“ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป”
-- อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
(คำปรารภหลังจาก "แสงศตวรรษ" ผลงานภาพยนตร์จากผู้กำกับคนไทย พูดภาษาไทย ใช้ดาราคนไทย ถูกกองเซนเซ่อประเทศไทยบังคับให้ตัดฉากสำคัญ 4 ฉากออกหากต้องการฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย)




“ผมคิดว่าพระกลุ่มนี้โดนจี้จุดจึงร้อนตัวเกินไป หรือเป็นพวกอยากดัง จึงต้องทำตัวเป็นข่าว อยากถามว่าทำไมไม่ไปเรียกร้องหรือแก้ปัญหาพระที่ออกมาแก้ผ้า มั่วสีกา หรือใช้มีดกรีดร่างกาย หลอกลวงประชาชน ทั้งนี้หากจะฟ้องก็ยินดีให้ฟ้องได้ทุกศาล หรือว่าจะไปฟ้องจตุคาม ศาลเจ้าแม่กวนอิม พระอินทร์ พระอิศวร ก็เชิญ ผมไม่สนใจ แต่เห็นว่าพระกลุ่มนี้ไม่เหมาะสมในสมณะ และเป็นพระหน้าเดิมที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
-- ถวัลย์ ดัชนี
(คำตอบโต้ภายหลังกลุ่มพระสงฆ์ที่ชุมนุมประท้วง ขู่ฟ้องคดีอาญาต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายอนุพงษ์ผู้วาดภาพภิกษุสันดานกาและหมานุษย์ และคณะกรรมการที่ตัดสินรางวัลศิลปกรรมแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นศาสนา)
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
ต้มยำรวมมิตร(1) Capote/ V For Vendetta/ Inside Man/ Where the Truth Lies/ Hoodwinked/ She's the Man

หนังทุกเรื่องคะแนนเต็ม 4 ดาวนะขอรับ ^^




Date ::: 23 มีนาคม 2549
Location ::: House Rama RCA


เจ็บใจมากที่เข้าโรงช้าไปร่วมยี่สิบนาที เพราะว่าเพิ่งจะไปดู House ครั้งแรกในชีวิต นอกจากจะกะเวลาขึ้นใต้ดินพลาดไปเยอะแล้ว ยังเสือกขึ้นแท็กซี่ผิดฝั่งอีกตะหาก - - ไหนจะต้องไปกลับรถ แถมรถก็ติด อิบีก็เลยโทรมาบอกว่า “เฮ้ยแก ชั้นฝากตั๋วไว้ที่เคาน์เตอร์นะ ขอไปดูก่อนล่ะ บ๊ายบาย” - -*

กว่าจะเข้าไปถึงโรง แถมเดินหาโรงอีก (ตรงนั้นมันมี UMG RCA อีกโรง เดินหลงวนอยู่ตั้งนาน ถึงค่อยรู้ว่าไอ้ House มันอยู่ชั้นบนสุดโน่น - -) กว่าจะได้ตั๋วได้เดินเข้าโรงก็เลยเลตไปร่วมยีสิบนาที

ไม่เคยเข้าโรงช้าขนาดนี้มาก่อน TT

แต่ถึงจะเข้าโรงช้าเป็นประวัติการณ์ แต่ก็คุ้มที่ได้ดูการแสดงระดับโคตรออสการ์ของ Philip Seymour Hoffman ที่เล่นเป็น Truman Capote คนเขียนหนังสือดังระเบิดระเบ้อในอเมริกาอย่าง In Cold Blood (ภาษาไทยชื่อ “ฆาตกร”) แต่จะว่าไปไอ้ “ฆาตกร” นี่ก็คงดังได้เพราะมันเป็นนิยายที่ฉีกแนวออกไปมากกว่า เพราะแรงโฆษณาที่บอกว่าเป็น fiction novel เพราะเท่าที่อ่านฉบับแปล ภาษาที่ใช้ก็ไม่ได้ชวนให้อ่านแบบรวดเดียวจบเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือว่าดาวินชี่ โค้ด แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่เป็นคดีดังมากในสมัยนั้น ทำให้หนังสือเล่มนี้ดัง ถึงขนาดมีคนเอาไปสร้างเป็นหนังแล้วในชื่อเดียวกับหนังสือ จำได้เลาๆว่าฉายก่อนเราเกิด - -

แต่เรื่องในหนังเรื่องนี้เป็นชีวิตของ Truman Capote นักเขียนเกย์ที่มีความทะเยอทะยานสูงที่กำลังเขียนนิยายเรื่อง In Cold Blood โดยหาข้อมูลจากคนร้ายสองคนที่ถูกทางการจับได้ในคดีฆ่าล้างครัวเศรษฐีในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งโดยแทบไม่ได้แตะต้องทรัพย์สิน สิ่งที่ Capote ต้องการก็คือสิ่งที่คนทั้งคู่คิดในตอนฆาตกรรม เหตุการณ์จริงทั้งหมด รวมถึงแรงจูงใจ โดยเขาบอกกับนักโทษทั้งคู่ (ดูไว้นานแล้ว ลืมชื่อ - -*) ว่าจะช่วยในเรื่องจัดการหาทนายให้

เวลาผ่านไปนาน นาน และนาน โทษประหารของนักโทษสองคนก็เลื่อน เลื่อน และเลื่อน Capote ก็เริ่มหนักใจ หนักใจ และหนักใจ เมื่อนิยายที่เขาฝากความหวังเอาไว้มากเรื่องนี้ยังคงหาจุดจบไม่ได้ เพราะชะตากรรมของสองนักโทษยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ด้านมืดของเขาจึงค่อยๆเริ่มเผยออกมาให้คนดูเห็น...

ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่น คงไม่สามารถทำให้คนดูทั้งรังเกียจและเห็นใจ Truman Capote ไปได้พร้อมๆกัน กับการแสดงที่สุดยอด (คนอเมริกันว่ากันว่าแม้แต่สำเนียงพูดยังเหมือน Truman Capote ตัวจริง ไอ้เราก็ไม่เคยได้ยินด้วยสิ - -) เรียกว่าแทบกลืนองค์ประกอบอื่นของเรื่องไป แม้กระทั่ง Catherine Keener ที่เข้าชิงออสการ์สาขาดาราสมทบหญิงจากบทนักเขียน Nelle Harper Lee เพื่อนสนิทของ Capote ก็ยังถูกบดบังรัศมีเกือบหมด

สรุป.. เรื่องนี้มีดีที่การแสดงขั้นสุดยอดของ Philip Seymour Hoffman และเนื้อเรื่องที่วางโครงเรื่องและบทได้ดี

3 ¼ ดาว....




Date ::: 28 มีนาคม 2549
Location ::: Lido Multiplex


เรื่องนี้ดูเพราะกระแสการเมืองชักนำ มาเข้าช่วงทีม็อบสนธิกำลังเข้าจุด peak พอดี (ไม่รู้ว่าตอนม็อบสนธิมา paragon มีใครแอบเดินเข้าไปดูหนังเรื่องนี้รึเปล่า เหอๆๆ)

แค่ฉากเปิดตัว V ที่รับบทโดย Hugo Weaving หรือ Agent Smith จาก Matrix ก็ได้ใจไปเต็มๆ กับการร่ายบทยาวเหยียดถึงสี่ประโยคซ้อนและใช้คำนำหน้าด้วย V ถึง 47 คำได้อย่างไหลลื่น มีจังหวะจะโคน และสามารถแสดงตัวตนของตัวละคร V ได้อย่างน่าทึ่ง

This visage, no mere veneer of vanity, is it vestige of the vox populi, now vacant, vanished, as the once vital voice of the verisimilitude now venerates what they once vilified. However, this valorous visitation of a by-gone vexation, stands vivified, and has vowed to vanquish these venal and virulent vermin van-guarding vice and vouchsafing the violently vicious and voracious violation of volition. The only verdict is vengeance; a vendetta, held as a votive, not in vain, for the value and veracity of such shall one day vindicate the vigilant and the virtuous. Verily, this vichyssoise of verbiage veers most verbose vis-à-vis an introduction, and so it is my very good honor to meet you and you may call me V. (credit : คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ")

Evey Hammond ที่รับบทโดย Natalie Portman อดีตราชินี Padme Amidala แห่ง Star Wars Episode 1-3 เป็นเจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ในยุคเผด็จการของอังกฤษภายใต้การนำของผู้นำอย่าง Adam Sutler (ที่คอยแต่สั่งลูกน้องให้ทำการต่างๆทาง Video Conference) ทีปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกอย่าง ทั้งการนับถือศาสนา การเรียนรู้ และสื่อ ราวกับยุคจอมพลป. พิบูลสงคราม "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ทำให้ชาติล่มจมก็คือคนที่พูดปาวๆ ว่าขอให้ประชาชนเชื่อนั่นแหละ

5 พฤศจิกายน... V มาพบกับ Evey ในตรอกแห่งหนึ่งและได้ช่วยเธอเอาไว้จากพวกตำรวจนอกรีตที่กำลังจะทำร้ายเธอ (และได้พูดสี่ประโยคเปิดตัวนั้นด้วย) และได้พา Evey ไปชมการแสดงดนตรีที่มีเขาเป็น conductor และชมการระเบิดอาคารศาลของลอนดอน

หลังจากนั้นไม่นาน V บุกเดี่ยวเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ที่ Evey ทำงานอยู่ และประกาศออกโทรทัศน์สู่ประชาชนว่าในวันที่ 5 พฤศจิกายนปีหน้า เขาจะระเบิดอาคารรัฐสภาอังกฤษ และขอให้พี่น้องประชาชนลุกขึ้นสู้กับอำนาจรัฐที่ครอบงำอยู่...

5 พฤศจิกายนคือวันประวัติศาสตร์ที่ Guy Fawkes วางแผนระเบิดรัฐสภาอังกฤษ.. และเพื่อเป็นการเชิดชูอุดมการณ์ทางการเมืองของเขา หน้ากากที่ V สวมทั้งเรื่องก็คือใบหน้าของวีรบุรุษ Guy Fawkes นั่นเอง..

Remember, remember, the 5th of November
Gunpowder, treason and plot;
I know of no reason, why the gunpowder treason
Should ever be forgot."


ไว้รอออกแผ่น แล้วอยากให้ไปหามาดู มาลุ้น และอินไปกับสถานการณ์ในหนังที่แทบจะถอดแบบจากเหตุการณ์บ้านเมืองของประเทศแถวๆนี้ในช่วงเวลานั้น...

ยกย่องการแสดงของ Hugo Weaving ที่สามารถแสดงอารมณ์ ความรู้สึก สีหน้า และท่าทาง ผ่านหน้ากากที่บดบังใบหน้าที่แท้จริงทั้งเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดีกว่านักแสดงหลายๆคนที่เล่นแบบไม่ใส่หน้ากากซะอีก ในขณะที่ Natalie Portman ก็ถือว่าเล่นได้เสมอตัว (เพราะคงไม่มีบทไหนที่แย่ไปกว่าราชินี Padme อีกแล้ว)

ได้แต่หวังว่า การรวมพลังภาคประชาชนจะกำจัดทรราชออกไปจากแผ่นดิน

3 ½ ดาว




Date ::: 7 เมษายน 2549
Location ::: Scala


หนังเรื่องนี้อยากดูตั้งแต่เห็นตัวอย่าง และเห็นป้า Jodie Foster อยู่ในเรื่อง แล้วก็ชื่อผู้กำกับ Spike Lee (ที่ไม่เคยดูหนังตานี่ซักเรื่อง แต่ดันเกิดความรู้สึกว่า มันต้องเป็นหนังดีแน่ๆ ขึ้นมาซะงั้นเลย)

ฉากเปิดเรื่องของหนังเจ๋งมาก ด้วยการให้ Clive Owen ในบทโจรออกมาพูดกับคนดู และทิ้งปริศนาเอาไว้มากมาย และแสดงตัวตนว่า "กูไม่ใช่โจรธรรมดานะว่อย"

กลุ่มโจรปลอมตัวเป็นช่างทาสีเข้าปล้นธนาคารแห่งหนึ่ง และจับพนักงานกับลูกค้าทั้งหมดเป็นตัวประกัน บังคับให้แต่งตัวเหมือนกับพวกโจร และต่อรองข้อเรียกร้องกับตำรวจ

Denzel Washington ในบทของหัวหน้านักสืบ Keith Frazier ที่จับพลัดจับผลูได้เข้ามาทำคดีก็ต้องคอยต่อรองและงัดข้อกับกลุ่มโจรที่ฉลาดเป็นกรด

Jodie Foster เป็น Maddelene White นักต่อรองสาวใหญ่ที่ได้รับคำขอจากเจ้าของธนาคารที่โดนปล้นให้ดำเนินการเจรจาบางอย่างกับโจร.. ซึ่งดูจะไม่ได้จ้องปล้นเพียงเงินและทรัพย์สินมีค่าในธนาคารเท่านั้น...

สามคนนี้แสดงได้พอฟัดพอเหวี่ยงกัน แม้แต่บทที่ดูไม่มีอะไร โหวงเหวง แทบไม่มีมิติอย่าง Maddeline White ก็เด่นออกมาได้เพราะการแสดงของ Jodie Foster

นอกจากดาราชั้นโคตรครู บทของหนังเรื่องนี้ที่เปี่ยมด้วยการงัดข้อ ตามเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงของแต่ละฝ่าย ก็ยกระดับให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังตำรวจจับโจรปล้นธนาคารธรรมดาๆ ดาษๆ แบบที่สักแต่สร้างแล้วฉาย..

3 ดาว




Date ::: 9 เมษายน 2549
Location ::: Lido Multiplex


Alison Lohman เป็นนักข่าวสาว Karen O'Connor ที่กำลังตามสืบหาความจริงเรื่องการตายของ Maureen สาวพนักงานโรงแรม ซึ่งเสียชีวิตอยู่ในห้องพักที่ Lanny Morris (รับบทโดย Kevin Bacon) และ Vince Collins (รับบทโดย Colin Firth) สองคู่พิธีกรแห่งยุคกำลังจะเข้าพักเพื่อเตรียมออกโทรทัศน์มาราธอนในวันรุ่งขึ้น..

คดีจบว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่ (อลิสัน) ไม่เชื่อว่าความจริงจะเป็นแบบนั้น

เธอลงมือสืบหาความจริง ด้วยการบอกว่าจะสัมภาษณ์คู่หูคู่นี้ หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกันเดินมากว่ายี่สิบปี เพื่อนำไปทำหนังสือชีวประวัติของ Vince Collins และทำให้ชีวิตของเธอต้องเข้ามาพัวพันกับคนทั้งคู่..

แม้จะเนิบนาบ และติดจะเชื่องช้า แต่หนังเรื่องนี้ชวนให้ลุ้นระทึกว่า "ความจริงคืออะไร" และเมื่อเนื้อเรื่องเริ่มขมวดผมเข้าสู่ "ความจริง" ในตอนท้าย เรื่องราวก็เข้มข้นถึงขีดสุด...

เรื่องนี้ Colin Firth พลิกบทบาทแบบหน้ามือเป็นหลังเล็บตีนจากภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษสุดขั้วใน Bridget Jones's Diary มาเป็นอีกด้านหนึ่ง และ Kevin Bacon ก็สวมบทบาทในเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว (เป็นดาราฮอลลีวู้ดทีหน้าเหมือนอำพล ลำพูนมาก โฮ่ๆ)

ปล. เรื่องนี้แทนที่คนที่น่าดึงดูดที่สุดจะเป็น Alison Lohman กลับเป็น Rachel Blanchard ที่เล่นเป็น Maureen ซะงั้นไป...

3 ¾ ดาว




Date ::: 10 เมษายน 2549
Location ::: EGV Metropolis


ครั้งแรกในชีวิตกับอีจีวีเมโทร เพราะว่า Hoodwinked ดันฉายที่นี่ที่เดียว ทำให้ต้องเดินมาตั้ง 20-30 นาที... ล็อบบี้ที่ให้รอสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น้ำแอร์หยดเป็นจุดๆ หาที่นั่งสงบๆไม่ค่อยได้

เรื่องราวหนูน้อยหมวกแดง "ภาคพิสดาร" ที่ดันเกิดคดีโจรขโมยสูตรขนมอาละวาดไปทั่วป่าของหนูน้อยหมวกแดง (ในหนังใช้ชื่อสั้นๆว่า Red แปลซับว่า "หนูแดง" น่ารักดี ^^) ซึ่งเป็นหลานของคุณยายนักทำขนมชื่อก้องป่า

ฉากเปิดเรื่องเริ่มที่หนูน้อยหมวกแดงปั่นจักรยานไปหาคุณยายที่บ้าน ก่อนที่จะพบว่าคุณยายหูใหญ่ขึ้น ปากใหญ่(และเหม็น)ขึ้น ตาใหญ่ขึ้น จมูกยาวขึ้น มือใหญ่ขึ้น เล็บยาวขึ้น และหน้าเหมือนหมาป่า แต่แทนที่จะกลัวกรี๊ดๆหวีดสยอง หนูน้อยของเรากลับซัดกังฟูใส่หมาป่าจนหมอบ

แล้วตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ... ในสภาพบ้านกระจกแตก มีชายหนุ่มร่างยักษ์(ที่ทะลุกระจกเข้ามา)ยืนเอ๋ออยู่พร้อมกับหมาป่าที่ถูกซัดหมอบ หนูน้อยหมวกแดง และคุณยายที่ถูกมัด

การสอบปากคำของสารวัตรกบจึงเริ่มต้นขึ้น!!

ถึงงานภาพจะเข้าขั้น "สอบตก" แต่เนื้อเรื่องถือว่าได้คะแนน "เกือบเต็ม" กับเนื้อเรื่องแหวกแนว พิสดาร ยอกย้อน ซ่อนเงื่อนเกินการ์ตูนทั่วๆไป ทั้งๆที่พื้นเรื่องธรรมดาก็คือหนูน้อยหมวกแดง..

Character ตัวละครถือว่าออกแบบได้ในระดับกลางๆ มีอยู่ไม่กี่ตัวที่น่ารักน่าจดจำจนเตะตา (หนึ่งในนั้นคือแพะที่บ้าร้องเพลง ได้ใจมาก) ตัวหนูน้อยหมวกแดงเองก็ไม่ถึงกับน่ารักมากนัก ยังดีที่มีเสียงน่ารักๆของ Anne Hathaway มาช่วงพยุงเอาไว้ ^^

2 ½ ดาว




Date ::: 11 เมษายน 2549
Location ::: Lido Multiplex


ดูเพราะเสียงที่เล่าลือกันมาว่าเป็นหนังที่ฮาใช้ได้

เรื่องของนักฟุตบอลสาวลูกตระกูลไฮโซคนหนึ่ง (ไม่ต้องถามชื่อ ลืมชื่อทุกตัวในเรื่องไปหมดแล้ว แหะๆ) ที่ทีมฟุตบอลในโรงเรียนตัวเองเกิดถูกยุบ แล้วประจวบเหมาะกับน้องชายฝาแฝดหนีออกจากบ้านไปประกวดดนตรีที่อังกฤษ แทนที่เจ๊จะโทรไปลาให้น้องชาย เจ๊ดันปลอมตัวเป็นน้องชายไปเข้าโรงเรียน เพื่อที่จะได้เข้าทีมฟุตบอลและกลับมาเตะกับทีมชายของโรงเรียนตัวเอง

ทีนี้เข้าไปเรียนไม่กี่วัน เจ๊ก็ดันกลายเป็นตัวตลกของโรงเรียน ก็เลยวางแผนจ้างคนมาทำเป็นชอบจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของโรงเรียนไป (เฉยเลย - -) และกลายเป็นที่ปรึกษาด้านความรักให้กับชายหนุ่มรูปงามกล้ามโตผู้เทิดทูนความรักที่อยู่ห้องเดียวกัน

แต่ยัยสาวที่ไอ้พ่อหนุ่มรูปงามชอบ ดั๊นมาชอบเจ๊ซะนี่ - - ให้ตายเหอะ วุ่นวายดีแท้เนาะ.. แถมแฟนของน้องชายเจ๊ก็มาตามรังควานซะอีก (**แฟนน้องชายหน้าเหมือน Lindsay Lohan มากๆ)

ที่เด็ดคือเจ๊ดันหลงเจ้าชายหนุ่มห้องเดียวกันเข้าให้

เรื่องราวก็ดำเนินแบบตลกๆไปเรื่อยๆ ท่ามกลางตัวละครผู้ชายที่อิจฉาเจ๊ที่มีผู้หญิงมาชอบเยอะ กับตัวละครผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดที่พยายามยั่วยวนแบบสุดๆ (**เธอยั่วได้ใจมาก เสียดายลืมชื่อไปแล้วเนี่ยสิ) ก่อนที่เรื่องจะไปลงที่ทีมฟุตบอลชายในตอนสุดท้าย และตอนจบที่ใครๆก็เดาไม่ผิด

ตอนต้นเรื่องก็พอฮาๆไปได้เรื่อยๆ บางมุขก็ถือว่าใช้ได้เลย (อย่างมุขลืมเปลี่ยนริงโทนโทรศัพท์) แต่ตอนท้ายๆ เหมือนเรื่องราวมันรีบๆ แล้วก็ไปจบลงตามสูตรสำเร็จแบบคอร์สเร่งรัด (แถมคนเขียนบทไม่รู้กติกาฟุตบอลอีกต่างหาก)

2 ¼ ดาว

ต่อตอนที่สองจ้า..


Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 4:09:52 น. 0 comments
Counter : 1714 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nanoguy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา

- อรรถจักร สัตยานุรักษ์
(จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)




Let this song rhyme our souls
when your voice and mine become one and whole.

Let it carry us high above
When we recite our poetry of love
that when there's love then there's hope.

Your love is my light,
and it'll get us through this lonely night.

- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)









Friends' blogs
[Add nanoguy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.