Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
24 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
▶ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน aa7



▷▷ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน aa7

เจ๊ก (1)..

ที่อเมริกาถ้าคุณเป็นแฟนกีฬา (หรือเพียงชอบนั่งอืดในเก้าอี้นวมตัวสบายพลางจินตนาการว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมกีฬาที่โปรดปราน) ช่องเคเบิลที่คุณต้องสมัครคือ ESPN (ย่อจาก Entertainment and Sports Programming Network = เครือข่ายรายการบันเทิงและกีฬา)

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยักษ์ใหญ่ ESPN โดนสื่ออื่นจับมาเตะรอบวงโทษฐานนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ Jeremy Lin โดยพาดหัวด้วยคำที่เหยียดหยามชาวจีน

สำหรับท่านที่ไม่ได้ตามข่าว Jeremy Lin เป็นนักบาสทีม New York Knicks ผู้โด่งดังแทบจะชั่วข้ามคืน เพราะเป็นสิ่งที่หายากยิ่งใน NBA (National Basketball Association) นั่นคือเป็นคนเอเชียที่เก่งกาจปราดเปรื่องในการยิงลูกลงห่วง

นักบาส NBA ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ ตามด้วยผิวขาว แต่คนเอเชียที่เป็นนักบาสอาชีพก็มีเพียง Yao Ming เจ้าของความสูง 2.29 เมตร ซึ่งปัจจุบันก็แขวนรองเท้าไปแล้ว

ส่วน Jeremy Lin ก็ไม่ได้สูงมากมาย แค่ 1.90 เมตร ตำแหน่งก็เป็น point guard ไม่ใช่ center แต่ฝีมือส่อแววตั้งแต่เล่นบาสให้ทีมมหาวิทยาลัย Harvard แล้ว มาดังระเบิดก็ตอนที่ทำให้ the Knicks
ชนะรวดเจ็ดเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยพลิกเกมจากแพ้เป็นชนะอย่างไม่น่าเชื่อ

ความแพรวพราวของ Lin ในสนามบาสทำให้แฟน ๆ พากันคลั่งไคล้ Lin ชนิดที่ว่าถ้าเป็นเมืองไทยก็คงเรียกว่า “ลินฟีเวอร์” ไปแล้ว แต่ฝรั่งเรียกว่า Linsanity (เป็นการจับนามสกุลของเขาไปผสมกับ insanity = ความบ้าคลั่ง ซึ่งมักใช้ในภาษาสแลงหมายถึง ความไม่น่าเชื่อ)

หลังจากชนะเจ็ดเกมรวด the Knicks ก็มาพ่ายต่อ New Orleans Hornets ทำให้ ESPN พาดหัวข่าวยิงไปตามมือถือว่า Chink in the Armor

แม้ว่าสหรัฐจะให้สิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการพูดและแสดงความเห็น แต่บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด เช่นคำดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติอย่างคำว่า chink (ชิ่งค) = ไอ้เจ๊ก

ความฮือฮานั้น went viral (go viral = แพร่ขยายทางอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว) ไปทาง Twitter ทำให้ ESPN ต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณะและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก

พาดหัวที่ว่านี้เป็นการเล่นคำ โดยใช้สำนวนซึ่งใช้ chink ในอีกความหมายหนึ่ง.


▶▶เจ๊ก (2)..

Chink ถ้าใช้ในเชิงสแลงจะเป็นคำไม่ดี นั่นคือเป็นคำดูถูกเหยียดหยามที่ใช้เรียกชาวจีน ถ้าจะเป็นภาษาไทยก็คงเทียบเท่ากับ “ไอ้เจ๊ก”

คนอเมริกันก็คงจะเหมือนกับชาติอื่นแหละครับ ที่มักมองว่าชาติตัวเองดีกว่าเพื่อน ไม่เหมือนใคร จนเกิดศัพท์ทางวิชาการขึ้นมาว่า American exceptionalism = ความเชื่อว่าอเมริกาเป็นข้อยกเว้น มีความพิเศษในตัวเองที่ประเทศอื่นไม่มีวันเหมือนได้ ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายกฎกติกาต่าง ๆ ที่ประเทศอื่นต้องปฏิบัติตาม

แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วคนอเมริกันจำนวนมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้อยการศึกษา) ก็เหมือนกับชาติอื่น ๆ ในด้านความคับแคบของจิตใจ รวมทั้งความหวาดระแวงหรือดูถูกคนเชื้อชาติที่ต่างจากตน

ไม่ใช่ว่าผิวขาวแล้วจะไม่โดนดูถูกนะครับ ชาวไอริชหรือชาวอิตาเลียนที่หลั่งไหลมาอเมริกายุคแรก ๆ ก็โดนเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาษาสแลงอเมริกันจะอุดมไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติอื่น

การที่ ESPN พาดหัวข่าวว่า Chink in the Armor อาจ
มองได้ว่าเป็นการเหยียดหยามความเป็นจีนของ Jeremy Lin โดยนำคำว่า chink เสนอในบริบทของสำนวนที่ใช้คำนี้ในความหมายอื่น เพื่อที่จะเป็นข้ออ้างว่าไม่ได้ตั้งใจดูถูก สำนวนมันพาไปเอง

Chink ในบริบทของสำนวนนี้ความจริงแปลว่า รอยแตก หรือ จุดโหว่ ส่วน armor (อ๊าร์เหม่อร์) ก็แปลว่า ชุดเกราะ รวมกัน chink in the armor ก็แปลว่า จุดอ่อนในชุดเกราะ

ความจริงถ้า ESPN นำสำนวนนี้ไปใช้กับทีมที่ไม่มีคนจีนเล่นก็อาจไม่มีใครว่าอะไร แต่ในเมื่อ Jeremy Lin เป็นตัวชูโรงของ the Knicks และข่าวชิ้นนั้นออกมาในแนวเย้ยการจบสิ้น winning streak (= การที่ชนะรวดหลาย ๆ เกมติดกัน) ของ the Knicks ก็เลยตีความได้ว่าการพาดหัวเช่นนั้นอาจมีเจตนาลบหลู่ดูแคลนกัน

ถ้าคุณเคยเติบโตท่ามกลางฝรั่งผิวขาวก็อาจเคยโดนล้อในความผิวเหลือง ความตาตี่ ฯลฯ และถ้าเป็นที่อเมริกา คำว่า chink นี่แหละครับ จะเป็นคำที่คุ้นหูมาก หรือไม่ก็ Chinaman ซึ่งก็เป็นคำดูถูกเหมือนกัน แต่ยังแรงน้อยกว่า chink.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 02-616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod


▶▶เจ๊ก (3)..

สมัยโบราณตอนที่ชาวจีนไปอเมริกาใหม่ ๆ คำที่ใช้เรียกพวกเขาคือ Chinaman ซึ่งก็ตรงไปตรงมาดี ทำนองเดียวกันกับ Frenchman หรือ Englishman

แต่วิธีการใช้คำทำให้ Chinaman กลายเป็นคำที่มีนัยดูถูก เพราะชาวจีนสมัยโน้นไม่ได้เดินทางไปอเมริกาอย่างเต็มภาคภูมิเฉกเช่นชาวอังกฤษหรือชาวฝรั่งเศส แต่ไปในฐานะกรรมกรสร้างทางรถไฟในรัฐแคลิฟอร์เนียช่วง the Gold Rush = ยุคตื่นทอง คุณผู้อ่านที่เคยดูหนังเช่น Shanghai Noon หรือ Kung Fu หนังทีวีจากเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ก็คงพอเห็นภาพว่ากรรมกรชาวจีนในยุคนั้นมีความเป็นอยู่อย่างไร

สิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะจำได้คือชาวจีนสมัยนั้นเป็นที่ดูถูกดูแคลนโดยคนผิวขาวอย่างมาก ในแคลิฟอร์เนียไม่มีระบบทาส เพราะเป็นดินแดนที่บุกเบิกใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความรังเกียจเชื้อชาติจะไม่ไปถึง

สมัยนั้นชาวจีนเป็นที่รังเกียจแค่ไหนก็ดูได้ง่าย ๆ จากที่ชาวเม็กซิกันได้ค่าแรงถูกกว่าคนขาว แต่ชาวจีนได้ค่าแรงครึ่งเดียวของชาวเม็กซิกัน โดยยอมทำงานอันตรายที่แม้แต่ชาวเม็กซิกันก็ไม่ทำ เช่นการระเบิดหินภูเขา

ปัจจุบันเราเรียกงานประเภทนี้ว่างาน 3D ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสามมิตินะครับ แต่ย่อมาจาก dirty, dangerous, demanding = สกปรก อันตราย หนัก แต่ไม่ว่าจะสมัยนั้นหรือสมัยนี้ คนที่ทำงานชนิดนี้ก็ยังเป็นคนต่างชาติหรือต่างภูมิภาคที่มีทางเลือกน้อยในการแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจ

ชีวิตของชาวจีนในสมัยนั้นทำให้เกิดสำนวน Chinaman’s chance ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสน้อยมาก เป็นสำนวนที่สมัยนี้ไม่นิยมใช้กันเพราะ Chinaman กลายเป็นคำที่ไม่สุภาพไปแล้ว

เหตุผลที่ใช้สำนวนนี้เปรียบเทียบกับสิ่งที่มีโอกาสน้อยอาจจะเริ่มต้นมาจากการใช้ชาวจีนทำงานระเบิดภูเขา ซึ่งสมัยโน้นเป็นงานที่มีความเสี่ยงตายสูง

แต่โอกาสน้อยนิดของชาวจีนในสำนวน Chinaman’s chance เห็นชัดที่สุดในคดีที่มีชาวจีนถูกคนขาวฆ่า แต่ศาลสูงสุดของรัฐยกฟ้องคดีด้วยเหตุผลว่าปากคำพยานหลักฐานทั้งหมดมาจากชาวจีน จึงเชื่อถือไม่ได้ บ่งว่าชาวจีนสมัยนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะได้รับความยุติธรรมขั้นพื้นฐาน.

▶▶ติดตามได้ทุกวัน..หน้าคอมเม้นท์นะขอรับ...เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่

credit : dailynews


Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 13:44:18 น. 10 comments
Counter : 3464 Pageviews.

 
...เจ๊ก (4)

ตี๋อย่าง Jeremy Lin นักบาสดาวรุ่งแห่ง NBA หน้าตาเป็นจีนเต็มพิกัด แต่ถ้าฟังเขาพูดก็จะพบว่าสำเนียงภาษาเป็นอเมริกันเปรี๊ยะ กิริยาท่าทางก็เป็นฝรั่งเต็มตัว เช่นเดียวกับคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่มีอยู่มากมายทั่วสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ ๆ

ความสำเร็จของคนอย่างเขาทำให้เราอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับการที่อเมริกาสามารถทำให้คนจากหลายเชื้อชาติหลากวัฒนธรรมกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดียวกัน

จริง ๆ แล้วอเมริกาไม่ได้เป็นอย่างนี้มาแต่แรกหรอกครับ กว่าจะถึงจุดนี้ได้ก็ต้องผ่านการต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างโชกโชนเพื่อสร้างสังคมที่ก้าวข้ามความเกลียดชัง ความอยุติธรรม และอคติสารพัดที่ฝังอยู่ในจิตใจมนุษย์ ซึ่งเป็นการต่อสู้ดิ้นรนที่ยังไม่จบสิ้น

สำหรับคนเอเชีย การถูกเหยียดหยามและข่มเหงรังแกเป็นสิ่งที่เจอตั้งแต่เข้าไปตั้งรกรากที่สหรัฐตั้งแต่ยุคแรก ๆ แล้ว เพราะฝรั่งมีความไม่ไว้วางใจและหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกับสิ่งที่เขาเรียกว่า the Yellow Peril (เดอะ เย็ลโลว แพ้หริ่ล) = ภัยสีเหลือง ซึ่งหมายถึงภัยจากคนผิวเหลือง หรือคนเอเชียนั่นเอง

ถ้าเราไปอ่านวรรณกรรมราคาถูกจากต้นศตวรรษที่แล้วก็จะพบว่าผู้ร้ายในเรื่องมักจะเป็นชาวจีนผู้มุ่งครองโลกหรือทำลายอารยธรรมตะวันตก ลักษณะก็จะออกมาทำนองหนวดยาวโง้ง เล็บยาว ฟันเหลือง diabolical = ร้ายกาจปราดเปรื่องปานปิศาจ ชอบหัวเราะทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรตลก ฯลฯ

ลักษณะเหล่านี้เป็น caricature (แค้หริขะเฉ่อร์) = ภาพล้อเลียน ชาวจีนอย่างชัด ๆ แต่ความที่ฝรั่งมีความเข้าใจชาวเอเชียน้อยมาก ภาพล้อเลียนนี้ก็ถูกยอมรับอย่างกว้างขวาง (คล้าย ๆ กับที่ชาวจีนก็มักมองฝรั่งว่าเป็นปิศาจจมูกโตผมแดง)

ผู้ร้ายชาวจีนลักษณะนี้ที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดในสมัยนั้นคือ Fu Manchu จากปลายปากกาของ Sax Rohmer ซึ่งสร้างเป็นหนังขาวดำหลายตอน นักเขียนชื่อดังอย่าง Jack London และ H.P. Lovecraft ก็ร่วมวงกับเขาด้วย แต่งนิยายที่สะท้อนความหวาดกลัวว่าโลกตะวันตกจะถูกเอเชียบุกทำลาย

คำว่า Chink และคำอื่น ๆ ที่ใช้เรียกดูถูกคนเอเชียสะท้อนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จึงเป็นคำต้องห้ามไปโดยปริยาย ดังเห็นได้จากการที่พนักงาน ESPN ที่ใช้คำนี้พาดหัวก็โดนไล่ออกไปเรียบร้อย.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▶//www.dailynews.co.th/article/42/14645


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:5:32:35 น.  

 
▶▶ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน ▶ว.5..

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา คงเหลือคนไทยน้อยคนที่จะไม่รู้จักความหมายของรหัส “ว.5” ในการสื่อสารวิทยุ

ในภาษาอังกฤษก็มีรหัสหลายชนิดที่ใช้ในการสื่อสารวิทยุ โดยเป้าหมายคือความสั้นกระชับและชัดเจนในการสื่อสาร

รหัสที่นิยมมากที่สุดเห็นจะเป็น ten-code ที่เรามักจะเห็นตำรวจในหนังใช้กัน คือเวลาพูดอะไรก็จะขึ้นด้วยคำว่า ten แล้วจึงตามด้วยรหัสตัวเลขอื่น

เหตุผลที่มีการพัฒนารหัสวิทยุขึ้นมาแทนที่จะพูดกันเป็นภาษามนุษย์ปกติก็เพราะสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองคลื่นวิทยุมีจำกัด เวลาตำรวจจะคุยกันทางวิทยุก็จำเป็นต้องพูดสั้น ๆ แต่ได้ใจความชัดเจน

เมื่อปี ค.ศ. 1937 นาย Charlie Hopper ผอ.การสื่อสารของตำรวจรัฐ Illinois (อิ๊ลหลิหน่อย) จึงประดิษฐ์รหัสที่เรียกว่า ten-code ขึ้นมา

เหตุผลที่ต้องขึ้นด้วยคำว่า ten ก็เพราะสมัยนั้นสัญญาณวิทยุจะไม่ “เข้า” ทันทีที่พูด การเริ่มด้วยคำว่า ten แล้วจึงตามด้วยส่วนสำคัญจึงเพิ่มโอกาสที่จะสื่อสารสำเร็จ

เลขรหัสที่รู้จักกันดีก็มีเช่น 10-1 = รับสัญญาณได้ไม่ดี 10-2 = รับสัญญาณได้ชัดเจนดี 10-3 = เลิกส่ง 10-4 = รับทราบ 10-20 = ตำแหน่งปัจจุบัน

ปรากฏว่า ten-code ได้รับความนิยมมาก แต่เมื่อแพร่ขยายออกไปก็ถูกดัดแปลงตามความจำเป็นของแต่ละหน่วยงาน ดังนั้นแม้แต่รหัสระหว่างตำรวจแต่ละท้องที่ หรือแต่ละระดับการปกครอง หรือแต่ละหน่วยงานก็ยังอาจจะแตกต่างกันได้เลย

การขาดมาตรฐานเดียวกันในการใช้รหัสวิทยุทำให้เวลามีเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้ความร่วมมือระหว่างหลาย ๆ หน่วยงาน เช่นกรณี 9/11 หรือพายุ Katrina ประเด็นการสื่อสารด้วยรหัสวิทยุระหว่างหน่วยงานกลายเป็นปัญหาใหญ่

โดยที่ความจำกัดด้านคลื่นวิทยุไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว เมื่อปี 2549 รัฐบาลกลางจึงแนะนำให้หน่วยงานต่าง ๆ เลิกใช้รหัสวิทยุและหันไปใช้ภาษาอังกฤษธรรมดาแทน ทุกวันนี้การใช้ ten-code จึงใช้กันน้อยลงมาก แต่ถ้าไม่อยากให้พลเรือนที่อยู่ใกล้ ๆ ฟังออกก็ยังใช้ได้อยู่ครับ.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMSฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▶ //www.dailynews.co.th/article/42/14822


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:3:52:03 น.  

 
▷▷ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน▷..ลอยมา

เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณผู้อ่านบางท่านอาจจะจำได้ว่าผมเขียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างสนุกสนาน และอาจจะสงสัยว่าทำไมปีนี้ไม่ได้กล่าวถึงเลยสักแอะ

คำตอบสั้น ๆ ก็คือว่าจนถึงวันนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ประธานาธิบดีโอบามามีหวังนอนมาสบาย ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็น shoo-in (ชู้หวิ่น)

โปรดสังเกตนะครับว่าแม้แต่ฝรั่งบางคนยังสะกดคำนี้ผิดเป็น shoe-in โดยเข้าใจว่าเกี่ยวกับรองเท้า (เช่นมีคนเล่าว่าหมายถึงการที่พนักงานขายยื่นเท้าเข้าไปขวางประตูไม่ให้ปิดโดยเชื่อว่าจะทำให้ขายของได้แน่นอน) แต่ที่ถูกต้องคือ shoo-in ครับ แปลว่าผู้ที่มาลอยลำ ชนะแน่นอน

Shoo คำเดียวเป็นกริยาหมายถึงการส่งเสียงชู่ ๆ แบบไล่ออกไปให้พ้น (เช่น She shooed the cat out of the kitchen. = เธอส่งเสียงไล่แมวออกจากครัว) แต่ shoo-in หมายถึงการไล่เข้าโดยเจ้าตัวไม่ต้องทำอะไรมากเป็นพิเศษเลย

ก็จะไม่ให้เป็น shoo-in ได้ยังไงล่ะครับ ประธานาธิบดีโอบามากู้อุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันโดยใช้วิธี bailout (เบ๊ลเหล่าท) = อัดฉีดเงินภาษีอากรเข้าไปอุ้ม จนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่อแร่จะเจ๊งมิเจ๊งแหล่อย่าง General Motors กับ Ford สามารถฟื้นขึ้นมาลืมตาอ้าปาก (Feed me!) แข่งขันกับบริษัทญี่ปุ่นกับเกาหลีได้อย่างเต็มภาคภูมิ

แค่นั้นยังไม่พอ ประธานาธิบดีโอบามายังแสดงความกล้าตัดสินใจสั่ง SEAL Team Six หน่วยปฏิบัติการพิเศษมือพระกาฬของกองทัพเรือสหรัฐบุกเข้าไปจับตายโอซามา บินลาเดน และสั่งใช้ drones (= เครื่องบินที่ไม่มีนักบินแต่คุมปฏิบัติการจากสถานีในสหรัฐ) เก็บผู้นำอื่น ๆ ของ อัลกออิดะห์จนกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังตั้งตัวไม่ติด

แน่นอนครับ ในปฏิบัติการปราบปรามอัลกออิดะห์ย่อมมี collateraldamage = ความเสียหายข้างเคียง เช่น สตรี คนชรา เด็กและชาวบ้านไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่อยู่ในวงรัศมีระเบิดพลอยบาดเจ็บล้มตายไปด้วยมากมาย แต่ในเมื่อไม่ปรากฏเป็นข่าวในทีวีอเมริกันก็มีค่าเท่ากับไม่ได้เกิดขึ้น

เมื่อแสดงผลงานโดยไม่ต้องพูดมากแต่เฉียบขาดเช่นนี้ ก็คงไม่มีใครกล่าวได้ว่าประธานาธิบดีโอบามาเป็น wimp = คนอ่อนแอ หรือ all talk = ดีแต่พูด ดู ๆ แล้วไม่ค่อยมี chink in the armor = รอยแตกในชุดเกราะ ที่คู่ต่อสู้จะใช้โจมตีอย่างน่าเชื่อถือได้เลย.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▷▷//www.dailynews.co.th/article/42/14922


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:7:44:20 น.  

 


...Mormon (1)

คุณเคยสงสัยไหมครับว่า Mormon (ม้อร์หมั่น) คืออะไร

คุณคงเคยเห็นนะครับ ชายหนุ่มฝรั่งผิวขาวสองคน กางเกงขายาวสีเข้ม เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผมเผ้าเรียบร้อย เดินหรือขี่จักรยานไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด

ไม่ว่าเขาจะไปไหนจะต้องมีหนังสือติดมือไปด้วย เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า The Book of Mormon ซึ่งเขาใช้ในการเผยแพร่ศาสนาของเขาให้กับคนทั่วโลก

ชายหนุ่มที่คุณเห็นนั้นเป็น missionaries = หมอสอนศาสนา (ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่แพทย์ แต่ในเมื่อเราเรียกหมอนวดว่าหมอได้ ผมก็คงจะไม่ขัดถ้าจะเรียกคนสอนศาสนาว่าหมอ) จาก Church of Jesus Christ of Latter-Day Saints หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่านิกาย Mormon

ชาวคริสต์ทั่วไปมีคัมภีร์ไบเบิ้ล แต่นิกาย Mormon นี้ยังมีคัมภีร์ของตัวเองต่างหากเป็นหนังสือเล่มนี้ ซึ่งว่าไปแล้วก็คล้าย ๆ กับแท่งที่จารึก the Ten Commandments = บัญญัติสิบประการ ตรงที่ผู้เลื่อมใสเชื่อว่าเป็นข้อเขียนวิเศษที่ไม่ได้มาจากฝีมือมนุษย์

ในกรณีของบัญญัติสิบประการ ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นประกาศิตของพระเจ้าซึ่งมอบให้โมเสสเพื่อไปสั่งสอนชาวยิว (ในหนังเรื่อง History of the World, Part 1 ของ Mel Brooks ได้แสดงความเป็นมาของบัญญัติสิบประการอย่างฮา)

ส่วนในกรณีของ Book of Mormon ชาว Mormon เชื่อว่าเป็นข้อเขียนที่เทพยดานามว่า Moroni (ห้ามตก i ตรงท้ายชื่อเป็นอันขาด) ได้มาบอกให้นาย Joseph Smith ไปขุดขึ้นมาจากเนินเขาแห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์กและแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ชาวโลกได้รับรู้

แน่นอนครับ คนที่ไม่เชื่อก็ปักใจว่านาย Smith เองนี่แหละเป็นผู้ที่แต่ง Book of Mormon ขึ้นมาเอง ไม่ได้มีเทวดาที่ไหนมาบอกหรอก แต่คนที่เชื่อก็เชื่อฝังใจ เพราะเรื่องความเชื่อทางศาสนานี้คงไม่สามารถตัดสินด้วยเหตุผลและหลักฐานได้

คนอเมริกันทั่วไปจะมองนิกาย Mormon ด้วยความเคลือบแคลงใจอยู่บ้าง เพราะนอกจาก Book of Mormon จะมีความเป็นมาที่น่าสงสัยแล้ว ตัว Joseph Smith เองยังมีพฤติกรรมที่ขัดต่อกระแสหลักของสังคมอเมริกันด้วย เช่นอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาหลายคนได้

ปีนี้เป็นปีที่ Mormon น่าสนใจเป็นพิเศษ แล้วผมจะเล่าให้ฟังครับว่าเพราะอะไร.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMSฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7ป.ณ.สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▷▷//www.dailynews.co.th/article/42/15677


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:18:25:49 น.  

 
▶▶Mormon (2)

นิกาย Mormon (ม้อร์หมั่น) เป็นนิกายที่คนอเมริกันทั่วไปมักจะมองด้วยความไม่ค่อยสนิทใจ

ว่าไปแล้วในยุคหนึ่ง นิกาย Mormon ก็คล้าย ๆ กับ Scientology ในปัจจุบันแหละครับ อย่างน้อยก็ในแง่ของการที่สังคมกระแสหลักไม่ยอมรับ

ความจริงก็พอเข้าใจได้นะครับว่าทำไมสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ก็ศาสดาของนิกายเป็นคนอเมริกันชื่อ Joseph Smith อ้างว่ามีเทพมาบอกให้ไปขุดคัมภีร์ขึ้นมาจากที่ถูกฝังไว้เป็นพัน ๆ ปีในรัฐนิวยอร์ก และคัมภีร์เล่มนั้นก็เป็นคำบอกเล่าของศาสดาโบราณที่เคยอยู่ในทวีปอเมริกาหลังจากที่อพยพกันมาจากอิสราเอลในยุคก่อนคริสตกาล แค่นั้นยังไม่พอ ยังเชื่อกันว่าพระเยซูได้มาเทศนาที่ทวีปอเมริกาก่อนที่จะขึ้นสวรรค์

และที่คนอเมริกันทั่วไปรับไม่ได้เป็นพิเศษคือ polygamy (ผะลิกกั่มหมี่) แนวปฏิบัติที่ให้ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาว Mormon เป็นที่รังเกียจและถูกขับไล่จนต้องพากันอพยพไปทางตะวันตกจนกระทั่งถึง Utah Territory (ในสมัยนั้นยังไม่
มีสถานะเป็น state = รัฐ)

คุณผู้อ่านที่อยากมีภรรยาหลายคนไม่ต้องรีบจองตั๋วเครื่องบินไป Utah นะครับ เพราะประเพณีนี้ถูกยกเลิกไปร้อยกว่าปีแล้ว ยกเว้นในกลุ่มแตกแขนงที่ยังยึดมั่นในคำสอนดั้งเดิม

ชาว Mormon ส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็เหมือนกับคนอเมริกันทั่วไปแหละครับตรงที่ยึดถือ monogamy (หมะน็อกกั่มหมี่) = การมีคู่สมรสคนเดียว (โปรดอย่าจำสับสนเป็น monotony (หมะน็อทอึ่นหนี่) = ความจำเจซ้ำซาก นะครับ ยิ่งความหมายใกล้เคียงกันอยู่ด้วย)

ผู้นับถือนิกาย Mormon ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐ Utah (ยู้ถ่อ) ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น Zion National Park และ Salt Lake City เมืองหลวงของรัฐ ซึ่งมีโบสถ์ใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ชาว Mormon ที่ชื่อดังก็มีเช่นสองพี่น้องนักร้อง Donny และ Marie Osmond

และปีนี้ นิกาย Mormon ก็กำลังตกเป็นเป้าความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีแนวโน้มว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันจะเป็นชาว Mormon นั่นคือ Mitt Romney อดีตผู้ว่าการรัฐ Massachusetts (แมสสะชู้เส็ทส)

ความเป็น Mormon ของเขาจะส่งผลต่อการหาเสียงหรือไม่ ไว้คุยกันต่อคราวหน้านะครับ.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▶//www.dailynews.co.th/article/42/15889


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:4:12:31 น.  

 


Mormon Millionaire Mitt

Mitt Romney (มิท ร้อมหนี่) เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่มีจุดน่าสนใจสามอย่าง นั่นคือเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐ Massachusetts เป็น multimillionaire = มหาเศรษฐีหลายล้าน และเป็นชาว Mormon

ที่สำคัญคือตอนที่ผมเขียนต้นฉบับนี้ดูเหมือนเขาทำท่าจะชนะ Super Tuesday และมีสิทธิชนะการแข่งขันภายในพรรครีพับลิกันที่เรียกว่า primaries ก่อนที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าไปห้ำหั่นกับประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งจะตัดสินด้วยการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายนปีนี้

ต้องยอมรับว่า primaries ของพรรครีพับลิกันปีนี้สู้กันอย่างดุเดือดเลือดโชก มีการ air dirty linen = สาวไส้ ของเพื่อนร่วมพรรคกันอย่างสนุกสนาน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะระหว่าง Mitt Romney, Rick Santorum กับ Newt Gingrich

ทั้งหมดนี้ผู้ใหญ่ของพรรคต่างมองด้วยความกังวล เพราะถึงป่านนี้แล้วน่าจะปรากฏชัดแล้วว่าใครจะเป็น Republican nominee เข้าไปแย่งตำแหน่งจากประธานาธิบดีโอบามา

ถ้า Romney ชนะ nomination (นอมหมะเน้ฉึ่น) = การเสนอชื่อ และได้เป็น nominee (นอมหมะนี่) = ผู้ได้รับการเสนอชื่อ ผู้ใหญ่ในพรรคก็คงจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เพราะคนที่จะชนะการเลือกตั้งปลายปีได้จะต้องไม่ใช่คนที่เป็นพวกหัวรุนแรงขวาสุดโต่งอย่าง Rick Santorum ซึ่งแม้จะได้รับความนิยมในหมู่ชาวรีพับลิกันเลือดเข้มข้น แต่คงยากที่สังคมอเมริกันทั่วไปจะรับได้

แต่ถึง Romney จะผ่านเข้าไปเป็น nominee ของพรรคได้ก็ใช่ว่าเส้นทางของเขาสู่ทำเนียบขาวจะโปรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเขาชอบปล่อย gaffes = การหลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควร ออกมาอยู่เรื่อย

เช่นประโยคอย่าง I’m not concerned about the very poor. = ผมไม่ห่วงคนที่จนมากๆ ซึ่งเมื่อถูกตัดตอนออกมาจากบริบทก็กลายเป็น “หลักฐาน” ว่าเขาเป็นเศรษฐีที่ไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชนระดับรากหญ้า

ตอนที่ Romney พยายามแสดงตัวเองว่าสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันในรัฐมิชิแกนก็หลุดปากพูดถึงภรรยาว่า Ann drives a couple of Cadillacs. = แอนขับรถแคดิลแลคสองคัน กลายเป็นการย้ำโดยไม่ตั้งใจถึงความร่ำรวยที่เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาแต่เป็นเพียงความฝันสำหรับคนอเมริกันส่วนใหญ่.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▷▷//www.dailynews.co.th/article/42/16067


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:5:31:15 น.  

 
●●รังแกทางเพศ (1)


คุณ monsterangel อีเมลมาถามว่า “1. molest ต่างกับ rape อย่างไรคะ สงสัยมานานค่ะ ข่าวหรือบทความต่าง ๆ ที่เจาะจงใช้
molested”

ทั้งสองคำเป็นกริยาละเมิดทางกายครับ แต่มีความแตกต่างมากmolest (มัลเล็สท) ในปัจจุบันมักจะใช้ในความหมาย ลวนลามทางเพศ

แต่เดิมทีคำนี้คำเดียวตามลำพังแปลว่า แหย่ กลั่นแกล้ง รบกวน เช่น สมัยก่อนในสวนสัตว์ก็อาจจะมีป้ายเขียนว่า Do not molest the animals. = อย่าไปแหย่สัตว์ (แหย่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การแหย่ด้วยมือหรือไม้ แต่รวมถึงการรบกวนอย่างอื่นด้วย เช่นโยนของใส่สัตว์)

>>สมัยก่อน การลวนลามทางเพศเรียกว่า sexual molestation (เซ็กชวล มัลหลัสเต๊ฉึ่น) แต่สมัยนี้แม้จะละคำว่า sexual ก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงอย่างเดียวกัน

อีกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ molest คือว่าสมัยนี้โดยมากจะใช้ในกรณีที่เหยื่อของการลวนลามเป็นเด็ก เดิมทีการรังแกเด็กทางเพศเรียกว่า child molestation แต่ระยะหลังก็เป็นที่เข้าใจกันว่า molestation มักใช้ในบริบทของเหยื่อที่เป็นเด็ก เช่นการจับต้องตัวเด็กในทางที่ไม่เหมาะสม

ในภาษาไทยการลวนลามอาจรวมถึงการพูดจาได้ แต่ molestation โดยทั่วไปหมายถึงการลวนลามทางกายมากกว่า

ถ้าคุณต้องการพูดถึงการลวนลามทางกายและวาจา คำที่นิยมใช้คือ sexual harassment (ออกเสียงได้ทั้งเป็น เซ็กชวล หะแร้สหมั่นท
หรือ เซ็กชวล แฮ้หรัสหมั่นท) แต่คำนี้จะใช้เฉพาะกับผู้ใหญ่ ไม่ใช่กับเด็ก เพราะแม้จะลวนลามเด็กทางวาจา เด็กก็อาจจะไม่เข้าใจ

การพูดจาลวนลามแทะโลมโดยที่อีกฝ่ายไม่ประสงค์จะเล่นด้วยเรียกได้ว่า verbal harassment ส่วนการลวนลามทางกายก็เข้าข่าย physical harassment

เวลาจะดูว่าการกระทำอะไรเข้าข่าย harassment หรือไม่ ก็ต้องดูว่าผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำยินดีและยินยอมหรือไม่

บางทีอาจจะยินยอมเพราะเกรงใจฝ่ายผู้กระทำ ซึ่งอาจเป็นเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา แต่อาจจะไม่ยินดี ซึ่งหมายความว่าเป็นกรณีของ sexual harassment จริง แต่ไม่ได้รายงาน ฟ้อง หรือเปิดเผยให้คนอื่นรู้ ซึ่งอาจเป็นเพราะกลัวอับอายขายหน้า ยอมตกเป็นเหยื่อเงียบ ๆ.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▷▷//www.dailynews.co.th/article/42/16793


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:5:18:40 น.  

 
●▶รังแกทางเพศ (2)

คราวที่แล้วคุณ monsterangel ถามมาว่า “1. molest ต่างกับ rape อย่างไรคะ สงสัยมานานค่ะ ข่าวหรือบทความต่าง ๆ ที่เจาะจงใช้ molested”

เราก็เลยได้ดูคำว่า molest (กริยา) molestation (นาม กรุณาออกเสียงให้ถูกต้องด้วยนะครับ ไม่งั้นถ้าแยกพยางค์ผิดเป็น mole-station ก็จะแปลว่า สถานีตัวตุ่น ซึ่งคืออะไรก็ไม่ทราบ) แล้วก็แถมด้วย harassment อีกคำ ล้วนเป็นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับการรังแกทางเพศ

คราวที่แล้วเราดู harassment ยังไม่จบก็หมดหน้ากระดาษเสียก่อน ดังนั้นวันนี้ขอฝอยต่อเรื่องนี้อีกหน่อยนะครับ

ตามลำพัง harassment แปลว่า การรังควาน การก่อกวนไม่ให้อยู่เป็นสุข ใช้ได้ในบริบทนอกเหนือจากทางเพศ เช่นในสงครามก็อาจหมายถึงกลยุทธ์ก่อกวนข้าศึกให้ว้าวุ่นพะวักพะวง หรือถ้าคุณโทรศัพท์กลางดึกไปด่าคนที่ไม่รักชาติแบบเดียวกับคุณ ก็เป็น harassment เช่นกัน

harassment ที่เป็นเรื่องราวให้มีการฟ้องร้องกันที่สหรัฐอยู่บ่อยๆ ก็คือ sexual harassment ซึ่งครอบคลุมทั้งการก่อกวนทางวาจา (verbal) เช่น พูดสองแง่สองง่าม หยาบโลน จนกระทั่งถึงการก่อกวนทางกาย (physical) เช่น การแต๊ะอั๋ง จับต้องโดยไม่ได้รับอนุญาต

ถ้าอีกฝ่ายเล่นด้วยก็แล้วไป แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ชอบ รู้สึกอึดอัด ก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องได้ แล้วแต่ความร้ายแรงของความผิด

ก็มองออกแล้วนะครับว่าทั้ง molest และ harass เป็นการรังควาน ก่อกวน ระดับต่าง ๆ กัน มีวิธีใช้ต่างกัน แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นมาก หลุดโค้งออกไปเลย คือ rape = ข่มขืน

โปรดสังเกตนะครับว่า rape ไม่ได้หมายถึงเพียงการฉุดกระชากไปข่มขืนในพงหญ้าแบบที่เราอ่านเจอในข่าว แต่รวมถึงการข่มขืนด้วยการมอมยา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เหยื่อไม่ยินยอม

จะสังเกตได้ว่าในสังคมที่ผู้หญิงมีสิทธิพลเมืองเท่าเทียมกับผู้ชาย การข่มขืนถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษอย่างหนัก แต่ในสังคมที่มีความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ ถือว่าผู้หญิงเป็นทรัพย์สมบัติ การข่มขืนมักจะแพร่หลาย เช่นบางประเทศในทวีปแอฟริกา

แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือบางสังคมถือว่าการถูกข่มขืนนำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลถึงกับต้องฆ่าเหยื่อข่มขืนเป็นการล้างความอับอาย นับว่าเกิดเป็นหญิง (ในสังคมเหล่านั้น) แท้จริงซวยซ้ำสอง.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ.สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
●▶▶//www.dailynews.co.th/article/42/17012


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:5:23:51 น.  

 
▷not only...but also

คอลัมน์ ฝึกหัดภาษาอังกฤษ
พี่ปู


สวัสดีน้องๆ ที่น่ารัก

not only...but also แปลว่า ไม่เพียงแต่...แต่ยัง...



ถ้าหลัง not only เป็นคำชนิดใด เช่น noun หรือ verb หรือ Adjective หรือ ประโยค หลัง but also ก็ต้องเป็นคำชนิดเดียวกัน



ตัวอย่างแบบคำนาม



It was the best photo of that day. มันเป็นภาพที่ดีที่สุดของวันนั้น It was the best photo I have ever taken. มันเป็นภาพที่ดีที่สุดที่ผมเคยถ่ายได้



It was not only the best photo of that day but also the best photo I have ever taken.



มันไม่เพียงเป็นภาพที่ดีที่สุดในวันนั้น แต่ยังเป็นภาพที่ดีที่สุดที่ผมเคยถ่ายได้



ตัวอย่างคำคุณศัพท์



The place was not only good, but also safe. สถานที่ดังกล่าวไม่เพียงแต่ดี แต่ยังปลอดภัยด้วย



ส่งท้ายที่วาทะของ เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin)



Genius without education is like silver in the mine. อัจฉริยะที่ปราศจากการศึกษา ก็เหมือนแร่เงินในเหมือง



แล้วพบกันใหม่จ้า
▶Credit //www.khaosod.co.th


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:9:35:46 น.  

 
รังแกทางเพศ (3)


Rape = การข่มขืน ในกฎหมายอเมริกันยังครอบคลุมถึงสิ่งที่ไทยเราไม่เรียกว่าเป็นการข่มขืน

นั่นคือ statutory rape (สแต๊ทฉะถ่อหรี่ เรพ) = การพรากผู้เยาว์ ซึ่งหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ข่มขู่หรือบังคับ แต่โดยที่ฝ่ายหนึ่งอายุยังไม่ถึง age of consent (เอจจัฟคันเซ่นท) = อายุที่สามารถให้ความยินยอมได้ตามกฎหมาย

ในประเทศตะวันตกบางประเทศ เช่น แคนาดา จะไม่ใช้คำว่า rape แต่ใช้ว่า sexual assault (เซ็กชวล อัสซ่อลท) = การจู่โจมทำร้ายทางเพศ

ตั้งแต่สมัยโบราณมา การข่มขืนเป็นความโหดร้ายส่วนหนึ่งของสงคราม แต่ปัจจุบันกำลังมีการเคลื่อนไหวในสหประชาชาติต่อต้าน rape as a weapon of war = การข่มขืนในฐานะอาวุธสงคราม ซึ่งแพร่หลายในการสู้รบในทวีปแอฟริกา

เหตุหนึ่งที่แพร่หลายอาจเป็นเพราะชายหนุ่มในประเทศแอฟริกันบางประเทศถือว่าการข่มขืนเป็นเรื่องปกติธรรมดา no big deal = ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร การลงโทษก็ไม่ได้หนักหนา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาการข่มขืนขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของสังคมได้แค่ไหน

ที่น่าสนใจคือในประเทศที่เปิดเสรีทางเพศ คือสามารถขายสิ่งลามกอนาจาร (รวมทั้งหนังโป๊) ให้กับผู้ใหญ่ได้อย่างถูกกฎหมาย อัตราอาชญากรรมทางเพศกลับต่ำ ก็เลยมีข้อสันนิษฐานว่าการปิดกั้นเก็บกด (ซึ่งนิยมทำในสังคมปากว่าตา... เอ๊ย สังคมที่เคร่งศีลธรรม) เป็นการสร้างแรงกดดันทางเพศซึ่งมักจะระเบิดออกมาในรูปของอะไรเอ่ย ลองทายซิครับ

ฮั่นแน่ คุณกำลังจะตอบว่าการชวนเพื่อนไปเตะบอลใช่ไหมล่ะ เปล่าครับ คำตอบที่ถูกต้องคืออาชญากรรมทางเพศ

เอ้า มาดูคำที่คุณ monsterangel สงสัยต่ออีกหน่อยนะครับ นั่นคือคำว่า “promiscuous ค่ะ คือได้อ่านบทความ ประวัติย่อ ของ Oprah Winfrey ค่ะ”

Promiscuous (ผระมิสกิหยัส) แปลว่า สำส่อน ครับ เป็นศัพท์ทางการซึ่งมีนัยเชิงลบ ถ้าเป็นภาษาสแลงก็มีคำดูถูกผู้หญิงสำส่อนว่า slut (สลั่ท) และคำชื่นชมผู้ชายสำส่อนว่า stud (สตั้ด) (ครับ สองมาตรฐานฝรั่งก็มี ไม่แพ้ใครในโลกนี้หรอก).

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
▶▶//www.dailynews.co.th/article/42/17179


โดย: \\\\ คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 15 มีนาคม 2555 เวลา:5:44:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.