
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สมัยนี้วัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปทำให้เรากล้าที่จะเปิดใจทำอะไรใหม่ ๆ มากขึ้นโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ เหมือนเมื่อก่อน รวมไปถึงการแลกหน้าที่ของหญิงชายด้วย ดังนั้นผู้ชายจึงหันมาอยู่บ้านทำหน้าที่พ่อบ้านกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ในขณะที่ผู้หญิงเริ่มออกจากบ้านไปทำงานแทน ซึ่งบางครั้งผู้ชายอาจดูแลบ้านได้ดีกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ จากการที่ผู้ชายส่วนใหญ่รู้วิธีซ่อมแซมสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านมากกว่าผู้หญิง จึงไม่จำเป็นต้องจ้างช่างซ่อมให้เสียทั้งเงินทั้งเวลาอีกต่อไป นอกจากนี้การเป็นพ่อบ้านยังอาจทำให้ผู้ชายอย่างคุณมีความสุขมากกว่าตอนที่ทำงานในออฟฟิศอีกนะ...ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาอ่านเหตุผลที่เรานำมาฝากนี้ดูสิครับ
1. และแล้ววันจันทร์ก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ใช่แล้วล่ะ.. การผันตัวเองมาเป็นพ่อบ้านดูแลครอบครัวจะทำให้คุณลืมความรู้สึกเกลียดวันจันทร์แบบที่เคยเป็นตอนที่ต้องทำงานออฟฟิศไปเลย เพราะวันจันทร์จะไม่ใช่วันแรกของสัปดาห์ที่คุณต้องรีบตื่นแต่เช้ามาเจอรถติดยาวเป็นแถวอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นวันธรรมดาเหมือนทุก ๆ วันที่คุณต้องเตรียมอาหารเช้าให้ลูก ๆ และทำงานบ้านต่างหาก
2. ลืมเจ้านายขี้บ่นไปได้เลย
จำช่วงเวลาที่คุณต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งเจ้านายที่ไม่มีเหตุผลโดยไม่มีสิทธิ์เถียงได้ไหม.. ลืมเรื่องแบบนั้นไปได้เลย เพราะต่อไปถ้าคุณอยู่บ้านก็จะไม่มีคนคอยนั่งบ่นนั่งว่าให้คุณรำคาญอีกแล้ว นอกจากนี้ยังไม่ต้องทนกับเพื่อนร่วมงานขี้อิจฉาที่คอยแต่จะจ้องจับผิดคุณไปซะทุกเรื่องอีกด้วยนะ
3. อยากทานอะไรก็เลือกได้ โดยไม่ต้องรีบ
ตอนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ ช่วงพักกลางวันคุณก็มักจะทานอาหารแบบเดิม ๆ จากร้านที่อยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจจะกลับมาทำงานไม่ทัน หรือต่อให้นำอาหารมาทานเอง ก็ไม่สามารถทำของที่อยากทานได้ทุกอย่าง จากการที่ของบางอย่างก็เอาใส่กล่องลำบากอยู่เหมือนกัน ซึ่งต่อไปถ้าคุณเป็นพ่อบ้าน เวลาอยากจะออกไปหาอะไรทานนอกบ้านก็สามารถไปได้โดยไม่ต้องรีบกลับ หรือหากจะทำอาหารทานเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาภาชนะมาใส่ให้ยุ่งยากอีกต่อไป
4. ผ่อนคลายได้มากขึ้น
เมื่อผันตัวเองมาเป็นพ่อบ้านแล้ว คุณก็ไม่ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลจากการที่ปั่นงานไม่เสร็จ หรือถูกกดดันจากเจ้านายเหมือนตอนอยู่ที่ทำงานอีกต่อไป เพราะต่อให้คุณทำงานบ้านเสร็จไม่ทันก็ไม่เสียหายอะไรนักหรอก (ยกเว้นอาจโดนศรีภรรยาบ่น) เพราะคุณเพียงแค่ต้องทำเพิ่มให้เสร็จในวันต่อไปก็เท่านั้นเอง ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องเครียดมาก อีกทั้งบ้านยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายดีกว่าบรรยากาศที่ออฟฟิศเป็นไหน ๆ
5. ได้ใกล้ชิดกับลูก ๆ
ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็อยากใช้เวลาอยู่กับลูกให้มาก ๆ ทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะช่วงที่ลูกของคุณยังเล็กและยังอยู่ในวัยติดพ่อแม่อยู่ ซึ่งการเป็นพ่อบ้านจะช่วยให้คุณได้อยู่ดูแลลูก ๆ ทั้งวัน จนสนิทสนมกับพวกเขามากขึ้นไปอีก แบบนี้แล้วจะมีงานไหนดีไปกว่านี้ล่ะ

6. ทำงานที่บ้านไปด้วยก็ได้
ถ้าคุณทำงานไปด้วย การรับงานนอกมาทำเสริมอาจเป็นเรื่องยาก เพราะคุณคงแบ่งเวลาได้ลำบากน่าดูหากต้องทำงานประจำและงานเสริมพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณป็นพ่อบ้านแล้ว คุณก็สามารถใช้เวลาว่างหางานเสริมมาทำที่บ้านได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นการดูแลบ้านและสร้างรายได้ให้ครอบครัวเพิ่มไปด้วยในตัว
7. ทำให้ภรรยาอารมณ์ดี
ภรรยาของคุณจะกลับบ้านมาอย่างมีความสุขทุกวันแน่นอน เมื่อเธอพบว่าบ้านสะอาดเรียบร้อยจนเธอไม่ต้องทำงานบ้านต่อให้เหนื่อยอีก หลังปวดหัวจากการทำงานมาทั้งวัน ดังนั้นเธอก็จะบ่นน้อยลงและชื่นชมคุณมากขึ้น คราวนี้เธอก็จะอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. เข้าใจภรรยามากขึ้น
การที่คุณได้ทำงานบ้านที่ปกติภรรยามักเป็นคนทำจะช่วยให้คุณเข้าใจความเหนื่อยยากของเธอมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังฝึกให้คุณกลายเป็นคนมีความอดทนด้วย ในขณะเดียวกันการออกไปทำงานก็จะทำให้เธอเข้าใจความลำบากของคุณเช่นกัน จึงเป็นการช่วยให้คุณสองคนเข้าใจและเห็นใจกันมากขึ้นอีกต่างหาก
9. เป็นคนเลือกเมนูอาหารเอง
ต่อไปคุณจะเป็นคนเลือกเองว่ามื้อเย็นคนในบ้านจะทานอะไร เพราะคุณจะต้องเป็นฝ่ายออกไปซื้อของมาเพื่อทำกับข้าว ซึ่งถ้าช่วงไหนสังเกตเห็นว่าคนในบ้านอ้วนเป็นพิเศษหรืออยากลดน้ำหนักก็อาจทำอาหารไขมันต่ำเพื่อช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณง่ายขึ้นก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่มีเวลาว่างอาจหารายการทำอาหารดูแล้วฝึกทำตามเพื่อให้ได้ลองเมนูใหม่ ๆ ทำเพื่อเอาใจคนในครอบครัวได้อีกด้วยนะ
10. มีสุขภาพที่ดีขึ้น
สุดท้ายแล้วการเป็นพ่อบ้านจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าตอนทำงานอยู่ในออฟฟิศอย่างแน่นอน เพราะการทำงานบ้านจะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัว ผิดกับตอนทำงานที่ออฟฟิศซึ่งคุณต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เฉย ๆ ทั้งวัน ซึ่งนอกจากที่คุณจะได้ออกกำลังกายจนมีรูปร่างที่ฟิตเปรี๊ยะน่ามองขึ้นแล้ว การได้ทำอาหารทานเองยังดีต่อสุขภาพอีกทางหนึ่งด้วย เพราะคุณสามารถเลือกเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่จะนำมาทำได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งควบคุมในเรื่องของความสะอาดของอาหารได้
และในเมื่อการเป็นพ่อบ้านมีแต่เรื่องดี ๆ ขนาดนี้แล้ว หนุ่ม ๆ คนไหนที่คิดว่าตัวเองเหมาะกับชีวิตแบบนี้มากกว่าก็ลองเปลี่ยนตัวเองมาเป็นพ่อบ้านแทนดูก็ได้นะ อย่ามัวยึดติดกับค่านิยมแบบเดิม ๆ อยู่เลย เพราะไม่ว่าจะเลือกเป็นพ่อบ้านหรือออกไปทำงานนอกบ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่มีคุณค่าในตัวเองทั้งสิ้น ฉะนั้น อย่ามัวแต่เขินอายกับคำว่า "พ่อบ้าน" ไปเลยนะครับ
ที่มา : //men.kapook.com/view46440.html
เอวํ สมฺปทเมเวตํ โย เปตมนุโสจติ
ทยฺหมาโน น ชานาติ ญาตีนํ ปริเทวิตํ
ผู้ที่เศร้าโศกถึงคนตาย ก็เหมือนเด็กร้องไห้ขอพระจันทร์ที่โคจรไปในอากาศ
คนตายถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้ว่าญาติคร่ำครวญถึง
ใช้สติปัญญาในการพิจารณาทุกสถานการณ์ ตลอดไป...นะคะ