สมรสซ้อน
หัวข้อสนทนา : มีเรื่องกฎหมายครอบครัวมาถามค่ะ คือ A (ชาย)จดทะเบียนสมรสกับ B ต่อมา 1 เดือน A ไปจดกับ C โดยยังไม่ไปจดทะเบียนอย่ากันกับ B แล้วต่อมา 1 ปี B ไปจดทะเบียนกับ D ผ่านไปสิบปี ทั้งสองครอบอยู่กินกันอย่างเปิดเผย มีลูกทั้งสองครอบครัว (เหตุเกิดขึ้นระหว่างปี 2511)
และประเด็นที่จะถามค่ะ
1.การสมรส A กับ B ขาดจากกันหรือไม่ 2.การสมรสของ A กับ C สมบูรณ์หรือไม่ 3.การสมรสของ D กับ B lมบูรณ์หรือไม่
ช่วยกรุณาตอบทีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เด็กน้อยถามหน่อย - ความคิดเห็นที่ 1 1.การสมรสิ้นสุดลงโดย การตาย หย่า ศาลพิพากษา ดังนั้นยังไม่ขาด 2.การสมรสเป็นโมฆะเพราะ จดทะเบียนสมรสกับคนหนึ่งแล้ว แต่ไปจดกับอีกคนนึงภายหลังโดยการสมรสกับคนแรกยังไม่สิ้นสุดลงเป็นสมรสซ้อน 3.ก็โมฆะเช่นเดียวกาน จากคุณ : พยายามตอบละ ผิดอย่าว่ากันนะจ๊ะ - [17 มิ.ย.52 16:47]
ความคิดเห็นที่ 2 ตาม คห. 1 ค่ะ การสิ้นสุดแห่งการสมรส มี 3 กรณี คือ ตาย หย่า ศาลพิพากษาให้เพิกถอน
ถ้าไม่เข้า 3 กรณีนี้การสมรสก็ยังคงสมบูรณ์ ตามข้อเท็จจริง เมื่อA จดทะเบียนสมรสกับBแล้ว การที่ Aไปจดทะเบียนสมรสกับ C ทั้งๆยังมิได้หย่าขาดกับ B เป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อนต้องห้ามตามกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ เช่นเดียวกัน B ไปจดทะเบียนสมรสกับ D ก็เป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อน ตกเป็นโมฆะ
สรุป 1.การสมรส A กับ B ยังสมบูรณ์อยู่ตามกฎหมาย 2.การสมรสของ A กับ C ตกเป็นโมฆะ 3.การสมรสของ D กับ B ตกเป็นโมฆะ
จากคุณ : นาโน - [17 มิ.ย.52 17:06]
ความคิดเห็นที่ 4 คือ A (ชาย)จดทะเบียนสมรสกับ B ต่อมา 1 เดือน A ไปจดกับ C โดยยังไม่ไปจดทะเบียนอย่ากันกับ B แล้วต่อมา 1 ปี B ไปจดทะเบียนกับ D ผ่านไปสิบปี ทั้งสองครอบอยู่กินกันอย่างเปิดเผย มีลูกทั้งสองครอบครัว (เหตุเกิดขึ้นระหว่างปี 2511) ^ ^
เหตุเกิด พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งยังใช้บรรพ ๕ เดิมอยู่(๑ ตค. ๒๔๗๘-๑๖ ตค. ๒๕๑๙) สมัยนั้นเค้าน่าจะยอมให้มีการจดทะเบียนซ้อนได้นะครับ
ลองค้นดูนะนาโน ดูในคำบรรยายก้อได้ครับ ถ้ากฏหมายสมัยนั้น(พ.ศ.๒๕๑๑)ยอมรับเรื่องจดทะเบียนซ้อน คำตอบน่าจะเปลี่ยนไปนะครับ
ความคิดเห็นที่ 9 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2545 แจ้งแก้ไขข้อมูล
ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับ ร. เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2516 ต่อมาผู้ร้องจดทะเบียนสมรสซ้อนกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2521 และจดทะเบียนหย่าจากกันเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2526 จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติบรรพ 5 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 การสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 จึงตกเป็นโมฆะ แต่เมื่อในระหว่างที่ผู้ร้องจดทะเบียนรับโอนที่ดินพิพาทยังไม่มีผู้มีส่วนได้เสียคนใดร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1495 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้นที่บัญญัติว่า คำพิพากษาศาลเท่านั้นที่จะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าการสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ยังมีผลสมบูรณ์อยู่ ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องได้มาระหว่างสมรสกับ ร. และจำเลยที่ 1 จึงเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ด้วย
"""
ป.พ.พ. มาตรา 1495 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้นที่บัญญัติว่า คำพิพากษาศาลเท่านั้นที่จะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ ^ ^
ผมมองว่าสมัยก่อนเขายอมรับนะครับว่าจดทะเบียนซ้อนได้
และเพิ่งจะมาแก้ห้ามจดทะเบียนซ้อนในภายหลังเป็นบรรพ๕ ใหม่ ในปี ๒๕๑๙
เมื่อเหตุเกิดใน พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งใช้บรรพ ๕ เดิม ซึ่งม.๑๔๙๕ เดิม บัญญัติให้คำพิพากษาศาลเท่านั้นที่จะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ ดังนั้นแม้กรณีตามปัญหาเขาจะจดทะเบียนซ้อนก้อตาม ก้อต้องถือว่าการสมรสนั้นยังสมบูรณ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาว่าเป็นโมฆะครับ
ขอแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 18:24:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1018 Pageviews. |
|
|
|
|
|