ในการติดตาต่อกิ่งต้นพืช มีวิธีการต่างๆ ที่จะทำได้หลายวิธี แต่พอจะแบ่งเป็นวิธีใหญ่ๆ ได้ ๓ วิธี คือ
๑. การติดตา (bud grafting or budding)
๒. การต่อกิ่ง (grafting)
๓. การทาบกิ่ง (inarching or approach grafting)การติดตา
เป็นการต่อต้นพืชแบบหนึ่งที่ใช้กิ่งพันธุ์ดีเพียงตาเดียว พอจะแบ่งวิธีติดตาโดยเฉพาะวิธีที่ใช้กันทั่วๆ ไปได้ ๓ วิธี คือ
๑. การติดตาแบบตัวที (T. budding)
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาต้นพืชแบบ ตัวที
๑. ต้นตอจะต้องมีเปลือกล่อนสามารถลอกเปลือกต้นตอได้ง่าย
๒. ต้นตอไม่ควรมีขนาดโตเกินไป ควรจะมีขนาดเท่าดินสอดำหรือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณไม่เกิน ๑/๒ นิ้ว
๓. ไม่เป็นพืชที่มีเปลือกบาง หรือเปลือกเปราะ หรือมีเปลือกหนาเกินไป
๔. เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตาต้นพืชทั่วๆ ไปเช่น ใช้กับกุหลาบ พุทรา ส้ม เป็นต้น
วิธีติดตาแบบตัวที
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอบริเวณที่เป็นปล้องแล้วกรีดเปลือกให้ถึงเนื้อไม้เป็นรูปตัวที (T) โดยให้หัวของตัวทีที่กรีดยาวประมาณ ๑/๒ นิ้ว และความยาวของตัวทียาว ๑ - ๑ ๑/๒ นิ้ว ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดของต้นตอ
๒. ใช้ปลายมีดแงะบริเวณหัวตัวทีให้เปลือกเผยอเล็กน้อย แล้วล่อนเปลือกของต้นตอด้วยปลายเขาที่ติดอยู่ที่ด้ามมีด
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
๑. เฉือนกิ่งพันธุ์ดีเป็นรูปโล่ให้ติดเนื้อไม้เล็กน้อย ในกรณีที่พืชนั้นมียางควรจะลอกเนื้อไม้ทิ้งเพื่อให้มีบริเวณของการเกิดรอยต่อมากขึ้น
ค. การสอดกิ่งพันธุ์ดีบนต้นตอ
๑. สอดแผ่นตาลงบนแผลรูปตัวทีที่เตรียมไว้ แล้วค่อยๆ กดแผ่นตาลงไปในแผลให้สนิท และลึกราว ๑/๒ นิ้ว เหนือตา
๒. ถ้าเปลือกแผ่นตายังเหลือเลยหัวตัวทีให้ตัดส่วนที่เหลือออกพอดีกับหัวตัวที
๓. ใช้ผ้าพลาสติกที่ตัดเป็นชิ้นขนาดกว้าง๑-๑.๕ ซม. ยาวราว ๒๐-๒๕ ซม. พันทับแผ่นตาให้แน่น และควรพันจากข้างล่างขึ้นข้างบน
๔. หลังจาก ๑๐ วัน จึงตรวจ ถ้าตาใดยังสดก็แสดงว่าติด จึงเปิดผ้าพันตาแล้วพันใหม่ให้คร่อมตา
๒. การติดตาแบบชิพ (chip budding)
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาแบบชิพก็คือ
๑. เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตาต้นพืชที่ลอกเปลือกไม่ได้ เป็นพืชที่มีเปลือกบางหรือเปลือกหนาหรืออยู่ในระยะพักตัว
๒. มักใช้กับพืชที่ไม่มียาง และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นตอประมาณ ๒/๓ - ๑/๒ นิ้ว
๓. มักใช้ในการติดตา องุ่น ชบา ฯลฯ
วิธีติดตา ปฏิบัติดังนี้ (modified chip)
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอที่เปลือกติด หรือที่ชะงักการเจริญ
๒. เฉือนต้นตอเฉียงลงให้เข้าเนื้อไม้เล็กน้อย และยาวประมาณ ๑ นิ้ว
๓. เฉือนตัดขวางให้จดโคนแผลที่เฉือนครั้งแรก โดยให้รอยเฉือนนี้ทำมุม ๔๕° กับลำต้นแล้วแกะชิ้นส่วนของพืชที่เฉือนออก
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
เฉือนแผ่นตาบนกิ่งพันธุ์ดีให้มีความยาวเท่ากับรอยแผลที่เตรียมบนต้นตอ โดยกะให้ตาอยู่ตรง
กลางพอดี
ค. การสอดแผ่นตา
๑. ประกบแผ่นตาบนต้นตอ โดยให้เยื่อเจริญด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้านสัมผัสกับเยื่อเจริญของต้นตอ
๒. ใช้ผ้าพลาสติกพันตา เช่นเดียวกับการติดตาแบบตัวที
๓. การติดตาแบบเพลท (Plate budding)
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาแบบเพลท คือ
๑. มักใช้กับต้นตอที่มีขนาดโต คือ มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๑/๒ - ๑ นิ้ว
๒. ต้นตอต้องลอกเปลือกได้หรือมีเปลือกล่อน
๓. เป็นพืชที่มีเปลือกหนาและเหนียวพอสมควร
๔. นิยมใช้กับพืชมียาง เช่น มะม่วง ขนุนยางพารา หรือพืชบางชนิดที่เกิดเนื้อเยื่อช้า เช่นมะขามหรือน้อยหน่า เป็นต้น
วิธีติดตาแบบเพลท
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอบริเวณที่จะทำแผลให้เป็นปล้องที่เรียบและตรง
๒. กรีดเปลือกต้นตอถึงเนื้อไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าฐานเปิดดังภาพ
๓. เผยอเปลือกต้นตอออกจากเนื้อไม้ ทางด้านบนหรือด้านล่างของรอยกรีด แล้วลอกเปลือก ขึ้นหรือลงตามรอยกรีดที่เตรียมไว้แล้ว
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
เฉือนแผ่นตากิ่งพันธุ์ดีให้เป็นรูปโล่ ยาวประมาณ ๑ นิ้ว แล้วแกะเนื้อไม้ออก
ค. การสอดแผ่นตาบนแผลของต้นตอ
๑. ประกบแผ่นตาลงบนแผลของต้นตอ จัดแผ่นตาให้อยู่กลางแผลแล้วประกบแผ่นเปลือกของต้นตอทับแผ่นตา แต่ถ้าใช้ตาอ่อนจะต้องตัดแผ่นเปลือกต้นตอตอนบนออก ๓ ส่วนเหลือไว้ ๑ ส่วน
๒. พันผ้าพลาสติกเช่นเดียวกับการติดตาแบบตัวทีหรือแบบชิพ และต้องใช้พลาสติกใส เมื่อใช้ตาอ่อน
คลิกชมภาพและอ่านต่อที่นี่....