อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก (กิจกรรมยามว่างกับวันฝนพรำ)
ยามว่างกับวันฝนพรำ ช่วงนี้ฝนตกทุกวันโดยเฉพาะช่วงบ่ายถึงเย็น ต้นไม้ใบไม้ชูช่อเขียวขจีสดชื่นมองแล้วสบายตา แต่ฉันไม่ค่อยชอบนักเพราะฟ้าอึมครึมของฤดูฝนทำให้รู้สึกเหงาโดยไม่มีเหตุผล และที่สำคัญนอกเหนือจากความเหงาแล้ว สายฝนพรำมักทำให้ฉันเป็นไข้หวัดไม่ค่อยสบายอยู่ร่ำไป พอคิดว่าอยากจะเก็บภาพฝนพรำก็มัวแต่คิดช้าไม่ทันสักที เก็บได้แต่ภาพต้นไม้ฉ่ำน้ำหลังฝนที่พอจะไปวัดไปวากับเขาได้บ้าง บางทีเวลาพยายามทำอะไรอย่างตั้งใจบางครั้งฉันมักจะเกร็งและทำไม่ได้ดีอย่างที่คิด ที่สุดฉันก็หมดความพยายามที่จะรอถ่ายภาพฝนสวยๆ...กลับมาทำกิจกรรมโปรดที่ชอบ วันนี้ได้ดูข่าวเด็กหญิงสี่ขวบป่วยเป็นโรคลูคีเมียและจัดงานแต่งงานกับบุรุษพยาบาลที่เธอแอบชอบแล้ว ฉันก็นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงของหญิงสาวมัธยมที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมียและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ซีรีย์ที่มีกิมมิคเป็น ฝนถึงสามช่วงเวลา
Crying Out Love In The Center Of The World อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก ซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องราวของ ความรัก การจากลา และ One Moment in Time เปิดฉากมาที่พระเอกซากุทาโร่ ในวัย 34 ปี เป็นคุณหมอผู้คร่ำเคร่งกับงานหนักและอมทุกข์อยู่เสมอเขาได้รับจดหมายจากคุณครูสมัยมัธยมว่าโรงเรียนที่เคยเรียนกำลังจะถูกปรับปรุงใหม่อยากให้เขากลับไปเยี่ยมสักครั้ง หลังจากไม่ได้กลับไปนานเกือบยี่สิบปีนับตั้งแต่จากมา
ความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้งซากุทาโร่เดินสะเปะสะปะไปจนหมดสติท่ามกลางสายฝนกลางถนนผู้คนพลุกพล่านในคืนหนึ่ง เขาถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลวันต่อมาซากุทาโร่ตัดสินใจกลับบ้านเกิดพร้อมกับ เถ้ากระดูกในขวดแก้วที่มี อากิ อยู่ในนั้น ซากุทาโร่เลือกที่จะเก็บบางส่วนของคนรักไว้กับตัวเขาตลอดเวลาโดยไม่ได้โปรยเถ้าที่อูลูลู่จนหมดดั่งตั้งใจแต่แรก 17ปีแห่งความทรงจำวัยเยาว์ที่มีต่ออากิเป็น 17 ปีแห่งความทรมาน มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อยากเข้ามาเติมเต็มซากุทาโร่รู้ทุกอย่าง แต่เขาปฏิเสธไม่รับรู้ว่าหล่อนมีใจให้ เขากลับไปยังสถานที่ที่มีอากิอยู่ในทุกอณูของเรื่องราวและความทรงจำช่วงที่มีความสุขก็ย้อนกลับมาในห้วงคำนึง อากิเป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวคำอำลาในงานศพของครูซากุทาโร่ก้าวไปยืนเคียงข้างพร้อมร่มคันหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรฝนทำให้เปียกปอนไปด้วยกันทั้งคู่เป็นความประทับใจเล็กๆ ที่ก่อตัว ก่อนจะสานสัมพันธ์ผ่านเทปคาสเซ็ทและรายการวิทยุ เกิดเรื่องราวมากมาย จนถึงวันที่อากิป่วยด้วยโรคลูคีเมีย เป็น11 ตอนของซีรีย์ที่ชอบมาก อาจเพราะดูซีรีย์ก่อนจะได้มาอ่านนิยายและอาจเพราะเวลาที่มากกว่าเวอร์ชั่นหนังที่มีเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษ ทำให้ซึมซับความรู้สึกของเรื่องราวได้ดีกว่าและสุดท้ายซีรีย์ก็ทำให้ฉันยิ้มออก เมื่อซากุทาโร่เลือกที่จะปลดปล่อยเถ้ากระดูกที่เหลือของอากิในลานวิ่งที่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำเธอสามารถวิ่งได้อย่างเป็นอิสระเหมือนดั่งเถ้ากระดูกที่ล่องลอยไปกับสายลมและ ในที่สุดเขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับผู้หญิงคนใหม่... ซีรีย์โดดเด่นที่นักแสดงนำรุ่นเล็กแจ้งเกิดทั้ง ยามาดะ ทาคายูกิ และฮารุกะ อายาเสะ ให้โด่งดังและกวาดรางวัลมากมายจนเป็นคู่ขวัญและร่วมแสดงด้วยกันต่อใน Byakuyakou (พระอาทิตย์เที่ยงคืน) ซีรีย์แห่งความอึมครึมมืดมน ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากเรื่องนี้ด้วยทีมนักแสดงและทีมกำกับชุดเดียวกันทั้งหมด
Crying Out Love In The Center Of The World พร่ำหัวใจเพรียกหารักที่กลางโลก เวอร์ชั่นหนังจากเรื่องเดียวกัน ได้รับเสียงตอบรับและรางวัลมากมายเช่นกัน แต่ส่วนที่ไม่เหมือนกันคือตัวแสดงเวอร์ชั่นนี้โดดเด่นที่ซากุทาโร ในวัย 34 ได้นักแสดงดังอย่าง โอซาวะ ทาคาโอะ เจ้าของบทบาทสุดฮิตจากดร.จิน มาแสดงนำร่วมกับ โค ชิบาซากิ ที่รับบทคู่หมั้นของซากุทาโร่ (ที่ในหนังสือและซีรีย์ไม่มี) เธอเป็นบทที่เพิ่มมาอย่างดีงามตามท้องเรื่อง
โค ชิบาซากิ รับผิดชอบบท ริสสึโกะสาวขาพิการได้อย่างน่าสงสาร และเธอคือบทเฉลยของเรื่องราวทั้งหมดในเวอร์ชั่นหนัง นอกจากโค จะแสดงได้ดีแล้ว ยังร้องเพลงประกอบเวอร์ชั่นซีรีย์ของเรื่องเดียวกันจนได้รางวัลเพลงนำยอดเยี่ยมมาครอง และส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ อากิ ในเวอร์ชั่นหนังอย่าง นากาซาวะ มาซามิ ก็โดดเด่นมากและเป็นนักแสดงวัยรุ่นยอดนิยมในขณะนั้น บทที่แตกต่างจากทั้งหนังสือ และซีรีย์ เหมือนหนังคนละม้วนทำให้เวอร์ชั่นหนังกวาดทั้งเงินและรางวัลไปครองได้มากมายจากการตีความที่แตกต่าง แต่อิ่มในอีกรูปแบบหนึ่งได้เช่นกัน จนมีการซื้อลิขสิทธิ์นิยายไปสร้างเป็นเวอร์ชั่นหนังเกาหลี
My Girl & I รักสุดท้ายของนายเจี๋ยมเจี้ยม เวอร์ชั่นเกาหลีได้นักแสดงนำหญิงสุดโด่งดังในขณะนั้นอย่าง ซองเฮเคียว จากรักนี้ชั่วนิรันดร์ มาประกบกับ ชาแตฮุน พระเอกดังจาก My Sassy Girl ผลงานกำกับของผู้กำกับอินดี้ กวักแจยอง เจ้าของผลงานรางวัลมากมายจาก The Classic คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต เป็นเวอร์ชั่นที่ทำได้ใกล้เคียงบทประพันธ์มากที่สุด แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จและ นับว่าเป็นการแสดงหนังใหญ่เรื่องแรกของซองเฮเคียวที่ไม่ประสบความสำเร็จและไม่ทำให้หนังได้เงินเท่าที่ควร จะเห็นได้ว่าทั้งสามเวอร์ชั่นสร้างจากนวนิยายเล่มเดียวกัน แต่กลับมีแค่แก่นเรื่องที่คล้ายกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกันเลย ซึ่งนี่อาจเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของนวนิยายขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ยอดขายสูงถึง 4 ล้านเล่ม เรื่องนี้
อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก Sekai No Chushin De Ai Wo Sakebu By
Kyoichi Katayama คนบางคน พระเจ้าแค่ให้มาให้เจอกันแต่ไม่ได้ให้มาอยู่ด้วยกัน
ไม่ใช่ว่าทุกชีวิตที่เกิดมาจะพบกับรักแท้หรือได้อยู่กับคู่ของเราอย่างสุขสมหวังเสมอไป บางครั้งความรักอาจผ่านมาชั่วประเดี๋ยวเหมือนสายลมพัดผ่าน ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอ้างว้างและค่อยๆ รางเลือนไปเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาใครบางคนที่พอจะทดแทนความรู้สึกที่ขาดหายไป ทว่า...บางคนเมื่อคนรักจากไป เขาไม่อาจเริ่มต้นกับรักครั้งใหม่ได้อีกเลย คำนำจากนวนิยายอยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก วรรณกรรมละเมียดละไมแห่งรักของคนที่ได้มาพบกันในช่วงเวลาหนึ่งแล้วก่อกำเนิดรักแท้ที่สร้างความประทับใจเนิ่นนานให้ผู้อ่าน เปิดฉากมาที่ 4 เดือนหลังการจากไปของ อากิ หญิงสาววัย 17 ปี ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมียทำให้ซากุทาโร่ หรือ ซัคจัง คนรักเดินทางร่วมกับพ่อและแม่ของเธอเพื่อไปโปรยเถ้ากระดูกให้เธอยัง อูลูลู่ สถานที่แห่งหนึ่งในออสเตรเลียที่ว่ากันว่า ณ.ที่แห่งนี้คือ ใจกลางของโลก...สถานที่ที่อากิใฝ่ฝันอยากจะไปให้ได้สักครั้งและเธอก็ได้ไปจริงๆ กระดูกของอากิถูกโปรยให้ล่องลอยไปกับสายลมของขุนเขาสีแดงกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของอูลูลู่แต่ซัคจังแอบเก็บเถ้าของเธอใส่ไว้ในโหลแก้วเล็กๆ ไม่ได้โปรยออกไป และพกติดตัวตลอดเวลาเป็นเวลานานถึง17 ปี โดยที่พ่อแม่ของอากิก็ยังไม่รู้ หนังสือเล่าย้อนไปเริ่มตั้งแต่ทั้งคู่เจอกันเมื่อครั้งม.2 เป็นการเล่าเรื่องผ่านสรรพนามบุรุษที่ 1 คือ ซัคจังตลอดเรื่องราวดำเนินไปจากการเล่าในมุมมองของเขาที่มีต่อ อากิ ต่อความรักของเขา ต่อญาติพี่น้องโดยเฉพาะความรักของปู่ของซัคจังที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง เป็นเหมือนตัวอย่างความรักที่มั่นคงให้ซัคจังเห็น และเป็นต้นแบบของเขาในทุกๆเรื่อง การได้รู้จักกับอากิและใช้ไปรษณียบัตรสื่อสารเล่าเรื่องราวจริงบ้างแต่งบ้าง ผ่านรายการวิทยุเพื่อหวังของรางวัลเล็กน้อยสร้างความประทับใจให้แก่อากิ จนทั้งสองสนิทสนมกัน ก่อนที่เธอจะป่วย ด้วยโรค โลหิตจางเพราะระบบหมุนเวียนเลือดไม่ดี เธอไม่เคยรู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายแต่คนฉลาดอย่างอากิ ไม่นานก็รู้จนได้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร จากในหนังสือตอนหนึ่ง สื่อถึงความกลัวในจิตใจของทั้งสองได้แม้เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ
อากิเกิดวันที่ 17 ธันวาใช่ไหม ส่วนซัคจังก็เกิดวันที่ 24 ธันวา นี่ก็หมายความว่าตั้งแต่วินาทีที่ฉันลืมตาดูโลกใบนี้ ฉันก็มีอากิอยู่แล้วไม่เคยไม่มีเลยแม้แต่วินาทีเดียว หยั่งงั้นเหรอ โลกที่ฉันเกิดมา เป็นโลกที่มีอากิ สำหรับฉันแล้วฉันไม่เคยรู้จักโลกที่ไม่มีอากิ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าโลกแบบนั้นมีจริงหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถึงฉันจะไม่อยู่ แต่โลกนี้ก็จะดำรงอยู่ต่อไป ความสั้นยาวของกาลเวลาสำคัญมากขนาดนั้นเชียวเหรอช่วงเวลาที่ได้อยู่กับซัคจังนั้นสั้นก็จริง แต่ก็มีความสุขมากมากเสียจนคิดว่าคงไม่มีอะไรสุขใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองคงจะมีความสุขมากกว่าใครๆ ในโลกนี้แม้แต่เสี้ยววินาทีนี้...มันเพียงพอแล้วสำหรับฉัน เราเคยคุยกันแล้วไงสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ แม้ฉันจะตายไปแล้ว มันก็จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์
หลังงานศพของอากิผ่านไป ซัคจังใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร้ความสุข แต่สิ่งที่เหลืออยู่เป็นแรงผลักดันให้เขาตั้งใจเรียนโดยไม่วอกแวกถึงสิ่งใดนอกจากคิดถึงอากิ ในที่สุดเขาก็สอบเข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยความตั้งใจว่าอยากหาทางรักษาผู้ป่วยด้วยโรคแบบเดียวกับที่อากิเป็น ความทุกข์ทรมานของซัคจังถึงจุดสิ้นสุดในที่สุด...เมื่อเขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และเปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำที่มีรอยโหว่แหว่งวิ่น และเติมเต็มความทรงจำใหม่อีกครั้ง หลังผ่านไป17 ปี ในที่สุด ซัคจัง ก็ปลดปล่อย อากิ ให้ล่องลอยไปกับสายลมอีกครั้ง...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณภาพและเพลงประกอบจากอินเตอร์เนตค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เอนทรีนี้ร่วมกิจกรรม 'ภาพเล่าวันฝนพรำ' กับบล็อกแกงค์ค่ะ
Create Date : 26 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2558 1:36:16 น. |
|
25 comments
|
Counter : 3808 Pageviews. |
|
|
ที่นี่ฝนตกทุกวันเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องซึ้งๆ น่ารักๆ นะคะคุณนุ่น
♥♥♥