Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
▷▷ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน b7


▷▷ฟอไฟฟุดฟิด อังกฤษ อเมริกัน b7...

พนัน (1)


“ขอบใจนะ มารศรี ที่ชวนฉันมาเที่ยวลาสเวกัส ฉันเคยเห็นแต่ในหนังว่าเป็นเมืองที่มีแสงสีสวย นึกไม่ถึงว่าของจริงจะน่าตื่นตาตื่นใจกว่าในหนังอีก”

“อย่าไปหลงใหลกับแสงสีมากเกินไปก็แล้วกัน จำได้ไหมที่ Elvis Presley เคยร้องว่า Bright light city gonna set my soul, gonna set my soul on fire. = เมืองแห่งแสงสว่างจะจุดไฟให้วิญญาณฉันไหม้ หมายความว่ามันเป็นเมืองที่ตื่นเต้นปลุกเร้าวิญญาณ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าเธอไม่ระวัง ควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็อาจจะหมดตัวได้ง่าย ๆ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากวงไพ่แตกกระเจิงฉันต้องไปหลบตำรวจอยู่ในตุ่มน้ำฉันก็สาบานว่าจะไม่เล่นอีกแล้ว ว่าแต่ว่าทำไมอเมริกาถึงปล่อยให้การพนันเป็นอุตสาหกรรมใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ เขาไม่กลัวประชาชนของเขาเสื่อมเสียศีลธรรมเหรอ”


“ก็เขาคงไม่ถือว่าการพนันเกี่ยวกับศีลธรรมมัง ไม่มีบัญญัติของพระเจ้าข้อไหนบอกว่าห้ามเล่นการพนัน ขนาดโบสถ์ยังมีการขายสลากชิงโชคเลย ถ้ารัฐบาลกลัวประชาชนเสื่อมเสียศีลธรรมก็คงห้ามลอตเตอรี่ แต่มนุษย์เราชอบหวังรวยเร็ว รวยลัด ชอบเสี่ยงดวง และอีกอย่างทุกคนก็โต ๆ กันแล้ว ถ้าเขาจะเอาเงินที่มีทั้งหมดไป all in ในเกมโป๊กเกอร์ก็เป็นเรื่องของเขา”


“หมายความว่ายังไง all in ในเกมโป๊กเกอร์”


“เธอเคยดูเขาแข่งโป๊กเกอร์ทางทีวีหรือเปล่า อ้อ ไม่เคยสินะ ที่อเมริกามีสถานีที่ถ่ายทอดการแข่งขันโป๊กเกอร์ที่เรียกว่า World Series of Poker เวลาเขาลงเงินทั้งหมดที่มีอยู่ตรงหน้าตักอาจเป็นเพราะเขามั่นใจอย่างล้นเหลือว่าไพ่ที่อยู่ในมือนั้นเหนือกว่าไพ่ของคนอื่น หรือจริง ๆ แล้วอาจจะต้องการจะ bluff ผู้เล่นคนอื่น ๆ ว่าเขามีไพ่ที่แข็งมาก เขาก็จะประกาศว่า I’m all in. = ฉันเดิมพันด้วยเงินทั้งหมดที่มีอยู่ตรงนี้ ซึ่งในระดับชิงแชมป์ที่ว่ามักจะเป็นเงินล้านเหรียญขึ้นไป”


“โห แล้วคนเล่นอื่น ๆ ทำยังไงล่ะ”


“ก็ถ้าเขามั่นใจว่าไพ่ของเขาก็เจ๋งเหมือนกัน เขาก็อาจจะall in ด้วย แล้วก็โกยเงินทั้งหมดไปไว้ตรงกลางโต๊ะ เงินตรงนี้เรียกว่า the pot ถ้าใครชนะไพ่มือนั้นก็ได้ไปทั้งหมด แต่ถ้าเขาไม่มั่นใจเขาก็อาจจะบอกว่า fold ซึ่งไม่ได้แปลว่า พับ แต่แปลว่า ไม่สู้ คำพวกนี้มาจากวงการโป๊กเกอร์แต่ก็นิยมใช้ในภาษาทั่วไปด้วยจ้ะ”.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com  ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod

●Credit //www.dailynews.co.th/article/42/17928

▶▶ติดตามได้ทุกวัน..หน้าคอมเม้นท์นะขอรับ...เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่




Create Date : 20 มีนาคม 2555
Last Update : 20 มีนาคม 2555 15:04:11 น. 6 comments
Counter : 3462 Pageviews.

 
Accused

คอลัมน์ ฝึกหัดภาษาอังกฤษ
พี่ปู


สวัสดีน้องๆ ที่น่ารักบบบบบบบบบบบบบถ้าเราอ่านข่าวอาชญากรรมจะพบคำว่า Accused บ่อยๆ

Accuse แปลว่า กล่าวหา เมื่อเติม d แปลว่า ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกกล่าวหา มีความหมายเดียวกับ Suspect และ Alleged หากใช้ในรูป accused of แปลว่าถูกกล่าวหาในความผิด...

ตัวอย่าง Ten alleged members of a Russian spy-ring have been charged in the US. ชาวรัสเซีย 10 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับถูกตั้งข้อหาในสหรัฐ

The suspects are accused of posing as ordinary citizens. เหล่าผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่าแสร้งทำเป็นพลเมืองทั่วไป

The US soldier accused of killing 16 civilians in Afghanistan has been flown to Kuwait. ทหารอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารพลเรือนในอัฟกานิสถานบินไปคูเวตแล้ว

ลองหาข่าวมาอ่านเยอะๆ นะจ๊ะ

คำคมวันนี้ ฟรังซัวส์ เดอ ลา โรช (Francois de la Roche) นักเขียนชาวฝรั่งเศส

To suspect a friend is worse than to be deceived by him การสงสัยเพื่อน เลวร้ายกว่า การถูกเพื่อนหลอกลวง

แล้วพบกันใหม่จ้า


โดย: *คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 21 มีนาคม 2555 เวลา:14:13:46 น.  

 
พนัน (2)

“ภาษาอังกฤษมีสำนวนจากการพนันเยอะไหม มารศรี”

“ก็เธอรู้จักเพลง Poker Face ของ Lady Gaga หรือเปล่า ที่ร้องว่า Can’t read my, can’t read my poker face นั่นก็เป็นสำนวนหนึ่งที่มาจากการพนัน”

“อ๋อ เขาร้องว่ายังงั้นเหรอ ฉันนึกว่าอะไรน้อ แค้รีหม่า แค้รีหม่า ที่แท้ก็ แค้นท์ รีด มาย นี่เอง poker face ก็แปลว่า หน้าโปเกอร์ ล่ะสิ เอ...แต่ว่านั่นหมายถึงอะไร หน้าเหมือนตัวคิง แหม่ม หรือแจ๊คบนไพ่เหรอ”

“เปล่าจ้ะ poker (โพ้คเข่อร์) เป็นเกมที่ต้องเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงเพื่อไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นเดาได้ว่าไพ่ในมือเราดีหรือไม่ดี ดังนั้นสำนวน poker face จึงแปลว่า ใบหน้าที่ดูไม่ออกว่ารู้สึกอะไร ปกติสีหน้าคนเรา ที่เรียกว่า expression (เอ็กสเปร๊ชฉึ่น) จะบ่งบอกถึงอารมณ์หรือความรู้สึก แต่ poker face จัดว่าเป็น blank expression คือสีหน้าที่ว่างเปล่า หรือจะเรียกว่า expressionless (เอ็กสเปร๊ชฉึ่นหลัส) ก็ได้”

“เข้าใจแล้ว ยังงี้ถ้าเป็นสำนวนไทยเรียกว่า หน้าตาย จ้ะ แม่นักเรียนนอก แล้วทีนี้ถ้าเป็นกริยา ‘ตีหน้าตาย’ ภาษาอังกฤษเรียกว่าไง hit poker face หรือเปล่า เพราะตีแปลว่า hit ใช่มั้ย”

“อย่าแปลตรงตัวนักสิเธอ การทำหน้าเป็น poker face เรียกว่า to put on a poker face แปลตรงตัวว่า ใส่หน้าโปเกอร์ แบบเดียวกับใส่เสื้อผ้านั่นแหละ”

“เอ้อ แล้วที่เธอบอกคราวก่อนว่า all in หมายถึง การทุ่มเงินหน้าตักทั้งหมด ภาษาอังกฤษมีสำนวน all out ด้วยหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นกริยาต้องอย่าลืมใช้ว่า to go all in นะจ๊ะ ส่วน all out นั่นไม่ได้มาจากเกม poker แต่หมายถึง เต็มที่ เต็มรูปแบบ ไม่มีขีดจำกัด เช่น all-out war = สงครามเต็มที่ คือไม่ต้องยั้งมือหรือเมตตาปรานี เวลาจะใช้ all out เป็นกริยาก็ต้องประกอบด้วยกริยา to go เหมือนกัน เป็น to go all out = การทำอะไรโดยไม่ห่วงว่าจะสิ้นเปลืองหรือยากลำบากแค่ไหน เช่น He went all out to make sure his lawn was the most beautiful in the neighborhood. = เขาทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าสนามหญ้าของเขาสวยที่สุดในละแวกบ้านนั้น”.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กม. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod


พนัน (3)
“เวลาคนทุ่มเงินหน้าตักทั้งหมดอย่างที่เธอเรียกว่า go all in ยังงี้ถ้าแพ้ก็หมดตัวสิ”

“ก็มีสิทธินะ ถ้าเขาเอาเงินทั้งหมดที่มีมาเล่น ถ้าเล่นจนหมดตัวก็มีสำนวนเรียกว่า to lose (one’s) shirt = เสียเสื้อเชิ้ต เช่น He lost his shirt at poker. = เขาเล่นโปเกอร์จนหมดตัว หรือ He lost his shirt in the stock market. = เขาเล่นตลาดหุ้นจนหมดตัว”

“ในเมื่อการพนันมันอันตรายขนาดนี้แล้วทำไมรัฐบาลอเมริกันถึงปล่อยให้มีการพนันได้ล่ะ”

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลอเมริกันนะ การตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการตั้ง casino (ขะซี้โหน่ว) หรือบ่อนการพนันที่หรูหราเหนือระดับกว่า gambling den = บ่อนการพนัน ขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ ซึ่งก็มีวิธีการตัดสินใจต่างกัน เช่นอาจต้องหยั่งเสียงประชาชนว่าจะเอาหรือเปล่า หรืออาจหยั่งเสียงกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกกระทบ แต่ความจริงก็คือว่าทุกวันนี้การออก casino licenses = ใบอนุญาตประกอบการพนัน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะรัฐต่าง ๆ พากันหวังพึ่งรายได้จากภาษีและการท่องเที่ยวที่เชื่อว่าจะมากับการพนันที่ถูกกฎหมาย อย่าง Atlantic City ในรัฐ New Jersey นั่นก็เป็นเมืองแรกที่พยายามจะเป็นลาสเวกัสแห่งตะวันออกโดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ”

“แล้วสำเร็จไหม”

“ก็พยายามมานานแล้วนะ แต่ก็ไม่ติดลมสักที ยิ่งตอนนี้รัฐรอบข้างพากันอนุญาตให้เปิดบ่อนกันเป็นแถว เจอการแข่งขันเพียบ ขนาดเวกัสเองก็เถอะ เจอ recession = สภาวะเศรษฐกิจถดถอย เข้าก็ทรุดเหมือนกัน”

“แล้วรัฐพวกนี้เขาไม่ห่วงเหรอว่าประชาชนของเขาจะติดการพนัน ขายบ้านขายนามาเล่น”

“รัฐฝรั่งเขาถือว่าประชาชนโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ใช่กิจการอะไรของรัฐที่จะต้องไปคอยกำกับชีวิตของประชาชน รัฐฝรั่งจะให้ความสำคัญต่อสิทธิของปัจเจกชน และมักจะมอง paternalistic state = รัฐที่ทำตัวเป็นพ่อประชาชน ด้วยความหวาดระแวง แต่จริง ๆ แล้วฉันสงสัยว่าเขาคงต้องการรายได้ภาษีจากบ่อนมากกว่า เงินมหาศาลขนาดนั้น ใครจะมีปัญหา gambling addiction = การติดพนัน ก็ไปรักษากันเอาเองที่ Gamblers Anonymous แบบเดียวกับพวกติดเหล้าไปเข้ารายการ Alcoholics Anonymous นั่นแหละ”.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี, 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ. กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
●▶//www.dailynews.co.th/article/42/18293


โดย: *คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:2:25:53 น.  

 
วิธีเรียกฝรั่ง

“พี่มารศรีครับ ทางบริษัทเขาส่งผมมาอบรมกับพี่ว่าควรพูดกับฝรั่งยังไงให้รู้เรื่องแบบไม่ต้องลงไม้ลงมือน่ะครับ”
“โห น้องไปลงไม้ลงมือกับฝรั่งเรื่องอะไรมาคะ”
“อ๋อ ก็ฝรั่งถือลูกโป่งเดินจูงลูกเข้าสถานีรถไฟฟ้าน่ะครับ กฎเราห้ามนำลูกโป่งเข้าไป ผมก็เลยไปห้ามเขาแต่เขาโมโห ก็เลยต้องลงไม้ลงมือกันนิดหน่อยครับ”
“อืมม์ แปลกจัง ทำไมเขาต้องโมโหด้วย ว่าแต่ว่าตอนที่เรียกฝรั่ง คุณเรียกเขาอย่างไรคะ”
“ผมก็เรียกเขาว่าคุณครับ แต่ภาษาอังกฤษไม่มีคำว่า ครับ ผมก็เลยเรียกเขาว่า Hey you!”
“ตายจริง นั่นแปลว่า เฮ้ยแก นะคะ”
“อ้าว จะแปลยังงั้นได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อคำว่า you ในภาษาอังกฤษแปลว่า เธอ คุณ ท่าน แก มึง ฯลฯ ก็ได้ Hey you! น่าจะแปลว่า นี่คุณ ไม่ใช่เหรอครับ”
“เปล่าค่ะ เวลาเราเรียกคนที่เราไม่รู้จัก วิธีที่สุภาพคือถ้าเขาเป็นผู้ชายก็เรียกว่า sir (เซอร์) ถ้าเป็นผู้หญิงมีอายุก็เรียกว่า ma’am (แมม ย่อมาจาก madam) และถ้าเป็นหญิงสาวก็เรียกว่า miss (มิ่ส)”
“อ๋อ ยังงี้ผมก็ควรเรียกเขาว่า Hey sir! ล่ะสิ ใช่มั้ยครับ”
“ก็ไม่เชิงค่ะ อย่าใช้คำว่า Hey กับคนที่คุณไม่รู้จักจะดีกว่า ทางที่ดีควรใช้ว่า Excuse me, sir. (เอ็กสกิ้วสหมี่ เสอร์) แปลว่า ขอโทษครับ คุณ หรือจะ ขอโทษค่ะ คุณ ก็ได้ เพราะในภาษาอังกฤษการใช้คำที่บ่งบอกเพศไม่ได้อยู่ที่บุรุษที่หนึ่ง หรือผู้พูด เหมือนในภาษาไทย แต่อยู่ที่บุรุษที่สอง นั่นคือคนที่เราพูดด้วย”
“แล้วทำไมต้องขอโทษเขาด้วยล่ะครับ ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
“เพราะเป็นมารยาทค่ะ คุณขอโทษเขาเพราะคุณรบกวนเขา เรียกให้เขาหยุดชะงักหันมาสนใจคุณนั่นก็เป็นการรบกวนซึ่งควรขอโทษ แม้แต่ในร้านอาหารเวลาเราเรียกพนักงานเสิร์ฟยังต้องใช้ว่า Excuse me! เรียกเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด แค่อยากให้เขามารับคำสั่งของเรา”
“แล้วถ้าจะใช้ว่า Hey mister! แบบในเพลง Bad Girls ของ Donna Summer ล่ะครับได้ไหม”
“นั่นก็เป็นวิธีเรียกแบบไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ค่ะ ทางที่ดีเรียกเขาว่า Sir! ดีกว่า หรือถ้าเขายังไม่ได้ยินก็ Excuse me, sir! ก็ได้ จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเข้าใจผิด”.


Stand your Ground (1)

แฟน ๆ คอลัมน์นี้คงจำได้ที่ผมเคยเขียนว่าที่สหรัฐอเมริกาเรื่อง race = เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก พร้อมที่จะปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อ

ข่าวที่ร้อนฉ่าขึ้นมาในสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้คือการสังหารวัยรุ่นผิวดำชื่อ Trayvon Martin

ความจริงชายก็เคยมีข่าวชายหนุ่มผิวดำที่ไม่ได้ทำอะไรผิดโดนตำรวจยิงอยู่เรื่อย ๆ แต่โดยมากจะไม่กลายเป็นเรื่องระดับประเทศที่แม้แต่ประธานาธิบดีก็กล่าวถึง

คราวนี้ที่เดือดขึ้นมาระดับประเทศก็เพราะประการแรกคือคนยิงไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นพลเรือนผิวขาวผู้อาสาสมัครทำหน้าที่ neighborhood watch = สอดส่องละแวกบ้าน

ประการที่สองคือผู้ตายไม่ได้พกพาอาวุธ ในมือมีเพียงถุงขนมยี่ห้อ Skittles (สกิ๊ดดึ่ลส - ขนมเคลือบน้ำตาลเป็นเม็ด ๆ หลากสี) กับน้ำกระป๋องที่ไปซื้อจากร้าน

ประการที่สาม ที่สำคัญที่สุด คือตำรวจปล่อยตัวผู้ยิงเนื่องจากอ้างมาตรากฎหมายที่เรียกว่า Stand Your Ground หรือที่เรียกเป็นทางการว่า Justifiable Use of Force = การใช้กำลังที่สมเหตุผล

หลายคนโทษกฎหมายนี้ว่าเป็นเหตุที่ผู้ยิงไม่ถูกตั้งข้อหาและจับเข้าคุก เพราะเขียนไว้ว่าถ้าบุคคลรู้สึกว่าตนตกอยู่ในอันตรายที่อาจถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ต้องหนี แต่มีสิทธิที่จะยืนหยัดใช้กำลังตอบโต้ได้ รวมถึงกำลังที่เรียกว่า deadly force = กำลังที่อาจทำให้อีกฝ่ายถึงตาย

เรื่องราวมีอยู่ว่า Trayvon อยู่ระหว่างการเยี่ยมพ่อ ซึ่งมีบ้านใน gated community = ชุมชนที่มีประตูกำแพง พูดง่ายๆ ก็คือหมู่บ้านคนมีสตางค์ จะเข้าได้ก็ต้องผ่านซุ้มประตูที่มียามเฝ้า

เกิดมาเป็นคนผิวดำในสหรัฐก็เสียเปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนั้น Trayvon ดวงซวยพาให้โคจรมาพบกับนาย George Zimmerman ซึ่งเป็นอาสาสมัครตระเวนดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน

นาย Zimmerman เห็น Trayvon เข้าก็โทรฯ ไปแจ้ง police dispatch = ศูนย์รวมสายโทรฯ เข้าของตำรวจ ที่เบอร์ 911 ว่าเจอเด็กหนุ่มผิวดำท่าทางน่าสงสัย ถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ จะสะกดรอยตามไป

พนักงานรับสายตำรวจบอกว่าไม่ต้องเดินตาม แต่นาย Zimmerman ก็ไม่เชื่อ

อีกไม่กี่อึดใจต่อมาคนที่อยู่บ้านแถวนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด... เกิดอะไรขึ้นก็ต้องไว้คอยอ่านตอนหน้านะครับ.

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน,กทม. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
●●//www.dailynews.co.th/article/42/19239


โดย: *คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:18:06:23 น.  

 
Stand your Ground (1)

แฟน ๆ คอลัมน์นี้คงจำได้ที่ผมเคยเขียนว่าที่สหรัฐอเมริกาเรื่อง race = เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก พร้อมที่จะปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อ

ข่าวที่ร้อนฉ่าขึ้นมาในสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้คือการสังหารวัยรุ่นผิวดำชื่อ Trayvon Martin

ความจริงชายก็เคยมีข่าวชายหนุ่มผิวดำที่ไม่ได้ทำอะไรผิดโดนตำรวจยิงอยู่เรื่อย ๆ แต่โดยมากจะไม่กลายเป็นเรื่องระดับประเทศที่แม้แต่ประธานาธิบดีก็กล่าวถึง

คราวนี้ที่เดือดขึ้นมาระดับประเทศก็เพราะประการแรกคือคนยิงไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นพลเรือนผิวขาวผู้อาสาสมัครทำหน้าที่ neighborhood watch = สอดส่องละแวกบ้าน

ประการที่สองคือผู้ตายไม่ได้พกพาอาวุธ ในมือมีเพียงถุงขนมยี่ห้อ Skittles (สกิ๊ดดึ่ลส - ขนมเคลือบน้ำตาลเป็นเม็ด ๆ หลากสี) กับน้ำกระป๋องที่ไปซื้อจากร้าน

ประการที่สาม ที่สำคัญที่สุด คือตำรวจปล่อยตัวผู้ยิงเนื่องจากอ้างมาตรากฎหมายที่เรียกว่า Stand Your Ground หรือที่เรียกเป็นทางการว่า Justifiable Use of Force = การใช้กำลังที่สมเหตุผล

หลายคนโทษกฎหมายนี้ว่าเป็นเหตุที่ผู้ยิงไม่ถูกตั้งข้อหาและจับเข้าคุก เพราะเขียนไว้ว่าถ้าบุคคลรู้สึกว่าตนตกอยู่ในอันตรายที่อาจถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ต้องหนี แต่มีสิทธิที่จะยืนหยัดใช้กำลังตอบโต้ได้ รวมถึงกำลังที่เรียกว่า deadly force = กำลังที่อาจทำให้อีกฝ่ายถึงตาย

เรื่องราวมีอยู่ว่า Trayvon อยู่ระหว่างการเยี่ยมพ่อ ซึ่งมีบ้านใน gated community = ชุมชนที่มีประตูกำแพง พูดง่ายๆ ก็คือหมู่บ้านคนมีสตางค์ จะเข้าได้ก็ต้องผ่านซุ้มประตูที่มียามเฝ้า

เกิดมาเป็นคนผิวดำในสหรัฐก็เสียเปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนั้น Trayvon ดวงซวยพาให้โคจรมาพบกับนาย George Zimmerman ซึ่งเป็นอาสาสมัครตระเวนดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน

นาย Zimmerman เห็น Trayvon เข้าก็โทรฯ ไปแจ้ง police dispatch = ศูนย์รวมสายโทรฯ เข้าของตำรวจ ที่เบอร์ 911 ว่าเจอเด็กหนุ่มผิวดำท่าทางน่าสงสัย ถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ จะสะกดรอยตามไป

พนักงานรับสายตำรวจบอกว่าไม่ต้องเดินตาม แต่นาย Zimmerman ก็ไม่เชื่อ

อีกไม่กี่อึดใจต่อมาคนที่อยู่บ้านแถวนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด... เกิดอะไรขึ้นก็ต้องไว้คอยอ่านตอนหน้านะครับ.


Stand Your Ground (2)
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด Trayvon Martin เด็กวัยรุ่นผิวดำล้มหน้าคว่ำลงไปกับทางเดิน

ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้นอะไรเกิดขึ้น นอกจาก George Zimmerman เจ้าของปืน อาสาสมัครสอดส่องดูแลความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ผู้โทรฯแจ้งตำรวจก่อนนั้นว่ามีคน “น่าสงสัย” เดินป้วนเปี้ยนและได้รับคำแนะนำจากตำรวจว่าอย่าไปเดินตาม

นาย Zimmerman ไม่เชื่อ ลงจากรถไปเดินตาม Trayvon ผู้มีเพียงถุงขนมกับน้ำกระป๋อง ซึ่งคงดู “น่าสงสัย” เต็มทนเพราะเป็นเด็กหนุ่มผิวดำซึ่งใส่ hoodie (ฮุดดี่) = เสื้อกันหนาวที่มี hood คลุมศีรษะสำหรับกันฝน

Trayvon รู้ตัวว่ามีคนเดินตามจึงโทรศัพท์หาแฟน บอกว่ามีผู้ชายเดินตาม แฟนเขาได้ยินเสียงเขาถามผู้ชายที่เดินตามว่าเดินตามทำไม มีเสียงขลุกขลักแล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็หลุดไป

ตำรวจมายังที่เกิดเหตุ นาย Zimmerman อ้างว่าเป็นการป้องกันตัว ตำรวจจึงไม่ตั้งข้อหาและปล่อยตัวไป เพราะภายใต้กฎหมายรัฐฟลอริดาที่เกิดเหตุ การฆ่าคนไม่ผิดถ้ากลัวว่าตนถูกคุกคามถึงขั้นชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส

มาตรากฎหมายที่เรียกกันว่า Stand Your Ground law กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เพราะกฎหมายข้อนี้ไม่ได้เจตนาให้ police wannabe = คนที่อยากเป็นตำรวจ (แต่เป็นไม่ได้) สามารถฆ่าเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้เป็นพิษภัยกับใครเพียงเพราะสีผิวของเขาแล้วมาอ้างว่าป้องกันตัว

Stand (one’s) ground ดูเหมือนจะแปลตรงตัวว่า ยืนพื้น แต่ความจริงเป็นสำนวนครับ แปลว่า ยืนหยัดอยู่กับที่ ไม่ยอมถอย ไม่ย่อท้อ

ถ้าคุณดูหนังฝรั่งที่มีฉากนางเอกตีฆาตกรโรคจิตจนล้มลง คุณอาจเคยสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่กระทืบซ้ำให้ลุกไม่ขึ้น แต่ดันวิ่งหนี ปล่อยให้ผู้ร้ายลุกขึ้นวิ่งไล่ได้อีก

นั่นเป็นเพราะว่าในรัฐส่วนใหญ่ กฎหมายให้หนีจากสถาน การณ์ที่หนีได้ ไม่ได้อนุญาตให้ฆ่าผู้ร้ายยกเว้นแต่จะสุดวิสัยจริง ๆ

แต่กฎหมาย Stand Your Ground ซึ่งมีในทั้งหมด 24 รัฐ อนุญาตครับ ฟังในทฤษฎีก็ดูดีอยู่หรอก จนกระทั่งเกิดเหตุที่ไม่น่าเกิดเช่นกรณี Trayvon Martin ขึ้นมา.


วัฒนธรรมปืน (1)
กรณีการสังหาร Trayvon Martin ที่เราคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นเพียงตัวอย่างสิ่งที่เรียกว่า gun culture (กัน ขั่ลเฉ่อร์) = วัฒนธรรมปืน ของสหรัฐ

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีการครอบครองปืนมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับประชากร ดังนั้นจึงไม่ค่อยน่าแปลกใจที่มีข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่ามีคนโรคจิตใช้ปืนสังหารหมู่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือในที่ทำงาน หรือไม่ก็ข่าวว่าเด็กเอาปืนพ่อไปเล่นแล้วยิงกันเองตาย

ฝ่ายต่อต้านปืนก็จะบ่นว่าถ้าไม่มีปืนเรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ฝ่ายที่ยึดมั่นใน gun rights = สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะครอบครองอาวุธปืน ก็จะอ้างว่ากรณีเช่นนี้เป็นแค่ส่วนน้อย ถ้าดูภาพรวมแล้วจะพบว่าปืนทำให้สังคมปลอดภัยขึ้น เพราะช่วยป้องปรามผู้ร้าย

ครับ รัฐธรรมนูญสหรัฐรับประกัน the right to bear arms สิทธิที่จะถือปืน (โปรดสังเกตนะครับว่าไม่ใช่ the right to bare arms ซึ่งออกเสียงเหมือนกัน แต่แปลว่าสิทธิที่จะมีแขนเปลือย หรือ the right to arm bears = สิทธิที่จะติดอาวุธให้กับหมี)

ถ้าจะเรียกให้เต็มยศตามที่เขียนไว้ใน Second Amendment (เซ็คคันดะเม๊นหมั่นท) = ข้อแก้ไขที่สองของรัฐธรรมนูญ ก็คือ the right to keep and bear arms = สิทธิที่จะครอบครองและถืออาวุธ

ในหนังอเมริกันเราจึงมักเห็นปัญหาต่าง ๆ ตัดสินด้วยปืน เช่นใน Westerns = หนังคาวบอย (หนังที่เกี่ยวกับตะวันตก แต่อาจรวมถึงหนังสือหรือสื่ออื่น ๆ ด้วยก็ได้) ซึ่งมักจะตัดสินด้วยการวัดว่าใคร faster on the draw = ชักปืนเร็วกว่า (draw ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า วาดรูป นะครับ แต่มาจาก draw a gun คือ ชักปืน เพราะ draw แปลว่า ดึง หรือ ชัก ได้ด้วย เช่น drawer ก็แปลว่า ลิ้นชัก) หรือบางทีพระเอกก็อาจเป็น the fastest draw in the West = คนที่ชักปืนไวที่สุดในตะวันตก

ในยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีการดวลปืนกันกลางถนนอย่างในหนังอย่าง High Noon (= เที่ยงตรง ตอนที่ตะวันอยู่เหนือหัว) แล้ว แต่สงครามสมัยใหม่ทำให้คนอเมริกันชื่นชมมือปืนอีกประเภท ที่สามารถส่องยิงจากระยะหลายร้อยหลาได้ในความมืด นั่นคือ sniper (สไน้เผ่อร์) ซึ่งตำรวจอเมริกันใช้ภายในประเทศเหมือนกัน แต่เฉพาะในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ เช่นผู้ร้ายมีอาวุธและยึดตัวประกันไว้หรือพร้อมจะกดระเบิด (ส่วนพยาบาลอาสาสมัครกับพลเรือนที่หลบในวัดไม่เข้าข่ายครับ).

หนังสือ “ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน” เล่ม 1-6 รวมซีดี ลดจาก 600 เหลือ 550 บาท หรือถ้าไม่เอาซีดีก็เพียง 480 บาท ส่ง EMS ฟรี ส่งธนาณัติสั่งจ่ายนายเสาวพจน์ ศรีวลี 20/1 ซอยอินทามระ 7 ป.ณ. สามเสนใน กท. 10400 หรือเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ หมายเลข 111-4-02764-0 แฟกซ์ใบสั่งจ่ายไปที่ 0-2616-8215 อย่าลืมเขียนชื่อ-ที่อยู่นะครับ เว็บไซต์ผม //boonhod.com อีเมลผม boonhod@hotmail.com ติดตามได้ทาง Twitter @boonhod
Credit : //www.dailynews.co.th/article/42/20176


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:7:37:12 น.  

 
school

คอลัมน์ ฝึกหัดภาษาอังกฤษ
พี่ปู


สวัสดีน้องๆ ที่น่ารัก

school เป็นคำที่ใช้กันแพร่หลาย เพราะเด็กทุกคนโตขึ้นก็ต้องไปโรงเรียน

แต่คำนี้ยังหมายถึงอย่างอื่นอีก เช่น วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาระดับไหนก็ตาม

เช่น สถาบันดังอย่าง SOAS โซแอส The School of Oriental and African Studies ที่เป็นมหาวิทยาลัย แต่เรียกว่า school

หรือสำนักทางความคิด มุมมองทางความคิด เรียกว่า school of thought

หรือเป็นสรรพนามเรียกฝูงปลา school of fish

ส่งท้ายด้วยวาทะของโซเฟีย ลอเรน (Sophia Loren) ดาราสาวระดับตำนานของอิตาลี

It"s a mistake to think that once you"re done with school you need never learn anything new. มันเป็นความผิดพลาดที่จะคิดว่าเมื่อคุณเรียนจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งใหม่อื่นๆ อีก

แล้วพบกันพุธหน้าจ้า

ที่มา นสพ ข่าวสด


โดย: *คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:2:13:45 น.  

 
คอลัมน์ ฝึกหัดภาษาอังกฤษ

พี่ปู


สวัสดีน้องๆ ที่น่ารัก

เมื่อพุธที่แล้วมีแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย วันนี้เก็บตกศัพท์ในข่าวกันหน่อย

The alerts caused panic as people fled buildings and made for high ground.

การเตือนภัยทำให้เกิดความตื่นตระหนก ประชาชนหนีลงจากตึกและหนีไปอยู่ที่สูง

panic แปลว่า ตื่นตระหนก แตกตื่น หวาดกลัว

India, Thailand and Sri Lanka have also lifted their own tsunami warnings.

อินเดีย ไทยและศรีลังกาต่างยกเลิกประกาศเตือนสึนามิในประเทศตน

lift คำกริยา แปลได้ทั้งยกระดับ เลื่อนฐานะ หรือ ยกเลิก ล้มเลิก

ถ้าคำนาม แปลว่าการโดยสาร ที่ใช้เรียกลิฟต์ และยังแปลว่าลักขโมยก็ได้

เมื่อเกิดภัยใดๆ ให้ตั้งสติไว้ก่อนนะจ๊ะ

ส่งท้ายด้วย

Leadership has been defined as the ability to hide your panic from others.

นิยามของความเป็นผู้นำคือความสามารถในการเก็บซ่อนความตื่นกลัวไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้

credit : //www.khaosod.co.th/


โดย: *คนจัยดี (ขุนเพชรขุนราม ) วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:0:54:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.