happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๒o





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










รัตนราชเรียงร้อย รัตนสารจีนวิทยา



บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ขอเชิญชมนิทรรศการ “รัตนราชเรียงร้อย รัตนสารจีนวิทยา” และ“ร้านน้ำชาในวิถีชีวิตชาวจีน” นิทรรศการรวบรวมพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ่านพระราชนิพนธ์แปลวรรณกรรมจีนเล่มใหม่ เรื่อง “ร้านน้ำชา ละครพูด ๓ องก์” ของเหลาเส่อ ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตชาวจีนในบรรยากาศร้านน้ำชาเก่าแก่นาม ยู่ไท่ ในเมืองปักกิ่ง ที่ผันแปรใน ๓ ยุค ๓ สมัย ตั้งแต่ช่วงปลายราชวงศ์ชิงจนถึงทศวรรษ ๑๙๔o พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การดื่มชาของชาวจีนในร้านน้ำชา สถานที่พบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนทุกหมู่เหล่าที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตชาวจีนมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ยังจะได้เรียนรู้อาชีพค้าขายของสังคมจีนในอดีต ผ่านหาบเร่ป๋องแป๋ง ร้านโชห่วยเคลื่อนที่ที่ดำรงอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะหายไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก นิทรรศการจัดแสดงในระหว่างวันที่ ๑๘-๒o กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน


ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงาน “ร้านน้ำชา มรรคาชีวิต” นิทรรศการ “รัตนราชเรียงร้อย รัตนสารจีนวิทยา” และ “ร้านน้ำชาในวิถีชีวิตชาวจีน” และทรงบรรยายแนะนำพระราชนิพนธ์แปลเรื่อง “ร้านน้ำชา บทละครพูด ๓ องก์” ในวันศุกร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น.







พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th
banmuang.co.thFB Nanmeebookfan














งานเขียนลายรดน้ำ



พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “งานเขียนลายรดน้ำ” เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ร่วมสืบสานศิลปะไทยทรงคุณค่า เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานที่ปรึกษา พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังเป็นการสืบสานพระราชดำริในด้านงานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ได้จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “งานเขียนลายรดน้ำ” ขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ โดยนำแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในของสะสมส่วนพระองค์ ได้แก่ งานเขียนลายรดน้ำภาพหนุมาน ซึ่งจัดแสดงในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง” ซึ่งพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์บ้านสวนปทุมจัดขึ้น ในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรรษา






นภาพร เล้าสินวัฒนา ผู้อำนวยการ กองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง และผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย เล่าความเป็นมาของโรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย ที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ โดยเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษาร่วมกับสำนักพระราชวัง ดำเนินการโดยสำนักพระราชวัง จัดให้มีการเรียนรู้และฝึกอบรมงานช่างฝีมือต่างๆ ในด้านศิลปะชั้นสูงของไทยในหลายแขนงวิชา เช่น งานจิตรกรรมไทย งานปั้น งานหล่อ งานหัวโขน งานประดับมุก ซึ่งเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ที่แสดงถึงภูมิปัญญาเชิงช่างไทย และความมีศิลปทางวัฒนธรรมของชาติไทยอย่างยาวนาน






“เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตรกับโรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย ในการจัดกิจกรรมเชิงปฎิบัติการ งานเขียนลายรดน้ำ ซึ่งได้ย่อกิจกรรมที่ต้องใช้เวลา ๑ ปี ในการเรียนการสอน ให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ และลองสัมผัสงานศิลปะไทย ซึ่งเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ทั้งยังเป็นความมหัศจรรย์ของภูมิปัญญาเชิงช่างไทย ที่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะมาอย่างยาวนาน รวมทั้งได้ตามรอยองค์ประธานในการทำภาพลายรดน้ำ รูปหนุมาน ซึ่งเป็นภาพฝีพระหัตถ์งานลายรดน้ำที่ทรงเคยทำสมัยทรงพระเยาว์นำมาเป็นต้นแบบสำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้รับชิ้นงานที่มีความสวยสดงดงามกลับไปเป็นความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเคยได้ทำงานจิตรกรรมลายรดน้ำด้วยตัวเอง”






นภาพร กล่าวทิ้งท้ายว่า “เมื่อวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาในสังคมไทย ทำให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของเราได้เปลี่ยนไปมาก จนบางครั้งวัฒนธรรมหรือรูปแบบเก่า ๆ ได้กลืนหายไปตามกาลเวลา และวัฒนธรรมใหม่ก็ได้แทรกเข้ามาในชีวิตของคนรุ่นใหม่ จนทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ อาจหลงลืมไปแล้วว่าบรรพชนของเราสั่งสมภูมิปัญญาใดไว้บ้าง โดยเฉพาะศิลปะไทยนั้น ถือเป็นมรดกที่บรรพชนตกทอดมาให้ลูกหลาน ซึ่งกว่าจะสั่งสมและสร้างเอกลักษณ์จนมีรูปแบบเป็นของเรา ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอยากฝากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสนใจศิลปะไทย ที่เป็นเรื่องใกล้ตัว รวมทั้งเป็นความงดงาม และความภาคภูมิใจร่วมกันของคนไทยทุกคน”






อ.ชนะ ไชยรักษ์ อาจารย์งานลงรักปิดทอง ลายรดน้ำ โรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย ผู้เชี่ยวชาญด้านงานช่างลายรดน้ำมาเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี อธิบายความหมาย รวมถึงขั้นตอนการเขียนลายรดน้ำว่า “งานลายรดน้ำ อยู่ในกลุ่มงานช่างรัก ประกอบด้วย ลายรดน้ำ งานปิดกระจก ลงรักปิดทอง และประดับมุก ซึ่งต้องใช้ยางรักเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน ส่วนใหญ่จะเห็นงานลายรดน้ำประดับตาม บานประตู บานหน้าต่างของวัด และพระราชวังต่าง ๆ รวมทั้งนิยมเขียนลายรดน้ำบนเครื่องใช้ต่าง ๆ ของราชสำนัก รวมทั้งโล่ ที่ใช้เป็นอาวุธกำบังในยามรบทัพจับศึกด้วย


“งานลายรดน้ำ มีขั้นตอนการทำหลัก ๆ คือ การเขียนลาย ปิดทอง แล้วใช้น้ำรด เพื่อให้เหลือลายที่ต้องการ โดยวัสดุอุปกรณ์ในการเขียนทำการเขียนลายรดน้ำล้วนเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น ได้แก่ ยางรัก มีลักษณะสีดำทำจากยางต้นรัก เมื่อแห้งแล้วจะมีความเงามันเหมือนกับสีน้ำมัน เหมาะสำหรับทำพื้น, หรดาล แร่หินชนิดหนึ่ง ที่ต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยนำมาป่นจนมีลักษณะเป็นสีฝุ่น และนำมาหมักกับน้ำ และแช่ไว้ในภาชนะที่เป็นแก้ว เป็นเวลาหลายเดือนกว่าจะนำมาใช้งานได้ , กาวยางกระถิน เป็นยางจากต้นกระถินอินเดีย ที่ต้องนำเข้าจากประเทศอินเดีย โดยสามารถใช้ยางจากมะขวิดแทนได้ และน้ำฝักส้มป่อย โดยนำฝักสุกแห้งมาต้มกับน้ำร้อน แล้วนำวัตถุดิบทั้ง ๓ มาผสมเข้าด้วยกัน เพื่อใช้เป็นน้ำยาเขียนลาย และไม่ให้ทองคำเปลวติดในบริเวณที่เขียนลายนั่นเอง






“สำหรับขั้นตอนในการทำงานลายรดน้ำ ในเวิร์คช็อปครั้งนี้ ได้มีการลดทอนกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลานาน เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมทีต้องใช้ยางรักในการรองพื้นวัสดุ ก่อนที่จะเขียนลายซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาในการรอให้ยางรักแห้งค่อนข้างนาน จึงนำวัสดุสมัยใหม่มาประยุกต์ โดยใช้แผ่นอะคริลิคสีดำที่มีความมันวาว แทนการลงพื้นด้วยยางรัก”


ขั้นตอนการทำลายรดน้ำเริ่มจากนำแผ่นอะคริลิคสีดำที่มีดินสอพองผสมน้ำระบายอยู่บริเวณพื้นผิวที่จะใช้ในการทำชิ้นงาน เพื่อขจัดคราบมันต่าง ๆ และสิ่งสกปรกที่อาจจะเกาะอยู่บนพื้นผิว ก่อนลงมือทำให้นำผ้าสะอาดเช็ดดินสอพองที่พอกอยู่ให้สะอาด โดยห้ามให้มือไปสัมผัสแผ่นอะคริลิคเด็ดขาด เพราะคราบมันต่าง ๆ จะทำให้เขียนลายไม่ติด


จากนั้นจึงเขียนลวดลายลงไป โดยนำกระดาษไขที่ปรุลายแล้ว วางทาบลงบนแผ่นอะคริลิค แล้วใช้ผ้าห่อดินสอพองป่น กดลงไปบนแผ่นกระดาษไข เพื่อให้เกิดลวดลายที่ต้องการ แล้วจึงใช่พู่กันจุ่มน้ำหรดาล ที่ผสมกาวกระถิน และน้ำส้มป่อย เขียนลงบนตามแนวรอยแบบ และถมน้ำยาดังกล่าวบริเวณรอบนอกของชิ้นงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เวลารดน้ำแล้วเลอะเข้าไปในด้านใน






เสร็จแล้วเช็ดชิ้นงานให้สะอาด นำผ้าขาวบางชุบยางรักและเช็ดให้ทั่วบริเวณบนชิ้นงานที่ลงลายเส้นแล้ว นำทองคำเปลวที่นำมาปิดทำจากทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์ปิดให้ทั่วบริเวณ เรียงให้ติดกันเป็นระเบียบทั้งภาพ โดยใช้นิ้วค่อย ๆ เกลี่ยทองคำเปลวให้เรียบแนบสนิททั่วทั้งชิ้นงาน จากนั้นนำกระดาษที่ห่อทองคำเปลวมาชุบน้ำ และเรียงทับบนทองคำเปลวที่ปิดอยู่บนชิ้นงาน แล้วใช้สำลีชุบน้ำไล่น้ำยาที่เขียนออก ก็จะได้เป็นชิ้นงานลายรดน้ำที่เสร็จสมบูรณ์


อ.ชนะ กล่าวถึงความภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดวิชาช่างลายรดน้ำมิให้สูญหายไป และเป็นส่วนหนึ่งที่ได้เผยแพร่วิชาช่างแขนงนี้ไปสู่คนรุ่นใหม่ที่สนใจ พร้อมบอกคุณสมบัติของการเป็นช่างฝีมือว่า “ต้องมีใจรัก ละเอียด ประณีต ช่างสังเกต และฝึกสมาธิ อยากให้เยาวชนรุ่นหลังหันมาสนใจงานช่างไทยโบราณ ซึ่งบรรพบุรุษเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมาให้เราได้ศึกษาและสืบทอด อีกทั้งยังเป็นภูมิปัญญาที่แสดงถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมของเราด้วย”


นับเป็นโอกาสดีที่ผู้สนใจศิลปวัฒนธรรมไทย ได้มาเรียนรู้ และลองสัมผัสงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ที่แสดงถึงภูมิปัญญา และความมีศิลปะทางวัฒนธรรมของชาติไทย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น






สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง” ซึ่งจัดแสดงสิ่งของสะสมส่วนพระองค์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา ๑๕.๓๐ น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๑๕๐ บาท ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป) ๘๐ บาท นักเรียน/นักศึกษา ๕๐ บาท เด็กอายุ ๑๒ – ๑๘ ปี ๕๐บาท เด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี เข้าชมฟรี สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง สามารถใช้บัตรดังกล่าวเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โทร.๐๒-๒๒๕-๙๔๓๐ ต่อ ๐, ๒๔๕


พิพิธภัณฑ์ผ้า ใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของไทย ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของผ้าชนิดต่าง ๆ และการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนักยุคต่างๆ รวมทั้งฉลองพระองค์ใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงนำความเป็นไทยออกไปสู่สากลและก่อให้เกิดรายได้กลับมาสู่ผู้ผลิตในประเทศ


นอกจากเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยแล้ว พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ยังเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บรักษาผ้าไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดแสดงงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าทั้งของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองจากท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อเป็นการสืบสานสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้คงอยู่สืบไป



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Gallery of Thai Inspiration ภาพยนตร์เพลงสรรเสริญพระบารมี



บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมกับการบินไทย เปิดตัวภาพยนตร์ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมี ชุด "Gallery of Thai Inspiration" เนื่องในโอกาสเปิดตัวโรงภาพยนตร์ควอเทียร์ซีเนอาร์ต ณ ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ โดยโรงภาพยนตร์แห่งนี้มีการผสมผสานความเป็นศิลปะไว้มากมาย จึงมีการสร้างสรรค์เพลงสรรเสริญพระบารมีให้สอดรับกับโรงภาพยนตร์แห่งใหม่ ตลอดจนยังแสดงถึงความจงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้รวบรวมภาพจาก ๘ ศิลปินแนวหน้าของประเทศไทยมาประกอบในภาพยนตร์ชุดนี้


นิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้เปิดโรงภาพยนตร์ควอเทียร์ซีเนอาร์ต จึงได้เกิดความคิดที่จะทำภาพยนตร์ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับแนวคิดที่เน้นศิลปะของควอเทียร์ซีเนอาร์ต ซึ่งกิจกรรมนี้ถือว่าเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่วนภาพยนตร์ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมีชุดใหม่จะแสดงผ่านการวาดพระบรมฉายาลักษณ์ และเทคนิคต่าง ๆ ส่วนการเรียบเรียงเสียงประสานก็ได้ทฤษฎี ณ พัทลุง มาช่วยเรียบเรียงเสียงประสานให้ใหม่ในรูปแบบที่ไม่มีเสียงร้อง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ทุกคนร้องได้ เมื่อได้ฟังดนตรีจะนึกเนื้อร้องในใจได้ และซาบซึ้งกับภาพประกอบที่นำมาร้อยเรียงไปพร้อม ๆ กัน


โดยภาพที่นำมาร้อยเรียงเป็นภาพยนตร์ได้มาจาก 8 ศิลปินชื่อดังคือ ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี, ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, สราวุธ อิสรานุวัฒน์, ทวีศักดิ์ ศรีทองดี, สันติ พิเชษฐชัยกุล, วัชระ ประยูรคำ, ดินหิน รักพงษ์อโศก, อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง และได้ ทฤษฎี ณ พัทลุง วาทยกระดับโลก มาเรียบเรียงเสียงดนตรีซึ่งศิลปินเหล่านี้ทำงานศิลปะด้วยแรงบันดาลใจจากคำสอนของพ่อหลวง


ทฤษฎี ณ พัทลุง ผู้เรียบเรียงเพลงประกอบภาพยนตร์ชุดนี้ กล่าวว่า ในสายตาของตนเองนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังทรงเป็นต้นแบบของความเรียบง่าย และความพอเพียงของพสกนิกรชาวไทย ซึ่งความเรียบง่ายนั้นเองคือสิ่งที่เป็นจุดเริ่มไอเดียในการแต่งดนตรี และสะท้อนออกมาในตัวโน้ตของเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับนี้ จากวินาทีแรกนั้น เปียโนจะเริ่มที่ตัวโน้ตง่าย ๆ เพียงตัวเดียวเปรียบเสมือนเสียงหยดน้ำ อันเป็นหัวใจของทุกชีวิตแล้วค่อย ๆ ตามมาด้วยเสียงของเครื่อง ที่ค่อย ๆ เติมเต็มร้อยเรียงเป็นเสียงประสานในรูปแบบของดนตรี Chamber ที่นอกจากจะสามารถวาดภาพด้วยเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น ยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่น และใกล้ชิดในมิติแห่งดนตรี ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการสะท้อนความรู้สึกของพสกนิกรที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เป็นอย่างดี


ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี ศิลปินผู้วาดภาพประกอบกล่าวว่า เดิมแล้วตัวเองค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณ รักเจ้า เทิดทูนสภาบันกษัตริย์ สมัยเด็ก ๆ สมเด็จย่าไปแจกของที่เกาะซึ่งไกลมา เลยบันทึกภาพนั้นไว้ในใจตั้งแต่ตอนนั้น โตขึ้นมาเป็นศิลปิน เวลาวาดภาพในหลวงก็ภูมิใจมาตลอด อาจดูเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก ๆ แต่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ ซึ่งถ้าขาดจุดเริ่มต้นไปก็มีก้าวต่อไปได้ยาก


อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ช่างภาพโฆษณา กล่าวว่า ตั้งแต่เด็กก็มีในหลวงเป็นแบบอย่างมาตลอดเห็นพระองค์ทรงศึกษา ทำอะไร ต้องเข้าใจทุกรายละเอียด เลยประทับใจตรงจุดนี้และนำมาปฏิบัติตาม พอศึกษามากขึ้นจึงเกิดความสงสัยว่า คนไทยรัก พระเจ้าอยู่หัวทุกคนหรือเปล่า แล้วทำไมต้องรัก รูปที่ตั้งอยู่แต่ละบ้านมีเรื่องราวหรือแค่แปะไว้เฉย ๆ จนไปหาคำตอบ และไปเจอบ้านคนไม่มีเงินคุณยายท่านหนึ่งที่มีเงินเหลือน้อยนิด แต่ก็ไปซื้อรูปในหลวงมาห้อยไว้ที่บ้าน ก็ตกใจว่าทำไมคุณยายทำแบบนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเชื่อว่าคนไทยมีความรักแต่ไม่กล้าแสดงออกกัน ไม่มีความกล้า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะแสดงความรักต่อพระองค์ท่านแบบตรง ๆ


สราวุธ อิสรานุวัฒน์ ศิลปินดิจิตอลอาร์ตกล่าวว่า แม้ว่าตนเพิ่งจะกลับมาวาดภาพพระองค์ท่านในเวลาเพียงไม่นาน แต่ด้วยความที่ตั้งใจที่จะวาดต่อเนื่อง ทำให้ระหว่างที่หาภาพเพื่อมาใช้เป็นต้นแบบสำหรับวาดในคอมพิวเตอร์ ก็ประทับใจในพระราชกรณียกิจมากมายของพระองค์ที่ทรงทำเพื่อประชาชน รวมถึงพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการยากที่คนเพียงคนเดียวจะสามารถทำไปพร้อม ๆ กันได้และทำได้ดี จึงเป็นกำลังใจให้เรามุ่งมั่นที่จะเพียรพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด

ภาพยนตร์ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมีชุดนี้จะฉายที่โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ซีเนอาร์ต ทุกรอบ ทุกโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม เป็นต้นไป และทุกภาพที่อยู่บนภาพยนตร์ประกอบเพลงสรรเสริญพระบารมี จะถูกนำมาจัดแสดงที่หน้าโรงภาพยนตร์ควอเทียร์ซีเนอาร์ต ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่วันที่ ๑๔-๑๗ กรกฎาคม























ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
hisoparty.com














ประกวดสุดยอดผ้าไหมไทย



เวทีศิลปะเปิดไว้ให้คนไอเดียบรรเจิดได้แสดงออกอยู่เรื่อยๆ บ่อยครั้งกลายเป็นแหล่งตัดสายสะดือศิลปินหน้าใหม่รวมถึงมืออาชีพให้ได้แจ้งเกิดในวงการคนแล้วคนเล่า เช่นเดียวกับกิจกรรม “จิตรกรรมเอเชีย พลัส” ที่บริษัทเอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ ๕ แล้ว และครั้งนี้มาในหัวข้อ “จังหวะ ดนตรี กวี ศิลป์” ยังคงได้รับความสนใจจากนักสร้างสรรค์ศิลปะส่งผลงานร่วมประชันฝีมือมากมาย โดยมีศิลปินระดับอาจารย์ อาทิ อ.อิทธิพล ตั้งโฉลก, อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, อ.ปรีชา เถาทอง, อ.ถาวร โกอุดมวิทย์ และ อ.สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ สละเวลามาเป็นคณะกรรมการตัดสินและมอบรางวัลอย่างชื่นมื่น


จึงไม่แปลกที่บรรยากาศภายในหอศิลป์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สถานที่จัดแสดงผลงานของผู้ได้รับรางวัลเมื่อวันก่อนจะน่าตื่นตาไปด้วยไอเดียศิลปะหลากหลายเทคนิค ซึ่ง ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯ พูดถึงปรากฏการณ์ครั้งแรกของการเพิ่มรางวัลในการประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัส ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่ามีการตกลงร่วมกันของคณะกรรมการด้วยเหตุผลที่ว่าจากการจัดการประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัสมาจนถึงครั้งที่ ๕ คณะกรรมการได้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพของศิลปินไทยที่ส่งผลงานเข้ามาประกวดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการส่งเสริมศิลปินไทยให้พัฒนาฝีมือได้ทัดเทียมและไม่แพ้ศิลปินในระดับนานาชาติ


"ปีนี้มีผลงานส่งเข้าร่วมทั้งหมด ๑๑๓ ชิ้น จาก ๘o ศิลปิน แม้จะน้อยกว่าปีก่อนหน้าแต่เป็นผลงานที่มีคุณภาพมากกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นความท้าทายสำหรับคณะกรรมการในการตัดสิน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้คัดเลือกผลงานผ่านเข้ารอบ ๔๕ ภาพ และในจำนวนนี้ เป็นภาพที่ได้รับรางวัล ๗ ภาพ เป็นรางวัลที่ ๑-๓ อย่างละ ๑ ภาพ และรางวัลชมเชย ๔ ภาพ (จากที่เคยประกาศไว้ ๓ ภาพ) เนื่องจากผลงานที่ผ่านเข้ารอบมีคุณภาพที่ดีมาก ทำให้บริษัทต้องเพิ่มจำนวนรางวัลชมเชยอีกหนึ่งรางวัล ด้วยความเห็นพ้องต้องกันของคณะกรรมการทุกท่าน ซึ่งเป็นครั้งแรกของการประกวดของเราที่มีการเพิ่มรางวัล"โต้โผใหญ่จัดกิจกรรม เผย


ภาพจิตรกรรมชื่อ “ภาพสะท้อนความรู้สึก” ของ สิทธิพนธ์ เลาะไชย์สงค์” นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับเลือกอย่างเอกฉันท์ให้คว้ารางวัลที่ ๑ โดยเจ้าของผลงานเผยความรู้สึกว่า ไม่คิดว่าภาพที่ส่งจะได้รางวัลชนะเลิศ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ส่งงานเข้าประกวดกับจิตรกรรมเอเซีย พลัส สิ่งที่เห็นเกิดจากการวิเคราะห์โจทย์ จังหวะ ดนตรี กวี ศิลป์ เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ


"ผมตีโจทย์ว่าความรู้สึกของคนมันเกิดขึ้นเมื่อคนๆ นั้นมีประสบการณ์ อย่างความเป็นไทยมันก็เป็นรากเหง้าที่อยู่ในตัว แล้วผมเองเป็นคนที่เล่นดนตรี ผมเล่นกีตาร์กับพิณ เคยอยู่ในวงดนตรีพื้นบ้านมาด้วยครับ ทุกอย่างมันคงอยู่ข้างใน พอเราสำรวจความรู้สึกข้างในตัวเอง มันก็เป็นอะไรที่ลุ่มลึกซับซ้อน เป็นขาว เป็นดำ เหมือนในรูปนี้ถึง่ใช้ชื่อว่าภาพสะท้อนความรู้สึก ส่วนเทคนิคที่ใช้เป็นเทคนิคช่างไทยโบราณ เอากระดาษมาฉลุให้เป็นรู แล้วให้ผ้าขาวห่อสีฝุ่น เป็นเหมือนลูกประคบแล้วก็วางเฟรมขนานไปกับพื้น แล้วก็ลงสีฝุ่นแบบที่ต้องการ ก่อนจะเคลือบทับชิ้นงานอีกที ใช้เวลาสร้างสรรค์กว่า ๑ เดือนถึงเสร็จ” ศิลปิน อธิบายแนวคิดและวิธีทำงาน


หนึ่งในคณะกรรมการ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วิจารณ์ภาพนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า คนที่แสดงออกได้ชัดเจนและตรงประเด็นที่สุดอาจมีไม่มากนัก แต่ศิลปินที่ได้รางวัลชนะเลิศ สามารถนำเรื่องดนตรี กวี ศิลป์ มาประกอบเป็นเรื่อง สร้างสรรค์และแสดงออกมาได้ทั้งหมด มีเนื้อหา มีความงามของจังหวะ ลีลา ไพเราะ ลึกซึ้ง พลิ้วไหว งดงาม ทั้งรูปทรง พื้นผิว มิติ ที่นำมาทับซ้อนกันได้งดงาม และแสดงความเป็นตัวตนของชาติได้ เมื่อดูอย่างลึกซึ้งจะมีความเป็นไทยซ่อนอยู่ในจุดต่าง ๆ มากมาย เป็นความงามที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ถ้าเอาผลพวงตามโจทย์และการประกอบสร้างรูปภาพนี้จึงเข้าประเด็นที่สุด มีความเป็นเอกภาพ มีอัตลักษณ์ ใช้องค์ประกอบทางทัศนธาตุ จุด เส้น สี เรื่องราว ล้วนมีที่มาทางเทคนิคของไทยโบราณ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของภาพ แม้ภาพจะสื่ออกมาค่อนข้างเป็นนามธรรม แต่กลับชัดเจนมากกว่า ถือเป็นความลงตัว


ยังมีผลงานรางวัลอื่น ๆ ที่สื่อความหมายได้ล้ำลึก เช่น “ภาพจับสภาวะการทับซ้อนของจิต 2” ของศิลปินอิสระ วิมล เขียวมาก ที่คว้ารางวัลที่ ๒ เขานำคติธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาเรื่องการสำรวจตัวเองและการรู้ผิดชอบชั่วดีที่แสดงออกให้เห็นถึงจังหวะของการทับซ้อนเคลื่อนไหวต่อสู้กันมาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของพลังแห่งความงามและความขัดแย้งที่ถูกเก็บไว้ภายในใจของมนุษย์ พร้อมกับเน้นย้ำว่าทุกคนมีทั้งด้านมืดและสว่าง อย่าด่วนตัดสินใครเพียงภายนอก


ขณะที่หนึ่งผลงานรางวัลชมเชยชื่อ “ขอพรหมายเลข ๓”ของศิลปินสาว ธิดารัตน์ จันทเชื้อ นักศึกษาศิลปากรวัย ๒๓ ปี ที่ใช้เทคนิคผสมทั้งเย็บปักและสีอะคริลิกบนผ้าใบ บอกกล่าวแรงบันดาลใจว่า ในชีวิตประจำของเธอมีสิ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือการละหมาด อันหมายถึงการสดุดีต่อพระเจ้า และสิ่งที่กระทำต่อมาคือ การขอดุอาหรือการขอพรให้กับตัวเอง ครอบครัว และคนรอบข้างอันเป็นที่รักอยู่เสมอ


ทั้งนี้ งานนิทรรศการจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๕ เปิดให้ชมทุกวันถึง ๗ สิงหาคมนี้ (ยกเว้นวันพุธ) ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น. หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถนนราชดำเนิน











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














เป่าตี เสนาะก้อง ประลองเพลง



สำนักการสังคีต กรมศิลปากร หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่อนุรักษ์และส่งเสริมเผยแพร่ศิลปะการแสดงในทุกแขนงของไทยเราและตั้งแต่ในอดีตนั้นถ้าจะเอ่ยถึงบุคลากรในด้านดนตรีไทยของกรมศิลปากรแล้วทุกท่านก็จะต้องคิดถึง ครูมนตรี ตราโมช เป็นอย่างจริงแท้แน่นอน เพราะว่าท่านเปรียบเป็นบิดาในด้านเพลงระบำรำฟ้อน ไม่ว่าจะเป็นระบำโบราณคดีที่ว่ามาตั้งแต่ ระบำเชียงแสน ทวาราวดี ศรีวิชัย ลพบุรี และอื่น ๆ อีกมากมายนั้นล้วนมาจากมันสมองของครูมนตรี ตราโมช ซึ่งก็ยังไม่รวมเพลงที่ท่านได้ประพันธ์เอาไว้ในวาระโอกาสต่างๆ ที่สำคัญ เช่น “โหมโรงรัตนโกสินทร์” ที่ท่านประพันธ์เอาไว้เนื่องในงานเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ มีวาระครบ ๒oo ปีเมื่อ ๒๕๒๕ และถ้าจะนับผลงานที่ท่านได้ประพันธ์เอาไว้ในทุกชนิดเพลงแล้วนั้นท่านมีผลงานการประพันธ์เพลงไทยเดิมมากกว่า ๒oo เพลงและถ้าจำไม่ผิดท่านน่าจะเป็นท่านแรกของรางวัลยกย่องชูเกียรติศิลปินแห่งชาติสาขาดนตรีไทย เมื่อปี ๒๕๒๘ รวมถึงท่านได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตที่ต้องบอกว่านับสถาบันกันไม่ถ้วน และสิ่งที่ผมมองว่าสำคัญที่สุดของวงการศึกษาและดนตรีไทยนั้นก็คือหนังสือ “ศัพท์สังคีต” ที่ท่านได้เป็นผู้เขียนเอาไว้ให้พวกเรานักดนตรีไทยและครูดนตรีไทยได้เอาไว้ใช้อ้างอิงกันเป็นตัวอักษรจนถึงทุกวันนี้และเป็นคนแรกอีกด้วยครับ


แต่ว่าถ้าเราจะเอ่ยถึงทางฝ่ายศิลปะการแสดงนาฏศิลป์หรือโขนละครกันบ้างแล้ว ในอดีตกรมศิลปากรคงจะต้องนึกถึงชื่อ "อาจารย์เสรี หวังในธรรม" ซึ่งท่านนี้เป็นนักจัดการแสดงที่ทำให้ศิลปวัฒนธรรมไทยเรานั้นมีชื่อโด่งดังไปหลายประเทศ ส่วนในบ้านเราก็จัดรายการแสดงต่าง ๆ ของกรมศิลปากรในยุค ๔o กว่าปีที่ผ่านมา ได้อย่างตราตรึงหลากหลายรูปแบบและที่สำคัญท่านก็จะจัดประจำอยู่ที่โรงละครแห่งชาติแบบชนิดที่เรียกว่าปักหลักเรียกผู้ชมให้เข้ามาด้วยความคิดอันสุดยอดของท่าน ตัวอย่างเช่นรายการ “ศรีสุขนาฏกรรม” ที่ยังสามารถลากยาวให้ลูกหลานสำนักการสังคีตในยุคนี้ได้จัดตามกันมาจนถึงทุกวันนี้


ส่วนผลงานความคิดของอาจารย์เสรี หวังในธรรม ที่ทำให้ตัวผมประทับใจและยังคิดถึงท่านอยู่เสมอก็คือ “รายการดนตรีไทยพรรณนา” นี่แหละครับ ก็คือท่านจะจัดการประชันวงปี่พาทย์เสภาไปตามยุคตามสมัยที่มีนักดนตรีไทยแจ้งเกิดขึ้นมาหรือวงไหนกำลังมีนักระนาดเอกฟอร์มร้อนแรงจากเวทีอื่น ๆ ท่านก็จะจับขึ้นมาประชันกับวงที่มีฝีมือใกล้เคียงกันในภายใต้ชื่อรายการนี้ ณ โรงละครแห่งชาติของท่าน ขออนุญาตใช้คำว่าของท่าน เพราะในยุคนั้นรวมถึงยุคนี้คงไม่มีนักจัดรายการท่านใดที่จัดการแสดงในโรงละครแห่งชาติแล้วสามารถที่จะเรียกผู้ชมให้มาจ่ายสตางค์เพื่อเข้าชมการแสดงศิลปะแบบไทย ๆ เราให้ได้เหมือนกับท่านอีกแล้วครับ


รายการดนตรีไทยพรรณาของท่านอาจารย์เสรี หวังในธรรมได้จัดเป็นครั้ง ๆ เช่นครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ หรือ ๓ อะไรแบบนั้นซึ่งผมจำได้ว่าเมื่อปี ๒๕๑๖ ท่านได้จัดนักระนาดชื่อดังในยุคนั้น “ครูสุพจน์ โตสง่า” ก็คือคุณพ่อของผมขึ้นประชันวงกับสิงห์ ๓ จังหวัด “ผู้ใหญ่ประเสิร์ฐ สดแสงจันทร์” ซึ่งครั้งนั้นโรงละครแห่งชาติถึงกับต้องใช้เก้าอี้เสริม และท่านก็ยังได้จัดปี่พาทย์ประชันวงในรายการดนตรีไทยพรรณนาขึ้นอีกนับสิบครั้งและทุก ๆ ครั้งก็สามารถเรียกผู้ชมได้เต็มจำนวนความจุของโรงละครแห่งชาติจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ก็เลยทำให้รายการดนตรีไทยพรรณนานั้นเงียบเหงาหายไป และทางสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ก็ได้รื้อฟื้นรายการนี้ขึ้นมาอีกแต่ก็จัดให้นักดนตรีปี่พาทย์ในสังกัดได้ขึ้นประชันกันเองและบางครั้งก็จะเป็นการจัดแบบให้มีการแสดงดนตรีไทยแบบอื่น ๆ เข้ามาบ้าง เช่น การบรรเลงของวงเครื่องสายซึ่งมิได้มุ่งเน้นแต่ในการประชันวงปี่พาทย์เพียงอย่างเดียวและก็จะมีชื่อเรียกเป็นตอนต่างๆ ไม่ได้ใช้ชื่อเรียกเป็นครั้งที่ ๑ หรือครั้งที่ ๒ อย่างเช่นอาจารย์เสรี หวังในธรรมยังมีชีวิตอยู่


แต่ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้จัดรายการดนตรีไทยพรรณนา ขึ้นมาอีกครั้งโดยใช้ชื่อตอนว่า “เป่าตี เสนาะก้อง ประลองเพลง” แต่ก็จะเป็นการประชันวงปี่พาทย์เสภาเต็มรูปแบบและจริงจังดั่งเช่นครั้งเมื่ออาจารย์เสรี หวังในธรรม นั้นยังมีชีวิตอยู่ เพราะจะเป็นการประชันวงปี่พาทย์ของนักดนตรีรุ่นหนุ่มที่มีฝีไม้ลายมือในระดับแนวหน้าของวงการดนตรีไทยระหว่าง “วงกุญชรดุริยะ” ควบคุมวงโดย อาจารย์เกรียงไกร อ่อนสำอางค์ อาจารย์หนุ่มไฟแรง กับ วงมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ควบคุมวงโดย อาจารย์วิบูลย์ธรรม เพียรพงษ์ ผู้ที่เคยผ่านสังเวียนการประชันแห่งนี้มาแล้วเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่ม ครั้งนี้ด้วยทั้ง ๒ วงนั้นเป็นนักดนตรีดาวรุ่งต่างฝ่ายนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะซึ่งกันและกันนั้นสามารถสร้างอรรถรสในการชมได้อย่างแน่นอน เอาเป็นว่าวันศุกร์ที่ ๑๗ นี้พบกันที่โรงละครแห่งชาติเวลา ๑๗.oo น. ดำเนินรายการโดย อาจารย์กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ ศิลปินชื่อดังแห่งสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ผู้นี้แหละที่จะมาดำเนินรอยตามอาจารย์เสรี หวังในธรรมในยุคนี้ ส่วนรายละเอียดเข้าชมติดต่อได้ที่ o-๒๒๒๔-๑๓๔๒ ครับ



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














นิทรรศการ "คุณข้าว"



“คุณข้าว” นิทรรศการแนว “สัมผัสศาสตร์” ที่ผู้ชมต้องสัมผัสงานประติมากรรม ๕ ชิ้น ผ่านดวงตา หู จมูก ลิ้น และมือ เพื่อปลุกความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชาวนาและข้าว อันเป็นรากเหง้าของคนไทย ผลงานความคิดสร้างสรรค์ของทีม “หัดบิน” นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเป็น ๑ ใน ๓ ทีมผู้ชนะโครงการ “ปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม ครั้งที่ ๕” หรือ Young Muse Project ที่จัดขึ้น เพื่อค้นหาคนเยาวชนรุ่นใหม่ที่รักและสนใจงานพิพิธภัณฑ์ ให้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสานงานสร้างสรรค์ และต่อยอดกระบวนการเรียนรู้ของพิพิธภัณฑ์ไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้รูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด Discovery Museum


นิทรรศการงานศิลป์ “คุณข้าว : The Favor of Rice” จัดแสดงระหว่างวันที่ ๗ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ชั้น ๕ (ปิดวันพุธ)


มิวเซียมสยาม ร่วมกับ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ชวนเสพย์นิทรรศการงานศิลป์ “คุณข้าว” ประติมากรรมซ่อนกล สะท้อนความสุขชาวนา ด้วย “สัมผัสศาสตร์” รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส แนวคิดเทพ ๆ สร้างสำนึกรักษ์ข้าวไทย สไตล์นักพิพิธภัณฑ์รุ่นใหม่ผลงานความคิดสร้างสรรค์ของทีม “หัดบิน” นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ๑ ใน ๓ ทีมผู้ชนะจาก Young Muse Project 5 หรือ โครงการปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม ครั้งที่ ๕


สอบถาม โทร. o๒-๒๒๕-๒๗๗๗ ต่อ ๔๒๙ หรือ //www.facebook.com/museumsiamfan
แผนที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ



ภาพและข้อมูลจาก
queengallery.org
contestwar.com














มิวเซียมเฟสติวัล ๒o๑๕



เทศกาลแห่งการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ที่รวมพิพิธภัณฑ์ทั่วอีสานไว้ในงานเดียว สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ร่วมกับ สำนักวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ๓o พิพิธภัณฑ์ในภาคอีสาน ชวนเที่ยวงาน “Museum Festival 2015” เทศกาลพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.ขอนแก่น ร่วมเรียนรู้รากลึกของอีสานผ่านพิพิธภัณฑ์ในตอน “ข้าว เกลือ โลหะ” จุดเริ่มต้นวัฒนธรรมอีสาน


ตลอดงานพบกับนิทรรศการความรู้ เรื่องราว และวัตถุพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ ข้าว เกลือ โลหะ จากพิพิธภัณฑ์ในภาคอีสาน ๓o แห่ง สนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้มากมาย อาทิ ฟังนิทานท้องถิ่น ทำหน้ากากผีขนน้ำ ทำว่าวสะนู สาธิตการตำข้าว เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน อาทิ วงโปงลางแสนเมือง จากโรงเรียนหนองเรือวิทยา วงกู่แคน จากภาพยนตร์เรื่องผู้บ่าวไทบ้านอีสานอินดี้ วงกันตรึมและมโหรีอีสานใต้ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ และเลือกซื้อสินค้าทางวัฒนธรรมประยุกต์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร


มาร่วมเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์กับ “Museum Festival 2015” เทศกาลพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ – ๑๘ กรกฎาคม เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. ๒๕๕๘ ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น


เข้าร่วมงานฟรี!!



ภาพและข้อมูลจาก
museumsiam.org














ท่องเที่ยว วิถีไทย ก้องไกลทั่วโลก



อารยา อรุณานนท์ชัย ประธานจัดงาน พร้อมด้วย ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ , ดร.ท่านผู้หญิง ภรณี มหานนท์ , คุณหญิงจามรี สนิทวงศ์ฯ , ดร.มนวิภา ประชัญคดี และแขกผู้มีเกียรติร่วมถ่ายภาพกับตัวแทนทีมชนะเลิศ

โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูนร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดงานประกวดแกะสลักผัก-ผลไม้ ผสานงานใบตอง ดอกไม้สด ครั้งที่ ๑๗ ในหัวข้อ“ท่องเที่ยว วิถีไทย ก้องไกลทั่วโลก” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น ๓ ของโรงแรม โดย อารยา อรุณานนท์ชัยประธานจัดงานประกวดกล่าวว่า แนวคิดของงานประกวดในปีนี้เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๓ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม นี้ และรัฐบาลประกาศวาระแห่งชาติปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้ถึงภาพลักษณ์ด้านบวกจากความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความรัก ความสามัคคี ความปลอดภัยและมิตรไมตรีของคนไทย โดยเฉพาะความสุข ความรื่นเริง ความเป็นอยู่แบบไทยที่พบเห็นได้ทุกถิ่นทั่วไทย ที่เชื่อมโยงความรู้สึกของนักท่องเที่ยวให้เข้าถึงวิถีไทย


เป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนุกสนานและเปิดประสบการณ์ใหม่ของชาวต่างชาติ ให้ได้เข้ามาเรียนรู้และสัมผัสเอกลักษณ์ วิถีความเป็นอยู่แบบ ด้านอาหารการกิน คือวิธีการปรุงอาหาร มารยาท รสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ ด้านการแต่งกาย การแต่งกายที่ผิดแผกกันออกไป ตามภูมิภาค วัสดุวิธีแต่งกาย, ด้านที่อยู่อาศัย ลักษณะของที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาค,ด้านประเพณี งานบุญ งานประเพณีตามแบบความเชื่อ ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น, ด้านภาษา ภาษาที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ภาษาโบราณ ภาษาสมัยใหม่ภาษาอินเตอร์เนต, ด้านอาชีพ การทำงานเพื่อการดำรงชีพในแนวทางต่าง ๆ การเกษตร การประมง การช่าง การค้า, ด้านความเชื่อ เป็นความเชื่อ และศรัทธาในสิ่งต่าง ๆ เช่น ศาสนา อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ปรากฏการณ์พิสดารด้านศิลปะพื้นถิ่น เป็นภูมิปัญญาด้านศิลปะ ดนตรี ทัศนศิลป์ ศิลปะการต่อสู้ที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยทุกด้าน


การประกวดแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือประเภทโรงแรม-ประชาชนทั่วไป และสถาบันการศึกษา โดยผู้เข้าร่วมประกวดต้องนำผัก-ผลไม้ มาแกะสลัก ผสมผสานงานใบตอง ดอกไม้สด จำลองถ่ายทอดเป็นแนวความคิดท่องเที่ยววิถีไทยตามที่ได้กล่าวข้างต้น โดยทางโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียวกรุงเทพ ฟอร์จูน ได้เปิดห้องพักให้ผู้เข้าประกวดจากต่างจังหวัดได้เข้าพักฟรี พร้อมทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งอาหารเครื่องดื่ม ฯลฯ และผู้เข้าประกวดทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรอันทรงคุณค่าจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย ผู้สนใจสามารถสอบถามและสมัครการประกวดได้ฟรีที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน โทร. o๒-๖๔๑-๑๕oo ต่อ ๑๑๒๗-๙



















ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














เยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นร่วมงานเศกาลกิโมโนเฟสติวัล ครั้งที่ ๔๓



เยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นร่วมงานเทศกาลกิโมโนเฟสติวัล ครั้งที่ ๔๓ คณะเยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมไทยเตรียมเดินทางไปร่วมงานแสดงวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นที่แสดงถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายชุดกิโมโน ที่จัดขึ้นทุกปีในประเทศญี่ปุ่น ชื่อว่า “เทศกาลกิโมโนเฟสติวัล” ครั้งที่ ๔๓ พร้อมทำหน้าที่สร้างเสริมมิตรภาพและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ งานจัดขึ้นที่ เมืองโอซากา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘


นายสมชาย พหุลรัตน์ ประธาน TCN ในฐานะเลขาธิการสมาคมมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น (กิโมโน) และประธานโครงการเยาวชนมิตรภาพ-วัฒนธรรม เผยว่า ปีนี้สถาบันนิฮอนวาโสกากุเอน ได้กำหนดจัดงานแสดงวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “เทศกาลกิโมโนเฟสติวัล ครั้งที่ ๔๓ ซึ่ง ที่เมืองโอซากา โดยคณะกรรมการจากญี่ปุ่นได้เชิญเยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมจากประเทศไทย ไปร่วมแสดงวัฒนธรรมไทยในงานนี้อีกเช่นเคย และยังมีผู้แทนเยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมจากอเมริกา และจีน เข้าร่วมเป็นเกียรติในงานด้วยเช่นกัน แต่สำหรับประเทศไทย นอกจากคณะกรรมการสมาคม แล้ว ทางประเทศเจ้าภาพญี่ปุ่นได้จัดให้เยาวชนและคณะครูจากประเทศไทย ได้แสดงความสามารถโชว์ศิลปวัฒนธรรมของไทยในงาน ท่ามกลางคณาจารย์และนักเรียน-นักศึกษาวัฒนธรรมด้านกิโมโนจากทุกเมืองในประเทศญี่ปุ่น พร้อมแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐ-นักการเมืองร่วมทั้งภาคเอกชนธุรกิจ ที่มาร่วมงาน ตนเองในฐานะสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันนิฮอนวาโสกากุเอน (ญี่ปุ่น) และเป็นเลขาธิการสมาคม จึงได้มอบหมายให้อาจารย์มณฑิรา เดชจินดา เป็นผู้ดำเนินการจัดการแสดงวัฒนธรรมจากประเทศไทยไปร่วมงานในครั้งนี้


“ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะมาตลอด รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมของไทยได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่ โดยเฉพาะการอนุรักษ์แต่งกายชุดประจำชาติของญี่ปุ่นที่คนทั้งโลกรู้จัก จึงเป็นงานที่เด็กไทยได้แสดงความสามารถและแสดงวัฒนธรรมอันงดงามจากประเทศไทย ให้ชาวญี่ปุ่นซึ่งมาจากทั่วประเทศได้ชมศิลปะความสวยสดงดงามของไทย บนเวทีมิตรภาพ-วัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ในเมืองโอซากา


ชาวญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญการแต่งกายชุดประจำชาติ หรือชุดกิโมโน เป็นอย่างมาก เหมือนประเทศไทยเราก็ได้เห็นบุคคลสำคัญที่แต่งชุดพระราชทานผ้าไหมไทยอย่าง ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีฯ แล้วก็ได้เห็น ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทย โดยให้ครม.ของท่านแต่งกายด้วยชุดพระราชทานผ้าไหมไทยซึ่งผมเองเคยพูดในรายการวิทยุและรายการโทรทัศน์มาตลอดเป็นเวลาเกือบ ๒o ปี ว่าอยากเห็นครม.ของไทยใส่ชุดพระราชทานผ้าไหมในการประชุมในสภาบ้าง แล้วก็มาได้เห็นในยุคของ ฯพณฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งผ้าไหมไทยไปที่ไหนก็ได้รับคำชื่นชมตลอดว่าสวยงามมาก ซึ่งคณะกรรมการและเยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมของเรา ต้องเตรียมชุดพระราชทานและชุดผ้าไหมไทยไปใส่ในงานตลอดทุกปี


เลขาธิการสมาคมไทย-ญี่ปุ่น(กิโมโน)ฯ กล่าวต่อไปว่า ญี่ปุ่นกับประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน สถาบันแห่งนี้ได้สร้างเสริมมิตรภาพวัฒนธรรมกับประเทศไทยมาตลอด โดยเฉพาะประธานฯ สถาบัน มาดามฮิโรโก๊ะ มัสชึชีม่า ได้นำคณะคณาจารย์และนักแสดงกิโมโนมาโชว์ในประเทศไทยถึงสองครั้ง คือ งานเฉลิมพระชนมพรรษา ๖o พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และงานเฉลิมพระชนมพรรษา ๘o พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยกับญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน กระทั่งมาดาม ฮิโรโกะ ประธานสถาบัน เคยได้รับรางวัลเฟรนด์ออฟไทยแลนด์จากททท. ในยุคที่ เสรี วังส์ไพจิตร เป็นผู้ว่าฯ ททท. โดยได้เข้ารับรางวัลจาก ฯพณฯ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และตนเองได้สานงานต่อในงานแสดงกิโมโนเฉลิมพระเกียรติในประเทศไทย โดยมี อดีตผู้ว่าฯ ททท. สุรพล เศวตเศรณี, อดีตผู้ว่าฯ พรศิริ มโนหาญ และนายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ อดีตรองผู้ว่าฯททท. ให้การสนับสนุนในงานกิโมโนเทิดพระเกียรติทั้งสองครั้งดังกล่าว


สำหรับงานกิโมโนเฟสติวัล ทางญี่ปุ่นจะเวียนจัดขึ้นใน ๓ เมืองใหญ่คือ โอซากา โกเบ และเกียวโต ครั้งนี้เยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมจากประเทศไทยได้เตรียมการแสดงไว้ทั้งหมด ๔ ชุดด้วยกัน โดย ๒ ชุดแรกจะแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับ และอีกวันเป็นงานกิโมโนเฟสติวัลครั้งที่ ๔๓ สำหรับรายชื่อคณาจารย์ และคณะเยาวชน ที่ร่วมเดินทางประกอบด้วย ม.ล.ฉัตราภรณ์ ศรีปัญญา, อาจารย์มณทิรา เดชจินดา, อาจารย์ศิริธร สายทอง, น.ส.นฤมล มะลังพันธ์, น.ส.นันทพันธ์ พงศ์กัณฑ์เอนก, ด.ญ.ขวัญชนก นามประดิษฐ์, ด.ญ.ชมณิชา จอมพารา,ด.ญ.วรินทร์ทิรา สุขุมเจริญจิต, ด.ญ.นภาดา ศรีปัญญา, ด.ช.ภูธดา ศรีปัญญา, น.ส.รุจิรา เลิศณรงค์ฤทธิ์, ด.ญ.ณัชชา จักราบาตร, ด.ช.ภัทรพล สุขุมเจริญจิต, ด.ญ.มัณฑนา อัศวแสงรัตน์, ด.ญ.กัลยวีร์ พงศ์กัณฑ์อเนก และด.ช.ณัฐศิวัช พงศ์กัณฑ์อเนก ซึ่งก่อนเดินทางเยาวชนชุดนี้ได้แสดงความสามารถเพื่อออกอากาศในรายการทราเวิลแอนด์เฮลท์วาไรตี้ ทางช่องบางกอกแชนนอล-ไอเอ็นเอ็น(ไอพีเอ็ม ๖๒ จานส้ม) และครั้งนี้ก็จะนำบรรยากาศการแสดงทั้งหมดของคณะเยาวชนมิตรภาพวัฒนธรรมไทยในญี่ปุ่น มาออกอากาศในรายการอีกด้วย





สมชาย พหุลรัตน์ เลขาธิการสมาคมไทย-ญี่ปุ่น(กิโมโน)ฯ



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
alotrip.com














ฟังเจ้าของร้าน ‘พูดเป็นนิยาย’ ใน ‘คาฟคาเฟ่เสวนา’ ครั้งที่ ๑



คงไม่ใช่แค่ชื่องาน ชื่อร้าน และสถานที่หรอกนะที่พาเรามาถึงที่นี่...แต่เพราะ Kafkafe’ Talk ที่ ร้านกาแฟ Kafkafe อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่มีเจ้าของชื่อ เรืองกิตติ์ รักกาญจนันท์ และจัดงานเปิดตัวหนังสือ ๕ เล่ม ของนักเขียนรุ่นใหม่ ๕ คน...นั่นต่างหาก ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้หลาย ๆ ต้องเดินทางจากแดนไกลมาถึงตรงนี้อย่างสมัครใจ!


ในหัวข้อ “เปลือยตัวละครไร้รากในโลกที่สูญหาย” ที่พวกเขาร่วมกันเปิดเปลือยเรื่องสาระ-ไร้สาระ ที่นำพาให้ค้นหาความหมายชีวิต ในเรื่องเล่าของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ : สวนโลก จเด็จ กำจรเดช : หรือเป็นเราที่สูญหาย รัตนชัย มานะบุตร : ลิงเปลือย สุวิชานนท์ รัตนภิมล : พันธุ์ไร้ราก ศิริวร แก้วกาญจน์ : สายลมเร่ร่อน และตัวละครของคนอื่น


พร้อมกับที่มาที่ไป และแรงบันดาลใจของนักเขียนหนุ่มแล้ว ยังอิ่มไปด้วยดนตรี บทกวี บนลานหญ้าหน้าไฮกุเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้


เราได้ฟังบทเพลงแห่งซองกาเรีย การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น มอญ-กะเหรี่ยง เสียงใส ๆ เพราะ ๆ ของน้องจัสมิน และยินเสียงนกกวี จาก เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์, อังคาร จันทาทิพย์, จเด็จ กำจรเดช, สุวิชานนท์ รัตนภิมล, ศิริวร แก้วกาญจน์, มุทิตา, เสี้ยวจันทร์ แรมไพร ฯลฯ ท่ามกลางฝนพรำชุ่มหญ้า


เย็นย่ำจนถึงค่อนดึกวันนั้น นอกจากความสนุกสนานและมีสาระแล้ว ยังทำให้เรารู้ว่า ทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงทิ้งทุกอย่างไว้ที่กรุงเทพ มาตั้งรกรากอย่างเงียบ ๆ ตรงนี้


“มาสัมผัสสังขละครั้งแรก ก็ตกหลุมรักเลยครับ ชอบบรรยากาศ ชอบผู้คน ชอบธรรมชาติ ชอบความสงบ เงียบ เรียบง่าย ชอบความหลากหลายทางวัฒนธรรมของที่นี่ และชอบร้านกาแฟที่นี่ ที่เจ้าของเดิมทำไว้ในชื่อ graph caf钔 เรืองกิตติ์ คนคุ้นเคยกับกลุ่มนักเขียนนักอ่าน บอกความรู้สึก


“ในวันที่มีงานเฉลิมฉลองสะพานมอญที่ซ่อมเสร็จหลังเกิดเหตุการณ์สะพานขาดเกือบสองปี ผมได้เดินทางมาร่วมงานด้วย ได้สัมผัสบรรยากาศของการร่วมแรงร่วมใจของผู้คนที่นี่ ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา ที่ต่างพากันมีความสุขที่สะพานซ่อมสำเร็จ


สะพานมอญเป็นสะพานที่เกิดจากความศรัทธา เป็นสะพานที่มีคุณค่าทางด้านจิตใจของผู้คนที่นี่ ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวก็จริง แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างช้าๆ เติบโตอย่างเรียบง่าย”


อาจไม่ใช่แค่ถูกจริต แต่ทว่าชะตาได้นำพาให้เขาได้โอกาสที่มากไปกว่านั้น...


ในวันที่เจ้าของเดิมเตรียมย้ายร้าน graph café’ ไปลงหลักปักฐานที่เชียงใหม่ เขากำลังหาคนมาทำร้านต่อจากเขา เรืองกิตติ์ได้มานั่งจิบกาแฟและสนทนาเรื่องร้านกับเจ้าของร้าน และบอกความในใจว่าเขารักที่นี่มาก และสนใจอยากจะมาทำร้านต่อจากเขา


เจ้าของร้านเดิมได้ฟังความฝันหลาย ๆ อย่างที่เรืองกิตติ์อยากจะมาทำที่นี่ จึงมองข้ามบางอย่างไป


“ผมติดขัดตรงที่ผมไม่มีเงินมากพอที่จะมาสานต่อกิจการของเขา ที่มีทั้งร้านกาแฟ และเกสต์เฮ้าส์ บรรยากาศน่ารัก ๆ สไตล์ญี่ปุ่น ชื่อไฮกุเกสต์เฮ้าส์ ผมขอเวลาเขาสองเดือนเพื่อกลับไปหาเงิน ในวันที่ถึงวันนัดหมาย ผมก็ยังหาเงินได้ไม่ครบ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่สังขละกำลังเริ่มบูม เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมก็เลยส่งข้อความไปบอกเขาว่าผมขอสละสิทธิ์ให้กับคนที่มีความพร้อมมากกว่าผม...”


แม้ว่าตอนนั้นเรืองกิตติ์หาเงินได้แค่ครึ่งเดียว ขณะที่มีคนสนใจที่อยากจะมาทำต่อประมาณสามสี่คน และพร้อมที่จะโอนเงินมาให้เลยทันที! แต่เจ้าของร้านก็เปิดทางให้...


"เขาอยากให้ผมมาทำต่อจากเขามากกว่า เพราะสิ่งที่ผมคิดฝัน เขาชอบความคิดเรามาก เพราะเราบอกเขาว่าจะทำเป็นร้านหนังสือด้วย อยากจะเอาหนังสือของสำนักพิมพ์ผจญภัยที่เราทำและของเพื่อน ๆ มาวางในร้าน พร้อมกับจัดกิจกรรมเกี่ยวกับหนังสือหนังหา การเขียน การอ่าน และงานเชิงวัฒนธรรม เขาก็เลยให้ผมแบ่งจ่ายเป็นสองงวด งวดแรกเอาเท่าที่มีอยู่ งวดที่สองอีกสองสามเดือนค่อยมาจ่าย และเขาก็อยากให้เราเข้ามาทำเลย เพราะว่าสังขละกำลังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวขึ้นมามากมาย และที่พักไฮกุในเดือนธันวาคมที่มีคนจองเข้ามาและโอนเงินเข้ามาแล้ว ซึ่งเป็นยอดเงินที่เยอะอยู่ เขาจะยกยอดนี้ทั้งหมดให้กับเรา ถ้าเราเริ่มต้นทำเลยในเดือนธันวาคมเราก็จะมีเงินสมทบอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าของเดิมเขาก็ใจดีมาก ๆ พยายามที่จะช่วยเราทุกอย่างเพื่อให้เราได้มาทำตามความฝันที่นี่ ซึ่งตรงนี้ผมก็ขอบคุณเขามาก ๆ ที่ให้โอกาสผมได้เข้ามาสานต่อ...


งานกิจกรรมเปิดตัวหนังสือ ๕ เล่ม ในวันที่ ๔ กรกฎาคมที่ผ่านมาจึงเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในความฝันที่เขาอยากจะทำ


จึงเป็นคำตอบของทั้งหมด เพราะไม่แค่มีใจมาในครั้งแรกเท่านั้น แต่ถึงบรรทัดนี้ (พวก) เราคงจะต้องมากันอีก...หลาย ๆ ครั้งแน่!



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














"ภาพเมือง" ที่คุณอยากเห็น เป็นอย่างไร ?



ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปของเมืองในทุกขณะ ภาพเมืองที่คุณและคนอื่นๆ อยากเห็น เป็นอย่างไร? ชวนไปร่วมเสนอแนะและหาคำตอบได้ใน งาน TUDA 2015 ซึ่งจัดโดย สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย หรือ สสผ. (Thai Urban Designers Association - TUDA) ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน


ซึ่งปีนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ นิทรรศการผลงานการออกแบบเมือง ภายใต้หัวข้อ “เจ้าพระยา คลอง เมือง” ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น ๑ ศูนย์การค้าสยามพารากอน


ประกอบด้วยผลงานจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาคม ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรุงเทพมหานคร, การรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย, ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยามหาสารคาม, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง, สมาคมผู้ประกอบการริมแม่น้ำเจ้าพระยา, สมาคมเรือไทย, ดิจิตอล คอมมูนิตี้, กลุ่มสถาปนิกผังเมืองรุ่นใหม่, ตลาดยอดพิมาน, เรือด่วนเจ้าพระยา, เรือเจ้าพระยาครุยส์, ทีซีซี แลนด์, ดี ไอ ดีไซนส์ เป็นต้น


โดยทางสมาคมฯ หวังว่านิทรรศการที่นำเสนอในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งแวดวงอาชีพสถาปัตยกรรมและผังเมือง, ผู้กำหนดนโยบายพัฒนา, นักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนและเมือง ตลอดจนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไป


นอกจากนี้นิทรรศการยัง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรนิทรรศการในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น.


รวมไปถึง เสวนาเรื่อง "เจ้าพระยา กับ สถาปัตยกรรมผังเมือง" และ “เจ้าพระยา คลอง เมือง” ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๙.๓o น. - ๑๘.oo น. ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น ๕ ศูนย์การค้าสยามพารากอน


เป็นการเสวนาเพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุปที่ดีสำหรับการออกแบบพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศและเป็นอัตลักษณ์สำคัญของเมืองหลวง ที่กำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในอนาคตอันใกล้นี้ และจะเชื่อมต่อไปสู่พื้นที่เมืองในส่วน อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งเสวนาในครั้งนี้เป็นการเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นถึงการสร้างภาพเมืองที่อยากเห็นร่วมกัน


ภายหลังจากการเสวนาแล้ว จะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๕๘ ของ สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย ซึ่งในปีนี้เป็นวาระสำคัญ เพราะนายกสมาคมฯ (ภราเดช พยัฆวิเชียร) และกรรมการชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลง จึงจะประกาศแต่งตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่(วิชัย ตันตราธิวุธ) และกรรมการชุดใหม่ขึ้น มารับช่วงต่อการบริหารงานระยะต่อไปอีก ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙)























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














Gushing Out My Confession



นิทรรศการศิลปะ "Gushing Out My Confession" ผลงานโดย นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ (Naraphat Sakarthornsap) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๘ กรกฎาคม - ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ Whitespace Gallery Bangkok


"Confession" คำสารภาพอาจจะเป็นคำที่ออกมาด้วยความรู้สึกผิด การถูกบีบบังคับหรือแม้แต่จิตที่รู้สำนึก ภาพถ่ายชุดนี่จึงเป็นผลลัพธ์ของความรู้สึกในส่วนที่รู้ดีที่สุดรู้ชั่วที่สุดหรือแม้แต่ความก้ำกึ่งระหว่างความดีและความเลว ฉันระบายทุกความรู้สึกผ่านการพูดทั้งในชีวิตประจำวันและการพิมพ์ข้อความระบายผ่านโซเชี่ยลมีเดีย เป็นระยะเวลา ๑ ปี ผลงานชุดนี้จึงเป็นความรู้สึกจากการจดบันทึกเรื่องราวและการบำบัดจิตใจในด้านมืดของฉัน ภาพทุกภาพ ดอกไม้ทุกชนิดและข้อความทุกข้อความจึงเป็นเสมือนสมุดที่บันทึกเรื่องราวบางอย่างที่ฉันได้แอบซ่อนเอาไว้ ผลงานชุดนี้จึงเป็นการสารภาพและบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างที่อัดอั้นในใจของฉันที่ตัวฉันในชีวิตประจำ วันไม่สามารถพูดได้แต่งานศิลปะชุดนี้สามารถพูดแทนตัวฉันได้...


ARTIST BIO

นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ จบการศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลงานส่วนมากของเขาแสดงออกโดยใช้ดอกไม้เป็นตัวดำเนินเรื่องราว และใส่ข้อความเป็นตัวเล่าเรื่องเพื่อทิ้งรหัสลับบางอย่างเอาไว้ให้ผู้ชมงานได้มีส่วนร่วมในการไขไปสู่คำตอบแท้จริง สืบเนื่องจากในวัยเด็กเขาชอบดอกไม้มาตั้งแต่จำความได้ ดังจะเห็นได้จากภาพถ่ายในวัยเด็กของเขามักจะมีดอกไม้อยู่ในมือเสมออีกทั้งตามหน้าสมุดและหนังสือเรียนของเขาจะเต็มไปด้วยข้อความต่าง ๆ มากมายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียนเลยเขาจึงมักใช้ภาพถ่ายควบคู่ไปกับการเขียนข้อความที่แฝงนัยยะสำคัญเอาไว้ในงานเสมอสิ่งเหล่านี้จึงส่งผลให้งานของเขาดูเหมือนจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่แท้ที่จริงแล้วกลับแฝงความลับบางอย่างไว้ในงานอย่างแนบเนียน ซึ่งสิ่งที่เขาอยากให้คนอื่นได้เห็น จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากให้คนอื่นได้รับรู้ทั้งหมดก็เป็นได้


ผลงาน

๒๕๕๓ รางวัลรองชนะเลิศการถ่ายภาพหัวข้อ “รักนี้ไม่มีเงื่อนไข”โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร

๒๕๕๕ ได้ถูกคัดเลือกเพื่อรับทุนการศึกษาส่งเสริมการทำงานศิลปะ โดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

๒๕๕๕ ได้ถูกคัดเลือกเพื่อรับทุนสร้างสรรค์งานศิลปะโครงการทุนมูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร

๒๕๕๖ แสดงผลงาน Video Art ร่วมกับคุณคามิน เลิศชัยประเสริฐ ในงาน “สภาวะที่ไร้ซึ่งการดำรงอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง” ที่ หอศิลป์วิทยนิทรรศน์ ศูนย์วิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

๒๕๕๖ แสดงงานศิลปะภาพถ่าย Always ที่ Soul and Space Gallery


วันและเวลา : ๑๘ กรกฎาคม - ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : ไวท์สเปซ แกลลอรี่



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com















นิทรรศาการศิลปะจากพิณเปี๊ยะ เชียงใหม่-ลำปาง



นิทรรศาการศิลปะจากพิณเปี๊ยะ เชียงใหม่-ลำปาง : Art Exhibition from Lanna chest-resonated stick zither, Pin Pia ผลงานโดย อภิรักษ์ เจียรพินิจนันท์ (Apirak Jianpinidnun) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๖ กรกฏาคม - ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ Gallery Seescape


แกลลอรี่ ซีสเคป ภูมิใจนำเสนอ
นิทรรศาการศิลปะจากพิณเปี๊ยะ
เชียงใหม่-ลำปาง
โดย อภิรักษ์ เจียรพินิจนันท์
เสาร์ที่ ๑๖ กรกฏาคม ถึง อังคารที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
เปิดนิทรรศการ เสาร์ที่ ๑๖ กรกฏาคม เวลา ๑๘ นาฬิกา
แกลลอรี ซีสเคป


เรียนเชิญทุกท่านพบกับนิทรรศการที่จะนำเสนอความเชื่อมโยงที่มีต่อพิณเปี๊ยะและงานช่างฝีมือ จากภาพประกอบทางวิศวกรรมเสียง หนังสือทฤษฏีทางฟิสิกส์ที่ยังอ่านไม่จบและยังคงไม่เข้าใจ เครื่องใช้ในครัวเรือนหรือเครื่องมือทำหาเลี้ยงชีพ ไปจนถึงหนังสือธรรมะและการพิมพ์ซ้ำแจกจ่าย ที่นำไปสู่การตีความใหม่ในวัตถุทางวัฒนธรรมบนพื้นฐานของคติความงามของท้องถิ่น โดยศิลปิน คุณอภิรักษ์ เจียรพินิจนันท์ และเราจะเห็นเสียงของเครื่องดนตรีโบราณผ่านทางภาพวาดพร้อมกัน



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














เชิญสื่อมวลชนร่วมงาน ประกาศผล “GREEN  RANGERS



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ CreativeMOVE ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมงาน ประกาศผล “GREEN  RANGERS สื่อสร้างสรรค์กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน” วันจันทร์ที่ ๒o กรกฎาคม ๒๕๕๘  ลงทะเบียนเวลา ๑๓.oo น. ณ ห้องประชุมชั้น ๑o ตึกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดย นางภัทรพร สิทธิวนิช ผอ.ฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว –ททท.เป็นประธานในงาน


ความเป็นมาของโครงการ

เนื่องจากประเทศไทยมีธรรมชาติ วัฒนธรรมไทย และวิถีชีวิตชาวบ้านเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสเป็นจำนวนหลายล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากการจัดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวของสื่อต่าง ๆ ในต่างประเทศ หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามแม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับชุมชนแหล่งท่องเที่ยวและประเทศไทยแล้ว สิ่งที่ตามมากับจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นนั่นคือความต้องการใช้สิ่งของต่าง ๆ ก็มากขึ้นตามมา ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ในการใช้ทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยวอย่างสิ้นเปลือง อันก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวตามมา ดังนั้นเพื่อเป็นการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับแหล่งท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยหลักแนวคิด 7 Greens เพื่อร่วมกันส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกให้ช่วยกันดูแลรักษา ปกป้องทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติ และทรัพยากรทางวัฒนธรรม กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน กอรปกับปัจจุบันสื่อดิจิตอล โซเชี่ยลมีเดียมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันกับคนทั่วโลก จึงเป็นที่มาของโครงการ GREEN RANGERS การพัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวให้กับแหล่งท่องเที่ยว พร้อมแผนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์


รูปแบบกิจกรรม

 “โครงการ GREEN  RANGERS เป็นโครงการประกวดสร้างสรรค์โปรแกรมท่องเที่ยวและโปรโมท ๗ ชุมชนท่องเที่ยวสีเขียว โดยทำการคัดเลือก ๗ ทีมนักสร้างสรรค์ในเมืองไทยลงพื้นที่ไปสัมผัสประสบการณ์จริง ๕ วัน และร่วมกับชุมชนออกแบบเส้นทางกิจกรรมท่องเที่ยว ๒ วัน ๑ คืน แล้วกลับมาประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดประสบการณ์ความความประทับใจของตนเองผ่านบทความ ภาพถ่าย และคลิปวิดีโอ เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ โดยโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจะถูกนำไปในช่องทางการขายจริงทางออนไลน์ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกได้มีโอกาสไปสัมผัส เพื่อส่งเสริมการขายให้กับทั้ง ๗ ชุมชน และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป และผลตัดสินว่าทีมใดจะเป็นผู้ชนะจะตัดสินใจจากการเข้าชมและยอดกดไลค์จากผู้ชมทางบ้าน”


 โดย ๗ ทีมนักสร้างสรรค์ และ ๗ ชุมชนท่องเที่ยวสีเขียว ที่ผ่านการคัดเลือกจากทีมผู้สมัครนับร้อยทีม ประกอบด้วย ทีม Stay Journey – ไทยอิเลเฟนท์โฮม จ.เชียงใหม่, ทีม ไปไง มาไง - โรงเรียนหอมบ้านสมุนไพร จ.เชียงใหม่, ทีม Think Green - อุโมงค์โฮมสเตย์ จ.ลำพูน, ทีม Knack - กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ. สมุทรสงคราม, ทีม Travel Teller - กลุ่มท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด, ทีม เล - ชุมชนเกาะยาวน้อย จ.พังงา และ ทีม Vanillawalk – หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้ง ๗ ทีม ได้ร่วมกับชุมในการออกแบบเส้นทางและกินกรรมท่องเที่ยว ๒ วัน ๑ คืน พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านเป็นผู้ตัดสินด้วยจำนวนยอดไลค์ผ่าน //creativemove.com/greenrangers  ระหว่างวันที่ ๒o พฤษภาคม -  ๒o มิถุนายน ๒๕๕๘ ผ่านมา
 

กำหนดการ

๑๓.oo น. สื่อมวลชนลงทะเบียน / รับประทานอาหารว่าง

๑๓.๓o น. พิธีกรกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และเชิญผู้บริหาร ททท.และ  CreativeMOVE กล่าวถึง  วัตถุประสงค์และความเป็นมา ของโครงการ Green Rangers

๑๓.๔๕ น. แนะนำคณะกรรมการ  ชม VTR เบื้องหลังการลงพื้นที่ใน ๗ ชุมชน ของ ผู้เข้าแข่งขัน ทั้ง ๗ ทีม

๑๔.oo น. ประกาศผลทีมชนะเลิศ  

๑๔.๑๕ น. ถ่ายภาพหมู่ผู้บริหาร   

๑๔.๓o น. สัมภาษณ์ผู้บริหารตามอัธยาศัย / จบงาน

 
*หมายเหตุ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม



ภาพและข้อมูลจาก คุณจันทรธณี พิสิทธิพร (ปู)



บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2558
12 comments
Last Update : 17 กรกฎาคม 2558 17:54:23 น.
Counter : 3419 Pageviews.

 

ปั่นบล็อกใหม่ยังไม่เสร็จ อัพบล็อกบอกข่าวนิทรรศการงานศิลปะก่อน มีหลายงานที่น่าสนใจแล้วเวลากระชั้นมาก กว่าจะอัพบล็อกใหม่ได้งานคงวายซะก่อน ท่านใดสนใจก็แวะเวียนกันไปได้ค่ะ

 

โดย: haiku 16 กรกฎาคม 2558 23:50:55 น.  

 

น่าสนใจดีครับ ไปแล้วน่าจะได้อะไรกลับมา แต่รู้ข่าวช้าไปอะ เคลียร์เวลาไม่ทัน ><

+

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 17 กรกฎาคม 2558 0:59:52 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

haiku Art Blog ดู Blog

---------------------

คุณ Haiku เรียบเรียงนิทรรศการให้เลือกชมได้หลายแห่ง
ขอบคุณมากนะคะ
แต่ละนิทรรศการ ผู้จัดตั้งใจจัดอย่างเต็มที่ น่าสนใจมากค่ะ

นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 18 กรกฎาคม 2558 0:20:59 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ


คุณไฮกุรวบรวมปฏิทินงานศิลปะที่น่าสนใจมาไว้เยอะมากเลย
น่าไปทุกงานเลยนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 18 กรกฎาคม 2558 7:21:10 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณไฮกุ

มาเสพงานศิลป์เช่นเคยค่ะ

คราวนี้รวบรวมเรื่องราวศิลปะต่าง ๆ มากหลายเลยนะคะ

เสียดายที่วันนี้โหวตหมดกระเป๋าแล้ว ไว้ปอป้าจะมาโหวตให้นะคะ



และถ้ามีเวลาว่าง รบกวนไปช่วยเป็นกำลังใจให้ปอป้าหน่อยนะคะ

เนื่องจากส่งงานเข้าประกวดกะทีมงานบล๊อกแก๊งค์เค้าอ่ะค่ะ

เรื่อง (ภาพ) เล่าวันฝนพรำ วันนี้ลงเอ็นทรี่แรกเป็นน้ำจิ้มก่อน

ปอป้าทำไว้สองเอ็นทรี่ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

 

โดย: พรหมญาณี 18 กรกฎาคม 2558 13:08:13 น.  

 


มาชมงานศิลป์ด้วยค่ะ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ปีศาจความฝัน Movie Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog

 

โดย: newyorknurse 18 กรกฎาคม 2558 22:01:06 น.  

 

มาโหวตให้คุณไฮกุนะคะ

haiku Art Blog ดู Blog

 

โดย: พรหมญาณี 19 กรกฎาคม 2558 10:27:12 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ขุนเพชรขุนราม Sports Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Literature Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog

 

โดย: ชมพร (ชมพร ) 19 กรกฎาคม 2558 14:25:06 น.  

 

เมื่อวานแวะมาอ่านไปรอบหนึ่งแล้วแต่ยังไม่มีโควต้า
วันนี้เลยมาพร้อมกับกำลังใจค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog ดู Blog

 

โดย: เนินน้ำ 19 กรกฎาคม 2558 14:33:39 น.  

 

งานดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ

เสียดาย พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ห้ามถ่ายภาพนะคะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
anigia Parenting Blog ดู Blog
ปีศาจความฝัน Movie Blog ดู Blog
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 19 กรกฎาคม 2558 15:31:26 น.  

 

สวัสดีเย็นครับ

 

โดย: ก้อนเงิน 19 กรกฎาคม 2558 18:21:45 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



สวัสดีวันฝนตกแต่เช้า แต่ก็ยังร้อนมากๆค่ะพี่ไฮกุ





 

โดย: ญามี่ 20 กรกฎาคม 2558 10:27:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.