ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสาธร (เดิมคือต้นราชพฤกษ์) ต้นไม้พระราชทานประจำจังหวัดนครราชสีมา (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดพระราชทานกล้าไม้มงคล พระราชทานประจำจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจังหวัดได้ทำพิธีปลูกเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2537 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา)
ข้อมูลทั่วไปของต้นสาธร
- ชื่อวิทยาศาสตร์ Millettia leucantha Kurz.
- ชื่อสามัญ Papilionaceae
- วงศ์ LEGUMINOSAE
- ชื่ออื่น กระเจ๊าะ ขะเจ๊าะ
ลักษณะทั่วไป
- ไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 18-20 เมตร เปลือกสีเทา เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ
- ใบอ่อนและยอดอ่อนมีขนยาว ใบ ประกอบแบบขนนกปลายเดี่ยว เรียงสลับ ใบย่อยติดเป็นคู่ตรงกันข้าม 3-5 คู่ แผ่นใบย่อยรูปรีกว้าง 3.5 - 5 เซนติเมตร ยาว 5-12 เซนติเมตรปลายแหลม โคนมน
- ดอก สีขาว รูปดอกถั่วสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง เดือนมีนาคม พฤษภาคม และฝักแก่ เดือนพฤษภาคม สิงหาคม
- ผล เป็น ฝัก แบน กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 4-10 เซนติเมตร (แบนคล้ายฝักมีด)
- เมล็ด รูปโล่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซนติเมตร
นิเวศวิทยา : ชอบอยู่ตามสภาพดินร่วน แสงแดดจัด ต้องการน้ำและความชื้นมาก พบขึ้นในป่าเบญจพรรณใกล้แหล่งน้ำทั่ว ๆ ไป ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
ประโยชน์ : เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างและเครื่องเรือน
ภาพ topicstock.pantip.com
- สาธร เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลของจังหวัดนครราชสีมา
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Millettia leucantha Kurz
- วงศ์: Leguminosa-Papilionoideae
- ชื่ออื่น: ขะเจ๊าะ กะเซาะ ขะแมบ กระเจา ขะเจา
- ลักษณะ: ไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 18 - 20 เมตร เรือนยอดกลมหรือทรงกระบอก
- เปลือก: สีเทาเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดแล็ก ๆ ตื้น ๆ เนื้อไม้สีขาวอมน้ำตาล แก่นสีน้ำตาลอมดำ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ใบอ่อนและยอดอ่อนมีขนยาวอ่อนนิ่มคล้ายเส้นไหมปกคลุมอยู่
- ใบ: ประกอบรูปขนนกเรียงสลับ ใบย่อยติดเป็นคู่ตรงกันข้าม 3 - 5 คู่ ปลายสุดเป็นใบเดี่ยวแผ่นใบย่อย รูปรี กว้าง 3 - 5.5 เซนติเมตร ยาว 5 - 12 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ด้านล่างใบสีอ่อนกว่าด้านบน ใบแก่เกลี้ยง
- ดอก: ดอกช่อ สีขาว แบบช่อกระจายแยกแขนง ยาวประมาณ 20 ซม. ออกพร้อมใบอ่อน รูปดอกถั่ว กลีบดอก 5 กลีบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบติดกันเป็นหลอดสั้น ออกรวมกันเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง
- ผล: เป็นฝักแบน รูปขอบขนานคล้ายฝักมีด มีเปลือกแข็ง กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 4 - 10 เซนติเมตร ฝักแก่แตกเป็น 2 ซีก ฝักหนึ่ง ๆ มี 1 - 3 เมล็ด เมล็ดสีน้ำตาล รูปร่างแบนคล้ายโล่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซนติเมตร
- นิเวศวิทยา: พบขึ้นในป่าเบญจพรรณใกล้แหล่งน้ำทั่ว ๆ ไป ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 600 เมตร
- ออกดอก: มีนาคม - พฤษภาคม ฝักแก่ พฤษภาคม - สิงหาคม
- ขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด ควรนำเมล็ดแช่น้ำประมาณ 1 คืน ก่อนนำไปเพาะ เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 10 - 15 วัน
- ประโยชน์: เนื้อไม้และแก่นมีลักษณะสวยงามใช้ในการก่อสร้าง ใช้ทำเครื่องเรือน และด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น เสาเรือน ขื่อ รอด เพลา เกวียน เครื่องนอน ครก สาก
- ถิ่นกำเนิด: ในไทยทางภาคกลาง ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างประเทศพบที่พม่าและลาว
- จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี