/ Perhaps Love/ Date Movie/ Ice Age 2/ M:I:3
- ต้มยำรวมมิตร(1) Capote/ V For Vendetta/ Inside Man/ Where the Truth Lies/ Hoodwinked/ She's the Man
- จับฉ่ายตอนอวสาน : The Constant Gardener/ Transamerica/ Final Destination 3/ A History of Violence
- จับฉ่ายตอนที่ 2 : Paradise Now/ กระสือวาเลนไทน์/ Walk the Line/ Munich/ เด็กหอ/ Invisible Waves
- จับฉ่ายตอนที่ 1 : Memoirs of a Geisha/ Brokeback Mountain/ Sophie Scholl : The Final Days/ Tsotsi
- When Crash was crashed, เมื่อ Crash กลายเป็นแพะ
- Rashomon ธรรมชาติของมนุษย์
- March of the Penguins วิบากแห่งเผ่าพันธุ์
- Nanoguy Awards 2005
- The Chronicles of Narnia : The Lion, The Witch and the Wardrobe แฟนตาซีอลังการส่งท้ายระกาศก
- King Kong ลิงยักษ์ที่คนต้องเสียน้ำตาให้
- Harry Potter and the Goblet of Fire ขาดหาย ตกหล่น พอทน ดูไป
- Nana สองสาว สองฝัน แต่ชื่อเดียวกัน
- เที่ยวนี้ ว่าด้วยความตาย Corpse Bride / Saw 1-2
- คอมโบหนังโรง Into the Blue / Flightplan / 3-Iron / อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม
- คอมโบอีกซักทีดีไหม? Cinderella Man/Red Eye/เพื่อนสนิท
- Charlie and the Chocolate Factory หนังเด็ก ที่น่าให้ผู้ใหญ่ดู
- คอมโบอย่างบ้าคลั่ง กับหนัง 4 เรื่องรวด
- Team America : World Police เสียดสี ดีเดือด เลือดพล่าน
- The Machinist หลอนได้ที่ สยองได้ใจ
- The Island มนุษย์หนอมนุษย์...
- A Snake of June อสรพิษ=ตัณหา
- War of the Worlds ถึงมนุษย์ผู้หลงลำพอง
- Mr and Mrs Smith อารมณ์เดียวกับ "มหาลัยเหมืองแร่"
- มหาลัยเหมืองแร่ กินได้ แต่ไม่กลมกล่อม
- Star Wars Episode 3 : Revenge of the Sith เหมือนจะไม่ดี แต่ก็เหมือนจะดี...
- Sin City โหด ซาดิสต์ ถึงลูกถึงคน ถึงเลือดถึงเนื้อ...
- Kingdom of Heaven รบกันไปเพื่อ???
- I Am David เรียบๆ เฉยๆ พอดูได้
- Bangkok:Dangerous ร่วมกันยืนไว้อาลัยออกไซด์ แปง...
- The Interpreter เมื่อสามออสการ์โคจรมาพบกัน
- Hide and Seek ใครบอกตอนจบ บ้านบึ้ม...
- The Fog of War ม่านหมอกแห่งสงคราม
- And all razzies go to........ The Eye 10
- The Chorus หนังดีแบบดูง่ายๆ
- The Motorcycle Diaries เรียบๆ แต่ลุ่มลึก
- บุปผาราตรี เฟส 2 หนังเอามันส์ กระชากจิต...
- Hotel Rwanda กับความจัญไรของใจคน
- ความแตกต่างของหนังผู้หญิงและหนังผู้ชาย
- หลวงพี่เท่ง...ง่ะ
- ย้อนอดีต อันดากับฟ้าใส...
- เก็บตกสถิติออสการ์ (น่าอ่าน)
|
|
|
|
|
Memories of Matsuko แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ
Heavy Spoiler
"ชีวิตที่ไร้รัก ยากนักจะหอมหวาน" คำโปรยของภาพยนตร์เรื่องนี้ใน standy หน้าโรงภาพยนตร์ House RCA ท่อนนี้ สื่อความหมายของ Memories of Matsuko ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมและลงตัว...
โช หลานชายไม่เอาไหนของป้าคาวาจิริ มัตสึโกะ ถูกใช้ให้มาเก็บกวาดห้องแสนโสโครกของป้าคนนี้ เพราะว่าพ่อติดธุระต้องรีบมาเอากระดูกแล้วกลับบ้าน โดยทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้เป็นปริศนาว่า "ชีวิตของป้าแกนี่มันไร้ค่าจริงๆ"
หลังจากนั้น โช ก็ได้พบกับผู้คนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับมัตสึโกะ และเขาจึงได้เริ่มทำความรู้จักกับป้าของเขาไปพร้อมๆกับคนดู
เมื่อเราก้าวเข้าสู่โลกของคาวาจิริ มัตสึโกะ... เราก็จะพบกับหญิงสาวชีวิตบัดซบปานหลุดออกมาจากละครน้ำเน่า หญิงสาวที่อาภัพรักมาแต่เด็ก ชีวิตพลิกผันปั่นป่วนเสียจนแทบตามไม่ทัน ก่อนที่จะตายอย่างน่าอนาถในสภาพที่น่าสังเวช...
ปมที่ฝังใจมัตสึโกะมาตั้งแต่เด็กก็คือเธอเหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวตลอดเวลา
พ่อ ที่ห่วงน้องสาวมากกว่า ครูและนักเรียน ที่ไม่เข้าใจการกระทำของเธอ บรรดาคนรัก ที่ไม่เคยเข้าใจความต้องการของเธออย่างแท้จริง เพื่อน ที่แม้จะห่วงใยเธอ แต่ก็ไม่เข้าใจเธอเพียงพอ...
การกระทำของพ่อ ทำให้เธอกลายเป็นคนโหยหาความรัก เพราะพ่อแสดงออกความรักความห่วงใยกับ คุมิ น้องสาวที่ป่วยมาตั้งแต่เกิดมากจนสังเกตได้ และเป็นภาพที่ฝังใจมัตสึโกะว่า ความรักต้องการการแสดงออก
พ่อท่านหนึ่งเคยพูดสอนลูกว่า "พ่อแม่ทุกคนรักลูกเท่ากัน แต่ว่าห่วงใครมากกว่าเท่านั้น" ลูกชายคนเล็กของพ่อท่านนั้นก็มีอาการป่วยที่ต้องการการดูแล ประคบประหงม เอาใจใส่มากพอๆกับคุมิ.. และมีช่วงหนึ่งที่พี่ชายเองก็เกิดความรู้สึกคล้ายกับมัตสึโกะ
ถ้าหากพ่อของมัตสึโกะหันหน้ามาคุยกับลูกสาว... ก็คงไม่เกิดภาพฝังใจนั้นขึ้น... และน่าเสียดายที่มัตสึโกะยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจความรักของพ่อแม่โดยไม่มีคำอธิบาย เพราะพ่อแสดงออกแต่กับน้องสาว สมองของเด็กวัยเพียงเจ็ดขวบก็คงเรียนรู้ไปเองว่า ความรักคือการแสดงออก และเกิดการเปรียบเทียบถึงการปฏิบัติที่แตกต่างกันของพ่อ
การทำหน้าตาประหลาดๆของมัตสึโกะก็เป็นเพียงความหวังเล็กๆของเด็กคนหนึ่ง ว่าเมื่อเราทำอะไรให้คนที่เรารักมีความสุข เขาก็คงหันกลับมารักเราบ้าง จนเมื่อเธอโตขึ้น พ่อของเธอก็เริ่มไม่เอ็นดูเธอ หรือยิ้มออกมาเมื่อเธอทำหน้าทะเล้นเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เธอยิ่งฝังใจหนัก
เมื่อฟางเส้นสุดท้ายมาถึง... พ่อไม่พอใจเธอที่ไปเล่าเรื่องออกเดตให้คุมิฟังเพราะกลัวว่าน้องสาวจะสะเทือนใจหรืออิจฉาพี่ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดวูบเดียวของพ่อจะทำให้มัตสึโกะสะเทือนใจอย่างรุนแรงจนถึงขั้นลงมือทำร้ายน้องสาวทั้งทางคำพูดและการกระทำ
คนอย่างเธอ ไม่เห็นจะน่าสงสารซักนิด! เธอตะโกนใส่หน้าน้องสาวที่เดินมาหาตัวเอง...
ในห้วงเวลานั้น คนที่น่าสงสารที่สุดในความคิดของมัตสึโกะก็คือตัวเธอเอง... เพราะเธอฝังใจมาสิบหกปีเต็มว่าไม่ได้รับความรักจากพ่อเท่าที่ควร เธอรู้สึกอิจฉาน้องสาว แล้วยิ่งเมื่อตัวเองกำลังจะได้รับความรักจากใครก็กลับกลายเป็นเรื่องผิด
คนที่ได้รับความรักความเอาใจใส่มากมายจากทุกคนรอบข้างอย่างคุมิ จึงเป็นคนที่น่าจะมีความสุขที่สุดในโลกที่มัตสึโกะวาดไว้
ฉันมันคงไม่มีค่าแล้วล่ะมั้ง... มัตสึโกะน่าจะคิดแบบนี้ในห้วงเวลาที่เธอยัดข้าวของใส่กระเป๋าแล้วปั่นจักรยานออกจากบ้านไป
โช เคยฝันจะเป็นนักดนตรี แต่เขากลับปล่อยให้กีตาร์ของตัวเองวางนิ่งอยู่ริมห้องจนฝุ่นจับหนาเพราะไม่ประสบความสำเร็จ และก่อนจะเจอกับป้ามัตสึโกะ (ทางความคิด) เขาถูกแฟนบอกเลิก(ก็เพราะเขาลาออกจากวงดนตรี) และจมตัวเองอยู่กับหนังเอวี
หลังจากนั้นไม่นาน แฟนเก่าของโชโทรเข้าเครื่องตอบรับ พร้อมกับขอโทษที่เรียกร้องอะไรต่อมิอะไรจากเขามากเกินไป เธอเพิ่งจะรู้ว่าคนเราก็มีความสุขจากการให้ได้เหมือนกัน ก่อนที่เธอจะลาไปทำตามฝันที่ต่างประเทศ
ก่อนหน้านั้น ระหว่างทางที่โชเดินทางตั้งแต่ในร้านที่แฟนบอกเลิก ร้านเช่าหนังเอวี แม้แต่ที่ห้องพักตัวเอง เขามองไปที่โทรทัศน์แล้วก็ต้องเห็นตอนจบของหนังเรื่องหนึ่งในรูปแบบเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน แต่ตัวละครพูดเหมือนกันทุกครั้ง...
คุณยังเริ่มต้นใหม่ได้นะ... ไม่จริงหรอก...
และตัวละครหนึ่งก็โดดลงจากหน้าผาไป...
ทุกคราวที่ความฝันของมัตสึโกะต้องมีอันทลายลง ความคิดในห้วงคำนึงของเธอก็คือ
ฉันรู้สึกเหมือนกับชีวิตฉันสิ้นสุดลง
เธอเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดำเนินชีวิตเพื่อตามหาสิ่งที่เธอต้องการนั่นคือความรักและความเข้าใจที่เธอจะหาได้จากผู้ชายสักคนหนึ่ง และเธอก็ต้องรู้สึกเหมือนกับชีวิตสิ้นสุดลงครั้งแล้วครั้งเล่า
หากว่ามัตสึโกะ ต่างจากตัวละครชายที่โดดหน้าผาในละครทีวีเรื่องนั้น...
ตัวละครตัวนั้น เลือกที่จะหยุดตามหาฝัน หยุดการเริ่มต้นใหม่และจบความฝันครั้งนั้นด้วยตัวเอง แต่ว่าความฝันแต่ละครั้งของมัตสึโกะจบลงโดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัว ถ้าเทียบกันก็คงเหมือนเธอถูกมือลึกลับผลักตกผาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สิ่งที่มัตสึโกะทำอยู่ตลอดชีวิตคืออะไร? "ให้" โดยไม่มีเงื่อนไข นอกจากต้องการ "รัก" กลับคืน...
อาชีพที่เธอทำมาทั้งชีวิต ล้วนแต่เป็นการ "ให้" ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นครู สาวอาบอบนวด ช่างเสริมสวย คนส่งยา หรือโฮสเตสในบาร์ยากูซ่า
ความรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าก็อยู่ในรูปแบบเดียวกัน
เธอยอมให้เท็ตซึยะ สามีนักเขียนใช้เธอเป็นเครื่องระบายอารมณ์ยามหัวตื้อหัวตันคิดงานไม่ออกทั้งทางร่างกายและทางเพศ เธอยอมทนพบกับโอคาโนะแต่สัปดาห์ละวัน และอยู่ในฐานะชู้ เธอกลับไปหาชิมาซึ เคนจิ หลังจากแปดปีที่ต้องโทษ เพียงเพื่อจะพบเขาอยู่อย่างมีความสุขกับภรรยาคนใหม่และลูก เธอรอริว โยอิจิอีกสิบสามปีระหว่างที่เขาต้องโทษ เพียงเพื่อจะถูกเขาต่อยหน้าที่หน้าเรือนจำแล้วเดินจากไป
สัญลักษณ์อีกอย่างที่หนัง "จงใจ" ให้คนดูเห็นเป็นระยะในเรื่องนั้นคือพวงกุญแจของมัตสึโกะ
พวงกุญแจนั้นเป็นรูป Tower of the Sun ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในงาน expo ที่โอซาก้าเมื่อปี 1970 (ซึ่งน่าจะเป็นครั้งที่คนญี่ปุ่นเห่อที่สุดกระมัง เพราะว่าใน 20th Century Boys ก็มีพูดถึงสัญลักษณ์ตัวนี้)
จุดประสงค์ของ expo คืออะไร? งาน expo เปรียบเสมือนการ present ตัวเองของประเทศต่างๆทั่วโลกตามแต่วิสัยทัศน์ของแต่ละประเทศ ว่าจะป่าวประกาศให้โลกรู้จักประเทศของเราอย่างไร ในแง่มุมไหน จากจุดนี้เราจะเห็นว่าจุดประสงค์ของมันคือ "โลกทั้งโลก"
คนที่เข้าไปเที่ยวงานส่วนใหญ่กลับไม่บรรลุถึงจุดประสงค์ตัวนี้... ใครเคยอ่าน 20th Century Boys น่าจะจำตอนที่เด็กๆคุยกันเรื่องงาน expo ได้ตอนหนึ่ง
วันแรกก็ไปต่อคิวรอดูบู๊ทอเมริกา บู๊ทอังกฤษ ส่วนวันท้ายๆค่อยลองแวะไปดูบู๊ทลาว อัฟกานิสถาน ที่คนไม่ค่อยดูกัน
จากประโยคนี้เราเห็นอะไร? เราเห็นว่าคนส่วนใหญ่ "ไม่เข้าใจ" และ "ไม่สนใจ" ในจุดประสงค์แท้จริงของงาน expo ว่านี่คืองานของทั้งโลก คนบางกลุ่มเข้าไปเพียงเพื่อจะดูบู๊ทอเมริกาแล้วก็กลับบ้าน ได้ชื่อว่าชั้นมาเที่ยวงาน expo แล้ว ส่วนอีกกลุ่มก็ไม่ได้เข้าใจจุดประสงค์อย่างถ่องแท้... เห็นบู๊ทลาว อัฟกานิสถาน เป็นของแถม
พวงกุญแจนี้จึงสื่อถึงตัวมัตสึโกะเอง... ผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เธอเลือกฝากชีวิต ฝากความรักเอาไว้ ก็ล้วนปนเปไปทั้งคนที่ "ไม่เข้าใจ" และ "ไม่สนใจ" ในตัวเธออย่างจริงจัง
เท็ตสึยะ... ไม่เข้าใจความรู้สึกแท้จริงของเธอ โอคาโนะ... ต้องการเพียงเอาชนะเท็ตสึยะด้วยการครอบครองเธอ โอโนะเดระ... ต้องการเพียงเงินของเธอ ชิมาซึ เคนจิ... ที่ขอเธอแต่งงานเพราะเธอเข้ามาถูกจังหวะเปลี่ยวเหงาพอดี ริว โยอิจิ... ที่ตีความความรู้สึกของมัตสึโกะผิดไป "ฆาตกร" ที่ฆ่าเธอก็ไม่เข้าใจความหวังดีของเธอ...
เวลาตลอดชีวิตที่ผ่านมา... มัตสึโกะทำทุกอย่างลงไปเพื่อจุดประสงค์เดียว... เธอต้องการ "ความรัก" ตอบแทนแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ความต้องการตัวนี้ ทำให้มัตสึโกะต้องทนทุกข์มาตลอดชีวิต เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนที่ตอบสนองจุดประสงค์หลักของเธอได้... (เพราะบ้างก็ "ไม่สนใจ" บ้างก็ "ไม่เข้าใจ" อย่างที่ได้บอกไปแล้ว)
มัตสึโกะลืมไปอย่างหนึ่ง...
ถ้าเทียบกับงาน expo คนลาวกับอัฟกานิสถาน หรือประเทศเล็กประเทศอื่นๆ เขาก็คงไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไรมากมายนักที่อุตส่าห์ลงทุนแต่งซุ้มแต่งศาลาให้สวยๆ แต่ไม่มีใครเข้ามาดูเพราะชื่อประเทศไม่ดังเหมือนอังกฤษ อเมริกา หรือประเทศมหาอำนาจอื่นๆ อย่างน้อยเขาก็คงรู้สึกดีที่มีเวทีให้พวกเขาเผยแพร่วัฒนธรรมและนวัตกรรมของประเทศตัวเอง
มัตสึโกะเองก็เช่นกัน... แต่กว่าเธอจะรู้ความจริงข้อนี้ก็สายไปเสียแล้ว
หลังจากเธอตัดผมให้น้องสาวของเธอ เธอถึงเริ่มรู้สึกว่าที่จริงแล้วการ "ให้" บางครั้งเพียงแค่สุขใจกับมัน แม้จะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาก็ไม่เห็นเป็นไร... เธอสร้างมันได้... แม้จะเป็นแค่ช่างเสริมสวยก็ตาม... อย่างน้อย... ถ้าเธอมีฝีมือ ลูกค้าก็มีความสุขและจดจำเธอในฐานะช่างทำผมฝีมือดี แค่นั้นเธอก็มีคุณค่าในสายตาคนอื่นแล้ว
มัตสึโกะถึงได้รีบวิ่งออกจากห้องพักของเธอเพื่อไปคุ้ยหานามบัตรของเมงุมิที่เธอเขวี้ยงทิ้งไป ชีวิตเธอยังมี "คุณค่า" มากกว่าจะนั่งรอใครมา "เห็นค่า" ของเธอ เธอสร้างมันได้... แม้จะเป็นแค่ช่างเสริมสวยก็ตาม...
ภาพหลังจากที่เธอได้กล่าวตักเตือน "ฆาตกร" ด้วยความหวังดีก็คือ มัตสึโกะเดินจากด้านขวาของจอไปด้านซ้าย พร้อมกับมีแสงสว่างวาบขึ้นมา
มัตสึโกะกำลังจะตื่นจากความมืด... แต่เมื่อฆาตกรได้ปฏิเสธ "ความหวังดี" ของมัตสึโกะด้วย "การฆาตกรรม" แสงสว่างนั้นก็เริ่มมืดเป็นห้วงๆ ดับเป็นระยะๆ
มัตสึโกะลุกขึ้นมา... และหันหน้ากลับไปในทิศที่เธอเดินมา ก่อนจะล้มลงเสียชีวิต แสงสว่างนั้นหายไป... และเธอก็หันหน้าไปหาความมืดที่เธอเพิ่งเดินจากมาก่อนตาย...
เพราะความ "ไม่เข้าใจ" ตัวเดียวแท้ๆ...
Create Date : 29 พฤษภาคม 2550 |
|
24 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 23:14:24 น. |
Counter : 3558 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: iai apprentice IP: 59.147.88.9 31 พฤษภาคม 2550 22:10:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: squidy ying IP: 210.86.214.66 31 พฤษภาคม 2550 22:18:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: RiRi IP: 58.8.15.67 1 มิถุนายน 2550 11:27:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าดิน 2 มิถุนายน 2550 2:45:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: zadwaan IP: 58.8.70.85 2 มิถุนายน 2550 4:15:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: a r i t s u m e m o o n IP: 124.120.213.243 2 มิถุนายน 2550 17:51:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 4 มิถุนายน 2550 10:10:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: merf1970 6 มิถุนายน 2550 13:21:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: bua ja 6 มิถุนายน 2550 20:43:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิล IP: 58.9.64.48 7 มิถุนายน 2550 20:27:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: K-i_i-K IP: 203.113.34.13 9 มิถุนายน 2550 23:12:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 10 มิถุนายน 2550 22:02:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 12 มิถุนายน 2550 11:01:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: วุ้นใสจ้า (วุ้นใสจ้า ) 16 มิถุนายน 2550 1:13:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: 124 IP: 125.25.99.191 20 ธันวาคม 2550 11:26:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา
- อรรถจักร สัตยานุรักษ์ (จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)
Let this song rhyme our souls when your voice and mine become one and whole.
Let it carry us high above When we recite our poetry of love that when there's love then there's hope.
Your love is my light, and it'll get us through this lonely night.
- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)
|
|
|
|
|
|
|