“ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป”
-- อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
(คำปรารภหลังจาก "แสงศตวรรษ" ผลงานภาพยนตร์จากผู้กำกับคนไทย พูดภาษาไทย ใช้ดาราคนไทย ถูกกองเซนเซ่อประเทศไทยบังคับให้ตัดฉากสำคัญ 4 ฉากออกหากต้องการฉายในโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย)




“ผมคิดว่าพระกลุ่มนี้โดนจี้จุดจึงร้อนตัวเกินไป หรือเป็นพวกอยากดัง จึงต้องทำตัวเป็นข่าว อยากถามว่าทำไมไม่ไปเรียกร้องหรือแก้ปัญหาพระที่ออกมาแก้ผ้า มั่วสีกา หรือใช้มีดกรีดร่างกาย หลอกลวงประชาชน ทั้งนี้หากจะฟ้องก็ยินดีให้ฟ้องได้ทุกศาล หรือว่าจะไปฟ้องจตุคาม ศาลเจ้าแม่กวนอิม พระอินทร์ พระอิศวร ก็เชิญ ผมไม่สนใจ แต่เห็นว่าพระกลุ่มนี้ไม่เหมาะสมในสมณะ และเป็นพระหน้าเดิมที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
-- ถวัลย์ ดัชนี
(คำตอบโต้ภายหลังกลุ่มพระสงฆ์ที่ชุมนุมประท้วง ขู่ฟ้องคดีอาญาต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร นายอนุพงษ์ผู้วาดภาพภิกษุสันดานกาและหมานุษย์ และคณะกรรมการที่ตัดสินรางวัลศิลปกรรมแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นศาสนา)
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
ชำแหละความชิบหายของ "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ"


เพื่อน...กูรักมึงว่ะ aka Bangkok Love Story
(ไทย, พจน์ อานนท์, 2550, คุณภาพ C-, ตลก A+++++)





ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ เพราะแทนที่วงการหนังไทยจะได้มีหนังเกย์เต็มตัว และมีคุณภาพมาประดับวงการ เพื่อปูทางไปสู่การยอมรับหนังที่นำเสนอประเด็นเรื่องเพศที่สามแบบเต็มๆ ได้เหมือนประเทศอื่นเขาเสียที แต่เมื่อโปรเจ็กต์นี้อยู่ในมือของ "พจน์ อานนท์" ทำให้วงการหนังไทยได้หนังตลกที่มีเพศที่สามมาเป็นตัวละครเอกเพิ่มมาอีกเรื่องแทนซะงั้น แค่เปลี่ยนจากตุ๊ดมาเป็นเกย์เท่านั้นเอง - -*

หนังเล่าเรื่องราวของ "เมฆ" (Cloud) ชายหนุ่มผมยาวหนวดดกผู้ทำอาชีพมือปืน (ด้วย voiceover ตอนเริ่มเรื่องว่าก็ไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ แค่อยากได้เงิน) โดยต้องเอาเงินไปให้แม่ และน้องชายชื่อ "หมอก" (Fog) ที่ชีวิตสุดแสนจะรันทดเหลือทน เพราะติดเอดส์มาจากพ่อเลี้ยงชาติชั่วที่นอกจากจะเอาโรคมาติดแม่ ยังข่มขืนลูกเลี้ยงตัวเองอีกต่างหาก , "อิฐ" (Stone) ตำรวจหนุ่ม(ที่ทั้งเรื่องไม่ได้ทำอะไรสมกับเป็นตำรวจ) ผู้กำลังมีชีวิตคู่ก่อนแต่งอันแสนจะอบอุ่นกับ "ทราย" (Sand) หญิงสาวแสนดี๊แสนดี ผู้เป็นห่วงผัวในทุกสถานการณ์

เมื่อเมฆได้รับงานใหม่ คืออิฐ หลังจากที่ตามติดชีวิตของอิฐกับว่าที่เมียได้สักพัก ก็เริ่มลงมือปฏิบัติการ ด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ (ย้ำว่า จักรยานยนต์) ไปที่แถวๆสวนลุมไนท์บาซาร์หรือหัวลำโพง (ซักที่เหอะ - -*) แล้วก็ลงมือปฏิบัติการอย่างสุขุมตามสไตล์มือปืนอาชีพ ด้วยการเดินลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วยิงสาดกระสุนไปทั่วทีบทั่วแดน คนที่กินข้าว คนขายของคนอื่นหนีกันจ้าละหวั่น แต่ไอ้อิฐกับอีทรายเสือกนั่งแล้วก็กรี๊ดๆ (เอ่อ.. อิฐไม่ได้กรี๊ด) ยังกับจะรอให้เค้ามาจับ แล้วไอ้เมฆก็เอาปืนฟาดหัวไอ้อิฐจนสลบ หลังจากอีทรายหายกรี๊ด ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตะโกน "อิฐ อิฐ อิ๊ดดดดดดดดดด อิฐหายไปหนายยยยยยยยยยยย อี๊ดดดดดดดดด" (ซับไตเติ้ลอังกฤษ Stone!! Stoneeeee!!!!!!!)

ภาพตัดมาที่โรงแรมซักที่ เมฆกำลังเอาปืนจี้อิฐให้เดินไปตามทางเดิน (ได้โปรดช่วยคำนวณค่าความน่าจะเป็นของการที่ ผู้ชายหนึ่งคน จะแบกผู้ชายอีกหนึ่งคนที่ตัวใหญ่กว่า และกำลังสลบอยู่ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงโรงแรม โดยที่มันไม่ขัดขืน หรือว่าไม่ผิดสังเกตชาวบ้าน ได้อย่างไร?) เมื่อเข้าไปในห้องของโรงแรม ไอ้คุณเมฆมือปืนก็โยนกุญแจมือให้ แล้วก็บังคับให้คุณอิฐใส่กุญแจมือตัวเองกันหนี (พร้อมกับคำท้วงว่า "คุณจับผมมาทำไมครับ" สาดดดดด มึงจะถูกยิงตายอยู่นี่ ยังจะไปพูดดีกับมันอีกไอ้อิฐ สาดดดด สาดดดด) ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไป


วันต่อมา ไอ้คุณเมฆก็บังคับจับตัวคุณอิฐไปถึงร้านขายพระพุทธรูป ที่บอสของเมฆใช้เป็นธุรกิจบังหน้าความชั่วของตัวเอง (ก็ยังคงสงสัยว่า บังคับขู่เข็ญคุณอิฐขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปอีท่าไหน) เมื่อไปถึงก็คุยๆกับบอสว่า ทำดีมาก เคสนี้กูให้มึงจับเป็นเพราะ ฯลฯ ก่อนจะเรียก "ท่าน" (รับบทโดย สุเชาว์ พงษ์วิไล) ออกมา ไอ้ท่านก็พล่ามๆ ประมาณว่า อยากเห็นหน้าไอ้ตำรวจเด็กนี่มานานแล้ว มันมาเสือกเรื่องของกู จะเอาเรื่องกูไปแฉ บลาๆๆๆๆๆ

ไอ้คุณเมฆ ด้วยความเป็นมือปืนจิตใจดีก็พูดทันที "ไหนเฮียบอกไอ้นี่เป็นคนเลวไง เฮียก็รู้ว่าผมไม่ฆ่าคนดี ผมจะฆ่าไอ้ห่าท่านเนี่ยแทน" แล้วก็เกิดการชุลมุน ยิงกันสุดฤทธิ์สุดเดช เมื่อไอ้เฮียกำลังจะยิงคุณอิฐ (กุลบุตรที่พูดจาสุภาพที่สุดในโลก) ไอ้คุณเมฆด้วยสำนึกดีก็เอาตัวเข้าไปบัง แล้วก็ล้มลง

แล้วอยู่ดีดีไอ้คุณอิฐเอาปืนมาจากไหนไม่รู้ มายิงต่อสู้กับพวกโจรเฉยเลย ชวนให้คิดเหลือเกินว่า อีห่า แล้วเมื่อคืนนี่มึงเต็มใจนอนห้องเดียวกันใช่มะ มีปืนแต่ไม่ใช้เนี่ย สาดดดดด

หลังจากนั้นไอ้คุณอิฐก็ลากไอ้คุณเมฆออกมาจากแดนชุลมุน วิ่งมาขึ้นมอเตอร์ไซค์เพื่อรีบหนี รีบเอาชีวิตรอด แต่ช็อตนี้ไอ้พี่พจน์ดันนำเสนอเป็นภาพสโลว์โมชั่น ชมวิวกรุงเทพยามพระอาทิตย์ตกดินแถวเสาชิงช้าและสะพานพุทธ ซึ่งกูไม่เข้าใจว่า ไอ้สาดดดด มึงกำลังหนีอยู่นะสาดดดดด แล้วมึงจะมาอารมณ์สุนทรีย์ดูพระอาทิตย์ตกดินหาห่าอะไรสาดดดดดดดด (รู้จักอารมณ์หนังมั้ยเนี่ย ไอ้คุณท่านพี่พจน์) สงสารฝีมือถ่ายภาพของคุณทิวา เมยไธสง ที่ดันถูกเอามาใช้ผิดที่ผิดทางแบบนี้

ขับๆกันไปก็พระอาทิตย์ตกดินพอดี (เอ่อ... คือมันลากไปนอนในห้องของโรงแรม 1 คืน แล้วกว่าจะเจรจาและหนีออกมาจากร้านของบอส พวกล่อซะย่ำค่ำเลย ก่อนหน้านั้นมันทำอะไรกันวะ?????) ระหว่างนั้นไอ้คุณเมฆก็เลือดไหลซ่กๆๆๆ ไอ้คุณอิฐของเราก็ถอดเสื้อยืดขาวที่ตัวเองใส่ออกมาฉีก แล้วก็รัดขันชะเนาะห้ามเลือดให้ไอ้คุณเมฆ

ที่ฮาคือ มันรัดใต้แผลครับพี่น้องครับ (มึงจบนายร้อยมาได้ไงเนี่ย ปฐมพยาบาลแบบขันชะเนาะยังทำไม่เป็น สาดดดดดดด)

เอาเถอะ ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเราว่า รัดแผลไม่ถูกไม่เป็นไร แต่ว่ายังไงเลือดก็จะหยุดไหล หลังจากรัดแผลเสร็จ ไอ้คุณเมฆก็บอก "มึงกลับไปได้แล้ว" ไอ้คุณอิฐก็ยังคงรักษาคอนเซปต์ชายหนุ่มลูกผู้ดีต่อไป "แต่คุณยังเลือดออกอยู่เลยนะครับ" แต่ก็ถูกตะเพิดไล่จนเริ่มถอดใจ เมื่อหันหลังกลับไปได้นิดนึง ไอ้คุณเมฆก็เสือกร้อง "โอ๊ย!!!" ซะเสียงดังลั่นโลก (เรียกร้องความสนใจชัดๆ สาดดดด) ไอ้คุณอิฐเลยเข้าไปประคองให้นั่งบนมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านของไอ้คุณเมฆ

ที่ฮาอีกแล้วก็คือ แทนที่จะเข้าไปเรียกแม่กับน้องออกมาพาไอ้คุณเมฆเข้าไปในบ้าน มันเข้าไปเจอน้องหมอกของไอ้เมฆ แล้วก็ยื่นเงินให้ไป 500-600 บาทมั้ง ก่อนจะบอกว่า "พี่เมฆจะไปต่างจังหวัดซักพักนึงนะ" (สาดดดดดดดดดดดด มึงยึดไอ้เมฆไปเก็บไว้ดูเล่นคนเดียวนี่หว่า มึงขับรถมาถึงบ้านแล้วนะสาดดดดด)

ระหว่างนั้นไอ้คุณอิฐก็ขี่มอเตอร์ไซค์ลงทางลอดทางแยก แล้วไอ้คุณเมฆก็กอดเอวไปจบถึงที่กบดานแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นห้องเล็กๆ บนดาดฟ้าตึกที่ดูร้างๆโทรมๆ ตรงบีทีเอสสุรศักดิ์(อันนี้มีคนบอกมา) แต่ดันมีน้ำมีไฟพร้อมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาถูกได้ยังไง เพราะไอ้คุณเมฆก็สลบกอดเอวมันอยู่ตลอดเวลา เหอๆๆๆ

เมื่อขึ้นไปก็ไปนอนอยู่เคียงข้างกัน ผ่านไปหนึ่งคืน ตื่นมาตอนเช้าไอ้คุณเมฆยังไม่ตื่น ไอ้อิฐกุลบุตรผู้น่ารักของเราก็ฉวยโอกาสถอดบอกเซอร์ไอ้เมฆออก (เอ่อ... มันก็ใส่บอกเซอร์ตัวเดียวเหมือนกัน) แล้วก็เช็ดตัว โดยมีเสาห้องบัง "ไอ้นั่น" อยู่ (อืม... แล้วทำไมคนเช็ดตัวต้องใส่บอกเซอร์ตัวเดียวด้วยวะ?)

พอเช็ดตัวเสร็จซักพัก ไอ้เมฆก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็ถาม "ทำไมมึงยังไม่ไปอีก!!" พร้อมกับอากัปกิริยาต่างๆที่แสดงถึงอาการขับไล่ไสส่ง แต่ไอ้อิฐมันก็ยังหน้าด้านครับ มันไม่ยอมไป แล้วเมื่อไอ้เมฆหลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกทีไอ้อิฐลงไปซื้อข้าวขึ้นมาเสร็จแล้ว ไอ้เมฆก็ถามทันที "มึงลงไปทำไม ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย ไอ้พวกนั้นมันกำลังตามล่าเราอยู่" (สาดดดดดด เมื่อกี้เพิ่งจะขับไล่ไปหยกๆ โลเลเหลือเกินนะมึง) ไอ้คุณอิฐก็บอก "ผมลงไปซื้อข้าวมาครับ ไม่งั้นเราจะเอาอะไรกินล่ะครับ" (5555+)

หลังจากนั้นก็เป็นภาพแสดงอาการปรนนิบัติพัดวียิ่งกว่าเมียทาสของไอ้คุณอิฐ เล่นเอาไอ้เมฆเหวอๆ ปนหวั่นไหวไปพอสมควรทีเดียว

คืนนั้น ไอ้คุณอิฐก็เดินลงจากห้องบนดาดฟ้า (ในสภาพบอกเซอร์สีขาวตัวเดียวเช่นเดิม) เพื่อลงไปโทรศัพท์หยอดเหรียญบอกว่าที่เมียว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ฉากนี้จริงๆมันไม่น่าจะมีอะไรใช่มั้ย แต่มันฮามาก เพราะหลังจากที่ไอ้คุณอิฐหยอดเหรียญ กดเบอร์ แล้วทรายรับโทรศัพท์ อยู่ดีดีก็มีจอสปลิทซีนแทรกเข้ามาทางซ้ายเป็นหน้าทรายกำลังตื่นตระหนกสุดฤทธิ์ (กูก็ตื่นตระหนกไปในฉับพลันเหมือนกัน มึงมาไม่ให้สุ้มให้เสียง สาดดดด)

อิฐ : "ฮัลโหล ทราย"
ทราย : "อิฐ อิฐ!!! นั่นอิฐใช่มั้ยคะ"
อิฐ : "ทรายไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี"
ทราย : "อิฐ!!! อิฐ!! นี่คุณอยู่ที่ไหนอะ ทรายเป็นห่วงคุณนะคะ!!!!!"
อิฐ : "ผมจะไม่อยู่ซักพักนึง ระหว่างนี้ใครมาถามที่บ้านว่าผมโทรหาคุณมั้ย คุณห้ามบอกนะว่าผมติดต่อคุณ" แกร๊ก ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ทราย : "อิฐฐฐฐฐ!!! อิฐฐฐฐ!!! อี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!"
(กรุณานึกซับไตเติลภาษาอังกฤษ Stone ไปพร้อมกันด้วย และนึกหน้าไอ้คุณอิฐทำหน้าเคร่งขรึม ไร้แล้วซึ่งอารมณ์ กับอีคุณทรายผู้ซึ่งตื่นตระหนกยิ่งกว่าผัวอยู่ในตึกเวิลด์เทรดวันที่ 11 กันยา)

หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว (แต่สื่อความใดๆไม่ได้เลย) ไอ้คุณอิฐก็เดินกลับขึ้นไปที่ห้อง ระหว่างนั้นก็มีมือปืนที่บอสส่งมาเพื่อเก็บไอ้เมฆพอดี๊พอดี ไอ้คุณอิฐก็เลยรีบวิ่งเข้าไปช่วยว่าที่สามีสุดที่รัก ด้วยการเอาไอ้ผ้าพันแผลของเมฆออกมารัดคอไอ้มือปืนตายห่าไป เป็นการร่วมมือร่วมใจที่สะเทือนอารมณ์โดยแท้ (ประชด)

เวลาผ่านไปอีกประมาณสองสามวัน โดยไม่มีมือปืนมากวนใจ(ได้ยังไงกัน??) ไอ้เมฆผู้เป็นผัวกับอีอิฐผู้เป็นเมียทาสก็ยังคงปรนนิบัติพัดวีกันอย่างเต็มที่เสมอต้นเสมอปลายไม่มีบิดพลิ้ว จนวันหนึ่งไอ้เมฆก็เกิดอารมณ์สุนทรีย์ ออกไปอาบน้ำบนดาดฟ้าในถังไม้!!!!! (กรุณานึกถึงถังไม้ที่เขาใช้บ่มไวน์ และห้ามถามว่ามาจากไหนด้วย เพราะกูก็ไม่รู้เหมือนกัน) สภาพใส่บอกเซอร์ มีผ้าคล้องคอ เมียที่รักก็เดินเข้ามา "มา.. เดี๋ยวผมช่วยถูหลังให้"

ไอ้คุณอิฐก็ถูหลังว่าที่สามีด้วยความนุ่มนวล จนไอ้เมฆเริ่มเคลิ้มหลับตาพริ้มจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน หลังจากนี้ก็เลยไม่ใช่ถูหลังละ เพราะมันเริ่มเอื้อมไปถูซิกส์แพ็คนรสิงห์ แล้วก็ปิดท้ายด้วยการมาถูที่หัวนม (อ้อ.. ไม่ได้ใช้ผ้าถูนะ ใช้ "บวบ" ถู... หึหึ) จนไอ้เมฆเริ่มสงสัยมึงมาทำอะไรนมกูนักหนา หันหน้าไปแล้วก็เกิดอาการสปาร์ค (merveillesxx เรียกฉากนี้ว่า "ฉากหัวนมสยบความเป็นชาย")

First Kiss with Each Other แบบ Multi-Angle โอ้ว.. ภาพสวยเหลือเกิน มันดูดปากกันอย่างเมามัน ดนตรีก็เร้าอารมณ์อีโรติกสุดๆ ก้าวขาออกมาจากถังบ่มไวน์ (เอ๊ะ.. รึถังนี่จะเป็นสัญลักษณ์ของการบ่มเพาะความต้องการทางเพศ 55555555555) ดูดปากกันแล้วก็ลงไปนัวเนียกันที่พื้นแบบหนังเรื่อง Happy Together ของหว่องกาไว กลิ้งเกลือกแบบไม่สนใจประชาชี ทั้งที่สถานีบีทีเอสก็อยู่ใกล้ๆ (5555) แล้วภาพก็ตัดไปที่ขาเตียงกำลังโยก ไอ้คุณเมฆก็กำลังขย่มไอ้คุณอิฐอย่างถึงพริกถึงขิง มีแค่ผ้าห่มปิดส่วนที่ควรจะปิดเท่านั้น...

หลังจากปฏิบัติกามกิจเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนมือปืนดาดฟ้าบีทีเอสสุรศักดิ์ (ยาวไปไหน) ไอ้คุณเมฆก็เกิดอาการรังเกียจเสนียดจัญเกย์ขึ้นมาทันที คว้าปืนหมับขึ้นมาจี้ไอ้คุณอิฐพร้อมกับตะคอก "มึงกลับไปได้ละ" ไอ้คุณอิฐก็งงสิครับ (อะไรวะ เพิ่งจะเอาตูดกูไปแหมบๆ อยู่ดีดีก็มาไล่กู มึงเสียพรหมจรรย์ตรงไหนเนี่ย สาดดดด) เลยพยายามกดดันให้ไอ้เมฆ coming out สุดขีด("หยุดหลอกตัวเองเสียที แล้วพูดความรู้สึกจริงๆของคุณออกมาได้แล้ว") แต่ด้วยว่าปืนจ่อหน้าอยู่จะขัดขืนก็กลัวตาย ไอ้เมฆก็โยนแจ็คเก็ตกับกางเกงที่ใส่มาตั้งแต่วันแรกให้ แล้วไล่กลับบ้าน

ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ไอ้คุณอิฐก็เดินถือแจ็คเก็ตกับกางเกงลงไปนั่งทำหน้าเศร้า (พร้อมบอกเซอร์สีขาวตัวเดิม) อยู่ตรงตู้โทรศัพท์ ก่อนที่จะเดินกลับถึงบ้านบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยสภาพใส่บอกเซอร์เช่นเดิม!!!!!!! (เอ่อ.. ตำรวจไทยมัวแต่ทำอะไรอยู่เนี่ย)

ที่ฮากว่านั้นคือ อีคุณแม่นางทรายเปิดประตูบ้าน เจอว่าที่ผัวทางนิตินัยของตัวเองยืนถือเสื้อผ้า ใส่บอกเซอร์ตัวเดียว แต่ปากก็ถาม "อิฐ!! คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ คุณโดนอะไรมารึเปล่า คุณไปไหนมา ฯลฯ" (นี่มึงไม่เห็นเหรอผัวมึงเดินแก้ผ้ากลับมาบ้านเนี่ย สาดดดดดดดดดดดดดดดด)

เนื้อเรื่องในช่วงนี้ก็จะเป็นซีนห่วงหาอาทรของพระเอกนายเอก พระเอกก็เอาแต่ถอดเสื้อใส่กางเกงยีน เป่าฮาร์โมนิก้าอยู่บนดาดฟ้าตึก เหม่อมองพระอาทิตย์ตกดิน แล้วก็หลบหน้านายเอกที่แวะเวียนไปหา ส่วนนายเอกก็แดกไวน์อย่างไฮโซ ใส่บอกเซอร์ตัวเดียว แล้วไปนั่งริมระเบียงมองพระอาทิตย์ตกดินแถวๆพระปรางค์วัดอรุณ อีทรายก็ได้แต่สงสัยว่าผัวกูเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย แม่งเสื้อผ้ามีไม่รู้จักใส่ ใส่เป็นแต่บอกเซอร์ สาดดดดด

ระหว่างนั้นไอ้คุณอิฐก็จะแวะเวียนไปหาที่ห้องบนดาดฟ้าแห่งนั้น แล้วไอ้เมฆก็จะคอยหลบหน้าตลอดเวลา จนไอ้อิฐต้องตะโกนด้วยภาษาแบบกิฟฟารีน (นึกออกใช่มะ) ประมาณว่า "คุณเคยมั้ยเมฆ.. เคยคิดถึงใครจะไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้... เมฆ ผมคิดถึงคุณ!!!!!!!" บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ

และระหว่างช่วงนั้น(อีกนั่นแหละ) หนังก็จะตัดสลับเล่าถึงชีวิตรันทดของคนติดเอดส์อย่างไอ้น้องหมอกของพี่เมฆ ผู้ซึ่งแค้นเคืองต่อโลกใบนี้ที่ทำกับคนติดเอดส์เหมือนหมูเหมือนหมา ไปซื้อผัดไทยก็โดนตะโกนด่าขว้างของใส่ แม้แต่คนขายยังไม่กล้าแตะเงินที่เอาไปให้ แถมยังโดนจิ๊กโก๋เรียกไปรุมตื้บๆๆๆ เพียงเพราะว่าเป็นเอดส์ (โอ้ว... นี่ตูดูหนังที่ย้อนยุคไปสมัย 2530 กว่าๆ รึไงเนี่ย?) พร้อมกับความรันทดของแม่ที่สุขภาพเจ๊งบ๊ง ไอ้น้องหมอกก็เลยออกไปขายตัว(ที่วังสราญรมย์-เพื่อนผมบอก) เพื่อแพร่เชื้อเอดส์ให้กับพวกที่ชอบเที่ยว (ทั้งๆที่ก็ไอค่อกๆแค่กๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าขายออกได้ยังไง สภาพโทรมแบบนี้) และเพื่อหาเงินมาซื้อปลากัดเลี้ยงเล่น เวลาโกรธก็ปัดโหลปลากัดตกแตก (คาดว่าระหว่างการถ่ายทำจะมีปลากัดตายประมาณ 30 ตัว)

พี่เมฆผู้แสนดีก็เลยเอามอเตอร์ไซค์ไปขายหาเงิน แล้วจะพาน้องกับแม่ไปอยู่แม่ฮ่องสอน เมื่อกลับมาถึงบ้าน เปิดประตูบ้าน (ระหว่างนี้ขอให้นึกสภาพซอยมืดๆ ที่ไม่มีเสาไฟฟ้าแม้แต่ต้นเดียวตลอดทั้งซอยยาวประมาณสามกิโลเมตร และแสงสว่างจะเกิดขึ้นเมื่อมีแสงออกมาจากในบ้านเท่านั้น และเวลานั้นคือเวลาดึกมาก บ้านอื่นเค้านอนกันหมดแล้ว ทั้งซอยมีแสงสว่างแค่บริเวณหน้าบ้านไอ้เมฆเท่านั้น) ไอ้คุณอิฐที่มาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดก็โผล่ออกมาตะโกนเรียกเมฆซะลั่นซอย แล้วก็ตามมาด้วยประโยคเด็ด "คุณอย่าทำกับผมแบบนี้อีกเลยนะ เมฆ... ผมคิดถึงคุณ"

ฉับพลันทันที มันทั้งคู่ก็ประกบปากกันแบบไม่อายฟ้าดิน และฝนก็ตกลงมาทันที (ทำไม???????) ก่อนจะลงไปเกลือกกลิ้งดูดปากนัวเนียกันอยู่หน้าบ้านไอ้เมฆ... ที่เดียวในซอยยาวสามกิโลเมตรที่มีแสงสว่าง....

ฉากนี้แท้จริงแล้ว ได้แรงบันดาลใจมาจาก Brokeback Mountain อย่างรุนแรง ถ้าใครดูคงจำฉากที่แจ็คกับเอนนิสเจอกันครั้งแรกในรอบสี่ปีที่บ้านเอนนิสได้ ทั้งคู่ลากกันเข้าไปดูดปากกันที่ซอยเล็กๆข้างบ้าน แต่เมียก็ดันบังเอิญไปเห็นผัวจูบกับผู้ชาย ใน "เพื่อน กูรักมึงว่ะ" ทำให้ไฮโซไปกว่านั้น เพราะเกย์สองตัวนี้ไม่เหลือยางอายใดๆทั้งสิ้น ที่อื่นมืดๆมีกูไม่สนใจ กูจะดูดปากนอนกอดกันให้คนทั้งกรุงเทพเห็น!!!!

แน่นอน แม่ผู้ชีวิตแสนรันทดก็ยื่นหน้าออกมาเห็นลูกตัวเองจูบกับผู้ชาย ไอ้น้องหมอกก็เห็นพี่จูบกับผู้ชาย สองคนนี้หน้าตาตื่นตระหนกมาก แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับ อีคุณทราย ที่ขับรถตามมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วก็มาเห็นว่าที่ผัวทางนิตินัยของตัวเองจูบปากกับผู้ชายคนอื่นท่ามกลางแสงสว่างที่เดียวในซอยยาวสามกิโลเมตร...

ยังดีที่พระเอกนายเอกของเรายังมียางอายเหลืออยู่นิดนึง มันเลยยังไม่สะบึมกันกลางซอย (เหมือนพระนางในเรื่อง "ชู้" ที่เอากันในตรอกเล็กๆในตลาด) ไอ้เมฆก็ถอนปากถอนตัว แล้วเดินเข้าไปในบ้านไปหาแม่ที่กำลังช็อกอยู่แล้วบอกแม่ว่าจะพาไปแม่ฮ่องสอนแล้วนะ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าไปคุยกับไอ้คุณน้องหมอก

ระหว่างนั้น แม่นางทรายก็กำลังช็อกกับภาพว่าที่ผัวทางนิตินัยไปด๊วบปากกับผู้ชาย แม่นางทรายก็เลยควักปืนออกมาจากในรถ เปิดหน้าต่าง แล้วยิงออกไปหนึ่งนัดแบบมั่วๆ ก่อนจะขับรถกลับบ้านไปโดยสวัสดิภาพ - -"

พอไอ้เมฆขึ้นดาดฟ้าไป ก็เกิดเคสสิครับทีนี้ ไอ้คุณน้องหมอกดันเกิดอาการรับไม่ได้ ประมาณว่าอ๋อที่แท้พี่แม่งไม่กลับบ้านเพราะมัวแต่ไปกกผู้ชาย บลาๆๆ แล้วยิ่งโดนพี่ด่าว่า "เอาเงินที่ไหนไปซื้อปลามาเล่นเยอะแยะ" ก็เลยวีนๆๆๆใส่พี่ชายประมาณว่า เคยเห็นแม่กับผมอยู่ในสายตามั่งมั้ย เคยใส่ใจครอบครัวจริงๆรึเปล่า ก่อนจะจบท้ายอย่างคลาสสิกว่า "อ๋ออ.. ผมไปขายตัวมา"

และแม่ผู้เป็นเอดส์ของบ้านนี้ก็ดันหูดีผิดคาด ลูกมันคุยกันอยู่บนดาดฟ้ายังเสือกได้ยิน แม่ก็เกิดอาการรันทดอดสู รู้สึกชีวิตอัปยศ และตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่า โอ้ว กูผูกคอตายดีกว่า แม่ก็เลยผูกผ้ากับขื่อและเอาคอไปคล้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเตะเก้าอี้เสียงดังๆ ให้ลูกสองคนที่เถียงกันอยู่บนดาดฟ้าได้ยินอย่างถนัดชัดเจน จะได้ลงมาช่วยได้ทันท่วงที (- -*)

ลูกสองคนวิ่งลงมา (อ่อ.. ระหว่างนี้ไอ้อิฐก็ทำตัวเป็นผี แอบเดินเข้าบ้านมาฟังปัญหาครอบครัวคนอื่นเขาด้วย พอแม่ผูกคอตาย มันก็รีบเดินหนีกลับบ้าน ยังกะกลัวโดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร 55555) แล้วก็มัวแต่กอดร่างแม่อยู่เป็นนานสองนาน ชวนให้คิดเหลือเกินว่ามึงก็พาแม่มึงไปโรงบาลสิสาด เมื่อเวลาผ่านไป เมฆกับหมอกถึงเริ่มคิดได้ว่าควรจะพาแม่ไปโรงบาล

และแล้วความชิบหายก็เกิดขึ้น เมื่อมือปืนที่หายไปตั้งแต่ก่อนพระเอกนายเอกจะได้เสียกันอยู่ดีดีก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากไหนไม่รู้ ก่อนที่จะยกปืนขึ้นมายิงหนึ่งนัด ซึ่งเป้าหมายควรเป็นไอ้เมฆ

แต่ไอ้มือปืนสถุลนี่เสือกยิงไปโดนแม่มันตาย 5555555555555555555555
ยิ่งไปกว่านั้น รู้ตัวว่ายิงพลาดก็ไม่ยิงแก้ ขับรถกลับไปเลย

ชีวิตแม่งรันโท้ดดดดดดด รันทด แสนจะหดหู่ กูล่ะกลุ้ม

ระหว่างนั้นไอ้คุณอิฐก็กลับไปบ้าน ยัยทรายก็นั่งช้ำใจร้องไห้อยู่หน้าทีวี เปิดวิดีโอที่ถ่ายในวันลองชุดแต่งงานมาดูไปช้ำใจไป เพราะทุกคนในนั้นรู้เห็นเป็นใจกันหมด โดยในวิดีโอนั้นแสดงให้เราเห็นว่าไอ้อิฐมันเป็นเกย์แต่กำเนิด ขนาดวันที่ไปลองชุดแต่งงานกัน มันยังอุตส่าห์หนีบเพื่อนนายร้อยไปเป็นเพื่อน แถมนั่งจับมือกันเกือบตลอดเวลา และกล้องก็ซูมที่มือแบบชัดมาก (เอ่อ... คือมึงไปถ่ายวิดีโอลองชุดแต่งงาน แล้วเสือกไปซูมผู้ชายจับมือกันเนี่ยนะ คงจะดูดีสาดๆ ถ้าเอาไปเปิดในวันแต่งงาน สาดดดดดด)

ทรายดูวิดีโอช้ำใจจนสาแก่ใจแล้ว ก็หันกลับมาหาไอ้อิฐที่ทำหน้างงๆ พร้อมกับประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิก

"อิฐ... นาฬิกาของเราคงเดินไม่ตรงกันแล้วล่ะ"

แล้วก็เดินออกจากบ้านไปทันที เอวัง... (อะไรของมันเนี่ย - -*)


หลังจากที่เผาศพแม่เรียบร้อยแล้ว ไอ้คุณเมฆก็คิดขึ้นมาได้ว่าที่ชีวิตกูต้องรันทดหดหู่เยี่ยงนี้ เป็นเพราะมือปืนของไอ้บอสแท้ๆ (555+) ก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ (ไหนว่าขายไปแล้ว???) ไปยิงไอ้ท่านที่กลางสี่แยก (เอ่อ... แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่าไอ้ท่านนั่งรถคันไหน???) เสร็จแล้วก็ไปที่บ้านไอ้บอส ยิงลูกน้องยิงตายห่าทุกคน ยิงไอ้บอสตาย ทิ้งไว้แค่เมียบอส เพราะเมียบอสเป็นคนดี (555555)

ระหว่างนั้น ไอ้น้องหมอกก็นั่งรออยู่ที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่หัวลำโพง (โปรดนึกภาพสถานีรถไฟต่างจังหวัด ที่มีชานชาลาโล่งๆ มีแต่เสา แล้วก็มีรางอยู่สองข้าง) ก็เกิดกระวนกระวายใจที่พี่ชายไม่มาซะที ก็เลยโทรหาพี่อิฐ ถามว่าพี่เมฆอยู่ไหน ไอ้คุณอิฐก็เกิดพุทธิปัญญา คิดได้ทันทีว่าผัวตัวเองต้องไปล้างแค้นไอ้บอสแน่ๆ เลยโทรถามเพื่อนว่าบ้านไอ้บอสนี่อยู่ไหน แล้วก็รีบขับรถตามไป แต่ก็ไม่ทันเสือปืนไวอย่างไอ้เมฆ ไปถึงปุ๊บคนก็ตายห่ากันหมดแล้ว แล้วก็ถึงคราวซวยเมื่อไอ้อิฐเดินไปถึงห้องนอนบอส เมียบอสก็หยิบปืนขึ้นมายิงไอ้อิฐ.....

ภาพตัดไปที่ไอ้อิฐขี่มอเตอร์ไซค์อยู่บนทางด่วน(????) พลางกระหยิ่มยิ้มย่องที่ฆ่าคนของบอสเกือบหมดบ้าน ภาพสโลว์โมชั่นเพื่อโชว์การถ่ายภาพขั้นเทพของคุณทิวาอีกแล้ว (เอ่อ... ได้ข่าวว่ามึงต้องรีบไปขึ้นรถไฟ)

เมื่อไปถึงสถานีรถไฟ ภาพสโลว์โมชั่นรีดอารมณ์ดราม่าสุดๆ (ได้โปรดเรียก memory ผังสถานีรถไฟต่างจังหวัด ที่ไม่ใช่หัวลำโพงกลับมาโดยด่วน) ไอ้เมฆเดินเข้าไปหาน้องหมอก ด้วยอารมณ์ว่าพี่หมดห่วงแล้วน้องเอ๋ย ไปอยู่แม่ฮ่องสอนกับพี่เถอะ จะตายก็ไปตายกลางธรรมชาติ ไอ้เมฆค่อยๆเดินยิ้มเข้าไปหาน้อง แต่เมื่อภาพตัดกลับไป ไอ้หมอกดันทรุดแล้วทำหน้าจะเป็นจะตาย ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นน้า...

ภาพตัดกลับไปที่ไอ้เมฆอีกครั้ง ปรากฏร่างของตำรวจไทยโผล่ออกมาจากหลังเสาชานชาลา (!!!!!!!!) และไม่ได้โผล่มาแค่ 1-2 คน แต่โผล่มา 7-8 คน (!#@!#!@#?????) ออกมารุมจับไอ้เมฆเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โอ้ว.. ตำรวจไทยนี่เก่งจริงๆ...

จบแล้ว... ปรบมือด้วยครับ



















ใครบอก... ถูกหลอกแล้ว 555555555

หลังจากที่ไอ้เมฆเข้าคุกซักพักนึง ก็มีคนมาเยี่ยม ปรากฏร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมแว่นดำ ถือไม้เท้า.. ใช่ครับ เขาตาบอด (ต๊าย เดอะคลาสสิก ชัดๆ) และคนคนนั้นคือ "ไอ้อิฐ"

สงสัยล่ะสิทำไมมันไม่ตาย ภาพ flashback เฉลยให้เรารู้ว่า จริงๆอีป้าเมียบอสนั่นน่ะยิงปืนห่วยชิบหาย ยิงไม่โดนไอ้อิฐหรอก แต่ยิงไปโดนนาฬิกาข้างๆไอ้อิฐ แล้วเศษกระจกก็กระเด็นเข้าตา ตาก็เลยบอด (สาดดดดดดดด)

ก็มาเยี่ยม แล้วก็มีไดอะล็อกเน่าๆประมาณว่า คุณยังรักผมอยู่มั้ยครับ ผมจะรอคุณนะเมฆ ฯลฯ แล้วจากนั้นหนังก็มีภาพที่ไอ้อิฐวนเวียนไปดูแลน้องหมอกที่เอดส์กำลังกำเริบสุดฤทธิ์ที่วัดพระบาทน้ำพุ วนเวียนเทคแคร์ดูแลอย่างดี (จนหลายคนสงสัยว่าถ้าไอ้หมอกไม่เป็นเอดส์ คงเสร็จไอ้อิฐไปแล้ว) จนกระทั่งวันหนึ่งไอ้คุณน้องหมอกก็ตายจากไป ไอ้อิฐก็มีหน้าที่เอาจดหมายสั่งลาไปส่งให้ในคุก เศร้าโอ้ละเห่กันไป

จบแล้ว....

















ยัง 555555555

กาลเวลาผันผ่านไปถึงปีพุทธศักราช 2575 ไอ้คุณเมฆก็พ้นโทษ โอ้ววว... ในที่สุดคู่รักชราวัยดึกก็จะได้อยู่ด้วยกันเสียที อิฐกางร่มออกมารอรับเมฆ (ยังตาบอดเหมือนเดิม) ทั้งคู่เดินเคียงคู่กันจากหน้าประตูคุก อยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน เกาะแขนกันกะหนุงกะหนิง ระหว่างนั้นไอ้คุณอิฐก็พยายามเค้นให้ไอ้เมฆพูดคำว่า "รัก" ออกมาให้ได้ เพราะชาตินี้ไม่เคยได้ยินเลย ไอ้เมฆก็อ้อมๆค้อมๆ ประมาณว่า ผมจะเป็นตาให้คุณเอง บลาๆๆๆ

ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยความสุข ถ้าหากพจน์ อานนท์ ไม่เกิดอารมณ์อินดี้อยากเลียนแบบตอนจบ The Banquet

ใช่ครับ อยู่ดีดีก็มีกระสุนปริศนาจากไหนก็ไม่รู้ ยิงไอ้เมฆล้มลงไปนอนตาย อิฐก็กำลังพยายามจะฟังคำรักจากปากผัวตัวเอง แต่ก็ไม่สมหวัง ผัวตัวเองอยู่ดีดีก็หายไป (ลืมบอก ปืนมันติดไซเลนเซอร์ เลยไม่ได้ยิน) กล้องก็ค่อยๆถอยออกมา อิฐก็ค่อยๆคลำหาผัวตัวเองที่พื้นอย่างเศร้าโศก เป็นตอนจบที่อนาถจิตสิ้นดี... ท่ามกลางสายฝนหน้ากำแพงคุก เอวัง...

ก่อนที่ภาพจะตัดมาให้เห็นไอ้อิฐไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ น่าจะเป็นเกาหลีไม่ก็ญี่ปุ่น เพราะมันมีศาลายอดมนๆ แบบเอเชียตะวันออก แถมยังมีหิมะตกอีกต่างหาก พร้อมกับนั่งดูคลิปมือถือที่ไอ้เมฆอัดไว้ตั้งแต่สมัยยังผมยาวหนวดดกเมื่อ 25 ปีก่อน ถึงจะมองไม่เห็นแต่ได้ยินคลิป (ที่เอามาจากไหนไม่รู้ แถมมือถือยังทนทายาด) ก็เป็นสุขใจแล้ว ที่เราใจตรงกัน หลั่นล้า~~

จบซะที!!!!!!!


Create Date : 01 ตุลาคม 2550
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 2:30:47 น. 60 comments
Counter : 4941 Pageviews.

 
555 ฮาดีคับ


โดย: KITAMURA IP: 125.25.55.72 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:2:51:15 น.  

 
บรรยายได้ถึงอารมณ์มากแก

ชั้นฮาทุกฉาก ฮาไม่ไหวแล้ว

ส่วนจดหมายสั่งลาของหมอกเนี้ย เราว่านะแม่ม...มันคงเคียดแค้นพี่มันอะ มันเขียนว่าพี่ซะเละเลย ว่าโชคชะตาตัวเอง ว่านู้นว่านี่ บลาบลาบลา ไม่ซึ้งเลยยยยยยย

แล้วอิอิฐเนี้ย ผัโดนยิงล้มลงไป มันไม่ได้ยินเสียงปืน เดาว่าเพราะฝนตกหนัก แต่แทนที่มันจะใช้ไม้เท้านำทางมันเขี่ยๆ หาอิฐ (จากการสังเกตุของกูจากคนตาบอดจริงๆอะนะ เวลาเค้าเขี่ยหาของข้างหน้าเค้าก็ใช้ไม่เท้าเขี่ยเอาแหล่ะ) แต่อิอิฐ เสือกก้มลงคว้านหาทั่วพื้นทันที แหม่...เรานึกว่าอิอิฐมันหาเศษเหรียญเลยนะเนี้ย ฮาฮา

ส่วนตอนจบก็ มือถือทนทายาด ใครรู้ว่ารุ่นไหนบอกเราด้วย จะไปซื้อมาใช้มั้ง ฮาฮา

ปล. วันนี้ไปดูอั้มเล่นเป็นผีปาท่องโก๋มา คนแต่งหน้ากรีดอายไลเนอะ ดูไม่ค่อยธรรมชาติเลยอะ น้องโฟกัสก็แต่งหน้าให้หนามาก จนชั้นคิดว่าเป็นเด็กมอปลายเลย มึงจะแต่งหน้าเข้มไปถึงหนายยยยยยยย สาดดดดดดดดด (ด้วยคน)

ปล.สอง เข้ามาอ่านบล็อคงวดนี้ เปียกเลย เพราะแกสาดดดดดดดดดดดดด เยอะมาก สาดดดดดดดด จนเปียก


โดย: cheatoneself IP: 125.24.68.176 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:3:02:27 น.  

 

โอ๊ย ฮา ไม่ไหวแล้ว ขำมาก

ช่วยเพิ่มความขำแบบอินเตอร์

04. เพื่อน กูรักมึงว่ะ (2007, พจน์ อานนท์, B+)

Actually, this film did well as we think of Poj Arnon’s previous works. The tagline on the poster which said “Bangkok Love Story is the best film of Poj Arnon” is just not a propaganda but It is the truthful advertisement but has sarcastic agenda in itself.

The cinematography is extremely beautiful; I undeniably give a big applause to Tiwa Metaisong (Sorry for misspelling). The funny question is why he didn’t use these stylish pictures in The Sisters (ผีช่องแอร์).

Besides the tremendously unnatural conversation, Bangkok Love Story also has a unique humor which is unintentional, accidental and awkward. For example, I have a set of non-sense questions like these…

1) The abduction scene: Why Cloud (Mek) has to do such a big thing like that? Will the panic crowd support the stylish movement in this scene?

2) The rooftop scene: Where the hell is the wooden tank come from?

3) Stone (It) went to his home wearing only his underwear, why the police didn’t arrest him for obscenity in public?

4) The ending: Where is Stone? Why it has a snow-falling? Does he move to South Korea? Or the director has an inspiration from the ending of Spring Snow (2005, Isao Yukisada)

From no.4, I think it may a hidden agenda from the film. The director has predicted that Bangkok in 2032 A.D. will have a snow because global warming. Oh! Such a brilliant warning sign! (Well, he might be inspired by An Inconvenient Truth)

If I’m not wrong, Bangkok Love Story is “a tribute” for many films, especially Happy Together (1997, Wong Kar Wai) and The Classic (2003, Kwak Jae-Young)



โดย: merveillesxx วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:3:08:51 น.  

 
แวะมาอ่านแล้วครับ ฮาๆดี ขำๆบ้างบางช่วง
อารมณ์เดียวกับตอนอ่านกระทู้สปอยของคุณแมลงปีศาจ เหมือนเล่าหนังมากกว่าชำแหละหนังนะ .... ไม่รูสิ ส่วนตัวแล้วผมว่า ฉากจูบกันหน้าบ้าน ที่ใครๆว่าลอกโบรคแบรคมา ผมกลับรู้สึกอินนะ ผมว่าอารมณ์มันได้อ่ะ ฉากนั้นจูบไม่น่าเกลียด คนมันห่วงหากัน สถานที่แบบนั้นเขาไม่สนใจหรอกครับ หลายฉากในหนังเรื่องนี้ผมว่ามันก็ไม่เข้าท่าจริงๆแหละ และก็ขำไปกันหลายๆฉาก แต่โดยรวมผมว่าภาษาหนังเขาทำได้ และผมก็อินไปกับเรื่องราวอยู่นะ ยังยืนว่าหนังอยู่ในระดับ B+ ครับ ดูเพลินๆ แอบซึ้งหลายช่วง อาจจะเพราะหนังมันเข้าแนวผมมั้งครับ


โดย: joblovenuk วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:3:29:02 น.  

 
เรียนจบไปเขียนบทซิทคอมดีไม๊


โดย: ฝ้าย IP: 222.123.175.121 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:3:47:24 น.  

 
^
^
^
มีคนเสนองานด้วยวุ้ย!!!!!555

ยำถั่วดำ จานนี้ เผ็ดร้อนจริงๆ
แต่แหมกว่าจะหมดจาน ก็เล่นไปหลายซดเชียวนะครับ...หุๆ

ฮาซี๊ดดดด ทีเดียวเชียว


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:6:25:39 น.  

 
รีวิวอันนี้ฮามาก ไม่ไหวแล้ว...
แต่ชอบเรื่องนี้ ถ่ายภาพสุดยอดจริงๆ
ถ้าได้บทดีกว่านี้ คงแจ่มแหละ

ฉากจูบหน้าบ้านเราว่าแอกติ้งฮาดี แบบหันมาแล้วอ้าปากรอ -*- คือจูบกันเนี่ย...มันไม่ได้ต้องอ้าปากรอไม่ใช่เหรอ(จากประสบการณ์ที่ผ่านมาฮ่ะๆๆๆ)

แต่ไม่คิดกันบ้างเหรอว่านี่อาจจะเป็นพัฒนาการของพจน์ก็ได้นา...
แบบ ตอนสิบแปดฝนเป็นพีคช่วงแรก แล้วตกมาเรื่อยๆ จน หอแต๋วแตก นี่เป็นจุดต่ำสุด แล้วตอนนี้ค่อยๆ ไต่กลับขึ้นมา
(หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้จริงๆ นะ ฮ่ะๆๆๆ)



โดย: psycho patch วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:7:36:07 น.  

 
Stone!! Stoneeeee!!!!!!!) 55555555555 are u serious????? lol


โดย: Mudblood Lady No.7 @ Daigon วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:7:40:27 น.  

 
อ่านบล๊อคของมืงนี่สะใจหว่ะ เขียนได้โครตฮา



แต่แอบฮากึ่งสยองนะเนี่ย - -


โดย: S e m a k u t e k ! IP: 124.120.109.41 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:15:49:13 น.  

 
ฮาดี
วิจารณ์ตรงดีว่ะ


โดย: ปีter IP: 203.131.212.16 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:16:03:00 น.  

 
+ กร๊ากกก 555 โอยยย ... ขำขี้แตกขึ้แตนอ่ะครับ ตี้บรรยายซะ พี่แทบเห็นภาพตามได้เป้นฉากๆ เลยอ่า ... นี่แหละน้อ "หนังรักที่ดีที่สุดของพจน์ อานนท์" สุดฝีมือเธอก็คงประมาณนี้แหละ (เพราะก่อนหน้านี้ก็ ... เอ่อ ) ... เป็นบทรีวิวคลายเครียดจากการทำงานได้ชะงัดเจงๆ เลยอ่ะครับ นี่พี่แทบจะหลุดหัวเราะจนคนแถวๆ โต๊ะ คงชักเริ่มสงสัยว่ามันอ่านขายหัวเราะออนไลน์อยู่เหรอไงวะเนี่ย เอิ๊กๆ
+ สงสัยคุณพจนี คงจะเข็ดทำหนังเมโลดราม่าจริงจัง (รึเปล่า?) ไปอีกนาน เพราะเรื่องถัดไปก็ได้ข่าวว่าออกแนวต๊อง ปญอ. ประมาณเดิมนี่นาครับ ... แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าเธอยังอุตส่าห์ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงที่ทำหนังประมาณนี้ออกมาได้ซักเรื่องนึงนะเนี่ย อย่างน้อยก็ได้โชว์หลายฉากที่เธอน่าจะเคยจิ้นไว้ในหัวว่าจะเอาฉากแบบนี้ไปยัดใส่ในหนังเรื่องไหนของเธอดี มาใส่เอาไว้ในเรื่องนี้ได้ง่ะ
+ อู๊ยยยย ... ยิ่งอ่านยิ่งขำ ไม่ไหวแล้น ไปทำงานต่อแระ ... เด๋วเครียดๆ เซ็งๆ จะเข้ามาอ่านเอาฮาใหม่กั๊บ 555


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:16:12:32 น.  

 
เกลียดหนังฝรั่งแปลผิด
และเกลียดหนังไทยsub ห่วย
แค่นี้แหละ
แบระ


โดย: bluebella IP: 124.121.242.45 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:18:45:54 น.  

 
rotflmao

รีวิว ฮาสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


โดย: iaiapprentice IP: 59.141.98.178 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:19:16:16 น.  

 
ตลก ระดับ A+++++ จริงๆด้วยสิ


แต่ถ้าไปดูเอง คงตลกไม่ออก -..-"


โดย: >>..JoY~*..<< IP: 58.8.203.130 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:19:49:20 น.  

 
นี่กูฟังมึงเล่าแล้ว ยังต้องมาอ่านสปอยในบลอกมึงอีก เป็นหนังที่ดอกมากจิงๆ ดีละที่กูไม่ดู
วันนี้ไปดูบอดี้มา ได้เหนตูดเป้กุก้อพอใจละ
แล้วมันเกี่ยวไรกะยาพิษบอดี้แสลม กะบอดี้ศพ19วะ อึ้งสาดดด


โดย: pe'maid IP: 203.113.37.7 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:10:50 น.  

 
ฮา หวะ .... หนัง ตลก ดีๆ อย่างนี้ ต้องไปดู มั้ง ซะ แล้ววว
...
จิงๆ ตอนแรกๆ เห็น ชื่อ พจน์ อานนท์ ก็ แบบ รุ้แล้ว แหละ ว่า หนัง มัน ต้องกลายมาเป็นนี้ ...
...
เจริญ จิงๆ อุตสาหกรรม หนังไทย ...
ps ... จบ เลว มาก ....


โดย: Hammer IP: 202.57.178.7 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:32:34 น.  

 
มาแล้วๆ...สอบเสร็จแล้ว คราวนี้กุจะเม้นท์ยาวๆ(ตามสันดานล่ะนะ)...และนี่จะเป็นครั้งแรกที่กูเม้นท์บล็อกมึงที่เกี่ยวกับเรื่องหนังแบบยาวๆ

มึงได้แต่ สาดดดด สาดดดด สาดดดดดดดดดดด สาดอยู่ได้อ่ะมึง

แต่มึงเขียนฮาดีว่ะ กูไม่ได้ดูกูก็ยังเข้าใจแบบเห็นภาพทุกฉากทุกตอน...ฮาสาดดดด

เด๋วนี้หนังชอบทำแบบ "ยัง ยัง ยังนะ หนังยังไม่จบ มึงเป็นคนดูอย่าพึ่งใจร้อนออกจากโรง นั่งทนดูกูให้จบ"...กูเห็นเป็นแบบนี้หลายเรื่องละ

เออ กูพึ่งเช่า300มาดูอ่ะมึง เชื่อม่ะกูดูแล้วง่วงว่ะ...แอบรู้สึกว่าไม่สนุก...แถมมาเจอเซ็นเซอร์นมผู้หญิงอีก...โอ๊ย...ขัดใจเจ้

ไปล่ะๆ...ไปดูยูยู้ยูของกูดีกว่า...ถึงแม้จะไม่มีสาระแต่ดูแล้วมีความสุข ไม่ต้องมานั่งบ่นแบบมึง...Coffee Princeจ๋า อิหมึกมาแล้ว...ยูสุดที่ร้ากกกกกจ๋า อิหมึกมาแล้ว 555+


โดย: squidy ying IP: 210.86.215.170 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:42:38 น.  

 


โดย: Qchilchil วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:59:58 น.  

 
เออวะ หนังตลกจริงด้วย


โดย: runtboy IP: 58.137.65.10 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:21:38:47 น.  

 
อ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง
พี่ไปขำเพลง หนักแผ่นดิน
ข้างๆ มากกว่าอ่ะ


โดย: grappa IP: 58.9.224.77 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:21:41:25 น.  

 
พี่ตี้..
อยากดูสตาร์ ดัสอ่ะ
แต่ตอนนี้เป็นโรคทรัพย์จางอ่ะ...
เซ็ง

พี่ตี้เลี้ยงหน่อยดิ.. =_,=


โดย: " zyerE " IP: 124.121.232.24 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:21:52:00 น.  

 
หนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่ขำมาก ไปดูกับเพื่อนหัวเราะซะคนในโรงหันมามองหน้าเลย


โดย: เข็มขัดสั้น IP: 124.120.234.224 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:22:56:44 น.  

 
กูเลยดูไม่ลงอ่านของมึงแล้วฮาดี

stone จิงๆเหรอสงสารฝรั่งหว่ะ
เฮ้อไม่ทับศัพท์ไปว่ะหรือใช้โปรแกรมแปล

ทำไมเนื้อเรื่องดูไม่มีจุดมุ่งหมายว่ะ(นอกจากเอากัน)


โดย: พูม IP: 58.9.159.94 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:23:10:36 น.  

 
จริง ๆ แล้วชีทำหนังตลก


โดย: นส IP: 58.8.61.15 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:0:07:00 น.  

 
แค่ไตเติ้ลในโรง ทุกคนก้อฮืออออออกันหมดแล้วนะ
ถ้าดูเต็มๆแล้ว...ขนาดหนาย ว่าแล้วก้ออยากดูอ่า 5555+
เฮีบบรรยายแบบ...นะ ว๊ากกกกกกก


สอบเสดแล้ว ไปเที่ยวกาน ^^//


โดย: YAi-nuPooh* IP: 203.113.51.132 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:0:38:16 น.  

 
@_@ อ่านจนจบ


โดย: pattapon IP: 202.44.8.100 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:1:13:58 น.  

 
เปียกเลย


โดย: amoderndog (amoderndog ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:1:24:34 น.  

 
ปรบมือให้เจ้าของบล็อกดีกว่า
ยาวและฮาดี

ส่วนเรื่องหนังอ่ะภายสวยดี
แต่ไม่มีใครกล้าไปดูกับหนูเลย
สงสัยคงจะแทงใจดำ หุหุ

แวะมาเยี่ยมนะพี่ตี้



โดย: pangz วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:11:44:50 น.  

 
โอ้ววววลืมแซวๆๆๆ

ในที่สุดก็ถอดผ้าปิดปากได้แล้ว

5555



โดย: pangz วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:11:48:59 น.  

 
กรูไปดูกับเพื่อนมา แม่งดูเสร็จรีบวิ่งออกจากโรงหนัง
กูก็ตกใจจะรีบไปไหนกัน
แม่งวิ่งออกไปนับจำนวนผู้ชายที่มากับผุ้ชายO_oหน้าโรง
มาเป็นคู่แบบนี้ กว่า 95% ของโรง สาด
ไอแมนมันบอกว่า เออพวกเมิงติดใจล่ะสิ
กลับบ้านๆผเห็นเตียงกับโต๊ะไม่ได้ ต้องเอามือเขย่าเล่น
เพลินดี เหอะๆ มันคิดได้เนะอ


โดย: yoo IP: 58.9.6.48 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:21:41:19 น.  

 
อื่ม

นั่งอยู่ข้างๆกัน

กุแดกฮอทดอกที่เอาไปด้วยเกือบไม่ลงแน่ะ !!


โดย: จั่น* IP: 58.8.80.208 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:0:16:27 น.  

 
ตี้คะ....
บลอควันนี้มึงฮาสาดเลยสินะ

อื้ม......อ่านแล้วขึ้นไปดูเทรลลเลอร์หนังที่บอกว่า
หนัง "รัก" ที่ดีที่สุดของพจน์ อานนท์ แล้วยิ่งฮา
หนังมั่วได้อีกอ่ะ....

มารีวิวหนังฮาๆให้กรุอ่านอีกนะแก


โดย: ตาล ณ เสือเหลือง IP: 125.25.91.35 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:0:30:52 น.  

 
เรื่องนี้ไม่เคยคิดจะดูเลยยหวะ
แมร่ง ชี้โพรงให้ผุ้ชายเป็นเกย์ชัดๆๆ
จะอ๊วกกกกกกกก
ไอ่ตี้ แกนี่เก็บรายละเอียดด ได้เยอะดีนะ
ฮาชิบหายยยยย


โดย: K-i_i-K IP: 203.113.35.7 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:1:01:03 น.  

 
อื่ม..ขาดประโยคนั้นอ่ะตี้...

"เมฆ คุณไม่ได้ใส่แหวนที่ผมให้ไปเหรอ?"
"ผมเก็บมันไว้ตรงนี้..เพราะมันอยู่ใกล้หัวใจผมมากที่สุด.."

อ่า..เขาว่ากันว่า..ฉากสุดท้ายนั่นน่าจะเป็นFlashbackล่ะ...เป็นฉากในอดีตที่ไอ้คุณอิฐแอบหนีไปเกาหลี(??)เมื่อไหร่ก็ไม่รู้น่ะ...+ +


สรุป..หนังเรื่องนี้มันคือ..กิฟฟารีน...


โดย: Pare IP: 58.8.167.42 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:4:58:52 น.  

 
ฮ่าๆๆๆ




สยองงงงง = =


โดย: w a n IP: 124.120.210.150 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:14:04:33 น.  

 
ด ......ด.....



โดนสปอย !!!!


/me ขึ้นขย่ม จขบ. ข้อหาสปอยไม่ให้สุ้มให้เสียง
(อ่านจนจบถึงเพิ่งรู้ว่าโดนสปอย กร๊ากกกก)


โดย: เชลลิ่ง IP: 161.200.255.162 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:20:27 น.  

 
55+ ขำดีอ่ะ...
ยังม่ายด้ายดูหนังซักกะเรื่อง มา หลายเดือนและ.....แล้ว ช่วยใช้ตังกรูซักที นะขอร้อง ...อิอิ


โดย: ~oh~of~TFC~ IP: 125.26.19.229 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:45:52 น.  

 
กร๊ากกก ชอบๆๆๆๆ ประหนึ่งว่าเราได้เข้าไปดูในโรงจิงๆ

เจอกานเว่ย โชคดี


โดย: NuPig IP: 125.24.28.108 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:59:44 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียน blog แกนานมาก

ไม่ต้องเสียตังค์เข้าไปดูในโรง...ดีๆๆ..

ฮ่าๆๆๆ....

ประทับใจ subtitile ที่สุดแล้วอ่ะ...555..

stoneeeeeeeeeee....


โดย: : : Queen of da mini world : : IP: 202.44.8.100 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:20:43:46 น.  

 
ใช้เวล่าอ่านบล๊อคของคุณนานมากนะครับ
ไม่เคยอ่านนานขนาดนี้มาก่อนเลย

โดยรวม นับว่า คุณเขียนได้สนุกดีนะครับ
กระผมชักอยากไปลองดูหนังเรื่องนี้สักทีตอนเครียดแล้วละ

ปล. พยายามเป็นสัตบุรุษสุดสุภาพ แบบอี เอ้ย ไอ้อิฐ.......
.......ทำไมไม่ชื่อภาษาอังกิดว่า brick วะ


โดย: 125 66 IP: 58.9.40.209 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:22:27:10 น.  

 
ที่งงคือ
ทำไมแม่งต้องแปลชื่อตัวละครด้วยวะ
ปกติกี่ร้อยเรื่องก็ไม่เคยเห็นแปล
ตลกหวะ

ถ้าตัวละครชื่อเว่อๆขึ้นมาอย่าง เพชร ก็ไม่เรียก diamondๆๆ กันตายเลยเรอะ


โดย: พระเจ้า** IP: 58.9.1.40 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:0:01:48 น.  

 
5555555555555555555555555
5555555555555555555555555
5555555555555555555555555
5555555555555555555555555
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่ไหวแล้วตี้ ฮาไปไหนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ดอกส้ม IP: 124.120.80.172 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:0:07:56 น.  

 
อืมมมม

มันเป็น"เพื่อน"กันตรงไหนวะ???

แก...โคตรคล้ายฟิกวายที่เคยอ่าน
พระเอกเป็นมือปืน นายเอกเป็นตำรวจ... เหอะๆๆ

โชคดีจริงๆที่ไม่ดู


โดย: Noir IP: 81.107.201.20 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:2:19:55 น.  

 
ชอบมากๆ ครับ

ฮาพอๆ กับเจ๊สี่เลยนะเนี่ย


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:3:57:47 น.  

 
55555

ฮาอ่ะ

ไอ้ตรง BTS สุรศักดิ์อ่ะ จิงๆ
เอิ้กกก

ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเมฆเปนนางเอก ทำไปได้


โดย: มุก IP: 125.25.92.173 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:19:51:41 น.  

 
บรรยายได้สุดตรีนเรยว่ะ เหนภาพเรย


โดย: B E E R IP: 161.200.255.162 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:1:44:26 น.  

 
หลังรักการอ่านรีวิวของพี่ตี้ไปแล้วอ่ะ
ขำแบบมาราธอนมากๆ

โว้ววววว
ไปดูมาอีกหลายๆ เรื่องนะ
Stardust ชอบมากๆ


โดย: ป๊าก IP: 69.26.104.98 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:3:13:31 น.  

 
รู้สึกดีมาก ที่ชอบหนังน่ะ
เคยเข้ามาอ่าน entry นี้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้เม้นท์ อยากจะบอกว่าเขียนได้สะใจ และตรงใจพี่มากๆ


โดย: ennisdelmar IP: 125.24.18.181 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:11:16:45 น.  

 
นี่....ไม่ขำด้วยนะจะบอกให้
กรูอยากร้องไห้.........
ฮือๆๆๆๆๆๆๆ เอาตังค์คืนมาๆๆๆๆๆๆ


นั่งถ่างตาดูให้จบๆกันไป
อดทนกับความงี่เง่า ไร้สาระ ไร้เหตุผลของมัน
เดินออกโรงมา แทบอยากกระทืบตั๋ว
ฮ่าๆๆๆ


อีซับไตเติ้ลก็ Stone Stone อยู่นั่นแหละ
ไม่มีใครไปสอนมันมั่งรึไงว่ามันแปลว่าหินไม่ใช่อิฐ

ที่รำคาญที่สุดก็คือไอ้อิฐเนี่ยแหละ
พูดจาสุภาพ เรียบร้อย คงเส้นคงวาไม่หวั่นแม้วันมามาก
พอดีกว่า ขี้เกียจบ่นแระ


โดย: Unravel วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:14:10:57 น.  

 
นี่ๆๆๆ ไม่ได้ก่นด่านะ
แต่ตอนนั้นก็อยากไปดูอยู่เหมือนกัน แต่พอไปดูแล้วมันเซ็งเลยไง


โดย: Unravel IP: 203.150.193.241 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:17:42:09 น.  

 
serina ไม่ปลื้มคะ


โดย: Mooji_Serina วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:17:21:32 น.  

 
ฮาโพดๆๆๆ

ตามมาฮาจากเฉลิมไทย


โดย: ยำยำรสหอยลายผัดฉ่า IP: 58.8.108.167 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:22:39:16 น.  

 
"ไอ้คุณอิฐก็เลยรีบวิ่งเข้าไปช่วยว่าที่สามีสุดที่รัก ด้วยการเอาไอ้ผ้าพันแผลของเมฆออกมารัดคอไอ้มือปืนตายห่าไป เป็นการร่วมมือร่วมใจที่สะเทือนอารมณ์โดยแท้ (ประชด)" Can you guys imagine if he use boxer insteed.....


โดย: Ange de Suisse IP: 62.202.72.116 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:14:19:12 น.  

 
กรูว่าหนังเรื่องดีทุกอย่างถ้าเปลี่ยนผู้กำกับและคนเขียนบท 55+


เพลงแม่มก็โคตรเพราะ
ภาพนี่ไม่ต้องพูดถึง

ขั้นเทพ


กรูเสียดายพี่เมฆของกรูที่ต้องมาตายแบบงี่เง่าขนาดนี้


เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการให้เกรดเป็นหนังตลก
ฮาจนน้ำตาเล็ด

ตอนกรูไปดูสาววายเต็มโรงอ่ะ
มีเสียงวี้ดวิ้วดังเป็นระยะ

สะใจดี 55+


โดย: myo IP: 161.200.255.162 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:14:48:22 น.  

 
ฮาแตก

ดูไปขำไป...แ_'งบ้า...


โดย: renton_renton วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:17:36:57 น.  

 
บรรยายได้ถึงอารมณ์มากเลยค่ะ

เหอๆๆๆ

แน่ใจนะว่าไม่ใช่หนังตลก


โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:50:07 น.  

 
อ่านแล้วฮา ขี้เล็ดเลยครับ


โดย: Onlineza วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:32:12 น.  

 

ตลกดี

ไอ้คุณพี่พจน์ อานนท์ คงนอนตายตา(ไม่)หลับแน่

แล้วอย่าลืมเขียนถึง เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ(พจน์ อานนท์) นะคับ

หนังบางเรื่องของผู้กำกับบางคน ก็สมควรแล้วที่จะต้องโดนแบบนี้...


โดย: น้องมอด IP: 58.9.18.73 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:23:30:15 น.  

 
หนังเรื่องนี้ อุบาทว์ค่ะ คือว่า มันไม่มีเหตุมีผลหลายจุด ตามมาดูแลคนที่จะฆ่าตัวเอง แถมอยุ่ด้วยอีกตะหาก แถมดูแลดีกว่าผู้หญิงอีก ดูแล้วรู้สึกเกินจริง เรื่องก็น้ำเน่ามาก มากๆ ถ้าเป็นเรื่องของชายกับหญิง ก็ประมาณผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แต่นี่สองชาย แล้วมันไม่ซึ้งอะ

ถ้าผู้กำกับเป็นชายแท้ๆ นะ ใครจะมาทำได้หนังแบบนี้ อีพจน์กระเทย แสดงธาตุแท้ และ ตัณหา ออกมาซะหมด บูดเวอร์ มันคงอินว่าตัวเองเป็นอิฐละซิ ควาย กระเทยอยากกินเด็ก


โดย: Toobtup IP: 68.43.224.170 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:11:04:46 น.  

 
ฮาได้ตลอดเว !


โดย: i*M IP: 202.28.62.245 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:54:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nanoguy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนในสังคมจารีตที่มีความคิดทางเวลาแบบไตรภูมิจะไม่ให้ความสำคัญแก่เวลาตามประสบการณ์ กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญแก่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริงของชีวิตและสังคมว่าดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร เชื่อในการคลี่คลายเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสังคมซึ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตามกฎแห่งเวลาของพุทธศาสนา

- อรรถจักร สัตยานุรักษ์
(จากบทความ "ความเปลี่ยนแปลงความคิดทางเวลาในสังคมไทย" วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง 4 ตุลาคม 2531)




Let this song rhyme our souls
when your voice and mine become one and whole.

Let it carry us high above
When we recite our poetry of love
that when there's love then there's hope.

Your love is my light,
and it'll get us through this lonely night.

- รักแห่งสยาม (ซับไตเติ้ลอังกฤษเพลง กันและกัน ท่อนฮุค)









Friends' blogs
[Add nanoguy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.