No. 689 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี
ตะพาบ ตอน กระจกเงา
|
|
ภาพเปิดตัวมา อยู่ในชุด ออกกำลังให้เหงื่อออก แล้วเป็นแบบไหน.. อ่านต่อได้เลย... |
|
เช้าหนึ่งในฤดูหนาว ยืนอยู่ที่บ้านพักข้าราชการ หลังศูนย์ราชการของเชียงใหม่ |
ด้านข้างซ้ายมือเป็นสนามกีฬา 700 ปีเห็น ราง ๆ หมอกลงหนา.อากาศก็หนาวมาก ปกติจะออกกำลังให้เหงื่อออกบ่อย
|
บางครั้งวิ่งจ๊อกกิ้งตอนตี 4 จากบ้านซอยอ่อนนุช ไป สี่แยกถนนเทพารักษ์ตัดกับ ศรีนครินทร์ ก็หลายกิโลเมตรกับเพื่อน ๆ |
ที่ไหนมีสมัครแข่งขันวิ่งมินิมาราธอน หรือ ฮาล์ฟมาราธอน ก็ไปบ้าง
แต่ไม่เคยได้ถ้วยอะไรกับเขา ยกเว้น ถ้วยโฟมใส่อาหารที่เขาเลี้ยงหลัง วิ่งครบ แล้ว ข้างล่างนี้ถ่ายกับนักแสดง น้อง ต่อ
น้นทวัฒน์ ดูแล้ว น้องต่อการ์ตูน กับ ต่อนันทวัฒน์ คล้าย กันนะ. หลังจากวิ่งแข่ง เปิดทางด่วนสาย บางนา ไป
ชลบุรี
|
ระยะที่มาเชียงใหม่กับเพื่อน ได้แต่เดินทาง กิน นอน 3 วันแล้ว ไม่สบายเนื้อตัวเลย พุงอึด ตื่นมาอยากวิ่งให้เหงื่อออก |
เพื่อน ๆ ยังนอนหลับ เมื่อวานนั่งกรึ๊บน้ำพรรค์นั้นกัน คงเหมื่อย |
ไม่อยากปลุก ไปวิ่งคนเดียวก็ได้ |
|
เลยแต่งตัวใส่กางเกงขาสั้น เสื้อคอกลม ทับด้วยเสื้อผ้าร่มบาง ๆ อีกตัว แปรงฟัน |
ล้างหน้าเสร็จ ไม่ทันดูกระจกเงา กลัวครับเห็นหน้าตัวเอง...รีบเช็ดหน้า ใส่รองเท้าถุงเท้า เอะ |
ไม่ใช่ซิ ใส่ถุงเท้า แล้วสวมรองเท้า แหะ ๆ เดี๋ยวครู แวะมาอ่าน จะถูกไม้ตีขา |
แหะ ๆ แซวหน่อยนะครับครู |
|
เดินไต่บันใดไม้ข้ามรั้ว ลงสู่พื้นที่ของ สนามกีฬา 700 ปี รอบกายยังมืด แต่เห็น |
ร่างคน 5 -6 คนวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ข้างหน้าลาง ๆ
|
อะ มีเพื่อนวิ่งแล้ว เลยรีบสับเท้าวิ่งตาม ไม่วอร์มร่างกายเลยแหละ ไม่นานก็ตามทันนักวิ่ง |
มีคนแหงะหน้ามาดูโบกมือทักทาย
|
อากาศหนาวเย็น เราวิ่งฝ่าหมอกค่อนข้างหน้าเป็นระยะ ๆ บางช่วงเห็นพื้นถนนได้กว่า 10 |
เมตรที่เห็นได้มาจาก แสงไฟข้างทางสาดลง แล้วก็มืด
|
วิ่งครบรอบนอกของ พื้นที่สีเขียว น่าจะ 3 กม.ได้มังครับ พี่ที่วิ่งห้อยท้าย ตะโกนบอก |
เฮ้ย วิ่งหางงูกินหัวนะ |
อ้อ..น้องชายวิ่งแข็งดี วิ่งตามนะ |
ครับพี่ ได้เลย ...ตอนนั้น งง..อะไรหว่า หางงูกิน หัว.. เคยแต่ได้ยิน งูกินหาง |
พวกเขาเริ่มจัดแถวเรียงหนึ่ง ผมถือว่าฝีเท้าเราไม่น้อยหน้าใคร เลยอยู่คนที่ 3 จากท้าย |
เอ้าเริ่ม |
ว่าแล้วพี่คนสุดท้าย เร่งเท้าวิ่งแซง คนอยู่ข้างหน้า ไปพักใหญ่ ก็แซงคน หัวแถวแล้วชิ่ง |
เบียดซ้ายนำขบวนแทน |
พี่คนท้ายสุดเห็นก็ เร่งฝีเท้าแซงไป ให้ถึงหัวขบวนก็เป็นคนนำต่อ อ๋อ งี้เอง |
พอถึงคิวเรารั้งท้าย ก็ฉีกตัวไปขวามือ เร่งเท้า แซงจน ได้เป็นหัวขบวน ยอมรับเลยว่า วิ่งมันมาก |
ได้ยินพี่คนอยู่ข้างหลัง เฮ้ยน้อง วิ่งเก่งนี่ ชื่อไร |
ไวน์ครับ |
อ๋อ ชื่อไว มิน่าวิ่งไว มาจากไหน |
กท.ครับพี่... |
ผลัดกันวิ่งแซง ได้ 5 ขบวน..อากาศเย็น อากาศดีก็จริง เริ่มหายใจไม่ทัน หุ หุ |
เห็นพี่ชม เลยบ้ายอ วิ่งแซงต่อ ใช้ความเร็วขึ้น |
พี่ ๆ เลยเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะ อันนี้ผมรู้ น่าจะ ใช้เวลา 4 นาทีกว่าต่อ กิโลเมตร |
ตายซิครับ |
แต่ก็ฝืนวิ่ง เป็นตู้รถไฟด่วนสายเหนือ ได้อีกรอบกว่า... พอถึงแนวรั้วบ้านพักข้าราชการ |
ดูแล้ว คงวิ่งต่อไม่ไหว หุ หุ...พี่ ผมขอตัวก่อนนะ วันนี้มีนัด |
ได้เลย น้องไว พรุ่งนี้เจอกัน... แต่เราจะเปลี่ยนเส้นทาง วิ่งเป็นกลุ่มไป ห้วยตึงเฒ่า |
ไปปะ |
ไปครับพี่ แล้วเจอกัน ว่าแล้วก็ลงเดิน หอบตัวโยน ค่อย ๆ ปินบันใดไม้ |
ข้ามรั้วไปสู่หมู่บ้านข้าราชการ... เดินไปได้ครู่เดียว ก็ลงนั่งพักได้ |
เกือบซี้..555 |
เพื่อน ๆ ตื่นแล้ว นั่งจิบกาแฟกัน พอเห็นหน้า เห็นท่าเดินกระปรกกระเปรี้ย หัวเราะชอบใจ |
ไปวิ่งก็ไม่บอก จะได้ไปด้วย |
ดีแล้ว ที่ไม่ไป เกือบตาย .. เลยเล่าวิธีการวิ่ง หางงูกิน หัวงูให้ฟัง |
สมน้ำหน้า ไม่ดูกระจกซะเลย ฝีตีนขนาดไหน 555 |
ว่าแต่พรุ่งนี้เขาชวน วิ่งธรรมดาไปห้วยตึงเฒ่า ไม่กี่กิโลเอง พี่ ๆ เขาบอกว่า มีผู้หญิงวิ่งด้วย |
หลายคนนะ ไปปะ(หลอกเพื่อนหน่อย ที่วิ่งมีนักมวยหญิง ร่างหญิงใจเป็นชาย ล่ำบึกอยู่ 2 คน) |
ไป |
แฮ่..เพื่อน ๆ ตอบพร้อม เขาชอบวิ่งกับสาว ๆ เหมือนใคร..บ้างไม่รู้ |
วันนั้นพากันไปเที่ยวหลายแห่ง แต่ งดดื่มน้ำพรรค์นั้น เขากลัวจะวิ่งเคียงคู่ สาว ไม่ได้ |
หุ หุ |
เช้ามืดตี 4 กว่าพวกเราก็สะกิดกันให้ตื่น ส่วนผมเหมือนเดิมคือ แปรงฟันล้างหน้าโดยไม่ |
ดูกระจกตามเคย หยอง..ตัวเอง |
ตีห้าเป๋ง ผมกับเพื่อนอีก 4 คน ไปรอพี่ ๆ เจ้าถิ่น จุดเดิมของสนามกีฬา ทักทายกันแล้ว |
ก็ยึดตัว วิ่งเบา ๆ แถวนั้นให้ร่างกายอบอุ่น คลายเส้น แล้วก็เริ่มวิ่งออก ไปสู่ถนนริมคลอง
|
ชลประทาน ผ่านโรงเรียน นวมินทร์ ที่ทำการหน่วยอะไรไม่รู้ มองไม่เห็นชื่อ |
แต่ที่จำได้ น่าจะเป็น สถานที่ผลิตขาเทียม แล้วก็ที่ทำการศาลอุทรณ์ภาค 5 ภาพข้างล่างเป็นภาพใหม่นะเออ ตอนนั่น วิ่งจ๊อกกิ้ง
ตัวเปล่ายังแย่เลย ตัวหนัก 555 ให้คล้องกล้องถ่ายรูป ไม่ไหวหรอก |
....
ดูแล้วใกล้ ทางเข้า หมู่บ้านป่าแหว่ง
เจอทางแยกเข้า ห้วยตึงเฒ่า.เริ่มสว่าง ดีจัง.. ไม่ต้องเสียค่าผ่าน 20 บาท หุ หุ เราไปก่อนเวลา จากทางแยกไปถึงป้อมยาม ก็ไกล
วิ่งเข้าไปไม่ไกล เริ่มขึ้นเนิน เราเลี้ยวซ้ายไป ผ่านตัวเขื่อนดิน
วิ่งเข้าไปข้างใน มีองค์พระ กับสวนพักผ่อน มองไปไกลจะเห็น
|
ครั้งที่ไป มิได้วิ่งเข้าหมู่บ้าน ข้างล่างเลย ได้แต่ฟัง คำบอกเล่าว่า...
|
|
|
เป็นที่จัดสรรที่ดินให้ข้าราชการ ฯ โปรดอย่าถามว่าใคร..บังเอิญคนเล่า ตายไปแล้ว อีกอย่าง คนเล่าก็คล้ายคนขายหวย 30
ล้านบาท ใครจะไปจำได้ว่า คนขายเป็นใคร ก็มีหลายคน
|
ข้าราชการ ได้รับที่ดินคนละแปลง..รับฟังตอนนั้น บอกไม่ถูก เกิดความเหลื่อมล้ำ ข้าราชการกับ |
ประชาชนที่ ที่ยังยากจน ไม่มีที่ดินอยู่เยอะ แต่ก็ไม่พูดอะไร |
หลังจากเกิดวิกฤต หมู่บ้านป่าแหว่งขึ้น. |
สนใจเลยเข้าหาข้อมูลทั้งสองแห่ง คือห้วยตึงเฒ่า กับบ้านป่าแหว่ง เทียบข้อมูลแล้ว |
|
กองพันสัตว์ต่าง ขาดแคลนน้ำ แต่อยู่ใกล้กันกับแอ่งห้วยตึงเฒ่า ในหลวง ร.9 ของเรา ทรงทราบเลย เสด็จทอดพระเนตร |
เห็นว่าสถานที่นี่ น่าจะทำแหล่งเก็บน้ำจากดอยสุเทพได้ พระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน |
2.5 ล้านบาท และหน่วยราชการสมทบ อีก 2 ล้านบาทสร้าง สันเขื่อน ขุดบางส่วนออกให้ รับน้ำมากขึ้น
เริ่มโครงการก่อสร้าง ปี พศ. 2524 |
|
ราษฏรอยู่แถวนั้นได้ บุกรุกพื้นที่ทหารที่เป็นป่าละเมาะ กระจายไป บางคนไปถางป่าบนดอย แบบหมู่บ้านป่าแหว่ง |
ทรงมีโครงการ จัดสรรที่ให้ราษฏร์ที่นั่น 68 ครอบครัว ให้ย้ายไปอยู่พื้นที่ดินเป็นกลุ่มก้อน ติดกันแทน
ป่าที่ถูกถาง ปลูกบ้านไว้ให้รื้อไปอยู่ในที่จัดสรร พระองค์มีแนวคิดว่า ป่าเสื่อมโทรม ถ้าปล่อยไม่สนใจ ต้นไม้มันจะขึ้นเองได้ |
มอบที่ดินทำกิน ทำนา ที่ปลูกบ้าน ครอบครัวละ 2.5 ไร่ ตั้งแต่นั้นมาไม่มีการบุกรุกอีก |
จึงไม่ใช่หมู่บ้านทหาร |
การที่ คนอื่นเล่าข่าว เปรียบเสมือน เป็นกระจกส่องให้เราดู จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ต้องใช้วิจารณญาณ |
ดีที่ Google กูเกิ้ลรวบรวม ข้อมูลไว้ให้เราอ่าน สดวกขึ้น |
ผมว่าใช้ได้นะ ข่าวสารที่เราอ่าน วิเคราะห์ดู ก็พอรู้ว่า ข้อมูลใด จริง ชิ้นไหนที่คลาดเคลื่อน |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
Last 1,286,664 |
st. ผู้เข้าชม 1,282,493 |
= 4,171 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
วิ่งท่ามกลางธรรมชาติ และ อากาศเย็น นึกภาพตามแล้วขนลุกเลยค่ะ หนาวววว
พอวิ่งให้เหงื่อออกแล้วคงสดชื่นดีนะคะ
หมู่บ้านป่าแหว่ง แหมชื่อช่างทำให้เห็นภาพจริงๆเลยค่ะ