happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๑๘





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










เครื่องราชอิสริยยศฯ ภูมิทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน



จากละครอิงประวัติศาสตร์แทบทุกเรื่องที่ผ่านมาจนถึงละคร “ข้าบดินทร์” ในวันนี้ มักกล่าวถึงบุคคลผู้เป็นขุน หลวง พระยา และเจ้าพระยาซึ่งชวนให้คนพากันสนใจถึงตำแหน่งที่มีเครื่องประกอบอิสริยยศดังกล่าวมากขึ้น อาทิตย์นี้ขอตามหาภูมิรู้นี้ ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ ของ สำนักงานทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ในพระบรมมหาราชวัง โดยมี คุณชลทิตย์ ไชยจันทร์ ภัณฑรักษ์ชำนาญการได้อธิบายข้อมูลและนำชมทรัพย์สินที่มีค่าของแผ่นดินเป็นอย่างดี หลังจากได้ความรู้จากการรายงานผลการวิจัย การพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่มีพิพิธภัณฑ์เป็นศูนย์กลางฯที่สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาก่อนแล้ว





ดาราไอราพต สมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๔oo



ศาลาเครื่องราชอิสริยยศฯ แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย เดิมนั้นจัดแสดงเฉพาะเหรียญกษาปณ์ไทยเท่านั้น ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงานพระคลังข้างที่ในพระบรมมหาราชวังเป็นสถานที่จัดแสดง ครั้งแรกนั้นใช้ชื่อว่า “ศาลาเหรียญกษาปณ์ไทย” เปิดเมื่อวันที่ ๑๔ มษายน พ.ศ. ๒๕๑๙ ภายหลังเปิดบริการให้เรียนรู้แล้วปรากฏว่าเป็นที่สนใจจากผู้ชมทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่อมากรมธนารักษ์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พื้นที่ของอาคารสำนักงานพระคลังข้างที่เพิ่มเติมเพื่อจัดแสดงเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์” เปิดเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ พิธีเปิดทั้งสองวาระนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิด ปัจจุบันศาลาเครื่องราชอิสริยยศฯนี้ อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักทรัพย์สินฯ มีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์





ดาราตรามหาสุริยมณฑล รัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๑๑ สำหรับผู้สำเร็จราชการ



เครื่องราชอิสริยยศ เป็นทรัพย์ที่มีค่าของแผ่นดิน ล้วนเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศในพระราชพิธีสำคัญๆ ได้แก่ พระราชพิธีโสกันต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เครื่องทรงพระแก้วมรกต ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง ฯลฯ โดยชั้นแรกนั้นแสดงประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ และนิทรรศการหมุนเวียน ส่วนชั้นที่สองนั้นจัดแสดง ๑๒ ห้อง เป็นเรื่อง เครื่องภูษณาภรณ์ เครื่องอุปโภค รวมทั้งของใช้เบ็ดเตล็ดต่างๆ อันเป็นสิ่งของพระราชทาน โดยเฉพาะเสื้อครุยปฐมจุลจอมเกล้า ของรัชกาลที่ ๕, เครื่องอุปโภคสำหรับฝ่ายหน้า, เครื่องอุปโภคสำหรับฝ่ายใน, เครื่องประกอบพระอิสริยยศ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ, พระธำมรงค์ทองคำ และศีรษะเข็มขัดทองคำประดับเพชร และสายเข็มขัดทองคำถัก เป็นต้น เครื่องสิริมงคล สำหรับพระมหากษัตริย์พระราชทานให้บุคคลผู้มีตำแหน่งสำคัญของแผ่นดิน เช่น ประคำทองคำพร้อมดิ่ง, ตะกรุดทองคำลงประดับเพชร เป็นต้น เครื่องศาสตราวุธ สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางที่มีตำแหน่งสำคัญฝ่ายหน้า เช่น พระแสงกระบี่นาคสามเศียร พระแสงดาบญี่ปุ่น พระแสงดาบอย่างเทศเป็นต้น ดาราตราประจำตำแหน่ง ได้แก่ ดาราไอราพต ดาราตราช้างเผือกแบบต่าง ๆ ดาราตรามหาสุริยมณฑล, ดาราตราคชสีห์ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ และดาราตราราชสีห์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สำหรับตำแหน่งสมุหกลาโหม, ดาราตราพระยมทรงสิงห์ ตราตำแหน่งเสนาบดีกรมพระนครบาล และเครื่องที่ใช้ประกอบพระราชพิธีโสกันต์ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น พระเกี้ยวทองคำประดับเพชร และพระเกี้ยวทองคำลายสลัก และพระจุฑามณี หรือปิ่นปักมวยพระเกศาก่อนทำพิธีโสกันต์ พระชฎากลีบ สร้างสมัยรัชกาลที่ ๑ ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร, จั่นหมากทองคำ จั่นมะพร้าวทองคำ, ดอกจำปาทองคำ และดอกจำปาเงิน, ดอกพิกุล และแผ่นทองคำเขียนรูปราชสีห์ และเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทั้งสามฤดู เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ, พระแสงขรรค์ชัยศรี, ธารพระกร, วาลวิชนี พระแส้ และฉลองพระบาทเชิงงอน ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ภาพเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5เครื่องประกอบพระอิสริยยศพระองค์เจ้าในพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ และแสดงวิวัฒนาการเงินตราไทยตั้งแต่อดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน





พานพระศรีทองคำลงยาพร้อมเครื่อง สด. พระเทพรัตนราชสุดาฯ





ชฎาพระกลีบ รัชกาลที่ ๑ ให้พระบรมราชวงศ์





พระเกี้ยวทองคำลงยา ศิราภรณ์พระราชโอรส พระราชธิดาในโสกันต์





พระธำมรงค์นพรัตน์ อัญมณี ๙ ชนิด เครื่องสิริมงคลสมัยอยุธยา





ฉลองพระองค์ครุย ภูษาณาภรณ์เข้าเฝ้า





พระอู่พร้อมเสาสะดึง รัชกาลที่ ๕ สำหรับพระองค์เจ้าถึงเจ้าฟ้า



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
cokethai.com














Faith notes



ความศรัทธา ที่มีต่อสิ่งที่เป็นรูปเคารพหรือธรรมชาติรอบตัวเราและความเชื่อมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ส่งผลให้มนุษย์แสดงออกมา เพื่อเดินทางเข้าหา ความดี สิ่งนี้มีผลทางด้านจิตใจของมนุษย์ ให้มนุษย์สำนึกดี อยู่ในหลักธรรมคำสั่งสอน มีศีล สมาธิ ปัญญา มีธรรมชาติเป็นพลังขับเคลื่อนสร้างสรรค์ มีความรักแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ร่วมกัน มีมงคลในชีวิต มีความเป็นคนดีในการดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัวและเพื่อนร่วมโลกอย่างผาสุก
บรรจบ ปูธิปิน


ขัวศิลปะ เชียงราย ภูมิใจเสนอ นิทรรศการศิลปกรรมของ บรรจบ ปูธิปิน ในชื่อนิทรรศการ Faith notes : บันทึกความศรัทธา พิธีเปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ประธานในพิธีโดยคุณธนาคม เหล่าธนกิจ ณ ขัวศิลปะ เชียงราย พร้อมร่วมรับ “เหรียญแห่งความศรัทธา รัชกาลที่ ๕ เมื่อทรงผนวช พ.ศ ๒๔๑๖″ ไว้เป็นสิริมงคลได้ ในวันเปิดงานนิทรรศการ (มีจำนวนจำกัด)


บรรจบ ปูธิปิน ศิลปินชาวเชียงราย นักออกแบบโฆษณา ที่มีความหลงใหลและมีฝีมือในการวาดเส้น ทั้งดินสอดำ ถ่านหรือเกรยอง ในการถ่ายทอดความรู้สึกของผู้คน สถานที่ต่าง ๆ และผลงานที่ศิลปินได้นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นผลงานเทคนิควาดเส้น ซึ่งแสงเงา น้ำหนัก นำเสนอ เรื่องราวความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากชาวพุทธในประเทศศรีลังกา

นิทรรศการ : Faith notes
ศิลปิน : บรรจบ ปูธิปิน
วันที่จัดแสดง : ๑๑ ก.ค. – ๒๕ ส.ค. ๒๕๕๘
สถานที่ : ชั้นสอง หอศิลป์ Art Bridge เชียงราย (ABCR)
โทรศัพท์ : o๕๓-๑๖๖-๖๒๓ , o๘๘-๔๑๘ ๕๔๓๑
Email : artbridge.cr@gmail.com
//www.facebook.com/artbridgechiangrai,
https://www.facebook.com/events/729633027163722/











ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














ศิลปะเพื่อพ่อ ปีที่ ๓



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตร Mthai และ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดงานประกาศผลพร้อมมอบรางวัลการประกวดผลงานประติมากรรมจากกระดาษ (Paper Mache) แบบ ๓ มิติ โครงการ “Art for the KING ปี ๓” ในหัวข้อ “ข้อความจากใจถึงในหลวง” เวทีที่ให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านงานศิลปะ สอดแทรกคำสอน ตั้งเตือนใจเป็นศิลป์อนุสรณ์เทิดพระเกียรติ และส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก นายนพดล ภาคพรต ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ เซ็นทรัลเวิล์ด


นายนพดล ภาคพรต ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม ททท. กล่าวว่า “โครงการ Art for the KING เกิดขึ้นจากแนวความคิดที่ต้องการให้เยาวชนรุ่นใหม่ ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากขึ้น โดยมีการจัดทำกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เยาวชนทั่วประเทศศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำมาแสดงออกผ่านผลงานศิลปะ ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในแบบของตนเอง อีกทั้ง เป็นการปลูกจิตสำนึกให้กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ก่อให้เกิดความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ





โฉมหน้าผู้ชนะเลิศกับผลงาน little hope



“ในด้านการท่องเที่ยวนั้น ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์สิ่งดึงดูดความสนใจใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่สนใจงานศิลป์ เพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ท่องเที่ยว อันจะช่วยดึงดูดให้มีผู้ไปเยี่ยมชมงานศิลป์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น และอีกทั้ง ยังเป็นการ ปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์งานประติมากรรมที่มีคุณค่าให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวในประเทศต่อไปในอนาคต สำหรับในปีต่อไป งาน Art for the King จะพัฒนารูปแบบใหม่ ให้ต่างชาติทั่วโลกได้รับทราบถึงความรักที่คนไทยมีต่อในหลวง ผ่านงานศิลปะซึ่งเป็นตัวกลางในการสื่อสารที่ลึกซึ้งอยากให้ทุกท่านคอยติดตาม”


โครงการ “Art for the KING ปี ๓” ในหัวข้อ “ข้อความจากใจถึงในหลวง” มีเยาวชนคลื่นลูกใหม่ให้ความสนใจส่งผลงานประติมากรรมจากกระดาศแบบ ๓ มิติ เข้าประกวดกว่า ๖o ชิ้นงาน จาก ๖o มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และผ่านการคัดกรองเข้าสู่รอบสุดท้ายเพื่อนำผลงานมาจัดแสดงนิทรรศการเพียง ๑๕ ชิ้นงาน





นพดล ภาคพรต



ผลงานที่ได้รับรางวัลประติมากรรมยอดเยี่ยม รับทุนการศึกษา ๑oo,ooo บาท พร้อมโล่และประกาศนีย บัตร คือผลงานชื่อ “little hope” ของทีม One On Try จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ คณะจิตรกรรม ได้แก่ นายวัลลภ ป้อมเกิด นายชลภัท สุภัทธนิกกุล และนางสาวอรสุภางค์ เกียรติอุทัย โดยทีมเล่าถึงไอเดียในการสร้างชิ้นงานว่า มาจากเรื่องราวที่ในหลวงทรงเห็นความสำคัญในการส่งเสริมด้านการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ ทรงจัดตั้งโรงเรียนในชนบทต่าง ๆ ซึ่งพวกตนมองว่าถ้าไม่มีโอกาสทางการศึกษา ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร? เด็กน้อยจน ๆ เยาวชนมากมาย จะอยู่กินอย่างไรหากไม่ได้รับโอกาสนี้ จึงเกิดผลงาน little hope ชิ้นนี้ขึ้นมา ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเห็นเรื่องเล็กน้อยของประชาชนยิ่งใหญ่เสมอ พวกเราใช้เวลา ๑ เดือนเต็มในผลิตผลงานชิ้นนี้ ตั้งแต่ทำแม่พิมพ์ปิดท้ายด้วยนำกระดาษหนังสือเรียนที่ไม่ได้ใช้แล้วของน้อง ๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดมาแปะทำเป็นเปเปอร์มาเช่เด็กผู้ชายกำลังใส่ชุดนักเรียน


นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสำคัญๆ อาทิ รางวัลประติมากรรมดีเด่นอันดับ ๑ ได้แก่ ผลงานชื่อ เรารักในหลวง ของทีมบ้านนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง รับทุนการศึกษา ๗o,ooo บาท รางวัลประติมากรรมดีเด่นอันดับ ๒ ได้แก่ ผลงานชื่อ ตามรอยพ่อ ของ Su Team มหาวิทยาลัยศิลปากร รับทุนการศึกษา ๕o,ooo บาท ทุกทีมยังได้รับโล่เกียรติยศและประกาศนียบัตร อาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละทีมยังได้รับประกาศนียบัตรพร้อมเงินสด ๑๕,ooo บาท ๑o,ooo บาท และ ๕,ooo บาท ตามลำดับ รางวัลประติมากรรมสร้างสรรค์ จำนวน ๖ ทีม ได้รับทุนการศึกษาทีมละ ๑๕,ooo บาท พร้อมโล่เกียรติยศและประกาศนียบัตร และรางวัลชมเชย ๖ ทีม ได้ทุนการศึกษาทีมละ ๓,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร





ผลงาน ‘ตามรอยพ่อ’ รับรางวัลประติมากรรมดีเด่น อับดับ 2



ทั้งนี้ ผลงานประติมากรรมทั้ง ๑๕ ชิ้น ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของโครงการทั้งหมดนี้ จะจัดแสดงเป็นนิทรรศการ ร่วมด้วยผลงานประติมากรรมของศิลปินอาชีพชื่อดัง โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี สร้างสรรค์ผลงาน Giant installation art “The Yellow Seed” เป็นประติมากรรมยักษ์ ๓ เมตร มาร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ด้วย ผู้ที่สนใจสามารถชมผลงานประติกรรม “ข้อความจากใจถึงในหลวง” จาก โครงการ “Art for the KING ปี 3” ตั้งแต่วันนี้ - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๘ ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และร่วมสนุกลุ้นรับ Voucher จาก Central World โดยการถ่ายภาพ Selfie กับตุ๊กตา yellow seed ได้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันนี้ - ๓o มิถุนายน อัมรินทร์ พลาซ่า ระหว่างวันที่ ๑-๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และที่ ดิจิตอลเกตเวย์ สยามแสควร์ ระหว่างวันที่ ๑๗ กรกฎาคม – ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ พร้อม #แฮชแท็กข้อความจากใจของท่าน #Artfortheking9 ไปยังหน้าเฟสบุ๊คของโครงการ //www.facebook.com/artfortheking9 หรือ IG: Art for the King 9 ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
FB Art for the King














9 th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise 2015



กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน "9 th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise 2015 ปณิธานความดีถวายองค์นารีรัตนา ๖o พรรษา สยามบรมราชกุมารี” เพื่อยกระดับสู่ความเป็นสากล ต้อนรับการเข้าสู่ AEC พร้อมกระตุ้นให้คนไทยสนใจ และรักในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้


นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังแถลงข่าวการจัดแสดงและประกวดกล้วยไม้ ในงาน 9 th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise 2015 ปณิธานความดีถวายองค์นารีรัตนา ๖o พรรษา สยามบรมราชกุมารี ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีวัตถุประสงค์เพื่อฉลองพระชนมายุ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยกระดับการจัดงานกล้วยไม้ระดับชาติของไทยสู่ความเป็นสากล ต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ส่งเสริมธุรกิจกล้วยไม้ไทยในวงกว้าง พร้อมกระตุ้นให้คนไทยสนใจ และรักในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้อย่างต่อเนื่อง


นายชวลิต กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของกล้วยไม้ที่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทยได้มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน จนถือเป็นพืชสัญลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีศักยภาพในการขยายตลาด จึงมีนโยบายผลักดันให้ตลาดกล้วยไม้ไทยขยายตัว ทั้งตลาดบริโภคภายในประเทศและตลาดส่งออก ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและ "ยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙” โดยใช้กลยุทธ์เพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดส่งออก ส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้คุณภาพ พัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม พัฒนาองค์กร และส่งเสริมการใช้และสนับสนุนการส่งออก เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกกล้วยไม้ของไทย โดยมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกกล้วยไม้ให้ได้มูลค่าเพิ่มขึ้น


การจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้นให้มีความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนโยบายของรัฐบาล จึงได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพโดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน โดยร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ แบบบูรณาการ ประกอบด้วย กรมวิชาการเกษตร สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย สมาคม/ชมรมกล้วยไม้ต่างๆ และศูนย์การค้าสยามพารากอน


นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จะมีการจัดประกวดต้นกล้วยไม้ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรมีการพัฒนาการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีการพัฒนาพันธุ์พืช และเป็นการเชิดชูเกษตรกรที่คิดพัฒนากล้วยไม้จนได้นวัตกรรมใหม่ จึงขอเชิญชวนผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ปลูกเป็นอาชีพหรือเป็นงานอดิเรก ส่งกล้วยไม้เข้าประกวดได้ ในวันที่ ๒o กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๘.oo – ๑๓.oo น. ณ บริเวณลาดจอดรถ ชั้น MA ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งมีการแบ่งประเภทถึง ๑๒o ประเภท ประกอบด้วย ๙ สกุล ได้แก่ ๑) สกุลแวนดาและสกุลแอสโคเซ็นดา ๒) สกุลคัทลียา และสกุลใกล้เคียง ๓) สกุลหวาย ๔) สกุลออนซิเดียม และสกุลใกล้เคียง ซิมบิเดียม แกรมมาโตฟิลลัม กล้วยไม้ดิน ๕) สกุลรองเท้านารี และสกุลใกล้เคียง ๖) สกุลฟาแลนนอปซิส และสกุลใกล้เคียง ๗) สกุลหวายแดง แมลงปอ อแรนดาและม็อคคารา ๘) กล้วยไม้พันธุ์แท้ และ ๙) กล้วยไม้ลูกผสมอื่นๆ และลูกผสมช่อแรกทุกสกุล โดยมีรางวัลยอดเยี่ยมที่จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึง ๑๒ รางวัล ได้แก่ รางวัลยอดเยี่ยมของงาน ๓ รางวัล ในประเภทกอ ประเภทต้นเดี่ยว ประเภทกล้วยไม้อลังการ และรางวัลยอดเยี่ยมของแต่ละสกุล จำนวน ๙ รางวัลด้วย



ภาพและข้อมูลจาก
moac.go.th
mostbeautifulorchid.com














ละครร้องสาวเครือฟ้าและมหกรรมสานศิลป์แผ่นดินอาเซี่ยน
ขุนอิน



ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๑ สมัยนั้นผมยังนุ่งกางเกงขาสั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๓ ที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร และจำได้อย่างแม่นยำว่า ในปีนั้นวิทยาลัยนาฏศิลปได้จัดแสดงละครร้อง เรื่องสาวเครือฟ้า และเปิดให้ประชาชนที่มีความรักและชื่นชอบในศิลปวัฒนธรรมไทยได้เข้าชมกัน ณ โรงละครแห่งชาติ และก็จัดแสดงทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๓ เดือน ซึ่งผมเองก็มีส่วนร่วมอยู่ในวงปี่พาทย์ที่ใช้ประกอบการแสดงในครั้งนั้นด้วยและการที่ละครสาวเครือฟ้าของวิทยาลัยนาฏศิลปได้จัดการแสดงอย่างยาวนานนับเดือนจึงทำให้ความทรงจำของผมไม่อาจจะลืมเลือนสิ่งที่แสนประทับใจต่อละครร้องเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องความรักอันแสนเศร้าของสาวชาวเหนือกับนายทหารหนุ่มเมืองหลวง รวมถึงภาษาพูดและฉากต่าง ๆ ที่แสดงถึงความเป็นวัฒนธรรมที่ดูงามตาของชาวภาคเหนือบ้านเรา และที่สำคัญก็คือเพลงที่บรรจุลงในบทร้องนั้นมีความไพเราะสุดบรรยายทุก ๆ เพลง เอาเป็นว่าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาตัวผมนั้นยังคงชื่นชอบเพลงยวนเคล้า ซึ่งคือหนึ่งในหลายสิบเพลงที่อยุู่ในละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า มาจนถึงทุกวันนี้ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งละครร้องแบบของไทยเราจะมีเสน่ห์อยู่ตรงที่ผู้แสดงนั้นจะร้องเพลงเองและมีเสียงร้องจากลูกคู่ในวงปี่พาทย์ไม้นวมที่ใช้ประกอบการแสดงนั้นคอยร้อง “เอื้อน” ให้กับผู้ที่แสดงบนเวที และก็จะเป็นเพลงไทยเดิมประเภท ๒ ชั้นเกือบทั้งหมด ซึ่งตรงนี้แหละครับ มันคือเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ตราตรึง ซึ่งจะว่ากันจริง ๆ แล้วนั้นมันเป็นอะไรที่เหมาะสมกับคนไทย ที่รักความเป็นไทย มากกว่าที่จะเป็นละครเวทีชนิดอื่น ๆ ครับ


แน่นอนครับที่เกริ่นกันมายืดยาวขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าทางมูลนิธิดุริยประณีต มีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรำลึก ๘๗ ปีครูสุจิต ดุริยประณีต จึงได้จัดแสดงละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า ให้พวกเราชาวไทยที่รักและชื่นชมในศิลปะวัฒนธรรมไทยนั้นได้ชมกันที่ หอประชุมใหญ่ กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ นี่เองครับ โดยการแสดงจะมีขึ้นในวันที่ ๕ กรกฎาคม ที่จะถึงนี้และจะจัดเป็น ๒ รอบ คือรอบ ๑๔.oo น. และ ๑๙.oo น. สำหรับผู้กำกับละครร้องสาวเครือฟ้าในครั้งนี้ก็คือ หม่อมหลวงจุลลา งอนรถ ซึ่งท่านเป็นผู้กำกับละครเวทีอย่างเรื่องนางเสือง ซึ่งเป็นละครของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชิณีนาถ ของพวกเราชาวไทยและยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายหลายเรื่อง ส่วนผู้แสดงนำก็ได้พระเอกจากภาพยนต์เรื่อง คนโขน คุณอภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ มารับบทเป็นร้อยตรีพร้อม ส่วนผู้รับบทเป็นสาวเครือฟ้าก็คือ คุณปานเกตุ ศาตะมาน พร้อมด้วยดาราสมทบ คุณญาณี ตราโมช ที่มารับบทเป็นเจ้าชายสายน้ำผึ้งและคุณนีรนุช ปัทมสูต รวมถึงท่านอื่น ๆ อีกมากมายหลายท่านครับ


เอาเป็นว่าผมหนึ่งคนที่จะไปร่วมชมการแสดงละครสาวเครือฟ้าในครั้งนี้ในวันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม นี้ด้วยครับ แต่จะเป็นรอบไหนก็ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพราะทราบมาว่า รอบบ่ายบัตรนั้นเต็มเกือบจะทุกที่นั่งแล้ว ยังไงก็รีบจองกันก่อนนะครับ ราคาบัตร ๓oo-๕oo บาทเท่านั้นเอง ติดต่อรายละเอียดได้ที่มูลนิธิดุริยประณีต หรือโทร o๘-๑๕๕๘-๔๓๙๗ ครับ


ยังครับเท่านั้นยังไม่พอกับของดีทางภาคเหนือบ้านเรา ถัดจากละครสาวเครือฟ้าเพียงไม่กี่วันในวันที่ ๑o-๑๑ กรกฎาคม ที่ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดงาน "มหกรรมสานศิลป์แผ่นดินอาเซียน" หรือ "Asean One Multicultural Festival 2015" โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำศิลปินแนว แจ๊ส และ คอนแทมโพรารี่ มิวสิก ทั่วทั้งอาเซียน มาแสดงบนเวทีเดียวกัน อาทิ Tran Manh Tuan จากประเทศเวียดนาม Lao Jazzanova จากประเทศลาว Rydsma Soriano จากประเทศฟิลิปปินส์ และอื่นๆ ครบถ้วนศิลปินภาคพื้นอาเซียน ส่วนศิลปินของไทยเรานั้นก็จะมี อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี พี่ต๋องเทวัญ ทรัพย์แสนยากรณ์ โก้มิสเตอร์แซกแมน And The Sound of siam หนึ่ง ETC วงบางกอกคอนเน็คชั่น และอื่น ๆ อีกหลายต่อหลายท่าน รวมถึงไฮไลท์ที่สำคัญของงานก็คือ AEC JazzJam ชื่อก็บอกอยู่แล้วล่ะครับว่าคืออะไร และศิลปินอีกท่านหนึ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ก็คือ “ขุนอิน” ตัวผมเองนี่แหละครับ งานแบบนี้มันพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับ เอาเป็นว่าวันที่ ๕ กรกฎาคม นี้เราจะไปชมละครสาวเครือฟ้า ที่หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ด้วยกัน และวันที่ ๑o -๑๑ กรกฎาคม พบกับผมและศิลปินไทย ศิลปินอาเซียนในงาน “มหกรรมสานศิลป์แผ่นดินอาเซียน” ที่ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ นะครับ สวัสดีครับ



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














เฟ้นหานักแสดงโขน‘เพชรเม็ดงามรุ่นใหม่’



ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดง “โขน” ขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปี ๒๕๕๘ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กำหนดจัดการแสดงโขน ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” ระหว่างวันที่ ๖ พฤศจิกายน–๖ ธันวาคม พร้อมจัดให้มีการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่ มาร่วมแสดงโขนในครั้งนี้ซึ่งจะเป็นการให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ พร้อมอนุรักษ์และเป็นตัวแทนในการเผยแพร่นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยมูลนิธิได้จัดการคัดเลือกรอบสุดท้ายและประกาศผลขึ้นเมื่อวันก่อน ที่ห้องเทเวศร์ อาคารหอประชุม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์


ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดงโขน ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” กล่าวว่า “นับเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่และน่าปลาบปลื้มใจ ที่ได้เห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ สนใจสมัครเข้ามารับการคัดเลือกเพิ่มขึ้นทุกปี จากในปีแรก ๆ ที่มีเพียงไม่กี่สิบคน จนกระทั่งมาถึงปีนี้ เรามีเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้ความสนใจร่วมสมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงระดับชาติในครั้งนี้ มากถึง ๘๔๕ คน ซึ่งจากการคัดเลือกในรอบที่ผ่านมาจนมาถึงในรอบนี้ จะเห็นว่านักเรียน นักศึกษา ที่สมัครมาแต่ละคน ล้วนมีพรสวรรค์และความสามารถไม่ยิ่งหย่อนกันเลยจริง ๆ”


ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯกล่าวว่า สำหรับในปีนี้ เรียกว่าได้รับความสนใจล้นหลามจากนักเรียน นักศึกษา ทั้งจากวิทยาลัยนาฏศิลปและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันมาร่วมสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทย ซึ่งในปีนี้จัดให้มีคัดเลือกนักแสดง จำนวน ๕ ตัวละคร คือ พระ(โขน) มีผู้สมัคร ๗๙ คน พระ(ละคร) มีผู้สมัคร ๒๑๓ คน นาง มีผู้สมัคร ๒๖๓ คน ยักษ์ มีผู้สมัคร ๑๔๓ คน และลิง มีผู้สมัคร ๑๔๗ คน รวมทั้งสิ้นมีผู้สมัครในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๘๔๕ คน ซึ่งแต่ละตัวละครจะได้รับคัดเลือกเพียงแค่ ๕ คนเท่านั้นจากผู้สมัครทั้งหมดนับได้ว่าได้รับกระแตอบรับที่ดีไม่แพ้ในปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว


ด้าน อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดง ยังได้พูดถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักแสดงครั้งนี้ด้วยว่า เกณฑ์การคัดเลือกของเรานั้น จะพิจารณาจากความสามารถของผู้แสดงเป็นหลัก โดยจะดูจากทักษะความสามารถตามบทบาทของตัวละคร โดยการคัดเลือกตัวแสดงแบ่งออกเป็น พระ(โขน) จะพิจารณาหน้าพาทย์ที่ใช้ในการแสดง กระบวนเฉพาะ การตีบทประกอบเพลงร้องและคำพากย์-เจรจา พร้อมทั้งกระบวนท่ารบ-ขึ้นลอย พระ(ละคร) ก็จะดูเพลงหน้าพาทย์ที่หลากหลายและการตีบทประกอบเพลงร้อง ส่วน ยักษ์ และลิง จะพิจารณาในเรื่องของกระบวนท่าหลัก การใช้อาวุธต่าง ๆ การตีท่าประกอบคำพากย์-เจรจา กระบวนท่ารบ-การรับลอย นอกจากนั้น จะดูภาพรวมของนักแสดงเยาวชนที่มาร่วมคัดเลือก ว่ามีความเหมาะสมกับบทบาทรวมทั้งการตีความของบทออกมาเป็นท่าทางต่าง ๆ ซึ่งการคัดเลือกโดยรวมในปีนี้ นับว่าเยาวชนไทยที่มีความสามารถที่เรียกว่าเป็นเพชรเม็ดงามมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้มีโอกาสมาฝึกฝีมือกับศิลปินอาวุโส จนกลายเป็นผู้ที่มีความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญของชาติในด้านศิลปวัฒนธรรมต่อไป


หนึ่งในคณะกรรมการ อาจารย์รัจนา พวงประยงค์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า ปีนี้เรียกว่าเป็นการคัดเลือกที่ยากมาก เพราะในปีนี้เด็ก ๆ มีความสามารถกันมากขึ้น มีพัฒนาการและการเตรียมตัวที่ดีมากขึ้น ทำให้เลือกยากมาก ซึ่งอยากจะขอบคุณเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย มาร่วมกันสืบทอดสืบสาน และอยากให้ตั้งใจกันแบบนี้ต่อไปในทุก ๆ ปี



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














30 ปี ศิลปะแสดงสด “จุมพล อภิสุข”
ศิลปิน Performance Art ยุคบุกเบิกของเมืองไทย



วาระ ๓o ปี บนเส้นทางการทำงาน ศิลปะแสดงสด หรือ Performance Art ของ จุมพล อภิสุข ศิลปินยุคบุกเบิกของวงการศิลปะแสดงสดเมืองไทย และผู้ก่อตั้ง "เทศกาลศิลปะแสดงสดนานาชาติ เอเชียโทเปีย" ล่าสุดผลงานจากการทำงานศิลปะแสดงสดทั้งในและต่างประเทศตลอด ๓o ปีของจุมพล ซึ่งคัดสรรโดย นพวรรณ สิริเวชกุล ถูกนำมาจัดวางให้ชมผ่านนิทรรศการ “ติด - ตั้ง - วาง - ฉับพลัน” ๓o ปี ศิลปะแสดงสด “จุมพล อภิสุข” ระหว่างวันที่ ๑ - ๒o กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.oo - ๑๙.๓o น. ณ สตูดิโอชั้น ๔ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


“ความท้าทาย ในการทำงานแสดงสดของผมในเวลานี้ มีสองประการ นอกเหนือจากเรื่อง ญาณทัศนะ คือขณะหนึ่งของความบันดาลใจที่เกิดขึ้นในระหว่างการแสดง ซึ่งเป็นภาวะที่ผมยินดีเสมอ แต่ในการแสดงระยะยาว จะเป็นภาวะที่ผมพยายามกดเอาไว้เพื่อจะได้ไม่หักเหเส้นทางที่มุ่งมั่นในการทำงานยาวนับชั่วโมง ความท้าทายประการหนึ่ง คือ การท้าทายแรงกำลังของตนเอง ว่าจะดื้อทนอยู่กับเวลาได้นานเท่าใด โดยสามารถรักษาสถานะของเรื่องราว และภาพ ที่ต้องการเสนอ โดยไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง หรือภาวะที่น่าสนใจอื่น ๆ ความท้าทายอีกประการหนึ่ง คือการสร้างสภาพ “การอยู่ร่วมกัน” กับผู้ชม เป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตร และพลังการสื่อสารที่ต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน” จุมพล บอกถึงแนวคิดการทำงานศิลปะแสดงสดของตน


จุมพล อภิสุข เริ่มเรียนศิลปะที่วิทยาลัยช่างศิลป์ และมหาวิทยาลัยศิลปากร และ เดอะมิวเซียมสคูลออฟ ไฟด์ อาร์ต เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เขายังได้มีโอกาสเรียนศิลปะกับศิลปิน จ่าง แซ่ตั้ง ในระหว่างปี ๑๙๖๘ - ๑๙๗o อีกด้วย จุมพลเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ศิลปะบ้านตึกจังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๙๓ ซึ่งถือเป็นชุมชนศิลปะแรกที่เปิดพื้นที่ให้กับการทำงานศิลปะแสดงสดในไทย


ในฐานะศิลปินจุมพลนับเป็นศิลปินอาวุโสของวงการศิลปะแสดงสดของประเทศไทย และเป็นศิลปินรุ่นบุกเบิกที่ยังคงทำงานศิลปะแสดงสดมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ บนพื้นที่ของ หอศิลป์พีระศรี เรื่อยมาจนถึงช่วงเวลาที่ริเริ่มเทศกาลศิลปะแสดงสดนานาชาติเอเชียโทเปีย อีกทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานการทำงานศิลปะแสดงสดในประเทศไทยอีกด้วย ปัจจุบัน จุมพลเป็นผู้อำนวยการเทศกาลศิลปะแสดงสดนานาชาติเอเชียโทเปียและศิลปินศิลปะแสดงสดที่มีผลงานรับเชิญไปแสดงและเป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับศิลปะแสดงสดในหลายประเทศทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า ๓o ปี


ตลอดนิทรรศการ “ติด - ตั้ง - วาง - ฉับพลัน” ๓o ปี ศิลปะแสดงสด “จุมพล อภิสุข” นอกจากผลงานของจุมพล ยังมีศิลปินรับเชิญท่านอื่นๆหมุนเวียนมานำเสนอศิลปะแสดงสดและร่วมสนทนากับผู้ชมทุกวัน ได้แก่ วสันต์ สิทธิเขตต์, สุรพล ปัญญาวชิระ , ไพศาล เปลี่ยนบางช้าง ,สมพงษ์ ทวี,จิตติมา ผลเสวก,มงคล เปลี่ยนบางช้าง, ผดุงศักดิ์ คชสำโรง, วิชชุกร ตั้งไพบูลย์ และ นพวรรณ สิริเวชกุล โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














นิปปอนเพนต์ ยังดีไซเนอร์อวอร์ด ครั้งที่ 8



บริษัท นิปปอนเพนต์เดคโคเรทีฟโคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ค้นหาสุดยอดสถาปนิกและนักออกแบบตกแต่งภายในรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมแข่งขัน นิปปอนเพนต์ ยังดีไซเนอร์อวอร์ด ครั้งที่ ๘ (Nippon Paint Young Designer Awards 2015)


ก่อนที่ผู้ชนะเลิศจะเป็นตัวแทนไปแข่งขันในเวทีระดับเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, จีน, ฟิลิปปินส์, ปากีสถาน, บังคลาเทศ, ศรีลังกา และปาปัวนิวกินี เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๕oo,ooo บาท พร้อมมีโอกาสได้ใกล้ชิดและรับเอาแรงบันดาลใจด้านงานออกแบบกับ พอล โนริทากะ ทางเกะ (Paul Noritaka Tanke) ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก


โดยแนวคิดของการแข่งขัน นิปปอนเพนต์ ยังดีไซเนอร์อวอร์ด ครั้งที่ ๘ ในปีนี้คือ ดีไซน์ วิ๊ท ฮาร์ท (Design with Heart) โจทย์ที่ท้าท้ายความสามารถของเหล่านักศึกษาด้วยการให้สร้างสรรค์พื้นที่และสภาพแวดล้อมให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้สอยร่วมกันอย่างมีความสุขของบุคคลในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี ผู้สูงวัยคนหนุ่มสาว และคนพิการ เพื่อที่จะเเป็นชุมชนของการอยู่ร่วมกันอย่างยังยืน


การแข่งขันแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ ประเภท Interior Design สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน ตั้งแต่ระดับชั้นปีที่ ๒ ขึ้นไป กับโจทย์การสร้าง พื้นที่ทำงาน (Work Space) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการดำเนินชีวิต (Work-life balance) ด้วยดีไซน์และนวัตกรรมที่โดดเด่น


และประเภท Architecture สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาสถาปัตยกรรม ตั้งแต่ระดับชั้นปีที่ ๓ ขึ้นไป กับโจทย์ พื้นที่ส่วนกลางของชุมชน (Community Center) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของชุมชนในฝันให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนในครอบครัวและชุมชนสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมร่วมกันได้


นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถสร้างสรรค์ผลงานออกแบบลงบนบอร์ดขนาด A2 จำนวน ๓-๔ แผ่น เพื่อนำเสนอภาพรวมของการออกแบบ และภาพการนำเสนอในแต่ละส่วนแบบ ๓ มิติ พร้อมคำอธิบาย ส่งเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๓o ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘


จากนั้นจะมีการประกาศผลผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวน ๑๒ ผลงาน แบ่งเป็น ประเภท Interior Design จำนวน ๖ ผลงาน และ ประเภท Architecture จำนวน ๖ ผลงาน ในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และมีการตัดสินรอบชิงชนะเลิศในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘


สอบถามข้อมูลที่ o-๒๔๖๒-๕๒๙๙ ต่อ ๓๖๔ หรือดูรายละเอียดที่ //www.asiayoungdesigneraward-th.com และ //www.facebook.com/YoungDesignerThailand



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














Living with Passion เป็นศิลปิน...ให้เป็นอาชีพ



นางบุษบา วิโรจน์โภคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานงานเปิดตัว การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ ๖ (6th UOB Painting of the Year Competition) ด้วยกิจกรรมเสวนา ณ ฮอฟ อาร์ต สเปซ ในหัวข้อ “Living with Passion เป็นศิลปิน...ให้เป็นอาชีพ” โดยมี คามิน เลิศชัยประเสริฐ ศิลปินไทยที่ได้รับการยอมรับนานาชาติ (ที่ ๓ จากซ้าย) และจารุต วงศ์คำจันทร์ (ที่ ๕ จากซ้าย) ภัณฑารักษ์และผู้ก่อตั้งฮอฟอาร์ต


พร้อมด้วย ศิลปินที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ UOB Painting of the Year ประจำปี ๒o๑๔ จากทั้ง ๔ ประเทศในอาเซียน ได้แก่ ศิลปชัย ชูจันทร์ จากประเทศไทย, แอนโทเนียส สุบิยันโต จากประเทศอินโดนีเซีย, มินสเตร็ล คุค ชิง เชีย จากประเทศมาเลเซีย และออม มี ไอ จากประเทศสิงคโปร์


นอกจากนี้ยังเชิญชวน ผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดจิตรกรรมยูโอบีได้ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ จุดรับผลงานที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา ชิงเงินรางวัลรวม ๑,๖๘o,ooo บาท พร้อมโอกาสในการแข่งขันระดับดับอาเซียนและโอกาสในการเป็นศิลปินในพำนัก ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.uobpoy.com



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














กางจอ 22 โตไปด้วยกัน



ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นปีแรกที่งาน “กางจอ” ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อนำเสนอผลงานของนิสิตชั้นปีสุดท้าย ภาควิชาการภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ผ่านมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ งานกางจอได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๒๒ ( บางปีไม่ได้มีการจัดงาน ) ภายใต้ชื่อว่า “โตไปด้วยกัน” เพื่อแสดงผลงานของนิสิตรุ่นที่ ๔๗ ของภาควิชาฯ โดยปีนี้นับเป็นครั้งแรกซึ่งนิสิตที่เลือกทำงาน “ภาพนิ่ง” ได้จัดนิทรรศการแยกออกมาจากกลุ่มที่ทำภาพยนตร์


โดยผลงาน ในส่วนของภาพนิ่งนี้ ประกอบด้วยผลงานของนิสิต ๕ คน ได้แก่ วรุตม์ วิมลคุณารักษ์, ลัลนา โชคพิทักษ์กุล, จิรนันท์ จันทิพพร , ชนากานต์ ร่องจิก และ แทนไท กุลธานี ซึ่งได้ถ่ายทอดประสบการณ์ เรื่องราวที่อยากนำเสนอผ่านเทคนิคการถ่ายภาพ ออกมาเป็น ภาพถ่าย 5 ชุด ในแบบฉบับและมุมมองของแต่ละคน


นิทรรศการภาพถ่าย “กางจอ 22 โตไปด้วยกัน” วันที่ ๔ - ๒๙ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ชั้น ๒ ของ HOF ART Residency



















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














เส้นทางสายไหมทางทะเล



ภาพเขียนสีน้ำมัน จำนวน ๔o ภาพ โดย เฝิง เส้าเสีย ศิลปินแห่งชาติของจีน สมาชิกสมาคมศิลปินจีน และรองผู้อำนวยการสถาบันภาพวาดมณฑลกวางตุ้ง ที่บันทึกเรื่องราวของการค้าขายระหว่างกันตามเส้นทางสายไหมทางทะเล เส้นทางการค้าที่มีมาอย่างยาวนานกว่าสองพันปี
นิทรรศการ "เส้นทางสายไหมทางทะเล" ระหว่างวันที่ ๓ -๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทุกวันพุธ - อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์และอังคาร) ณ ห้องนิทรรศการ ๑ -๔ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า จัดโดย กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร โดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย- จีน
เพื่อเฉลิมฉลอง ๕o ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน


ภาพเขียนชุดนี้ จัดแสดงครั้งแรกที่หอศิลป์แห่งชาติ เมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากสัญจรมาจัดแสดงที่ประเทศไทย ยังมีแผนนำไปจัดแสดงอีกหลายประเทศทั่วโลก







ภาพและข้อมูลจาก
FB Art Eye View














"บ้านเพื่อน = เพื่อนบ้าน"



จัดแสดง ณ หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต (อาคารหอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ชั้น ๒) ระยะเวลาการจัดแสดง ๒๖ พฤษภาคม - ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
กิจกรรมพิเศษเพื่อการประชาสัมพันธ์ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.oo - ๑๖.oo น.


นิทรรศการ "บ้านเพื่อน = เพื่อนบ้าน" เป็นการจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์และงานออกแบบร่วมกันระหว่างคณาจารย์และนักศึกษาจากคณะวิชาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ทำงานกับผู้คนในหมู่บ้านศาลาแดงเหนือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ภายใต้โครงการนิทรรศการแสดงผลงานสร้างสรรค์เพื่อชุมชนมาเป็นปีที่ ๕ แล้ว ด้วยมุ่งนำเสนอกระบวนการทางความคิด กระบวนการสร้างสรรค์และผลลัพธ์จากการบริการทางวิชาการแก่ชุมชน และแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากห้องเรียนและหลักสูตรกับบริบททางสังคมอย่างมีศักยภาพ ทำให้นักศึกษาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ และแบ่งปันซึ่งความรู้ให้แก่ชุมชนเพื่อนบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง







ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














พิพิธภัณฑ์หอศิลปกรรมเสมือนจริง



แบงก์ชาติเชิญชวนคนไทยยลงานศิลป์ ผ่านโลกออนไลน์กับนวัตกรรมใหม่ “พิพิธภัณฑ์หอศิลปกรรมเสมือนจริง” ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยโฉม “พิพิธภัณฑ์หอศิลปกรรมเสมือนจริง” (BOT Virtual Art Museum) ที่รวบรวมผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าของปรมาจารย์-ศิลปินเอกของไทยที่ ธปท.อนุรักษ์ไว้ให้สาธารณชนได้มีโอกาสสัมผัสกับงานศิลป์อันล้ำค่าได้ตลอดเวลา ผ่านทางโลก BOT websitehttps://www.bot.or.thเพื่อให้ผู้ชมทั่วไปสามารถเข้าถึงงานศิลป์ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์ในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ให้กับศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ และนักเรียน นักศึกษาด้านศิลปะ ที่จะสามารถซึมซาบและอิ่มเอมกับงานศิลป์อันล้ำค่าที่มีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ไม่ต่างจากหอศิลป์ที่ต้องเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเอง


พบกับสุนทรียภาพของผลงานศิลปกรรมที่โดดเด่น ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี อ.จักรพันธ์ โปษยกฤต อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อ.ประหยัด พงษ์ดำ อ.ช่วง มูลพินิจ และอีกมากมายหลายต่อหลายท่าน เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส คลิกเข้าไปเยี่ยมชมโลกศิลปกรรมล้ำค่า “พิพิธภัณฑ์หอศิลปกรรมเสมือนจริง” ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ BOT website รองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน



















ภาพและข้อมูลจาก
fineart-magazine.com














MOKA WORLD ART EXHIBITION


นิทรรศการแสดงผลงานภาพวาดอย่างเป็นทางการ
ครั้งแรกของ ปีณิฎา สุนทรรัตน์ (มด) หรือ Moka
ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานแนว Pop Surrealism
ชมนิทรรศการ Mokaworld ได้ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
ชั้น ๒ People’s Gallery ห้อง P 1 – P 2
ตั้งแต่วันที่ ๔ – ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘
เวลา ๑o.oo – ๒๑.oo น.
เปิดนิทรรศการวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
เวลา ๑๕.๓o น



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














นิทรรศการโครงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปวัฒนธรรม



นิทรรศการโครงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปวัฒนธรรม : Creative Arts and Culture Exhibition ผลงานโดย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และจะพิธีเปิดในวันที่ ๔ กรกฎาคม เวลา ๑๗ .oo น. ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : CMU Art Center


นิทรรศการโครงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปวัฒนธรรม
โดยคณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


นิทรรศการจะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
พิธีเปิดงานนิทรรศการในวันที่4 กรกฎาคม เวลา ๑๗.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














รอยสีริมทาง (The Colorful Pathway)



นิทรรศการ “รอยสีริมทาง” (The Colorful Pathway) โดย พรพรรณ ศรีธนาบุตร

เรื่องราวของงานชุดนี้จะมีความหลากหลายมากขึ้นกว่างานแสดงเดี่ยวชุดแรก (ชมนกชมกล้วยไม้) งานนี้จะหยิบเรื่องราว ความประทับใจจากสิ่งที่รายล้อมรอบตัว สิ่งที่พบเห็นจากการเดินทาง ความชอบส่วนตัว นำมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะด้วยเทคนิคสีน้ำบนกระดาษในแนวที่ตนเองถนัดคือแบบเสมือนจริง(Realistic) โดยเน้นการจัดองค์ประกอบภาพเป็นหลัก งานหลายชิ้นที่ได้ทำในช่วงหลังๆนี้จะมีการปล่อยพื้นขาว เล่นกับพื้นที่ว่าง มีการดีดสี สะบัดสี แสดงให้เห็นคุณสมบัติการซึมและการรุกรานของสี ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของสีน้ำ


ส่วนหนึ่งของงานนี้ยังมีชุดภาพบุคคล(Portrait) ที่เริ่มเขียนมาประมาณ ๓ ปี ที่คัดมาแสดงนี้จะเป็นภาพบุคคลที่เคารพ ชื่นชอบ เพื่อนและคนใกล้ตัว ผลงานครั้งนี้จะเป็นภาพสีน้ำเกือบทั้งหมด จะมีภาพเขียนด้วยเทคนิคพาสเทลเล็กน้อย


นิทรรศการ : รอยสีริมทาง (The Colorful Pathway)
ศิลปิน : พรพรรณ ศรีธนาบุตร
วันที่จัดแสดง: ๒๔ ส.ค.-๑๗ ก.ย. ๒๕๕๘
สถานที่: หอศิลป์จามจุรี ห้องจัดนิทรรศการ ๑ ชั้น ๑
โทรศัพท์ : o๘๑-๙๒๑-๔๓๒๘



















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














My Home by Worawit Kaewsrinoum



นิทรรศการจิตรกรรมชุด “เฮือน” เปิด ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๕๘ ๑๙.oo น. นิทรรศการแสดงตั้งแต่ 4 กรกฏาคม ถึง ๓o กันยายน ๒๕๕๘ Bar Bali Bistro ถ.พระอาทิตย์ ท่าพระอาทิตย์ กรุงเทพ ศิลปิน : วรวิทย์ แก้วศรีนวม ( Worawit Kaewsrinoum ) ชื่อนิทรรศการ : เฮือน (My Home) แนวความคิด : ข้าพเจ้าเดินหลงทางหา… ความฝัน ข้าพเจ้าเดินหลงทางหา…ความสุข ข้าพเจ้าเดินมุ่งหา…ตัวเอง ข้าพเจ้าหยุด…ตัวเอง ข้พเจ้าหันกลับ มาใน…. “เฮือน” ข้าพเจ้าเดินเข้าตามหา…ความสุข ที่อยู่ใน… “เฮือน” ข้าพเจ้าเห็น…ความจริง อยู่ใน…”เฮือน”


นิทรรศการ : My Home
ศิลปิน : วรวิทย์ แก้วศรีนวม
วันที่จัดแสดง: ๔ ก.ค.-๓o ส.ค. ๒๕๕๘
สถานที่: Bar Bali Bistro, ถ.พระอาทิตย์







ภาพและข้อมูลจาก
FB Worawit Kaewsrinoum














จังหวะดนตรีกวีศิลป์



ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหารและณินทิรา โสภณพนิช กรรมการบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ๕ ศิลปินชั้นครูของวงการศิลปะเมืองไทย อาจารย์อิทธิพล ตั้งโฉลก , อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, อาจารย์ปรีชา เถาทองอาจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ และ อาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ เตรียมเปิดตัวนิทรรศการจิตรกรรมเอเชีย พลัสครั้งที่ ๕ ในชุด “จังหวะดนตรีกวีศิลป์” โดยนำผลงานจิตรกรรมของศิลปินไทยรุ่นใหม่ ๒ มิติ ที่งดงามจนได้รับรางวัล รวมถึงผลงานที่เข้าตากรรมการมาร่วมจัดนิทรรศการ จำนวน ๔๕ ภาพ นิทรรศการเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๕ จะจัดขึ้นที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ถ.ราชดำเนินกลาง ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ วันที่ ๒ – ๓๑ กรกฎาคมนี้
เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














High on you



นิทรรศการศิลปะเดี่ยวของ อร ทองไทย ศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองกับงานสร้างสรรค์แนว Contemporary ของตัวเองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักในรูปแบบจิ๊กโก๋อกหัก โดยเลือกสื่อหลากหลายแบบ อาทิ สีอะคริลิคบนกระดาษสีน้ำ ประติมากรรมเหล็ก ประติมากรรมผ้า


จัดแสดง ที่ INK AND LION CAFÉ เอกมัย ซ.๒ ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม – ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ (ปิดทุกวันพุธ) เวลา ๙.oo – ๑๘.oo น.


นิทรรศการ : High on you
ศิลปิน : อร ทองไทย
วันที่ : ๓ กรกฎาคม – ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : INK AND LION CAFÉ (เอกมัย ซ.๒)
รายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๖๕o-๙o๙o # 105,108











ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2558
0 comments
Last Update : 5 กรกฎาคม 2558 9:28:22 น.
Counter : 3792 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.