...ยังมีไม้ขีดไฟอีกมากมายเท่าไหร่ ที่เผาไหม้ตัวเองอย่างไร้ค่า...
ช่วงนี้เหนื่อยมากมายเลย แต่ก็เพราะความเหนื่อยและยุ่งนี่แหละ ที่ทำให้ฉันมีอะไรจะมาเขียนมาเล่า ความเหนื่อยความท้อ มักจะทำให้เราตั้งคำถามตัวเอง บ่อยครั้งไม่ใช่หรือที่คนเรามักจะพบคำตอบ ในวันคืนที่แย่ๆของชีวิต
สัปดาห์ที่ 3 ของการเข้าทำงานที่ INEB The International Network of Engaged Buddhists ที่แอบอยู่หลังทางเข้าที่เป็นซอกตึกเล็กๆบนถนนเจริญนคร การได้พบปะพูดคุยกับพี่ๆที่นั่น ทำให้ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันคิด ฉันไม่ได้คิดไปคนเดียว ยังมีผู้คนอีกมากมายที่คิดเหมือนๆกัน
ชีวิตยุ่งเหยิงอย่างยิ่งของฉันเริ่มตั้งแต่ปีใหม่ ฉันไปเรียนตอนเช้า เรียนในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ แต่ 3 ปีมานี้ สิ่งที่ฉันไม่ชอบนี่เอง ที่มากระตุ้นเตือนให้ฉันกลับมามองชีวิต และเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง
ตอนเที่ยงฉันกระโดดขึ้นรถไฟฟ้า ถึงสะพานตากสิน ข้ามแม่น้ำไปฝั่งธนฯ แล้วก็นั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ที่ INEB จนเย็น
แล้วฉันก็กลับมาใช้ชีวิตอีกภาคหนึ่ง ชีวิตการเป็น Dancer (?) ฉันไม่ชอบคำนี้ เพราะมันมักจะพาให้คนนึกภาพฉันไปเป็นอีกสิ่งหนี่ง ซึ่งฉันไม่ใช่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร เพราะฉันยังไปไม่ถึงคำว่า "ศิลปิน" ผู้สรรค์สร้างงานศิลป์ คำนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ฉันไม่อาจเอื้อม ไม่ใช่ใครๆจะบอกว่าตัวเองเป็นศิลปินได้ทั้งหมด ศิลปินไม่ใช่อาชีพที่เลือกทำได้ อยู่ที่ว่าคนอื่นๆ จะชื่นชมยกย่อง ให้บุคคลใดเป็นศิลปินหรือเปล่าต่างหาก ดังนั้น ฉันจึงยังคนเรียกตัวเองว่าเป็น "Dancer" ต่อไป แม้ว่าฉันจะไม่ชอบคำนี้เลยก็ตาม
หลังจากการปฏิบัติหน้าที่ของ Dancer เสร็จสิ้น ....เรียน สอน ซ้อม.... ฉันก็กลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าวมื้อดึกมาก เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ กลับเนื้อกลับตัวเป็นนิสิตอีกครั้ง แล้วก็มานั่งทำรายงานๆๆๆๆ และรายงาน
ร่ายมาเสียยาว ก็แค่จะบอกว่า วันๆมันเหนื่อยเหลือเกิน แต่ว่าฉันมีความสุขเหลือเกิน กับการเป็นส่วนหนึ่งของ INEB
วันนี้ที่นั่น ฉันได้นั่งคุยกับพี่ผู้ชายคนหนึ่งชื่อ พี่เล็ก พี่เล็กเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังมากมาย สิ่งหนึ่งที่พี่เล็กพูดคือ เส้นทางแห่งจิตวิญญาณนี้ มันไม่ได้สะดวกโยธิน เพียงแต่ว่าบนเส้นทางสายนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราประสบปัญหา เราจะพบว่ามีผู้คนพร้อมจะช่วยเราอยู่มากมาย
ฉันเป็นเพียงไม้ขีดไฟ ไม่นานก็ดับ ต่อให้เผาไหม้ตัวเองอย่างไร หากเป็นเพียงลำแสงลำพังของฉัน ก็ไม่อาจให้แสงสว่างแก่ค่ำคืนที่มืดมิดได้
ฉันเป็นไม้ขีดไฟที่ถูกจุด เปลวไฟลามเลียไปตามก้านไม้น้อยๆ หากฉันไม่รีบ ฉันคงถูกเผาไหม้จนหมด ก่อนที่คืนนี้จะสว่าง
ฉันเป็นไม้ขีดไฟ ที่มีเปลวไฟเพียงน้อยนิด คงเกินเรี่ยวแรงที่จะหวัง ให้แสงสว่างของฉัน ดับความมืดมิดของค่ำคืน
แต่คงจะดีขึ้น หากใช้เปลวไฟของฉัน ส่งต่อแสงสว่างให้แก่เพื่อนไม้ขีดไฟ แต่ทั้งฉันและเพื่อนไม้ขีดไฟ ต่างก็มีเวลาเพียงน้อยนิด ก่อนที่เปลวไฟจะลามเลียจนหมดก้าน และกลายเป็นเพียงซากไม้ขีด และยอมรับความมืดมิดต่อไป ดังที่มันเป็นอยู่เช่นนั้นเหมือนเดิม
ทำอย่างไรให้แสงสว่างคงอยู่ ฉันไม่อยากตกอยู่ในความมืดมิดอีกต่อไป ฉันอยากให้ท้องฟ้าสว่างใส ทำไมถึงให้ไม้ขีดก้านแล้วก้านเล่า จุดไฟเผาไหม้ตัวเองเรื่อยไปเช่นนี้ ท้องฟ้ามืดมิดลงทุกที มีไหม เทียนใหญ่เล่มใดจะสนใจ
ไม้ขีดไฟเล่มน้อย หลายเล่มรวมๆกัน จะสามารถส่งต่อเปลวไฟอันสว่างไสว ให้กับเทียนเล่มใหญ่เหล่านั้นได้ไหม
อนิจจา... ไม้ขีดไฟบอบบางเกินไป ที่จะปกป้องเปลวไฟของตัวเองไม่ให้มอดดับ ด้วยกระแสลมที่พัดพา กระแสลมชอบความมืดมิด เพราะกลัวว่าแสงสว่างนั้น จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัด สายลมไม่อยากเห็นตัวเอง สายลมรับไม่ได้ที่จะเห็นว่าตัวเองนั้น ไม่ใช่อะไรเลย
ไม้ขีดไฟอย่างฉัน จะทำอะไรได้สักวันไหม ยังมีไม้ขีดไฟอีกมากมายเท่าไหร่ ที่กำลังเผาไหม้ตัวเองอย่างไร้ความหมาย โดยที่โลกนั้น ก็ยังไม่สว่างขึ้นเสียที

Create Date : 25 มกราคม 2551 |
|
10 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2551 21:04:16 น. |
Counter : 1503 Pageviews. |
|
 |
|