“ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป”
-- อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
(คำปรารภหลังจาก "แสงศตวรรษ" ผลงานภาพยนตร์จากผู้กำกับคนไทย พูดภาษาไทย ใช้ดาราคนไทย ถูกกองเซนเซ่อประเทศไทยบังคับให้ตัดฉากสำคัญ 4 ฉากออกหากต้องการฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย)




“ผมคิดว่าพระกลุ่มนี้โดนจี้จุดจึงร้อนตัวเกินไป หรือเป็นพวกอยากดัง จึงต้องทำตัวเป็นข่าว อยากถามว่าทำไมไม่ไปเรียกร้องหรือแก้ปัญหาพระที่ออกมาแก้ผ้า มั่วสีกา หรือใช้มีดกรีดร่างกาย หลอกลวงประชาชน ทั้งนี้หากจะฟ้องก็ยินดีให้ฟ้องได้ทุกศาล หรือว่าจะไปฟ้องจตุคาม ศาลเจ้าแม่กวนอิม พระอินทร์ พระอิศวร ก็เชิญ ผมไม่สนใจ แต่เห็นว่าพระกลุ่มนี้ไม่เหมาะสมในสมณะ และเป็นพระหน้าเดิมที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
-- ถวัลย์ ดัชนี
(คำตอบโต้ภายหลังกลุ่มพระสงฆ์ที่ชุมนุมประท้วง ขู่ฟ้องคดีอาญาต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายอนุพงษ์ผู้วาดภาพภิกษุสันดานกาและหมานุษย์ และคณะกรรมการที่ตัดสินรางวัลศิลปกรรมแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นศาสนา)
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
รวม Review ภาพยนตร์ 16 เรื่องจาก Bangkok Film

รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนกรกฎาคม 2550
(คือจะเอายุบรวมแล้วล่ะตอนแรก แต่ไปๆมาๆ มันเสือกยาวเกินซะงั้น เซ็ง!!)



หนังยาวในเทศกาล





Belle de Jour aka Beautiful of the Day
(ฝรั่งเศส+อิตาลี, Luis Buñuel, 1967, A)


Belle de Jour ว่าด้วยหญิงสาวชั้นสูงผู้เบื่อหน่ายกับสามีผู้บ้างาน เธอจึงออกไปเป็น "โสเภณีภาคกลางวัน" และพบกับผู้คนมากมายหลากหลายแบบ โดยเล่าเรื่องตัดสลับกับความรู้สึกนึกคิดของเธอในแบบ เซอร์เรียล (แต่ไม่เท่า An Andalusian Dog หรอกน่า) เช่น ฉากเปิดเรื่องที่เธอถูกผัวลากไปเอาแส้ฟาดๆๆๆ

เรื่องนี้ Catherine DeNeuve สวยมากมาย เทียมเท่านิโคล คิดแมนกันเลยทีเดียว (แก่แล้วก็ยังสวยอยู่) ตัวหนังเองก็มีเนื้อเรื่องทันสมัยอยู่ตลอดเวลา สังเกตได้ว่าในยุคช่วงหลังๆนี้หนังที่เกี่ยวกับปัญหาในชีวิตสมรสก็มีออกมามากมายหลายต่อหลายเรื่อง แค่นำเสนอต่างออกไป เพราะสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องไปเป็นกะหรี่ (เช่น Notes on a Scandal ที่นางเอกไปเล่นชู้กับเด็กนักเรียน)

ปล. ฉากช่วงท้ายที่นางเอกมาเจอกับพระเอก แล้วเสียงจากเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นเรื่องมันมา mix กันนี่ หลอนมากๆ!!!




This Film is Not Yet Rated
(สหราชอาณาจักร+สหรัฐอเมริกา, Kirby Dick, 2006, A+)


สารคดีเรื่องนี้ดูสนุกเหลือเชื่อ กับการติดตามเจาะลึกสืบสวนของผู้กำกับผู้ต้องการรู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนมีอำนาจจัดเรต(ซึ่งเขามองว่ามันดู nonsense สิ้นดีที่หนังบางเรื่องได้เรต NC-17 เพราะฉากบางฉากเท่านั้น) ของ MPAA อเมริกาผู้ลึกลับและไม่เคยเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามต่อหน้าสื่อใด

เนื้อเรื่องอีกส่วนหนึ่งที่เล่าสลับกับการสืบหาเจ้าหน้าที่กองเซนเซอร์อเมริกา คือการไปไล่สัมภาษณ์ผู้กำกับจำนวนมากที่เคยมีปัญหากับกองเซนเซอร์ แน่นอนว่าความเห็นต้องไปในทางเดียวกันหมด ว่ากองเซนเซอร์อเมริกานี้ขาดความสดใหม่ ทันโลก และอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง รวมถึงเหยียดเพศสุดขีด

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ติดเรต NC-17 (555+ ในที่สุดมันก็หนีไม่พ้น) ก็คือฟุตเตจฉากอื้อฉาวจำนวนมหาศาลที่หนังนำมาใส่เพื่อให้คนดูเห็นภาพสิ่งที่ผู้กำกับและนักแสดงที่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งมีตั้งแต่ฉากผู้หญิงช่วยตัวเอง ทรีซัม ไปจนถึงอวัยวะส่วนนั้นของ Maria Bello

ตรงที่ฮามากคือตอนที่มาเรีย เบลโล่ออกมาบ่นๆเซ็งๆ (พร้อมผู้กำกับ) ว่าเรื่อง The Cooler ของเธอดันได้เรต NC-17 เพราะกะอีแค่ "ขนเพชร" ของเธอ (JUST MY PUBIC HAIR!!!! - เธอทำเสียงเกรี้ยวกราดมาก) -- แล้วก็มีภาพฉากนั้น ต่อมาเธอก็บอกว่า "เนี่ย ทีไอ้หนังผีตลกล้อเลียนเรื่องนึงโชว์ไอ้นั่นของผู้ชายแบบเต็มๆทั้งหัวทั้งดุ้นยังได้เรต R เฉยเลย ของผู้หญิงมันแย่กว่าของผู้ชายตรงไหนไม่ทราบ" คุณเธออุตส่าห์พูดให้ไม่รู้ชื่อแล้ว แต่ผู้กำกับก็แทรกภาพฟุตเตจของ Scary Movie(B+) เข้ามาซะงั้น (ขำตายไปแล้ว 5555)

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจคือการตั้งข้อหาว่าคณะกรรมการเหล่านี้เป็นพวกอนุรักษ์นิยมเหยียดเพศ เพราะมีหลายฉากที่การกระทำของตัวละครคือการกระทำเดียวกัน (เช่น ช่วยตัวเอง) แต่ว่าได้เรตต่างกันเพราะเป็นการกระทำแบบ straight และแบบ gay (แน่นอน แบบเกย์ได้เรต NC-17)

แต่ว่าระหว่างที่นั่งดูก็อยากจะเดินเข้าไปบอกอีพวกผู้กำกับพวกนี้จริงๆ ว่าดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เพราะขืนอยู่เมืองไทยหนังพวกเอ็งไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ 5555

ปล. นี่เป็นหนังพูดอังกฤษไม่มีซับที่ฟังรู้เรื่องที่สุดตั้งแต่เคยดูมา




Children of Glory aka Szabadság, Szerelem
(ฮังการี, Goda Krisztina, 2006, A เกือบบวก)


ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่ได้เจอกับหนังดราม่าประเภทบิวต์อารมณ์น้ำเน่ากันสุดชีวิต แบ่งพรรคพวกแยกฝักฝ่ายแบ่งขาวแบ่งดำกันสุดขีดเหมือนกับหนังการเมืองฮังการีเรื่องนี้ มันติดๆจะ cliche ด้วยซ้ำไป แต่ที่ชอบถึงขั้นเลยขีด A ขึ้นมาก็เพราะว่ามันเป็นหนังการเมือง (จะสังเกตได้ว่าเจ้าของบล๊อกจะเริ่มเป็นบ้ากับหนังการเมือง จะว่าเรียนเยอะก็ไม่ใช่แฮะ เพราะตื่นไปเรียนก็ไม่ค่อยจะทัน 555+)

หนังหยิบเอาเหตุการณ์วิวาทในรอบรองชนะเลิศโปโลน้ำในโอลิมปิกที่เมลเบิร์นเมื่อปี 1956 ที่ฝ่ายนักกีฬาสหภาพโซเวียตปะทะกับนักกีฬาฝ่ายฮังการีจนฝ่ายหลังเลือดนองสระน้ำ ก่อนที่หนังจะพูดถึงเหตุการณ์ทางการเมืองที่เป็น background ของสองชาตินี้ก่อนหน้าที่เกมการแข่งขันนั้นจะเกิดขึ้น ซึ่งก็คือการปฏิวัติเรียกร้องประชาธิปไตย ปลดแอกอำนาจโซเวียต ของเหล่านักศึกษาปัญญาชนฮังการี

จุดหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ก้าวข้ามเขต A ขึ้นมา (ในขณะที่พี่ๆบอร์ดไบโอสโคปแทบจะดันเรื่องนี้อยู่อันดับท้ายๆของเทศกาล 55+) เพราะว่าหนังเรื่องนี้หาจังหวะด่าอเมริกาได้ดี และเราคล้อยตามมากๆ คือก่อนหน้าฉากนี้มันบอกว่าพวกทหารอเมริกันกับยุโรปตะวันตกจะยกทัพมาช่วยสู้กับทหารโซเวียต แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่มี นักศึกษาฮังการีได้แต่พูดกันเองอย่างสิ้นหวังว่า "พวกมันอยากให้เราตาย อยากให้เราหลั่งเลือด เพื่อที่ประชาคมโลกจะได้เกลียดรัสเซีย" (แอบ Conspiracy Theory นะเนี่ย!!)

ปล. เพื่อนนางเอกเรื่องนี้น่ารักมาก น่ารักกว่านางเอก (แต่นางเอกดูมีราศี ดูภูมิฐานกว่า)




Freezone
(อิสราเอล+เบลเยี่ยม+ฝรั่งเศส+สเปน, Amos Gitai, 2005, A-)


การดูหนังแบบไม่มีซับไตเติลมันทรมานหูแบบนี้นี่เอง กับภาษาอังกฤษแบบแอบเร็วของ Natalie Portman จนไปถึงสำเนียงฮีบรูและอาหรับ ของชาวอิสราเอลกับปาเลสไตน์ (ฮือ... ตูจะบ้าตาย)

หนังเรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยการร้องไห้เป็นเวลานาน 1 เพลงของ นาตาลี พอร์ตแมน (ฮือๆๆ.. จะร้องไห้ตาม ใครบังอาจทำนาตาลีที่รักร้องไห้เป็นเผาเต่าทั้งบึงแบบนี้) ก่อนที่ impact ของเรื่องคือตอนที่อเมริกัน-อิสราเอล และ ปาเลสไตน์ มานั่งอยู่ในรถคันเดียวกันแล้วร้องเพลงด้วยกันอย่างมีความสุข ก่อนที่ทุกอย่างจะฉิบหายวายป่วงอีกครั้ง (เอ่อ... ไม่ถึงขั้น Santa Sangre หรอกน่า)

ออกตัวอีกครั้งว่า หูข้าพเจ้าไม่เหมาะกับภาษาอังกฤษสำเนียงแบบนี้เลยแม้แต่น้อย การจับใจความเลยมีไม่มากพอที่จะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ นอกจาก ชอบฉากเปิดเรื่องและปิดเรื่อง มาก!!!

ไว้เดี๋ยวไปหาดีวีดีมีซับ มาดูอีกทีก็ได้ฟะ...




Dasepo Naughty Girls aka Dasepo Sonyo
(เกาหลีใต้, Lee Je-yong, 2006, B-)


นี่คือหนังเกาหลีที่เนื้อเรื่องเละเทะอย่างไม่น่าเชื่อ ไร้ซึ่งความเป็นเอกภาพ โปรโมตเน้นเรื่องตลกลามกกับเซ็กส์ แต่เอาเข้าจริงๆมีแค่กระผีก (อารมณ์เสียมาก) เนื้อเรื่องเหมือนเอาตอนของการ์ตูนแต่ละตอนๆมาต่อกัน ก็เพราะมันสร้างมาจากการ์ตูน

ข้อดีของมันก็มีบ้าง คืออย่างน้อยในความไม่เป็นเอกภาพของมัน แก๊กของหนังก็พอจะทำให้ฮาได้บ้างหากไม่คิดอะไร และจะดีมากกว่านี้ถ้าหนังมันทำตัวมันให้ไร้สาระต่อไปเหมือนกับหนังที่ตลกคาเฟ่ประเทศไหนก็ไม่รู้ชอบทำแล้วก็ได้ร้อยล้าน

เพราะเมื่อหนังพยายามจะใส่สาระเรื่องการต่อต้านพวก extreme-conservatism เข้ามาทำให้หนังเป๋ไปพอสมควร แม้ว่ามันจะเปรียบเทียบพวกอนุรักษ์นิยมว่าเป็นแค่ปีศาจงูที่กระสันอยากเป็นมังกร แต่ทางแก้ของพวกนักเรียน(ที่โดนให้กินยาจนกลายเป็นเด็กเนิร์ด... อื่มม...)ที่เอาเรื่องเซ็กส์เข้าสู้ กลับทำให้อีนังปีศาจงูกลายเป็นมังกรสมใจอยาก (ฮ่วย!!)

ปล. หลังจากจองตั๋วไปได้ครึ่งวัน หนังก็เข้าฉายในเมืองไทย (และพากย์ไทยโดยพันธมิตร) แบบเงียบๆ ในวันเดียวกันนั้นเอง เอวังหนึ่งร้อยบาทของตู....




Red Road
(สหราชอาณาจักร+เดนมาร์ก, Andrea Arnold, 2006, A+++++)


การแสดงขั้นเทพของ Kate Dickie (ยังไม่นับรวมความกล้าบ้าบิ่นของเธอ) ทำให้หนังเรื่องนี้ดูดีเหลือประมาณ เพราะบทของเธอเป็นบทที่แบก "ถนนแดง" เอาไว้เต็มสองบ่า หากไม่ได้นักแสดงที่มีฝีมือมากพอที่จะตีบทให้แตก นั่นย่อมหมายถึงหายนะของหนัง

แม้ว่าจะไม่มีซับไตเติล และภาษาอังกฤษสำเนียงสก็อตแลนด์จะเป็นปัญหาต่อการฟังเพื่อจับใจความในเนื้อบทสนทนา แต่ว่าการติดตามเรื่องก็ไม่หลุดไปมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะเรื่องดำเนินไปไม่เร็วเกินเหตุ และอีกข้อที่กลายเป็นจุดแข็งของหนังเรื่องนี้ก็คือ ความคลุมเครือในช่วงก่อนจบของหนัง

Jackie นางเอกของเรื่องเป็นพนักงานประจำกล้องวงจรปิด คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนในสังคม ท่าทางหมดอาลัยตายอยากทำให้เราพอจะรู้ว่าเธอเป็นคนที่เปลี่ยวเหงาจับจิตที่สุดคนหนึ่ง จนวันหนึ่งกล้องไปจับเจอชายคนหนึ่งเข้า ท่าทีของแจ๊คกี้เปลี่ยนแปลงไปโดยที่คนดูไม่มีทางจะทราบได้เลยจนกว่าจะถึงตอนที่ความจริงข้อนี้เฉลยออกมาเอง

ฉากเซ็กส์ร้อนแรงและเห็นทุกอย่างตอนท้ายเรื่องถือเป็นไฮไลต์อย่างแท้จริง นอกจากการแสดงของ Kate Dickie ที่ดึงคนดูไว้ได้ทั้งเรื่อง เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉากที่ใส่เข้ามาเรียกเรตติ้งหรือเพิ่มอารมณ์อีโรติกให้คนดู แต่เมื่อคนดูรู้เหตุผลของฉากนั้น รับรองได้ว่าช็อคแน่ (โดยเฉพาะในฉากต่อจากนั้น ที่น่าตกตะลึงพรึงเพริดจนไม่อาจพูดตรงนี้ได้เพราะสปอยล์ขั้นร้ายแรง)

ได้ข่าวมาว่าจะมีภาคต่ออีกสองภาค ที่ Kate Dickie จะเป็นนางเอกเหมือนเดิมอีกทั้งสองภาค และเป็นบท Jackie ตัวเดิมอีก (กรี๊ดๆๆๆๆๆ)




Beaufort
(อิสราเอล, Joseph Cedar, 2007, A-)


ถ้าจะจัดประเภทหนัง Beaufort คือหนังสงครามประเภทไม่เน้นตูมตาม แต่เน้นเรื่องชีวิตของทหารที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิ โดยในเรื่องนี้คือสมรภูมิรบ The Lebanon War 1982 ระหว่างอิสราเอลกับซีเรีย (แล้วเลบานอนก็รับเคราะห์ เพราะดันไปรบกันตรงนั้น)

จริงๆ อยากให้ทำหนังไอ้สงครามอิสราเอล-Hezbollah เมื่อปีที่แล้วด้วยนะ... เพราะตอนดูข่าวนี่แบบ.. เฮซบุลเลาะห์มันอยู่ทางใต้ของเลบานอน อีอิสราเอลมันยิงขีปนาวุธไปใส่เมืองหลวงเค้าทำห่าอะไรไม่ทราบ - -*

กลับมาที่ Beaufort พอหนังมันหันมาเน้นเรื่องทหารในสมรภูมิรบ ก็นึกถึงเรื่อง Days of Glory(A) ที่เข้าชิงออสการ์สาขาหนังต่างประเทศปีล่าสุดด้วยแต่ไม่ได้รางวัล ผมชอบเรื่องหลังมากกว่า อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีประเด็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติเข้ามาผสมอยู่ทำให้อินง่าย แต่ว่าตัว Beaufort เองก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย และแสดงความกดดันของทหารอิสราเอลชุดสุดท้ายก่อนการถอนกำลังได้ดีพอสมควร

ชอบดนตรีประกอบกับเสียงประกอบของหนังเรื่องนี้ มันดูเหมือนหลุดไปอีกโลกนึงดี (55+) สารภาพว่าตอนแรกดูไปวูบๆไป คิดว่ากำลังจะหลับตายห่าไปแล้ว แต่พอฉากระเบิดลูกแรกเท่านั้นแหละ ตื่นเลย




Love for Share aka Berbagi Suami
(อินโดนีเซีย, Nia Di Nata, 2006, A+)


หนังทำเก๋ด้วยการเล่าเรื่องสามองก์เกี่ยวกับผู้หญิงที่อยู่ในสังคม polygamy หรือหนึ่งผัวมากเมียของอินโดนีเซีย ซึ่งต่างจากที่คนส่วนใหญ่เคยเข้าใจ(ตามหลักศาสนา)ว่าคนมีหลายเมียนั้นส่วนใหญ่เป็นอิสลาม และต้องมีฐานะร่ำรวยพอสมควร ตามหลักศาสนาที่ให้มีได้ตราบใดที่สามารถเลี้ยงดูได้ แต่ว่าในหนังมีทั้งคนชั้นกลาง รวมไปถึงคนคาทอลิกในอินโดนีเซีย (และคาดว่าในประเทศอื่นอีกมากมาย) ที่ก็มีวัฒนธรรมหลายเมียเช่นกัน

สิ่งที่หนังต้องการพูดก็คือสิ่งที่วัฒนธรรม polygamy ทิ้งไว้ ทั้งค่านิยมผิดๆเรื่องการมีหลายเมีย ซึ่งแม้แต่ผู้หญิงที่ร่ำเรียนมาสูงถึงขั้นเป็นหมอก็ยังยอมรับวัฒนธรรมนี้โดยไม่เห็นว่าเสียหายอะไร และยังมีผลกระทบอีกมาก

ที่สำคัญ หนังไม่ได้เป็นดราม่าหนักหน่วงรันทดสุดเศร้าเคล้าน้ำตาหรือเฟมินิสต์จ๋าจนผู้ชายดูแล้วปวดหัว แต่ดันกลายเป็นหนังตลกโรแมนติกคอมเมดี้ แถมแอบมีเรื่องเลสเบี้ยนเข้ามาเกี่ยวด้วยอีกแน่ะ (เอาเข้าไป!)

เรื่องนี้ทีมนักแสดงเล่นกันดีมาก ดูแล้วรู้สึกไม่สะดุด




A Few Days in September aka Quelques Jours en Semtembre
(อิตาลี+ฝรั่งเศส+โปรตุเกส, Santiago Amigorena, 2006, B)


หนังเรื่องนี้วางตัวเองอยู่บนพล็อตที่ยิ่งใหญ่มาก ด้วยการจับตัวเองโยงเข้ากับเหตุการณ์วิปโยค 11 กันยา 2001 เมื่อตัวละครลึกลับชื่อ Elliot หายตัวไปพร้อมกับคำสั่งเสียให้นักธุรกิจรายใหญ่ถอนการลงทุนออกจากอเมริกาให้หมด อีกฟากมือปืนก็กำลังตามหาเขา และลูกชายลูกสาวต่างแม่ของเขาก็ตามหาพ่อที่ไม่ได้เจอมาเป็นสิบปีเช่นกัน (โอ๊ย..เยอะ!)

ผลออกมากลับกลายเป็นว่าหนังดูไม่มีเอกภาพยังไงบอกไม่ถูก บางเรื่องดูไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะ cliche ช่วงจบที่ลูกต้องทำหน้าฟูมฟายร้องไห้กระจองอแงและงอนพ่อที่ไม่เจอกันมาเป็นสิบปี ด้วยโทษฐานทิ้งหนูทำไม (โอ๊ย..กี่ร้อยเรื่องแล้ว ฉากแบบเนี้ย) แถมลูกชายลูกสาวต่างแม่ก็ดันมาเกิดอาการสปาร์คกันอีกซะงั้นอะ!!! (เอ่อ...มันเกี่ยวกับเมนหลักของเรื่องตรงไหนไม่ทราบครับ ฮ่วย)

สรุป... ส่วนที่ดีที่สุดของหนังก็คือการแสดงแบบขโมยซีนสุดๆของ John Turturro ในบทมือปืนที่พร่ำแต่บทกวี และเมื่อยิงคนตายต้องโทรหาจิตแพทย์ทันที!!




Time aka Shi Gan
(ญี่ปุ่น+เกาหลีใต้, Kim Ki-duk, 2006, A-)


จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อวิทยาการอันล้ำหน้ากลับพาให้เราเปลี่ยนตัวตนได้อย่างใจนึก ผลกระทบของมันจะหนักหนาแค่ไหน จิตใจของคนที่เจอกับเรื่องแบบนี้จะเป็นยังไง

เซฮี เป็นกังวลเอามาก เมื่อแฟนหนุ่มออกอาการ "นกเขาไม่ขัน" เมื่อจะมีเซ็กส์กับเธอ จนวันหนึ่งเธอเก็บข้าวเก็บของหายออกไปจากชีวิตเขา และไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใหม่ ก่อนจะกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้งในหน้าใหม่และชื่อใหม่ ติดตรงที่ว่าแฟนเธอดันยังรักแฟนเก่าอยู่... ซึ่งก็คือเซฮีนั่นแหละ - -* เอาล่ะสิทีนี้ทำยังไงก็ไม่ลืมแฟนเก่า (ก็คือหน้าเก่า) เรื่องก็เลยบานปลายเลยเถิด

หนังเอนเตอร์เทนคนดีพอสมควร แต่บังเอิญเคยดู 3-Iron(A++++++++++) มาก่อนแล้ว เรื่องนี้ก็เลยไม่ได้โดนใจอะไรมากมายนัก




Sankara
(ศรีลังกา, Prasanna Jayakody, 2006, A+)


หนังศรีลังกาว่าด้วยพระที่หลงรักผู้หญิงเรื่องนี้มีชะตากรรมดีกว่า "แสงศตวรรษ"(อีกซักชาติคงได้ดู) ของชาติไทยเรามากนัก เพราะนอกจากหนังจะค่อนข้างทำเงินในประเทศเพราะพล็อตฉาวแล้ว พระสงฆ์จำนวน 400 รูปที่ผู้กำกับเชิญมาดูรอบพิเศษก่อนออกปูพรมฉายทั่วประเทศต่างก็ไม่มีใครที่แสดงอาการต่อต้านภาพยนตร์เรื่องนี้ (ไม่เหมือนกรมการศาสนาของประเทศอะไรก็ไม่รู้ พระก็ไม่ใช่ แล้วก็มาบอกให้ตัดฉากพระเล่นกีตาร์ออก)

พระหนุ่มชื่ออนันดา ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่บูรณะภาพวาดศิลปะโบราณที่วัดชนบทแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทำหน้าที่อันโคตรจะกินเวลานี้ สายตาก็พลันสอดส่ายไปเจอสาวทรงโตนางหนึ่ง แล้วนางก็ทำกิ๊บหนีบผมตกไว้ พระหนุ่มก็แอบเก็บไปและได้แต่เพ้อแต่ฝัน เพราะเพศบรรพชิตคุ้มกะลาหัวอยู่ (ตรงนี้หนังทำแนว ด้วยการเขียนตัวละครขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เพื่อสื่อถึงจิตใจของพระหนุ่ม)

ชอบฉากจบเรื่องนี้มาก... หักมุมและสร้างความตกใจได้ในระดับค่อนข้างสูง อีกอย่างที่ชอบคือหนังมันเงียบดีแต่ว่าเสียงดนตรีประกอบนั้นช่างเป็น contrast กับการดำเนินเรื่องซะเหลือเกิน เพราะมันดังจนแสบแก้วหู ไม่รู้ว่าผู้กำกับจงใจหรือเปล่านะ แต่ก็น่าคิดว่าการใช้เสียงดังแบบนี้อาจสื่อถึงความคิดความรู้สึกที่มันอัดแน่นพร้อมระเบิดของพระหนุ่มก็เป็นไปได้...




Spider Lilies aka Ci Qing
(ไต้หวัน, Zero Chou, 2007, A)


หนังเลสเบี้ยนเรื่องนี้ทำให้คนดูรู้สึกถึงความรักได้ดี พร้อมกับความเจ็บปวดของคนจากความทรงจำอันปวดร้าวในอดีตที่คอยตามหลอกหลอน กับเรื่องราวของหญิงสองคนที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี ก่อนที่โชคชะตาจะพาเธอมาเจอกัน (เน่าจริงๆ)

หนังมีจังหวะและการบิวต์อารมณ์คนดูได้ดี เสียอย่างที่ชอบมีฉากฮาเข้ามาเบรกอารมณ์คนดูไม่ให้ไปถึงขีดสุด (ไม่งั้นผมจะให้ A กับบวกอีกสองสามตัว) ซึ่งถือเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงส่วนหนึ่งของหนัง ดีที่ว่าทำบุญมาดีจากช่วงต้นและกลางเรื่อง ทำให้ไม่ดูแย่เกินไปนัก

ปล. ดูเรื่องนี้แล้วรัก Isabella Leong มากมาย




The Edge of Heaven aka Yasamin Kiyisinda
(เยอรมนี+ตุรกี, Fatih Akin, 2007, A+++++++++)


หนังรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเหตุบังเอิญและความคลาดเคลื่อนกันตลอดทั้งเรื่อง แต่ด้วยศิลปะและชั้นเชิงในการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้กลับดูมีพลัง ไม่น้ำเน่าและไม่มักง่ายเหมือนละครช่องเจ็ด, หนังไทยบางเรื่อง และ Spider-Man 3(B)

ความสัมพันธ์ที่โยงใยของคนเยอรมันกับตุรกีในเรื่องนี้พาเราไปพบกับเรื่องราวหลากหลาย ทั้งพ่อกับลูกที่ไม่ลงรอยกัน ความรักที่ไม่สมหวัง ความสัมพันธ์ของเพื่อนมนุษย์ ความตาย และการเมืองเรื่องสหภาพยุโรปที่ตุรกีพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (และถูกกีดกันมาเป็นเวลานานหลายปี)

ฉากที่เหมือนเป็นภาพซ้อนทับกับเหตุการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับอียู คือฉากในศาลที่พิจารณาคำร้องขอลี้ภัยทางการเมืองของสาวตุรกี โดยมีแฟนสาวและแม่คอยช่วยเหลือเรื่องวิ่งเต้นทำคดี ก็เหมือนกับการที่ "ตุรกี" อยากเข้ามาอยู่ใน "ยุโรป" โดยมี "คนยุโรป" พยายามช่วย แต่ท้ายที่สุด "ผู้มีอำนาจ" ก็ตัดสินใจที่จะไม่เอาตุรกีด้วยเหตุผลที่ว่า "ยังมีความจำเป็นไม่มากพอ"

อีกจุดที่ก่อให้เกิดความรู้สึกอย่างมากคือการตายทั้งสองครั้งที่เกิดขึ้น ช่างเป็นการตายที่ดูไร้เหตุผลสิ้นดี มันรู้สึกจุกๆอยู่ในอกจนจบเรื่อง หลังจากการตายครั้งที่สองของตัวละครที่คนดูค่อนข้างผูกพัน นับว่าเป็นคุณูปการของผู้กำกับที่สามารถเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคนดูได้ถูกจุด

ขอให้ออกแผ่นเถอะ ซื้อแน่...




Lost in Beijing aka Ping Guo
(จีน, Li Yu, 2007, A)


หนังจากจีนในยุคหลัง ส่วนใหญ่จะสะท้อนสังคมในยุคทุนนิยมเปิดกว้างของจีนหลังยุคเติ่งเสี่ยวผิงเป็นต้นมา (เอ่อ.. อันนี้ไม่นับพวกหนังกำลังภายในนะ) กับสังคมที่เร่งรีบและแข่งขันกันมากขึ้น หากแต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนเลยก็คือ ค่านิยมผู้ชายเป็นใหญ่ ที่หยั่งรากลึกฝังตัวอยู่ในสังคมจีน(และเอเชียประเทศอื่นๆ) มาเป็นเวลานานหลายร้อยหลายพันปี

ส่วนเรื่องนี้คือเรื่องราวของผิงกั่ว สาวร้านนวดแผนโบราณที่พลาดพลั้งถูกเจ้านายข่มขืนจนท้อง แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือ ผัวของเธอกับเจ้านายต่างโบ้ยให้อีกฝ่ายรับว่าเป็นลูกของตัวเอง จนบานปลายเลยเถิดไปเป็นเกมการพนัน!

เนื้อเรื่องที่ควรรู้มีเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ที่เหลือหลังจากนั้นถือเป็นทีเด็ดของหนัง เพราะเนื้อเรื่องตั้งแต่ช่วงที่ผิงกั่วคลอดลูกทอดยาวไปจนจบเรื่องนั้นครบเครื่องทั้งความสนุก น่าติดตาม ดราม่า และเสียดสีผู้คนในสังคมอย่างที่สุด เมื่อผลกระทบจากเกมที่ผู้ชายเป็นคนคิดกติกาขึ้นมานั้น ส่งผลกับผู้หญิงทั้งสองคนในเรื่องอย่างเต็มๆและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย (แต่ว่าฉากจบ สุดๆแล้ว!)

การแสดงของตัวละครหลักทั้งสี่ตัว ทั้งเหลียงเจียฮุย, ฟ่านปิงปิง, ตงต้าเหว่ย และ Elaine Jin ต่างก็เข้าขารับส่งแท็คทีมกันได้ดี ทำให้หนังเรื่องนี้มีรสชาติ และเข้าถึงอารมณ์ค่อนข้างมาก

น่าเสียดายว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่สามารถเข้าฉายโรงปกติเมืองไทยแบบเต็มๆได้ เพราะดันมีฉากอีโรติกเกินมาตรฐานศีลธรรม(แบบโบๆ) อยู่ตอนต้นเรื่องซึ่งคงไม่อาจผ่านกำแพงโบราณมาจนรับรู้สารที่หนังต้องการสื่อได้เลย...




Shortbus
(สหรัฐอเมริกา, John Cameron Mitchell, 2006, A)


หนังสุดฉาวของผู้กำกับ Hedwig and the Angry Inch(ดองแผ่นอยู่) ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความ "อล่างฉ่าง" ของมันมาร่วมปี และเป็นหนังที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างมากมายในบางกอกฟิล์มครั้งนี้

หนังนำเสนอเรื่องของเซ็กส์กับออกัสซั่มอย่างโจ่งแจ้งและตรงไปตรงมา แน่นอนว่าช่วงเวลาของหนังนั้นก็ "อล่างฉ่าง" ตามคำเล่าลือ (เปิดเรื่องขึ้นมาถ้าใครศีลธรรมจัดก็คงถึงขั้นช็อกตายกันล่ะ) แต่ว่าสิ่งที่หนังพูดจริงๆคือความสัมพันธ์ของคน เพราะเซ็กส์ก็ถือเป็นสับเซตหนึ่งของความรัก...

ถ้าคนอย่างระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช, ลัดดา ตั้งสุภาชัย หรือว่าคนหัวโบราณคนอื่นๆ สามารถผ่านช่วงเวลา "โชว์" ของหนังประมาณ 30-45 นาทีแรกไปได้ (ซึ่งผมคิดว่าชาตินี้ก็คงไม่มีวัน!) พวกเขาก็จะค้นพบว่า หนังที่มีฉากอีโรติกนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นหนังโป๊ยั่วกามารมณ์เสมอไป

Shortbus นำเสนอความรู้สึกของผู้คนที่มีปัญหาในเรื่องเซ็กส์ หรือมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับเซ็กส์ ก่อนจะผูกโยงไปถึงความเหงาเปล่าเปลี่ยวของผู้คนกลางเมืองมหานครมวลชนอย่างนิวยอร์ก ซิตี้ เมื่อเวลาของหนังดำเนินผ่านไป ความรู้สึกเหงาและเศร้าก็ทับถมทวีขึ้นมาทับความอีโรติกของหนังไปในที่สุด

ไว้ถ้ามีโอกาส คงต้องหาดีวีดีซับไทย(หรืออังกฤษก็ได้) มาดูอีกรอบ เพราะการดูแบบไม่มีซับไตเติลทำให้อาจจะจับเนื้อเรื่องและสิ่งที่หนังต้องการสื่อออกมาได้ไม่ครบถ้วนเท่าไหร่นัก


Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 3 สิงหาคม 2550 3:31:07 น. 35 comments
Counter : 2726 Pageviews.

 
ดู SHORT BUS แล้วใจแตกมั้ย 555

ตกลงเพื่อนคนนั้นได้ดูยัง

ถ้าหน้าใกล้ๆ แตงโม, เป้ย ไรงี้ อนุญาตให้มาดูฟรีบ้านพี่


โดย: merveillesxx วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:4:46:48 น.  

 
+ หุๆ ดูไป 5 เรื่องเองหนังเทศกาลปีนี้สำหรับพี่ (เขียนไว้ที่บล็อกหมอพีฯ หมดแว้ว) ... มีซ้ำกับตี้อยู่ 3 เรื่อง ส่วนเรื่องที่ไม่ซ้ำก็คือ Pingpong กับ Inside Paris
+ หลังจากที่อ่านข้างบนครบทุกเรื่องแล้ว (ไม่นับหนังหลุยส์ บุนเยล ที่ขึ้นหิ้งไปแล้ว) ... เรื่องที่อยู่ในแนวทางของตัวเอง อ่านแล้วอยากดู ก็มี This Film is Not Yet Rated (ปกติค่อนข้างเกรงกับหนังสารคดีอยู่แล้ว แถม no sub อีก ตอนนั้นก็เลยบาย), Red Road (จริงๆ เรื่องนี้ชอบตั้งแต่พล็อตแล้วนะ แต่กลัวเรื่อง no sub อีกแหละ), The Edge of Heaven (เวลาไม่ได้ ฉายเวลาทำงานทั้ง 2 รอบ) ... ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่อยากดูด้วยก็มี This is England, Renaissance, XXY, Our daily bread, Who killed electric cars? อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:14:17:06 น.  

 
เดินผ่านอยู่หลายครา แต่ไม่ได้ย่างขาเข้าไปดูซักคราเลย ไอ้งานเทศกาลหนังนี่ ...

ติดตรงที่ไม่มีซับไทยนี่แหละน๊า... เฮ้อ!

ดูจากรูปโปสเตอร์หนังแล้ว A Few Days in September น่าจะถูกโฉลกกับผมมากที่สุด


โดย: merf1970 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:14:41:43 น.  

 
ปีนี้งานเงียบมากนะ...หรือเป็นเพราะเรามีอันต้องอยู่ ตจว.ในช่วงเทศกาล Bangkok Film festival..นะ...


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:21:02:32 น.  

 
อยกาดูหนังเอบวกเยอะๆของแกจัง
มันจะดีจริงมั้ยวะ


โดย: พระเจ้า** IP: 58.9.9.6 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:23:46:26 น.  

 
งื่ม

ไว้มีเฟสต์อีก

จาปายดูมั่ง

ไว้จาไปหาRed Roadมาดูด้วย เขียนซะอยากดูเลยคับตี้คับ


โดย: จั่น* IP: 58.8.70.213 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:23:55:06 น.  

 
แวะมาเยี่ยม


โดย: pattapon IP: 203.113.37.9 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:07:12 น.  

 
เม้น......

ไม่มีความเห็น เพราะไม่ได้ไปดู

ลป.รูปในกล่องเม้นเนี่ย เปลี่ยนได้แล้วมั้ง


โดย: เชลลิ่ง IP: 161.200.255.162 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:11:56 น.  

 
เสียดายอ่ะพี่ตี้...
สมัครงานไว้แล้วก็ไม่ได้ไปทำ เซ็ง!!!! ติดสอบ......
>>> Red Road น่าดูอ่ะ ^^"


โดย: แมท IP: 124.120.99.172 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:20:57 น.  

 
น่าดูหลายเรื่องเลย



กุอยากดู Beaufort หว่ะ


โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.121.229.85 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:25:01 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะ
ขอโทษที่ไม่ได้เม้นเกี่ยวกับblogเลย
แล้วจะมาอ่าน+เม้นให้ใหม่นะ


โดย: ปีter Parker IP: 124.121.172.112 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:29:22 น.  

 
อบากดู Short Bus มากๆ ครับ เลยต้องพึ่งเทคโนโลยีเอา ไม่งั้น ถ้าเอาเข้าโรงฉายจริง คงโดนหั่นยับเยินเลย


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:57:25 น.  

 
ไม่ได้เม้นตั้งนาน.. อาทิตย์หน้าไปกินข้าวกัลล


โดย: KT IP: 203.131.213.107 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:1:42:37 น.  

 
อยากดูหนังที่ตี้ให้Aขึ้นไป ทุกเรื่อง TT^TT
ไม่มีเวลาเลยๆ เบื่อๆ


โดย: เหม่เกว่ IP: 64.62.138.11 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:1:49:23 น.  

 
เม้นแล้วค่า >
เง้อ..จะอังกฤษสำเนียงไหนมันก็ไม่เข้าหูข้าพเจ้าทั้งนั้นเลย 55+ ตายแน่กรู - -

เฮ้ยยย อยากดู This Film is Not Yet Rated เหอๆๆ


โดย: Pare IP: 58.8.168.240 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:3:14:38 น.  

 
น้องนาโน ดูหนังเยอะมากๆ

มาบอกว่าได้แผ่น Shortbus กับ Red Road มาแล้ว...

รู้สึกว่า Kate Dickie ไม่ได้เป็นนางเอกทั้ง 3 ภาคนะครับ...(แต่จะร่วมแสดงทั้ง 3 ภาค ในแคแรคเตอร์เดิมจาก RedRoad)

เดี๋ยวขอดูก่อน ไม่ยักรู้ว่าหนังจะมีฉากอลึ่งฉึ่งแฮะ ....


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:3:47:57 น.  

 
เอ๊ย ลืมไป Kate Dickie เป็นนางเอกภาคแรกครับ Red Road....
ส่วนที่เหลืออีก 2 ภาค จะใช้ตัวละครตัวอื่น(ซึ่งน้องอาจเห็นพวกเขาแล้วใน Red Road...)


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:3:52:15 น.  

 
งานนี้ได้ดูแค่ competition ของบัณฑิตเรื่องเดียวขะรับ
ดูจบออกมาแบบ...เอวังตังค์กรู..

อยากดู Red Road


โดย: N'SinE วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:15:55:14 น.  

 
ไอเตี้ย...แกอัพเกี่ยวกับเรื่องหนัง ชั้นมิสามารถคอมเม้นท์ได้จริงๆ...มีเรื่องนึงที่พอคุ้นๆหู love to share อ่ะ...รู้สึกว่าไอหวานไปดูแล้วลืมเอาบัตรประชาชนไปใช่ม่ะ???


โดย: squidy ying IP: 210.86.214.131 วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:18:19:03 น.  

 
มีเวลาเยอะแยะดีนะ ทีหลังไปดูหนัง ชวนกันบ้างดิ


โดย: Kapom IP: 210.203.177.6 วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:18:19:51 น.  

 
ตอบเฮียเมอร์
ยังไม่ได้ดูเลยเจ้าคะ แต่หน้าไม่ได้เหมือนแตงโมของเฮียอะ เซงเลยนะเนี้ย ๕๕๕+

ปล.ใจไม่แตกแน่ๆอะตอบแทนอินาโนเลย เพราะมันดูเรื่องอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว กั่กกั่ก

ตอบ หมึก
คนละเรื่องแล้วยะ ของชั้นที่ไม่ได้ดูเนี้ย Shortbus เรื่อง Love for Share นะได้ดูแล้ว

อ่า ที่เนี้ยมาดูเรื่องหนังบ้าง อยากดู Spider Lilies อีกรอบอะกะจะชวนแกไปดูที่ House อีกรอบ ไปป่าว?
แล้วก็Time อะ เราเคยอ่านการ์ตูนเรื่องนึง(การ์ตูนสั้นอะนะ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ พล๊อตหลักอย่างนี้เลย ไปศัลยกรรมลองใจสามี ) แต่อยากรู้ตอนจบเรื่องนี้จัง จะไปหามาดูแน่ๆ



โดย: cheatoneself (zadwaan) IP: 125.24.66.167 วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:0:09:02 น.  

 
ที่ว่าอยากดู shortbus อีกรอบอ่ะ เอาเรื่องซับมาอ้างป่าว ... 55



โดย: renton_renton วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:22:24:23 น.  

 
เอาเรื่องซับมาอ้างแหงๆ


โดย: พระเจ้า** IP: 58.9.9.61 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:1:16:06 น.  

 
บร้า...
ไม่ได้อ้างนะตะเอง


โดย: nanoguy IP: 125.24.84.176 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:3:19:06 น.  

 
ชาวบ้านเขามีแต่คนอยากดู Shortbus

แต่ผมกลับอยากดู Spider Lillies มากที่สุดแล้วในงาน
แต่แล้วก็พลาดไป ยังเสียดายไม่หาย

เอาไว้ไปดูในงาน 28 Days ที่House แก้ตัวแล้วกัน


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:4:31:29 น.  

 
^
^
+ ถ้ารอบ Spider Lillies ของงาน 28 Days ไม่เป็นใจ ... รอดูรอบปกติที่เฮาส์ (นั่นแหละ)ก็ได้ครับ หลังงาน 28 Days จบแล้ว ของผมก็คิดว่าอาจรอรอบปกติเหมือนกันอ่า
+ กรั่กๆๆ มีคนรู้ทันตี้เต็มเลยวุ้ย 555 .......... อ่ะ ล้อเล่งเน้อ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:9:50:01 น.  

 
ไม่รู้จักซักเรื่อง...
สุดยอดจริงตี้
อยากดูมั่งเว้ยยยย


โดย: อะ-โล-ฮ่า วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:15:13:59 น.  

 
อยากดูหนังศรีลังกาเรื่องนั้นอะ

นึกแล้วว่าแกต้องชอบ "หนังนี้ยังไม่ติดเรต"
และไม่แปลกใจที่ฟังได้รู้เรื่องที่สุด หุๆ


โดย: 125 66 IP: 58.9.49.183 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:22:22:51 น.  

 
อืม ... ชอบรูปน้องอ้อมตีฉาบ (ไม่รู้จำชื่อถูกหรือเปล่า)
ชอบสโลแกนบล็อกเหน็บได้สะใจดีหงะ
แต่หนังที่นำเหนอในบล็อกหนักๆ ทั้งนั้นเลย อิอิ



โดย: หอมกร วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:7:10:32 น.  

 
เอาเวลาไหนไปดูได้เยอะแยะแฟ่ะ - -*


โดย: >>""J:o:Y""<< IP: 58.8.202.28 วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:16:30:34 น.  

 
อ่านๆดูแล้วอยากดูเรื่องนี้อ่ะ >> This Film is Not Yet Rated


โดย: UnEdiTED วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:17:13:55 น.  

 
ดูคล้ายกันครึ่งต่อครึ่งเลยครับ


โดย: yuttipung IP: 58.9.27.98 วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:0:21:59 น.  

 
คุณโดน tag แล้วนะครับ (เป็น tag ที่หลงฤดูมาก)

อ่านได้ที่บลอกผมนะครับ

ขอบคุณครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:4:51:05 น.  

 
ดูซ้ำกันเรื่องเดียวเอง : )
ShortBus ซื้อได้ที่ไหน ช่วยบอกกันมั่งนะ


โดย: jimkong วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:10:11:51 น.  

 
แวะมาเยื่ยมจ้า


โดย: jini2007 IP: 203.158.118.15 วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:12:21:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nanoguy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา

- อรรถจักร สัตยานุรักษ์
(จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)




Let this song rhyme our souls
when your voice and mine become one and whole.

Let it carry us high above
When we recite our poetry of love
that when there's love then there's hope.

Your love is my light,
and it'll get us through this lonely night.

- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)









Friends' blogs
[Add nanoguy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.