|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
- รวม Review หนังสั้นประจำเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน 2550
- รักแห่งสยาม : บทพล่ามถึงความรักที่ลอยอยู่รอบตัวเรา
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน ตุลาคม 2550
- ร่าง พรบ. ฉบับใหม่... กูไม่ใช่เกาหลีเหนือโว้ย!!
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550(2)
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน กันยายน 2550(1)
- ชำแหละความชิบหายของ "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ"
- รวม Review ภาพยนตร์ประจำเดือน สิงหาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ขนาดยาวประจำเดือน สิงหาคม 2550 (2)
- รวม Review ภาพยนตร์สั้นที่ได้ดูในเดือนสิงหาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ขนาดยาวประจำเดือน สิงหาคม 2550 (1)
- รวม Review ภาพยนตร์ 16 เรื่องจาก Bangkok Film
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนกรกฎาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมิถุนายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนพฤษภาคม 2550
- Memories of Matsuko แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ
- Pan's Labyrinth มันหนังรัฐศาสตร์ชัดๆเลยครับพี่น้อง!!!
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนเมษายน 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมีนาคม 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
- รวม Review ภาพยนตร์ที่ได้ดูในเดือนมกราคม 2550
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus (สหรัฐอเมริกา, Steven Shainberg, 2006)
- Open Season (สหรัฐอเมริกา, กำกับสามคน, 2006)
- Thank You for Smoking (สหรัฐอเมริกา, Jason Reitman, 2005)
- Earthcore - หนังสั้นปฐมบทของ "13 เกมสยอง" (ไทย, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, อนุโลมว่า 2550 ละกัน)
- Final Score-365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ (ไทย, โสรยา นาคะสุวรรณ, 2550)
- A Stranger of Mine aka Unmei janai hito (ญี่ปุ่น, Uchida Kenji, 2005)
- Velvet Goldmine (สหราชอาณาจักร+สหรัฐอเมริกา, Todd Haynes, 1998)
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา (ไทย, หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, 2550)
- Dead Poets Society (สหรัฐอเมริกา, Peter Weir, 1989)
- ครูสมศรี (ไทย, หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, 2528)
- Reservoir Dogs (สหรัฐอเมริกา, Quentin Tarantino, 1992)
- 10 หนังสั้นในโครงการ "ชวนเด็กดูหนัง"
- Conflict (สหภาพโซเวียต, ใครกำกับ?, ปีไหนก็ไม่รู้)
- Takeshis' (ญี่ปุ่น, Kitano Takeshi, 2005)
- Wordplay (สหรัฐอเมริกา, Patrick Creadon, 2006)
- The Black Dahlia (เยอรมนี+สหรัฐอเมริกา, Brian de Palma, 2006)
- Hidden aka Cache (ฝรั่งเศส+ออสเตรีย+เยอรมนี+อิตาลี, Michael Haneke, 2005)
- Perfume: The Story of a Murderer (เยอรมนี+ฝรั่งเศส+สเปน, Tom Tykwer, 2006)
- Blood Diamond (สหรัฐอเมริกา, Edward Zwick, 2006)
- Nanoguy Awards 2006
- Nanoguy Awards 2006 ช่วงที่ 2
- Nanoguy Awards 2006 ช่วงที่ 1
- จมโลกเซลลูลอยด์
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 4 : อำมหิตพิศวาส/ เปนชู้กับผี/ Stormy Night/ หมากเตะรีเทิร์น/ mastersOFhorror
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 3 : Days of Glory/ Candy/ The Pianist / Infernal Affairs /Monster House
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 2 :: The Last Emperor/ DOA/ ผีคนเป็น/ Climates/ 21 Grams/ The Departed
- ปิดเทอมผลาญหนัง ตอนที่ 1 : Cars/ The Ant Bully/ 13 เกมสยอง/ A Soap/ Paris, I Love You/ Rob-B-Hood
- แซ่บหนัง ทั้งเทอม!!
- แซ่บเรื่องหนัง(7-จบ) : The Wind that Shakes the Barley, WTC, The Devil Wears Prada, The Child
- แซ่บเรื่องหนัง(6) : Me and Youฯ, The Thomas Crown Affair, The Host, Seasons Change, Death Note
- แซ่บเรื่องหนัง(5) : Jasmine Women/ My Super Ex-Girlfriend/ Dreamer/ An Inconvenient Truth/ Cube
- แซ่บเรื่องหนัง(4) : โคตรรักเอ็งเลย/ The Lake House/ House of Wax/ Miami Vice/ United 93/ Brick
- แซ่บเรื่องหนัง(3) : Superman Returns/ แก๊งชะนีกับอีแอบ/ The Alibi/ Lady in the Water/ Sad Movie
- แซ่บเรื่องหนัง(2) : Don't Tell/ X-Men 3/ หนูหิ่น เดอะมูฟวี่/ The Bow/ Pirates of the Caribbean 2
- แซ่บเรื่องหนัง(1) : Sympathy For Mr Vengeance/ The Lover/ Spirited Away/ The Omen/ Scary Movie 4
- ต้มยำรวมมิตร(3-จบ) Poseidon/ มอ๘/ Match Point/ The Da Vinci Code/ Kinsey/ Always/ ก้านกล้วย
- ต้มยำรวมมิตร(2) ลาง-หลอก-หลอน/ The Wild/ Red Lights/ Perhaps Love/ Date Movie/ Ice Age 2/ M:I:3
- ต้มยำรวมมิตร(1) Capote/ V For Vendetta/ Inside Man/ Where the Truth Lies/ Hoodwinked/ She's the Man
- จับฉ่ายตอนอวสาน : The Constant Gardener/ Transamerica/ Final Destination 3/ A History of Violence
- จับฉ่ายตอนที่ 2 : Paradise Now/ กระสือวาเลนไทน์/ Walk the Line/ Munich/ เด็กหอ/ Invisible Waves
- จับฉ่ายตอนที่ 1 : Memoirs of a Geisha/ Brokeback Mountain/ Sophie Scholl : The Final Days/ Tsotsi
- When Crash was crashed, เมื่อ Crash กลายเป็นแพะ
- Rashomon ธรรมชาติของมนุษย์
- March of the Penguins วิบากแห่งเผ่าพันธุ์
- Nanoguy Awards 2005
- The Chronicles of Narnia : The Lion, The Witch and the Wardrobe แฟนตาซีอลังการส่งท้ายระกาศก
- King Kong ลิงยักษ์ที่คนต้องเสียน้ำตาให้
- Harry Potter and the Goblet of Fire ขาดหาย ตกหล่น พอทน ดูไป
- Nana สองสาว สองฝัน แต่ชื่อเดียวกัน
- เที่ยวนี้ ว่าด้วยความตาย Corpse Bride / Saw 1-2
- คอมโบหนังโรง Into the Blue / Flightplan / 3-Iron / อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม
- คอมโบอีกซักทีดีไหม? Cinderella Man/Red Eye/เพื่อนสนิท
- Charlie and the Chocolate Factory หนังเด็ก ที่น่าให้ผู้ใหญ่ดู
- คอมโบอย่างบ้าคลั่ง กับหนัง 4 เรื่องรวด
- Team America : World Police เสียดสี ดีเดือด เลือดพล่าน
- The Machinist หลอนได้ที่ สยองได้ใจ
- The Island มนุษย์หนอมนุษย์...
- A Snake of June อสรพิษ=ตัณหา
- War of the Worlds ถึงมนุษย์ผู้หลงลำพอง
- Mr and Mrs Smith อารมณ์เดียวกับ "มหาลัยเหมืองแร่"
- มหาลัยเหมืองแร่ กินได้ แต่ไม่กลมกล่อม
- Star Wars Episode 3 : Revenge of the Sith เหมือนจะไม่ดี แต่ก็เหมือนจะดี...
- Sin City โหด ซาดิสต์ ถึงลูกถึงคน ถึงเลือดถึงเนื้อ...
- Kingdom of Heaven รบกันไปเพื่อ???
- I Am David เรียบๆ เฉยๆ พอดูได้
- Bangkok:Dangerous ร่วมกันยืนไว้อาลัยออกไซด์ แปง...
- The Interpreter เมื่อสามออสการ์โคจรมาพบกัน
- Hide and Seek ใครบอกตอนจบ บ้านบึ้ม...
- The Fog of War ม่านหมอกแห่งสงคราม
- And all razzies go to........ The Eye 10
- The Chorus หนังดีแบบดูง่ายๆ
- The Motorcycle Diaries เรียบๆ แต่ลุ่มลึก
- บุปผาราตรี เฟส 2 หนังเอามันส์ กระชากจิต...
- Hotel Rwanda กับความจัญไรของใจคน
- ความแตกต่างของหนังผู้หญิงและหนังผู้ชาย
- หลวงพี่เท่ง...ง่ะ
- ย้อนอดีต อันดากับฟ้าใส...
- เก็บตกสถิติออสการ์ (น่าอ่าน)
|
|
|
|
|
ต้มยำรวมมิตร(3-จบ) Poseidon/ มอ๘/ Match Point/ The Da Vinci Code/ Kinsey/ Always/ ก้านกล้วย
ต้มยำรวมมิตร ตอนที่ 1 ต้มยำรวมมิตร ตอนที่ 2

Date ::: 13 พฤษภาคม 2549 Location ::: Major Udonthani
เป็นเรื่องแปลกประหลาด ที่อยู่ดีดีโรงหนังต่างจังหวัดเกิดอารมณ์อยากฉายหนัง soundtrack ขึ้นมา ประสบการณ์ครั้งนี้ใครจะบ้าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ จริงมั้ย? เที่ยวนี้ก็มาดูเป็นครอบครัวอีกแล้ว จริงๆจะดูมอแปดตามรีเควสต์น้อง แต่ว่ารอบไม่ลงตัว มาลงตัวกะ Poseidon แทนแถมยังมี soundtrack อีกตะหาก เลยรวมหัวกะพ่อขัดใจน้อง 55+
เรื่องของเรือสำคาญ Poseidon ที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากเซาแธมป์ตันไปนิวยอร์ก (เส้นทางเดียวกะไททานิคเลยนี่หว่า - - ) แล้วเกิดโดนคลื่นยักษ์กลางทะเล (ชวนให้คิดตามหลักวิทยาศาสตร์ของสึนามิว่า ถ้ามันเข้าฝั่งคงจะสูงหลายร้อยเมตรทีเดียวเชียว) ซัดเข้าที่ลำเรือตอนฉลองปีใหม่พอดี เรือลำโตสวยงามอร่ามลำนี้ก็ล่มลง หลังจากอยู่ในจอหนังยังไม่ทันถึง 20 นาทีดี...
กัปตันเรือประกาศว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงหน่วยกู้ภัยจะมาถึง ขอให้อยู่อย่างสงบในล็อบบี้ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่คิดเช่นนั้น.. พวกเขาพยายามหาทางหนีออกจากเรือ โดยคนแรกที่คิดจะหาทางหนีออกจากเรือคือ Dylan Johns และเรียกผู้ติดตามได้มากทีเดียว ทั้งพ่อลูกที่ไม่ค่อยเข้าใจกัน(Kurt Russell & Emmy Rossum) และว่าที่ลูกเขย รวมไปถึงสาวใหญ่และลูกชายวัยสิบขวบ หญิงสาวที่อาศัยห้องลูกเรือเพราะไม่มีเงินค่าโดยสาร ชายสูงอายุที่เฝ้ารอโทรศัพท์จากภรรยาบนแผ่นดินใหญ่
คนทั้งหมดศึกษาแผนที่ลำเรือและหาทางไต่ไปเพื่อหาทางรอดชีวิต.. นับว่าเป็นกลุ่มคนที่ขัดแย้งกันน้อยมาก ไม่เหมือนหนังเรื่องอื่น ทำให้จุดนี้เองที่ไม่ค่อยสนุก เพราะว่าหนังที่มีการรวมกลุ่มเฉพาะกิจแบบนี้ส่วนใหญ่ต้องมีความขัดแย้งกันเองในกลุ่มเพื่อกดดันคนดูนอกจากสถานการณ์เสี่ยงตายอื่นๆด้วย ซึ่งใน Poseidon กลับมีน้อยจนน่าใจหาย
มีหลายๆฉากที่สามารถจุดระเบิดความขัดแย้งในกลุ่ม และผูกเรื่องราวให้เรียกอารมณ์จากคนดูได้มากขึ้น ทั้งเรื่องความไม่เข้าใจกันของพ่อลูก ความรักลูกของแม่ และอื่นๆ ซึ่งดูแล้วรู้ว่า "ทำได้ แต่ไม่ทำ" ราวกับว่าไม่ต้องการทำร้ายจิตใจคนดู ทำให้เนื้อเรื่องค่อนข้างราบเรียบ แม้ว่าจะมีฉากที่สามารถกดดันคนดูได้จริงๆอย่างฉากที่ต้องใช้พวงกุญแจไขน็อตด้านบนท่อออกในขณะที่น้ำกำลังค่อยๆท่วมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ด้านการแสดงยกให้ Kurt Russell ที่เหมาะสมกับการเป็นลีดเดอร์ของกลุ่มมากที่สุดตามบุคลิก ในขณะที่คนอื่นก็ทำหน้าที่ได้พอเสมอตัว ไม่ได้ไม่เสียอะไร เพราะเนื้อเรื่องก็ไม่ได้อำนวยให้ทำอะไรมากเท่าไหร่อยู่แล้ว
2 ดาว

Date ::: 14 พฤษภาคม 2549 Location ::: Major Udonthani
หลังจากที่ขัดใจน้องไปดู Poseidon เมื่อวันก่อน คราวนี้ก็เลยต้องตามใจในที่สุด ด้วยการยกครอบครัวมาดู มอ๘
เมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งผ่านลงมาทางกรมสามัญศึกษา ให้โรงเรียนดรุณีศึกษาเป็นโรงเรียนนำร่องระบบสหศึกษา โดยให้นักเรียนหญิงชั้นมอแปดไปเรียนรวมกับนักเรียนชายในโรงเรียนชายล้วนอีกแห่ง โดยให้ครูสมปัติ(กาละแมร์) และครูเกษร(ครูมีสุข) เป็นผู้คอยควบคุมดูแลให้ระบบสหศึกษานำร่องนี้ประสบความสำเร็จ
ครูสมปัติเป็นคนเข้มงวด แทบตรงกันข้ามกับครูเกษรที่ใจดี เรียบร้อย และสวยจนต้องตาต้องใจครูผู้ชายหลายๆคนที่โรงเรียนนี้ ในขณะเดียวกันนักเรียนหญิงชายก็ต้องตาต้องใจกันเองด้วย
ก่อนที่เรื่องราวจะดำเนินต่อไปตามทางของมัน... เมื่อรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ประกาศมาตรา 11 ซึ่งส่งผลต่อนักเรียน ทำให้โรงเรียนต้องออกกฎเข้มไม่ให้นักเรียนยกพวกมีเรื่องชกต่อยกัน แต่ว่าก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อนักเรียนชายเข้าไปช่วยนักเรียนหญิงที่ถูกลวนลามจนเกิดเรื่องขึ้น และต้องหมดสิทธิ์สอบปลายภาคตามกฎที่วางไว้ ทำให้ครูสมปัติถูกมองเป็นนางร้ายจากทั้งครูด้วยกันและนักเรียนคนอื่น...
เรื่องจบแบบไหนก็เดาไม่ยากอีกแล้วครับทั่น..
จุดบอดใหญ่ๆของเรื่องนี้ก็คือบทที่ไม่ได้ปูพื้นเรื่องราวของนักเรียนทั้งชายหญิง ไม่ปูเรื่องความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียน ไม่ปูเรื่องว่านักเรียนชายหญิงสนิทกันได้อย่างไร ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้เข้าขั้น "แย่" เลยทีเดียว และในหลายช่วงหลายตอน (โดยเฉพาะช่วงจบ และช่วงของคุณระเบียบรัตน์) เหมือนกับยัดคำพูดดีดีเข้าปากตัวละคร ทำให้มันไม่เป็นธรรมชาติ และจับได้อย่างง่ายดายว่ากำลังพยายามยัดคำสอนเข้าหัวคนดูแบบไม่มีความประณีตบรรจงแม้แต่น้อย แม้ว่าในตอนท้ายจะบีบคั้นทางอารมณ์มากพอที่จะทำให้คนบ่อน้ำตาแตกได้ก็ตาม...
แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่มีส่วนดี ส่วนที่ดีก็คือการแสดงของกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศที่สามารถเล่นบทดราม่าในช่วงหลังของเรื่องได้ดีเหลือเชื่อ หลังจากที่เล่นบทคอมเมดี้ในช่วงต้นได้ตามมาตรฐานของเจ๊แกตอนเช้าช่องสามอยู่แล้ว (การเขียนบทให้เข้ากับบุคลิกลักษณะของผู้แสดงมากจนเกินไปก็เป็นข้อเสียอีกอย่างของเรื่องนี้เหมือนกัน) และ สาธิดา เขียวชะอุ่มในบทครูมะลิ (เธอได้รางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์ทองคำในปีอื้อฉาวจากเรื่อง "เอ๋อเหรอ" ด้วยนะ) ที่สามารถเป็นตัวขโมยซีนชั้นเซียนอีกคนที่ขึ้นมาประดับวงการคู่กับโอปอล์-ปาณิสรา (หากว่ามีหนังให้เธอเล่นอีกน่ะนะ) ได้เลยทีเดียว ทุกฉากที่ออกมา "ฮา" มากๆ
ให้คะแนนความดีพยุงความไม่ดีของหนังไว้นิดนึงละกันนะ...
2 ดาว

Date ::: 16 พฤษภาคม 2549 Location ::: Lido Multiplex
Chris Wilton ครูสอนเทนนิสได้รู้จักกับ Chloe ผ่านทางพี่ชายของเธอ... ในขณะที่เขาติดพันกับเธออยู่นั้น... เขาก็ได้พบและรู้จักกับ Nola Rice คู่หมั้นของพี่ชาย Chloe เขาไม่รีรอที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็คบกับ Chloe ไปด้วย..
ไม่นานหลังจากนั้น Nola ก็ถอนหมั้นและย้ายที่อยู่ไป.. แต่ถึงขนาดนั้นแล้ว เมื่อ Chris เจอกับ Nola ที่งานแสดงผลงานศิลปะ เขาก็พุ่งเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอ ทั้งๆที่ตอนนั้นเขาแต่งงานกับ Chloe แล้ว
เขาลอบไปหา Nola เพื่อเสพสุขทางเพศและทางใจ ในขณะที่แต่งงานอาศัยอยู่กินกับ Chloe เพื่อเสพสุขทางฐานะและความมั่งมีจากตำแหน่งงานระดับสูงที่พ่อของ Chloe มอบให้เขาทำ
แต่ทั้งๆที่เขาพยายามมีลูกกับ Chloe ตามที่เธอต้องการ แต่กลับเป็น Nola ที่เกิดท้องขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้ต้องการ... ทำให้เธอเรียกร้องสิทธิของเธอเอง.. และเริ่มรังควานชีวิตของ Chris มากขึ้นทุกทีๆ
Chris เองก็คิดไม่ตก.. เพราะร่างกายและไอ้นั่นมันปรารถนาในตัว Nola แต่ว่าก็ไม่ต้องการทิ้งฐานะทางสังคมชั้นเลิศที่ได้จากครอบครัวของ Chloe
และทุกสิ่งทุกอย่างจบลงเมื่อเกมดำเนินมาถึง Match Point...
Jonathan Rhys Meyers และ Scarlett Johansson ได้ใช้ Sex Appeal ของตัวเองเต็มที่ในเรื่องนี้ (ลองเทียบ Jonathan กับบทใน M:I:3 และเทียบ Scarlett กับบทใน Lost in Translation ก็ได้) และทั้งคู่ก็เล่นได้เข้าถึงบทบาท
อีกจุดที่ดีที่สุดของหนังก็คือบทภาพยนตร์ แม้จะดูง่าย แต่กลับบาดลึกและกินใจถึงที่สุด เป็นความประทับใจครั้งแรกในชีวิตกับภาพยนตร์และบทดีดีของ Woody Allen
4 ดาวเต็ม!

Date ::: 18 พฤษภาคม 2549 Location ::: Scala
หลังจากตั้งหน้าตั้งตารอมาตั้งแต่มีข่าวจะสร้าง และต่อต้านการตัด "สิบนาทีสุดท้าย" ของหนังออกไปอย่างสุดชีวิต และในที่สุด เราก็ไม่ต้องอุดหนุนแผ่นผี...
บอกเรื่องราวซักนิดสำหรับคนยังไม่อ่านหนังสือ... Robert Langdon ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณวิทยาถูกตำรวจฝรั่งเศสเรียกตัวมาเพื่อสืบคดีการตายของ Jacques Sauneire ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส แต่การณ์กลับเป็นว่า ตำรวจฝรั่งเศสปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนร้าย ทำให้ Langdon ต้องพิสูจน์เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ท่ามกลางรหัสลับต่างๆ ที่ล้วนแต่ส่งผลสั่นคลอนความเชื่อด้านศาสนาคริสต์..
ตามหลักการธรรมดาสามัญโลก.. ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายหรือหนังสือ ส่วนใหญ่ก็มักจะสนุกสู้ในหนังสือไม่ได้ เพราะไม่ได้มีเวลาให้นั่งพรรณนาอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏภายในเวลาอันจำกัด ดังเช่น Harry Potter ซึ่ง The Da Vinci Code ก็เป็นหนึ่งในนั้น...
การไขรหัสในเรื่อง ในหนังสือนั้นทั้ง Robert Langdon กับ Sophie Neveu ต้องใช้เวลาพอสมควรในการขบคิดและตีปริศนาให้แตกในแต่ละปริศนา แต่ด้วยเวลาจำกัดของหนังทำให้การแก้รหัสลับที่ยากมากๆ กลับกลายเป็นของเด็กเล่นไป เพราะฉลาดกันเหลือเกิน - -
ด้านการแสดง Tom Hanks เล่นได้ดี.. แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด ในขณะที่ Audrey Tautou ก็เล่นเป็น Sophie ได้ดีทีเดียว แต่ส่วนตัวดันรู้สึกว่าเธอหน้าแก่เกินบทไปหน่อย (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม - -) ส่วน Iam McKellen ในบทของ Sir Leigh Teabing Paul Bettany ในบทของ Silas และ Alfred Molina ในบทของ Bishop Aringarosa ก็ถือว่าทำได้เสมอตัว (ปู่ Ian เล่นได้ดีกว่าคนอื่น แต่เพราะความสามารถของปู่ก็เล่นได้ประมาณนี้อยู่แล้ว จึงขอถือว่า "เสมอตัว")
ไม่แปลกอะไร หากคนที่อ่านหนังสือมาแล้วจะออกอาการค่อนข้างผิดหวังกับหนังเรื่องนี้พอสมควร (บางคนก็ผิดหวังเพราะหวังสูงจนเกินไป) ส่วนคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สืบหาความสนุกที่หล่นหายไปเมื่ออยู่ในหนังจากหนังสือปกแดงเล่มนี้...
แด่ความสนุกที่หล่นหายพอควร... 2 ¾ ดาว

Date ::: 21 พฤษภาคม 2549 Location ::: Lido Multiplex
Alfred Kinsey ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยา เปิดวิชาชีวิตคู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ท่ามกลางตำราวิทยาศาสตร์เคลือบศีลธรรมที่เกลื่อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น..
ในวัยเด็ก.. เขาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อที่เป็นนักเทศน์ และโทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกว่าเป็นสิ่งที่นำไปสู่การผิดศีลธรรม (ไม่เว้นแม้กระทั่งไฟฟ้า) และเติบโตมากับความเชื่อในตำราวิทยาศาสตร์เคลือบศีลธรรม(?)เหล่านั้น
เมื่อเขาเป็นอาจารย์สอนใหม่ๆ.. เขาเพียรพยายามเก็บตัวต่อกอลล์มาวิจัย จนเมื่อเขาแต่งงานกับ Clara McMillen ก็เก็บไปนับล้านตัว...
ต่อมาเขาใช้วิธีเดียวกันในการวิจัยเรื่องพฤติกรรมทางเพศของชาวอเมริกัน.. และนับว่าเป็นบุคคลแรกๆของอเมริกายุคนั้น ที่กล้าวิจัยและพูดถึงเรื่องที่สังคมปิดกั้น และฉีกตำราเคลือบศีลธรรมเก่าๆทิ้งแบบไม่มีชิ้นดี
แต่ก็ใช่ว่าผู้คนจะยอมฉีกตำราเก่าๆทิ้งซะทีเดียว.. เมื่อเขาสั่งของผิดกฎหมาย(ของรัฐ-ในสมัยนั้น-เช่นรูปเปลือย และ ดิลโด้)มาเพื่อทำการวิจัย จนกระทั่งถูกกรมศุลกากรฟ้อง และมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ก็ถอนการสนับสนุนโครงการทั้งหมด ทำให้กราฟชีวิตของเขาพุ่งดิ่งลงอย่างรวดเร็ว...
ชีวิตครอบครัวของ Kinsey คงล่มไปนานแล้ว หากไม่มีภรรยาและลูกสาวที่เข้าใจเขา แม้ว่าเขาจะมีความขัดแย้งกับลูกชาย และในบางครั้งเขาก็ทำตัวเหมือนกับพ่อของเขาเอง...
ชีวิตนักวิทยาศาสตร์ของเขาคงจบสิ้น หากไม่มีลูกมือลูกน้องที่คอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้าง หากไม่มีอาสาสมัครที่ยินดีเป็นตัวทดลองในเรื่องพฤติกรรมทางเพศต่างๆ...
Liam Neeson และ Laura Linney แสดงได้ดีมาก โดยเฉพาะ Laura Linney ในฉากแสดงอารมณ์ที่ปนกันทั้งโกรธ เศร้า น้อยใจ เมื่อทราบว่าสามีตัวเองมีสัมพันธ์ทางเพศกับลูกน้องที่เป็นผู้ชาย... และ Peter Sarsgaard ก็ทำให้เราอยากดู Shattered Glass ที่เป็นผลงานสร้างชื่อของนายนี่มากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ทั้งจาก Flightplan และเรื่องนี้ ที่ยืนยันว่านายนี่มัน "ของจริง"
เสียดายที่บทน่าจะเพิ่มส่วนของความขัดแย้งระหว่างคินซี่ย์กับลูกชาย เพราะคนดูน่าจะอินและนำภาพของเขาไปเปรียบกับพ่อของเขาในตอนเด็กได้ดีทีเดียว...เสียดายที่ไม่ทำ
แด่เนื้อหาที่เหมือนประเทศอะไรแถวๆนี้ และการแสดงชั้นครู...
3 ½ ดาว

Date ::: 21 พฤษภาคม 2549 Location ::: Siam
ไปดูเรื่องนี้ด้วยแรงไซโคจากหลายทาง ทุกเสียงยืนยันว่าประทับใจ น้ำตาไหลพรากๆ
กับเรื่องราวของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ได้แก่ซูซูกิออโต้ ร้านซ่อมรถยนต์เล็กๆ ประกอบด้วยเจ้าของร้านและครอบครัว พร้อมกับเด็กฝึกงานอย่างโรขุจัง ร้านเหล้าของสาวสวยฮิโรมิ.. คุณหมอประจำหมู่บ้านอย่างหมอทาคุมะ รวมไปถึงซางาวะ ริวโนะสุเกะ นักเขียนตกอับที่ต้องรับเลี้ยงจุนโนะสุเกะ ลูกชายเพื่อนของฮิโรมิอย่างเสียไม่ได้..
ตอนแรก.. โรขุไม่พอใจกับสภาพของซูซูกิออโต้ที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ๆ และทุ่มเถียงกับซูซูกิยกใหญ่ เพราะฝ่ายหลังก็หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง ในขณะที่ริวโนะสุเกะที่ไม่เคยคิดว่าตนเองสำคัญต่อใคร ก็พบว่าตนเองเป็นฮีโร่ของเด็กน้อยจุนโนะสุเกะที่ติดตามอ่านนวนิยายเยาวชนของเขา
ทั้งสองฝ่ายต่างค่อยๆจูนคลื่นเข้าหากันได้ จากคนอื่นกลายเป็นคนคุ้นเคย จากคนคุ้นเคยก็กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้...
พี่ที่ไปดูด้วยกันบอกว่า ไม่แปลกหรอกที่คนญี่ปุ่นจะอินกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะบรรยากาศมันชวน nostalgia(หวนหาอดีต) ซะเหลือเกิน ทั้งการสร้างหอคอยโตเกียว สถานีรถไฟอุเอโนะ และร้านรวงต่างๆที่ชื่อคุ้นหูอย่างเช่นซูซูกินี่เอง...
จริงๆแล้วหนังมีฉากน่าประทับใจประเภทเรียกน้ำตากันเห็นๆอยู่หลายฉากทีเดียว แต่น่าแปลกที่ดูเรื่องนี้กลับไม่ได้รู้สึกว่ามันซาบซึ้งมากจนต้องเสียน้ำตาให้กับมัน มันเป็นความประทับใจ แต่ไม่ถึงกับประทับใจเหลือล้น..
ฉากที่ชอบที่สุดคือตอนที่จุนโนะสุเกะกับอิปเปไปตามหาแม่แล้วกลับมาช้า ริวโนะสุเกะพุ่งปราดเข้าไปตบหน้าจุนโนะสุเกะแล้วด่าว่าสั่งสอน จี๊ดมาก
สรุปตามความคิดตัวเองแล้ว Always จะเป็นหนังที่ติดตราตรึงใจของคนที่ค่อนข้าง sensitive พอสมควร
แด่ความลงตัวของหนัง แม้จะยังไม่ประทับใจถึงขีดสุด...
3 2/3 ดาว...

Date ::: 22 พฤษภาคม 2549 Location ::: SF MBK
วันนี้เกิดอาการว่างและอยากดูหนังขึ้นมาติดหมัด.. หวยเลยมาลงตัวที่ "ก้านกล้วย"
เรื่องราวของช้างน้อย "ก้านกล้วย" ที่ออกตามหาพ่อที่เป็นช้างศึกในวังหลวง (ใช้คำว่าวังหลวงชวนให้นึกถึง "แดจังกึม" เนาะ) จนพลัดหลงกับแม่ และได้ไปฝึกการเป็นช้างศึกกับหมู่บ้านช้างของลุงมะหูด และได้รับเลือกเป็นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้ออกศึกครายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของหงสาวดี...
ไม่น่าเชื่อว่าจากพงศาวดารแค่สองบรรทัด สามารถคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวมากขนาดนี้ ต้องชมคนคิดจริงๆ
พูดถึงตัวละคร จุดติเล็กน้อยก็คือเรื่องเหมือนเน้นที่ตัว "ก้านกล้วย" มากจนตัวละครอื่นดูไม่มีสีสันเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นพังแสงดาที่เป็นแม่ พังชบาแก้วที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก หรือแม้แต่ลุงมะหูดที่เป็นครูฝึกช้างก็ตาม แต่นอกจากตัวก้านกล้วยแล้ว ตัวละครที่ดูโดดเด่นขึ้นมากลับเป็นตัวพระนเรศวรมหาราช ดูมีมนต์แบบบอกไม่ถูก...
ในด้าน Animation ชมจากใจจริงว่า วาดภาพป่าไม้ใบหญ้าธรรมชาติได้งดงามมากมากมาก และที่น่าชมมากที่สุดคือ ป่าในเรื่องไม่ใช่แค่ป่ามาตรฐานตามฟอร์มที่สักแต่วาดๆ แต่ดูแล้วให้ความรู้สึกจริงๆว่าป่าในเรื่องคือป่าของประเทศไทยเรา... รวมถึงฉากในวังอย่างหอเทพกุญชร หรือประตูเมืองก็ทำได้สวยงามน่าดู
ถึงแม้ตัวละครจะออกแบบให้ดูเกินจริงไปบ้าง (อย่างเช่นช้างทรงของพระมหาอุปราชา หรือช้างเชือกอื่นๆ) แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการออกแบบเพื่อแสดงบุคลิกลักษณะของช้างแต่ละเชือกมากกว่า (เป็นคนละความรู้สึกกับตอนที่เห็นตัวอย่าง ตอนนั้นคิดแต่ว่า ช้างบ้าอะไรวะ ขาบานโพด)
แด่ก้าวค่อนข้างกระโดดของวงการแอนิเมชั่นไทย...
3 ดาว
Create Date : 23 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 4:43:12 น. |
|
20 comments
|
Counter : 4307 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: S e m a k u t e k ! IP: 203.118.93.64 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:4:48:03 น. |
|
|
|
โดย: มัชฌิมา วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:24:23 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 203.113.16.250 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:59:47 น. |
|
|
|
โดย: หยง IP: 58.64.121.20 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:48:35 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:40:53 น. |
|
|
|
โดย: กูเอง...นังหอยทากอ่ะ... IP: 203.107.201.165 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:36:35 น. |
|
|
|
โดย: preaw IP: 221.128.113.155 วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:37:21 น. |
|
|
|
โดย: Nutonline IP: 124.120.99.76 วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:45:10 น. |
|
|
|
โดย: ~OH~OF~PmFc~ IP: 203.172.57.35 วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:46:34 น. |
|
|
|
โดย: มัชฌิมา วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:21:47 น. |
|
|
|
โดย: เชลลิ่ง (ไม่ได้ล็อกอิน) IP: 202.5.87.147 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:54:43 น. |
|
|
|
โดย: เณี้ยบ IP: 210.250.2.96 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:04:07 น. |
|
|
|
โดย: >>..++J:o:Y++..<< IP: 58.8.187.213 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:48:54 น. |
|
|
|
โดย: merf1970 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:37:40 น. |
|
|
|
โดย: ปาล์ม IP: 58.8.87.74 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:47:47 น. |
|
|
|
โดย: นายเบียร์ วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:22:36 น. |
|
|
|
โดย: myo IP: 203.114.123.96 วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:27:57 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา
- อรรถจักร สัตยานุรักษ์ (จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)
Let this song rhyme our souls when your voice and mine become one and whole.
Let it carry us high above When we recite our poetry of love that when there's love then there's hope.
Your love is my light, and it'll get us through this lonely night.
- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)
|
|
|
|
|
|
|
ว่างๆไปรับจ๊อบเขียนบทวิจารณ์หนังลง Starpic ท่าทางจะรุ่งนะเอ็ง 555+