|
|
กฏหมายพรากผู้เยาว์ กับ การแบล็คเมล์ ?
เป็นเรื่องของลูกพี่ลูกน้องของสามีค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรารับทราบแล้วก็ปลงกับสังคมไทยและวัยรุ่นในปัจจุบันจริงๆ
เรื่องของเรื่องคือน้องชายสามีเรา เรียนมหาลัยปี 1 อายุประมาณ 20 ปี มีแฟนอยู่ 1 คน
ซึ่งแฟนของคุณน้องชายคนนี้อ่ะ ก็คบกันมาประมาณ 2 ปีได้แล้ว คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย โดยแฟนน้องชายอายุประมาณ 17 ปีค่ะ
ตลอดเวลาที่ทั้งคู่คบกัน ผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านก็รับรู้ แต่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะทางฝั่งของบ้านเรา
ไม่ใช่หวงน้องนะ เพราะก่อนหน้านี้น้องเคยมีแฟนคนก่อนก็เป็นเด็กน่ารักดี คบกันเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แล้วก็เลิกรากันไปตามประสาวัยรุ่นปกติ แต่แฟนคนนี้ของน้องนี่ ไม่ไหวจริงๆ ทั้งกิริยามารยาท การแต่งตัว การพูดจา และพฤติกรรมหลายๆอย่าง แล้วชอบชักชวนกันโดดเรียนเรื่อยๆ
เธอเป็นลูกแม่ค้าขายส้มตำค่ะ แต่เป็นลูกใครไม่ใช่ประเด็นเท่ากับว่า พฤติกรรมของเธอ มันบ่งบอกว่าการเลี้ยงดูสั่งสอนของทางบ้านคงไม่ดีนัก ครอบครัวเราเลยพยายามบอกให้น้องเลิก รวมถึงเรียกทางผู้หญิงมาคุยว่าคบกันแบบนี้ไม่ดีนะ ควรเอาใจใส่กับเรื่องเรียนก่อน แล้วทำพฤติกรรมแบบนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ ( เช่น มานอนค้างบ้านผู้ชาย เรื่อยๆ ) เธอก็ตอบว่าไม่ว่า แล้วก็เชิดๆ เริ่ดๆ ขึ้นห้องน้องชายไป เล่นเอาอ้าปากค้างกันทั้งบ้านกับความใจกล้าของเธอ
จนในที่สุดแม่ฝ่ายชายก็เลยอดรนทนไม่ไหว โทรไปที่บ้านผู้หญิงเพื่อขอคุยกับแม่ฝ่ายหญิง ว่าให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาหน่อย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับกลายเป็นว่า
" ไม่รู้ ตัดหางปล่อยวัดไปตั้งนานแล้ว มันอยากไปอยู่กับ ผั ว มันก็เรื่องของมันสิ ผั ว เมียเค้าจะอยู่ด้วยกันจะไปยุ่งเรื่องของมันทำไม "
เล่นเอาอึ้งไปเลย ก็น้องชายแฟนเราอ่ะ มันก็ยังเรียนอยู่จะไปเลี้ยงดูกันตลอดก็คงไม่ได้
และหลังๆ จากนั้นพฤติกรรมของเธอก็เริ่มออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตามหึงหวง ไม่ยอมให้น้องเราไปเรียน จะให้อยู่กับเจ้าหล่อนตลอดเวลา และใช้เงินเก่งมากๆ ทั้งๆที่น้องเราไม่มีรายได้ ต้องขอเงินพ่อแม่เหมือนกัน ซึ่งทางพ่อแม่ของน้องก็ไม่ไหวแล้วทั้งความไม่มีมารยาทหลายๆอย่าง จนในที่สุดก็ยื่นคำขาดกับน้องว่า ห้ามพาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านเด็ดขาด
พฤติกรรมที่ทุเรศที่สุดของเธอยังไม่สิ้นสุดเมื่อเธอไปมีอะไรกับน้องชายเราข้างนอกแล้วกดโทรศัพท์มาหาแม่ของน้องให้ฟังเสียงกิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างเธอกับน้องชาย พอเสร็จกิจกรรม ก็โทรมาหาแม่ของน้องอีกครั้ง ถามว่าเมื่อกี้ได้ยินไหม แล้วบอกแม่ของน้องว่าไม่มีทางหรอกที่จะทำให้น้องชายเราเลิกยุ่งกับเค้า เล่นเอาแม่ของน้องชายแทบกรี๊ด
ซึ่งน้องไม่รู้เรื่องเลยว่าแฟนทำแบบนี้ จนกระทั่งน้องกลับมาถึงบ้านแล้วโดนแม่ด่าขนานใหญ่ ถึงได้ตะลึงกับพฤติกรรมของแฟนตัวเอง ว่าทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้
หลังจากคุยกันหลายรอบ รวมถึงพฤติกรรมของทางผู้หญิงเองในที่สุดน้องเราก็ทนไม่ไหวขอเลิกกับเธอ แต่ปรากฏว่าเธอไม่ยอมค่ะ อีกทั้งอายุใกล้จะ 18 แล้ว ในที่สุดเธอก็จูงมือกับแม่และพี่สาวของเธอไปแจ้งความจับน้องโทษฐาน " พรากผู้เยาว์ "
ในที่สุดก็ไปไกล่เกลี่ยค่ะ ทางแม่ของทางผู้หญิงคราวนี้โวยวายลั่นโรงพัก บอกว่าลูกสาวตัวเองเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกไม่สนใจเรื่องของผัวเมีย
สรุปทางผู้หญิงเรียกเงินจากบ้านน้องชายเรา 200,000 แลกกับการไม่เอาเรื่อง
เล่นเอาสะดุ้งกันเลย แม้กระทั่งตำรวจยังเอ่ยปากเลยว่า โหหห นี่กะขายลูกเอารวยเลยเหรอ ( ตำรวจรู้จักครอบครัว และ พฤติกรรม ฝ่ายหญิงดีค่ะ เพราะแม่เธอขายส้มตำอยู่หน้าโรงพักนี้เอง ) เจ้าน้องชายตัวดีก็เอาแต่ร้องไห้ บอกว่าไม่อยากเข้าคุกท่าเดียว ( ตอนทำไม่รู้จักคิด )
ต่อรองกันไปต่อรองกันมา ในที่สุดทางพ่อของน้องชายเราก็เลยยอมจ่ายเงินไป 110,000 เพื่อแลกกับการจบเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งตอนแรกทางนั้นจะไม่ยอมท่าเดียวเลย จะเอา 200,000 ให้ได้ จนทางครอบครัวน้องบอกว่า ไม่มีให้หรอกนะ
แต่ที่แน่ๆ อนาจใจกับสังคมเด็กสมัยนี้มากๆ เพราะขนาดอยู่บนโรงพักทางฝ่ายหญิงยังไม่มีคำว่าอายเลย แต่ละประโยคที่หลุดออกมานี่ ไม่ได้รักษาศักดิ์ศรีให้กับผู้หญิงคนนั้นสักนิด แถมตัวผู้หญิงเองยังหน้าชื่นตาบาน ไม่มีทีท่าจะสลดหรืออาย แต่อย่างใด ช่วยกันกับแม่เรียกค่าตัวของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ซึ่งเรามารู้เรื่องหลังจากที่ออกจากโรงพัก จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เลยสงสัยว่า อย่างนี้อ่ะ จะเรียกว่าฝ่ายหญิงแบล็คเมล์ได้ไหม เพราะมารู้ทีหลังว่าทางพี่สาวของฝ่ายหญิง ( เคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้องชาย ) ไปบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ว่า ต้องรีบแจ้งไว้ก่อน เดี๋ยวเลย 18 ไปจะแจ้งไม่ได้ มันหมายความว่าไง ???
เลยอยากทราบว่าถ้าเป็นอย่างนี้เนี่ย ถ้าเราไม่จ่าย จะผิดมากไหม แล้วการที่เราจ่ายไปแล้วและทางฝ่ายหญิงก็ลงบันทึกยอมความที่สถานีตำรวจ จะเป็นการการันตีได้ไหมว่าเค้าจะไม่เอาเรื่องจริงๆ แล้วถ้าเค้ายังต้องการจะเอาเรื่องอีกจะได้หรือไม่
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เนี่ย ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างถึงจะเข้าข่ายความผิดนี้ และจากที่เล่ามาทั้งหมดทั้งสิ้น ถือว่าน้องเรากระทำผิดครบองค์หรือไม่ ???
และในกรณีนี้จะถือว่าฝ่ายหญิงมีความผิดหรือไม่ จะเข้าข่ายแบล็คเมล์ไหม
อยากรู้ความคิดเห็นของเพื่อนๆทั้ง 2 มุมมอง อ่ะค่ะ ว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำอย่างไร
น้องชายตัวดีตอนนี้ดูท่าจะสำนึกได้เป็นเด็กดีผิดหูผิดตา ( จะดีได้กี่น้ำก็ไม่รู้ )
จากคุณ : *แชมพู*
เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 10:58:03
ความคิดเห็นที่ 1
กรณีข้อเท็จจริงตามกระทู้ จะมีหลักในประมวลกฏหมายอาญาดังนี้ครับ
มาตรา 283ทวิ ผู้ใดพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตาม วรรคแรกเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่ เกินสิบห้าปี ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพา ไปตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ต้องระวาง โทษตามที่บัญญัติในวรรคแรกหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี
ความผิดตามวรรคแรกและ วรรคสามเฉพาะกรณีที่กระทำแก่บุคคลอายุ เกินสิบห้าปี เป็นความผิดอันยอมความได้
//////
การที่น้องชายแฟน จขกท พาแฟนของเขาซึ่งอายุ ๑๗ ปี ไปxxx
กรณีจึงถือว่า เป็นการ "พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม" ตามฐานความผิดกฏหมายข้างต้นแล้วละครับ
โทษสูงทีเดียว
อย่างไรก็ตาม กฏหมายเปิดช่องให้เฉพาะกรณีที่กระทำแก่บุคคลอายุ เกินสิบห้าปี เป็นความผิดอันยอมความได้ ในวรรคท้าย
คือ หากเขายอมความไม่เอาเรื่อง กรณีอายุเกิน ๑๕ คดีอาญานั้นก็จบได้ครับ
ซึ่งเท่าที่เคยได้ยินมา ก้อมีการเรียกเงินตรงนี้กันเยอะเลยละครับ
ฝ่ายหญิง จะว่าแบล๊คเมล์มั้ย คงเข้าข่ายครับ แต่ กฏหมายตรงนี้เป็นการคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของคนที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี
พูดตรงๆคือ ตบมือข้างเดียวมันไม่มีทางดังไปได้ ถ้าผู้ชายฝ่ายเราไม่xxxซะอย่าง และ ผู้ใหญ่ฝ่ายเราคอยดูไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
เอาเป็นว่า กฏหมายตัวนี้เขาเป็นการคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของคนที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ซึ่ง ก็มีข้อดีอยู่มากสำหรับคนส่วนใหญ่ คนที่จะคิดขายลูกกินแบบตามกระทู้ คงเป็นส่วนน้อย
และคงเป็นโชคร้ายของ น้องชายแฟน จขกท. ที่เจอแบบนั้นเข้า
ดีแล้วละครับ ที่เขายอมความให้
เพราะโทษมันสูงเหมือนกันนะครับ " ระวางโทษจำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ "
ทีหลัง บอกน้องคนนั้น จะมีอะไร ขอดูบัตร ปชช.ก่อนเลย เกิน ๑๘ ค่อยลุย อิอิ
ขอแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
จากคุณ : อุบลแมน
เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 11:38:37
ความคิดเห็นที่ 7
ขอเพิ่มติมอีกนิดนึงครับ
นอกจากฐานความผิดที่ผมกล่าวถึงข้างต้นแล้ว
หากเป็นกรณีพ่อแม่ ผู้ปกครองเขาไม่ยอมให้พาลูกเขาไป แต่ก็ยังลักพาไป และ พาไป xxx โดยเด็กเต็มใจไป
จะเข้าองค์ประกอบความผิดตามกฏหมายอาญาดังนี้ครับ
มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
หมายเหตุ มาตรา 319 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมปอ. (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2530
////
ซึ่งอัตราโทษจะหนักกว่า และ ยอมความไม่ได้ด้วย
กรณีตามกระทู้ ข้อเท็จจริง คือ ฝ่ายผู้ปกครองเขายินยอมให้พามาอยู่ด้วย แล้วมีการ xxxแบบสมยอม จึงไปเข้า ม.283ทวิ ซึ่งพอดีอายุเกินสิบห้า เลยยอมความได้นั่นเองครับ
คือ กฏหมายต้องการคุ้มครองอำนาจปกครองของผู้ปกครอง จนถึงสิบแปดนั่นแหละครับ เกินนั้น จะไปยังไงก้อช่างเธอ
คงเป็นบทเรียนให้น้องของแฟน จขกท. และ หวังว่าเขาจะจดจำไว้นะครับ
ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมเพียงเท่านี้ครับ
ปล. ความจริงเรื่องนี้ มีมุมมองเชิงสังคมอยู่เยอะเหมือนกัน เพราะ จะว่าไปกฏหมายก็ไม่ควรคุ้มครองคนไม่สุจริต ที่คิดขายลูกแบบนั้น แต่ ว่าไปแล้ว กฏหมายจะคุ้มครองในภาพรวมๆของคนส่วนใหญ่นั่นเอง ว่า สุดท้ายแล้ว คนที่คิดขายลูกหรือเด็กที่คิดทำแบบนั้นคงน้อย และ ฝ่ายผู้ชายก็มีส่วนผิด ที่ไปxxx เขา...
จากคุณ : อุบลแมน
เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 18:17:07
| Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553 |
| Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 11:09:02 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 6065 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: **mp5**  วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:41:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [