หลักในการใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา หรือระหว่าง บิดามารดากับบุตร
อยากทราบเรื่องการฟ้องร้องค่าเลี้ยงดูบุตรครับ
เรื่องของญาตินะครับ หญิงคนหนึ่งแต่งงานกับชายคนหนึ่ง(ไม่จดทะเบียน) มีงานแต่ง แขกเหรื่อพยานมากมาย มีรูปถ่าย วีดีโองานแต่ง มีลูกกันหนึ่งคน ฝ่ายชายไปเซ็นรับรองในสูติบัตรว่าเป็นพ่อตอนเด็กเกิด ตอนหลังเลิกกัน ฝ่ายชายมีหญิงอื่นประปราย (ตั้งแต่ตอนฝ่ายหญิงตั้งท้อง) เลิกอยู่ด้วยกันตอนเด็กอายุ 10 เดือน พ่อเด็กให้ค่าเลี้ยงดูเดือนละ 4000 ทุกเดือน ตอนนี้เด็กอายุ 2 ขวบแล้ว อยากถามครับ ว่าเราสามารถเรียกค่าเีลี้ยงดูได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายได้มากน้อยแค่ไหน และนานแค่ไหน หลักฐานที่มีเพียงพอหรือไม่ที่จะเรียกเพิ่ม เพราะตอนนี้ฝ่ายหญิงทำงานคนเดียว ต้องรับภาระค่าเลี้ยงดูลูกทุกอย่างเลย
ปล พ่อเด็กมีรายได้เดือนละประมาณ 1 แสนบาทไม่รวมโบนัส 2-3 เดือน
ขอบคุณครับ
จากคุณ : TN.TNP เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 10:00:18
ความคิดเห็นที่ 3
ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์
มาตรา 1598/38 ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา หรือระหว่าง บิดามารดากับบุตรนั้น ย่อมเรียกจากกันได้เมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะ เลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดู หรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่ เพียงพอแก่อัตภาพ ค่าอุปการะเลี้ยงดูนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ ฐานะของผู้รับและ พฤติการณ์แห่งกรณี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2534 แจ้งแก้ไขข้อมูล
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 วรรคสอง กำหนดให้สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน จำเลยจึงต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภริยาใหม่ด้วยเพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องกระทำ จะอ้างว่าภริยาใหม่มีรายได้มากไม่น่าจะเดือดร้อน จำเลยไม่จำต้องอุปการะเลี้ยงดูหาได้ไม่ และมาตรา 1564 วรรคแรก กำหนดให้บิดาและมารดามีหน้าที่ร่วมกันในการให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ ดังนั้นโจทก์จำเลยจึงสมควรร่วมกันจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์คนละครึ่ง ค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1598/38 และมาตรา 1598/39 บัญญัติให้ศาลคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้และฐานะของผู้รับและพฤติการณ์แห่งกรณี ทั้งศาลจะสั่งแก้ไขค่าอุปการะเลี้ยงดูเพิ่มอีกในภายหลังก็ได้ ขณะฟ้องโจทก์และจำเลยต่างมีรายได้ จำเลยมีภริยาใหม่และมีบุตรจำเลยย่อมจะต้องมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูภริยาและบุตร มิใช่จำเลยมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูแต่เพียงผู้เยาว์คนเดียว การกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ผู้เยาว์ต้องคำนึงถึงรายได้จำเลยกับรายจ่ายในครอบครัวของจำเลย ความจำเป็นทางด้านการเงินของผู้เยาว์อายุและระดับการศึกษาของผู้เยาว์ด้วย.
///////////////////
จากกฏหมายและคำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้น การกำหนดค่าเลี้ยงดู ศาลจะใช้ดุลยพินิจโดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ ฐานะของผู้รับและ พฤติการณ์แห่งกรณี
พ่อเด็กมีเงินเดือนๆละหนึ่งแสนบาท น่าจะมีความสามารถให้เงินค่าเลี้ยงลูก ๑ คนได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ ๑ หมื่นบาท(คห.ส่วนตัว) ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงอื่นเพิ่มด้วยเช่น ฝ่ายหญิงมีฐานะอย่างไร มีการกีดกันไม่ให้ไปมาหาสู่ลูกไหมเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คห.ส่วนตัวเห็นว่ากรณีตามกระทู้น่าจะเรียกได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๑ หมื่นบาทจนถึง-ลูกบรรลุนิติภาวะ ครับ
ขอร่วมแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 17:06:48
//www.pantip.com/cafe/social/topic/U10235509/U10235509.html#3
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2554 17:15:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1489 Pageviews. |
|
|
|
|
|