เที่ยว ระนอง ท่องพม่า 2 แผ่นดินใกล้ถิ่นไทย
ร้อนๆ อย่างนี้ก็ต้องนึกถึงทะเล จะหัวหิน บางแสน ชะอำ หรือ เกาะล้าน ก็ว่ากันไป แต่เราว่ามันใกล้ไป คราวนี้ขอไปไกลๆ ถึงระนอง เมืองฝนแปดแดดสี่ที่ซุกซ่อนอะไรดีๆ ไว้เยอะแยะอย่างที่คนรักการเดินทางไม่ควรพลาด ด้วยความที่ระนองเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ติดทะเล มีพรมแดนน่านน้ำติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนม่าร์หรือพม่าที่เราคุ้นเคยกันดี แถมมีทรัพย์ในดินและสินในน้ำอย่างล้นเหลือ เพราะฉะนั้นจะเที่ยวแบบแวะชม ชิม ช็อป แชะก็ได้ครบหายห่วง

ถึงแม้จะต้องเดินทางไกลแต่คนรักสุขภาพเขาว่ากันว่ามันคุ้มค่าเป็นหนักหนา ก็คือบ่อน้ำแร่ร้อน ไม่ว่าจะเดินทางทางรถ หรือเครื่องบิน การแก้เมื่อยด้วยการนั่งแช่บ่อน้ำแร่ร้อนที่ไร้กลิ่นกำมะถัน ช่วยให้เลือดลมดี และผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดีนักล่ะ สรรพคุณของแร่น้ำร้อนไม่ได้มีดีแต่เพียงเท่านี้ ….และในเมื่อมีของดีจากธรรมชาติที่ที่ไหนๆ ก็เด่นไม่เท่า จ.ระนองเขาจึงเดินท่อต่อน้ำแร่ร้อนเข้าตามโรงแรมที่พัก สปา และ โรงพยาบาลทั่วระนอง อำนวยความสะดวกสบายกันขนาดนี้…โรงแรมไทยเราก็เก๋ไม่แพ้โรงแรมในเกาหลี ญี่ปุ่นนะเอ้า

หรืออยากได้บรรยากาศ อาบน้ำแร่ในสวน ขอแนะนำ“บ่อน้ำแร่ร้อนที่สวนสาธารณะรักษะวาริน” จะมีบ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว ที่นี่ถือเป็นน้ำบริสุทธิ์ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ใช้ดื่มใช้อาบได้ เคยนำไปผ่านพิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ ในคราวพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแล้ว

สวนสาธารณะรักษะวาริน
อย่าคิดว่าจะต้องสกปรกหรือเฉิ่มเชย ขอบอกว่า เห็นแล้วจะอยากเปลี่ยนเป็นผ้าถุง ผ้าขาวม้ากระโจนลงสระลงบ่อกันแทบไม่ทัน
หรือถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เดินทางอีกนิดหน่อย “บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง” รอคอยเราทุกคนอยู่ แช่น้ำแร่ร้อน พร้อมชมหม้อข้าวหม้อแกงลิงและ ” ดอกเอื้องเงินหลวง “กล้วยไม้ป่าประจำจังหวัดของระนอง เป็นบรรยากาศที่คนเมืองกรุงต้องหลงใหลแน่ๆ ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท แถมมีบ้านพักนักท่องเที่ยวอยู่ใกล้ๆ เพียง 10 หลังให้ชื่นชมธรรมชาติกันให้เต็มที่แบบข้ามคืนเพียง 1,000 บาทต่อคืน เสียดายที่ทริปนี้เราไม่มีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพ ใครโชคดีไปสัมผัส อย่าลืมแชะภาพมาฝากกันด้วยนะ ;)
เราเริ่มต้นด้วยเส้นทางประวัติศาสตร์ก่อนแล้วกัน…

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)
พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนอง ได้สร้างพระราชวังแห่งนี้ เพื่อเป็นที่ประทับถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประทับแรมที่เมืองระนอง ระหว่างวันที่ 23 – 25 เมษายน พ.ศ. 2433และได้มีโอกาสรับเสด็จ เป็นที่ประทับแรมของอีก 2 รัชกาลต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

พระราชวังรัตนรังสรรค์ เป็นพระราชวังที่ทำด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง ตั้งอาคารแปดเหลี่ยมอยู่เชิงเขารัตนรังสรรค์ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง ซึ่งปัจจุบันพระราชวังเดิมนั้นได้ชำรุด และ รื้อถอนเพื่อสร้างเป็นศาลากลางจังหวัดระนองแทน ดังนั้นทางจังหวัดจึงสร้างพระราชวังจำลองขึ้นใหม่เพื่อเป็นอนุสรณ์ และเป็นที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองระนอง

ห้องบรรทมพระราชินี
ภายในจัดแสดงห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 ห้องพระราชินี มีจำนวน 6 ห้อง อาคารทรงแปดเหลี่ยม อาคารท้องพระโรง สะพานเชื่อมอาคารที่ประทับกับอาคารแปดเหลี่ยม โดยข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจำลองมาจาก พระที่นั่งวิมานเมฆ ในกรุงเทพ เนื่องจากของเดิมได้เสื่อมสภาพเกินจะรักษาสภาพเดิมไว้ได้ หากใครได้มาเยือนพระราชวังรัตนรังสรรค์นี้ จะได้เห็นภาพตัวเมืองทั้งหมดของจังหวัดระนอง

ห้องทรงพระอักษร

จวนเจ้าเมืองระนอง หรือ บ้านค่ายเจ้าเมืองระนอง
แรกเริ่มเดิมทีเป็น 3 อาคารแฝด สร้างด้วยไม้ 3 ชั้น ในสมัยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (หรือท่านคอซู้เจียง ต้นตระกูลของนามสกุล ณ ระนอง)ซึ่งเป็นเจ้าเมืองระนองคนแรก ซึ่งพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (ท่านคอซิมก๊อง) บุตรชายคนที่ 2 ของท่านคอซู้เจียง สร้างเพื่อใช้เป็นที่พักของบิดา เริ่มสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2420 หลังเหตุการณ์กุลีจีนกบฏ
จวนเจ้าเมืองระนองนี้มีเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองระนอง ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานฉบับทั่วไป เล่มที่ 113 ตอนพิเศษ 50ง ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2539 ปัจจุบันเหลือเพียง 1 หลังและเหลืออยู่เพียงชั้นเดียวเท่าที่เห็น ซึ่งเป็นอาคารรุ่นที่ 2 ของตระกูล

สิ่งที่น่าสนใจคือ ศาลบรรพบุรุษต้นตระกูล “ณ ระนอง” 4 รุ่น ป้ายหน้าศาลบรรพบุรุษ มีอักษรจีนฮกเกี้ยน อ่านว่า “เกา – หยาง “แปลว่า “ดวงตะวันอันสูงส่ง ” อันหมายถึง บ้านนี้มากด้วยขุนนาง บ้านนี้มากด้วยแก้วแหวนเงินทอง เนื่องจากมีลูกหลานเป็นท่านเจ้าเมืองทั้งหมด 10 คน บนป้ายตัวอักษร “เกา – หยาง “นี้ ยังความรู้ในเชิงสัญลักษณ์ซุกซ่อนอยู่ด้วย โดยจะมีรูปค้างคาว 3 ตัว ซึ่งคนจีนเชื่อว่า ค้างคาวเป็นสัตว์มงคล หากินในที่สูง ลอยอยู่ในหมู่เมฆ โดยค้างคาวทั้ง 3 ตัวนี้จะมีริบบิ้นผูกอยู่ เป็นสัญลักษณ์ว่านำของขวัญมา 3 ชิ้นให้แก่ผู้ที่อยู่ในบ้าน

ตะเกียงสุดหรู สามารถชักขึ้น ชักลงได้
นอกจากนั้น ภายในยังเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ เก็บของพระราชทานมากมายอย่าง หรีดโลหะ ชุบเงิน และทอง พระราชทานโดย กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (บิดาแห่งประวัติศาสตร์)โอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 4 รวมถึงศิลาจารึก ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 พระราชทานพระราชานุญาตทำคำจารึกไว้เป็นเกียรติยศแก่ตระกูล ณ ระนอง

ป้ายวิญญาณต้นตระกูล ณ ระนอง มีหรีดเงิน หรีดทองพระราชทานอยู่ภายใน
ภายในจวนเจ้าเมืองยังมีอาคารอีกหลายหลัง อย่างเรือนรับรองที่เคยใช้รับเสด็จรัชกาลที่ 5 อาคารโกดังสินค้า บ่อน้ำโบราณ และกำแพงจวนเจ้าเมืองซึ่งมีประตูเล็กๆ ด้านข้างไว้สำหรับไพร่ฟ้า ลอดคลานสำหรับ เข้า – ออก ตามธรรมเนียมโบราณที่ ราษฎรจะไม่เดินเข้า ออก ผ่านประตูใหญ่ซึ่งเป็นประตูเดียวกับ ผู้มีศักดินา ยศฐาบรรดาศักดิ์ ใช้เท่านั้น

เครื่องราชย์ สำหรับให้บ่าวถือตามขบวนของท่านเจ้าเมือง
ซึ่งที่เห็นปลายเป็นมือถือดินสอเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายบุ๋น

สุสานเจ้าเมืองระนอง ท่านคอซู้เจียง
จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมแบบจีน สุสานเจ้าเมืองระนอง ท่านคอซู้เจียง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดระนอง และเป็นต้นตระกูล ณ ระนอง อย่างที่ได้เล่ามาแล้วตอนต้น สุสานนี้ตั้งอยู่ที่เนินเขาระฆังทอง ตำบลบางบอน ห่างจากเทศบาลเมืองระนองประมาณ 1 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 4004 (ระนอง – ปากน้ำ ) เป็นสุสานแบบจีน

ฮวงซุ้ยของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2426 โดยบริเวณสุสานเป็นที่ดินได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูล ณ ระนอง ที่ท่านคอซู้เจียงเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 7ง วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 254

ตุ๊กตาหินแกรนิตหน้าสุสาน เป็นรูปขุนนางฝ่ายบุ๋น
พื้นสุสาน ทั้ง 3 ชั้นรวมไปถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ ล้วนทำด้วยศิลาที่นำเข้ามาจากจีน และมีความหมายดังต่อไปนี้
- เสาศิลาด้านซ้ายมือ มีตัวอักษรภาษาจีน มีความหมายว่า “ระนองมีภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม” เป็นศรีแก่เมืองระนอง ป้องกันภัยพิบัติมิให้เกิดขึ้น ทำให้ชาวเมืองระนองได้รับความร่มเย็นเป็นสุข
- เสาศิลาด้านขวามือ มีตัวอักษรภาษาจีน มีความหมายว่า “ระนองมีน้ำเป็นสีทอง” เป็นที่ทำมาหากินของชาวระนอง เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศสวยงาม เป็นแหล่งกำเนิดของอัจฉริยบุคคล
- ตุ๊กตาหินแกรนิต โบราณที่นำมาจากเมืองจีน อันประกอบด้วย
รูปปั้นแพะ หมายถึง โภคทรัพย์ ความมั่นคง
รูปปั้นสิงโต หมายถึง พลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่
รูปปั้นม้า หมายถึง ข้าทาสบริวาร คนรับใช้
รูปขุนนางฝ่ายบู๊ หมายถึง ขุนนางทำหน้าที่นักรบ
รูปขุนนางฝ่ายบุ๋น หมายถึง ขุนนางทำหน้าที่ในราชสำนัก

จุดพรมแดนสำคัญ …
คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ
พรมแดนแบ่งเขตระหว่างไทย – พม่า เป็นส่วนที่แคบที่สุดในแหลมมลายู มีระยะจากฝั่งทะเลทางตะวันตกจรดตะวันออกกว้างเพียง 44 กิโลเมตร นับเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตบ้านทับหลี ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี กิโลเมตรที่ 545 ของทางหลวงหมายเลข 4 ห่างจากเทศบาลเมือง 66 กิโลเมตร มีแผ่นป้ายคอนกรีตขนาดใหญ่จำลองแผนที่ แสดงจุดที่ตั้งของคอคอดกระ จากจุดนี้สามารถชมทิวทัศน์ของแม่น้ำกระบุรีที่แบ่งพรมแดนไทย – พม่าได้อย่างชัดเจน
เม็ดกาหยู หรือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ของฝากขึ้นชื่อ
ของฝาก ตามประสาขาช้อป
มาที่นี่ต้องเป็นต้องซื้อกาหยู (เม็ดมะม่วงหิมพานต์),กะปิ,กุ้งแห้ง ,ปลาเค็ม,ปูทะเลสดและไข่มุก
2555 ระนองครบ 150 ปี
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2405 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเมืองระนองเป็นหัวเมืองจัตวา แยกการปกครองจากเมืองชุมพร ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ดังนั้น จังหวัดระนองจึงนับวันที่ 21 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันสถาปนาเมืองระนอง ในปีนี้ ระนองครบ 150 ปี เทศบาลเมืองระนองและททท.จะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ จัดแข่งขันร่อนแร่ดีบุก มีพิธีถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และวางพวงมาลา บวงสรวงเจ้าเมืองระนอง มีการจัดเลี้ยงน้ำชา การจัดจำหน่ายสินค้า การประมูลภาพวาด การแสดงดนตรี -แสงสีเสียง ละครย้อนยุคเมืองระนอง และ มินิคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง ฯลฯ ณ พระราชวังรัตนรังสรรค์เทศบาลเมืองระนอง บอกได้คำเดียวว่างานนี้ คนชอบเที่ยวห้ามพลาด !!!
ร้านอร่อยระหว่างทาง…
การนั่งรถเดินทางไกลๆ กับเส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามเขา + อาการท้องว่าง อาจทำให้เมารถได้ง่ายๆ เติมท้องซะหน่อย ด้วยข้าวมันไก่เจ้าอร่อยระหว่างทาง และ ซาลาเปาทับหลี อาจช่วยให้คุณๆ อาการดีขึ้นได้นะ
ค้างคืนที่พม่า..
เกาะสน หรือ เกาะตันเตชุณห์ มาจากภาษาพม่า แปลว่าที่อยู่ของมหาเศรษฐี หรืออีกชื่อหนึ่งที่ชาวพม่าเรียกกันคือ เกาะสูง เพราะเป็นพื้นที่สูงมีภูเขาสลับซับซ้อน เป็นเกาะที่อยู่ในดินแดนสหภาพพม่าทางตอนใต้ในท้องทะเลอันดามัน เป็นที่ตั้งของโรมแรมอันดามันคลับ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อนและเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงทั้งฝั่งไทยในจังหวัดระนอง และฝั่งสหภาพพม่า รวมทั้งเกาะต่างๆ ในทะเลอันดามัน สิ่งอำนวยความสะดวกภายในเกาะ มีโรงแรม สนามกอล์ฟ 18 หลุม ร้านอาหาร และร้านค้าปลอดภาษี การเดินทางต้องมีการทำหนังสือผ่านแดนกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้หลักฐานเป็นใบขับขี่ บัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ต ค่าผ่านด่านข้ามแดน สำหรับคนไทย 250 บาท และ ชาวต่างชาติ 850 บาท
หรือใช้บริการการเดินทางด้วยรถของโรงแรมอันดามันคลับ ซึ่งจะมีรถรับส่งผู้โดยสารจากสนามบินผ่านตัวเมืองไปยังท่าเรือ และเรือ Catamaran รับส่งไปยังโรงแรมอันดามันคลับ ซึ่งมีบริการเที่ยวไปตั้งแต่ 08.30 น. – 23.30 น.(ออกเกือบทุกชั่วโมง) และเที่ยวกลับตั้งแต่เวลา 07.45 น. – 23.30 น.(ออกเกือบทุกชั่วโมง) ใช้เวลาในการเดินทาง 20 นาที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.andamanclub.com หรือโทร 02 -285 -6404-7, 02-287-3031-4 ,02-679-9238-40

ท่าเรือที่เกาะสอง ประเทศพม่า

เที่ยวพม่า ง่ายๆ
เกาะสอง Victoria Point
เกาะสอง หรือ Victoria Point ปลายสุดของแผ่นดินประเทศพม่าฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกระบุรี ชาวพม่าเกิดความรู้สึกชาตินิยม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คิงบายินนอง พ้อยท์” (King Bahyintnaung) คนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มีทั้งชาวพม่า,มุสลิม,มอญ และ จีน ปัจจุบันนี้ชาวพม่าบนเกาะนี้ยังคงรักษาอารยธรรมที่อนุรักษ์นิยมมากว่า 100 ปี โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านการแต่งกาย คือ ผู้ชายนุ่งโสร่ง และผู้หญิงนุ่งผ้าถุง (ยาวกรอมเท้า)โดยใช้วิธีขมวดเหน็บเอาไว้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัด ชาวพม่าที่นี่ส่วนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการประมง และค้าขายของที่ระลึก

อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง
ชาวพระพม่าสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนองหรือผู้ชนะสิบทิศของชาวไทย มีชื่อภาษาพม่าว่า “King Ba ying naung” เป็นที่สักการะ บูชาของนักท่องเที่ยวและชาวพม่าเพื่อความเป็นสิริมงคล และจากจุดนี้สามารถชมวิวโดยรอบทะเลอันดามันได้เป็นมุมกว้าง

วัดปิดอร์เอ
วัดปิดอร์เอหรือเจดีย์ปิดอร์เอ แปลว่า เจดีย์แห่งความสงบ จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง ในย่างกุ้ง ตั้งอยู่บนเขา คนไทยเรียกว่า “วัดจีน” มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสูงถึง 70 ฟุต ภายในบรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และ พระพุทธรูปประจำวันเกิด ตั้งอยู่ประจำทิศต่างๆ ภายนอกเจดีย์มีรูปปั้นพระเจ้าสิบชาติ พระสิวลีหรือ พระโชคลาภ ต้นโพธิ์ 100 ปีที่นำมาจากประเทศศรีลังกา

แวะเข้าพระอุโบสถ สักการะพระมหามุนีจำลองจากมัณฑเลย์ซึ่งเป็นองค์พระพุทธเจ้าตามแบบของพม่า การกราบไหว้บูชาที่พม่าใช้ดอกไม้ร้อยเสียบก้านไม้ยาวแทนธูปเทียน ช่อนี้ 10 บาทค่ะ ถ้ามีช่อเงิน ช่อทอง ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก การจะเข้ามากราบไหว้ที่วัดปิดอเอร์ต้องถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าประตู เห็นแดดร้อนเปรี้ยงๆ อย่างนี้เถอะ …ขอบอกว่าเดินเท้าเปล่าแต่ไม่ร้อนเลยแม้แต่นิด เพราะกระเบื้องที่ใช้ปูในวัดเป็นกระเบื้องที่นำมาจากจีน มีฤทธิ์เย็นไม่อมความร้อน

เจดีย์วัดปิดอร์เอ วัดแห่งความสงบสุข

ภายในเจดีย์มีพระประจำวันเกิดให้สักการะ

ต้นศรีมหาโพธิ์ จาก ศรีลังกา

สักการะพระสมปรารถนา

แต่ละช่องจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าทั้ง 10 ชาติ

ของช้อปที่ขึ้นชื่อ
กุ้งแห้งตัวโตๆ ราคาถูก แป้งทานาคา โสร่ง เครื่องไม้แกะสลัก ยาดมพม่า เครื่องประดับอัญมณี ฯลฯ



เที่ยวต่อที่ภูเขา 555 ที่ชื่อนี้ก็เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 555 ฟุต

จากบนภูเขา 555 จะเห็นทั้งไทยและพม่า ที่เห็นอยู่ลิบๆ คือแผ่นดินไทย

และนี่อีกด้านของภูเขา 555 เห็นวัดปิดอร์เออยู่กลางเขา
ที่ภูเขา 555 นี้ถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ทางการทหาร เคยเป็นที่ตั้งของกองทัพทหารพม่ามาก่อน

ตลาดพม่า แหล่งช้อปแสนถูกของคนไทย

ทางไปตลาด

บ้านเรือนพม่า

ที่มา://travel.mthai.com/member-blog/17328.html