No. 605 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี |
|
|
เห็นหัวเรื่อง ของตะพาบตอนนี้แล้ว พอมีเรื่องเล่าที่ ไม่เจ็บ แต่นัยตาแดง เช็ดน้ำตาอยู่หลายวัน มาเล่า |
แต่กลัวเพื่อน ๆ จะหัวเราะเยาะเอา แต่ไม่เป็นไรหรอก ลองอ่าน..สักนิด.. |
|
โชคดีถูกเรียกตัวทำงาน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ อยู่ปีที่ 2 เองมั้ง แล้วทำงานด้วยเรียนด้วย |
เรียนรู้งานที่สำนักงานใหญ่บริษัท แถววัดเล่งเน่ยยี่ พอเรียนจบ เขาก็ส่งไป |
อยู่สาขาระยอง ไปอยู่กับคนอื่นที่ เขาเก่งงานขาย เรียกว่าเป็น เซียน เลยแหละ
พวกเขาทำงานเก่ง ใช้วิธีมาร ขายของด้วย ผมเลยต้องคอยดู คอยติดตามให้ดี ไม่งั้นเสียชื่อบริษัท
|
เราเด็กใหม่ มีศักดิ์ศรีจาก สำนักงานใหญ่บริษัท กรุงเทพไม่เบาเลยแหละ |
ใคร ๆ ก็เกรงใจ คิดว่าเป็นงาน ที่ไหนได้... เขาพูดอะไร เราไม่รู้เรื่องก็ รับฟังเฉย ๆ คอย |
สังเกต แล้วทำความเข้าใจภายหลัง เรียกว่า อมยิ้ม ใช้อมภูมิบ่อย 555 |
|
พอทำงานไปสักพัก เริ่มรู้แนว ถ้าทำแล้ว บริษัทได้ประโยชน์ ส่วนทีมงานได้ด้วย ก็ |
ตกลงให้ความเห็นสนับสนุน
|
บรรดา ผจก.สาขา ผจก.ภาค หรือ ผจก.ฝ่ายการตลาด ก็อยากจะให้ ฝ่ายภายในสาขา ที่ขึ้นตรง สำนักงนใหญ่บริษัท เป็น |
พรรคพวก ให้ความช่วยเหลือสนิทสนม เป็นอย่างดี |
|
พอทำงานหลายสาขา ก็เริ่มแก่กล้า มีชื่อเสียงตำแหน่งเลื่อนขึ้น บริษัทจะส่ง พนง.ใหม่ไปให้ช่วยฝึก |
งานให้
|
ทำได้หลายปี เกิดความเชื่อมั่น ตัวเองมากขึ้น รับฟังคนอื่น และใช้วิธีพูดเรียบ ๆ |
|
ย้าย ไปทำงานเป็น สาขาที่ 4 สำนักงานใหญ่บริษัท แต่งตั้ง เป็นพี่เลี้ยง สมุห์บัญชีสาขา 5 แห่ง
เป็นสาขาใกล้กัน ไม่เกิน 150 กม. ไปดูงานได้สดวก
ทีแรกผมก็ดีใจ แต่มานึกได้ว่า นี่เป็นการ แบ่งแยกแล้วปกครอง ชัด ๆ คือ บริษัทเขารู้ว่า ผมเข้า
ทำงานกับ ผจก.ในภาคนี้แล้ว คล้อยตามเป็นส่วนใหญ่... บริษัทเขากลัวว่า จะ
เสียการปกครอง ให้ผม แตกแยกกับ ผจก.ภาคนี้ จะดีกว่า
บริษัท จะแบ่งงานภายใน(พวกผม) ขึ้นต่อ สำนักงานใหญ่ งานขายของสาขา ขึ้นกับ ผจก.ภาค
|
แต่มาถึงจุด ๆ หนึ่งบริษัท เกิดออก นโยบาย ที่ไม่เอื้อประโยชน์ หรือเรียกว่า กด พวกเรา |
มากเกินไป เพราะเขาเห็นว่า ค่าเงินเดือนกับเงินพิเศษ เรา 1 คน ไปจ้างเด็กพาณิชย์ได้ |
4 คนดีกว่า เขาคิดแบบนั้น เลย ดึงการจ่ายเงินพิเศษให้ ช้าที่สุด |
ส่วนเงินเดือนเขาดึงไม่ได้ กลัวผิดกฏหมาย |
|
นายฝ่ายผมเจรจากับบริษัท ไม่สำเร็จ เราเลย เร่งเคลียงาน เคลียเงิน มิให้ตกค้าง เตรียมมอบงานต่อ |
ให้บริษัท เพราะจะลา ออก... |
ตอนนั้น สองจิต สองใจ จะร่วมกับเพื่อน ๆ ดีหรือไม่ เพราะเราเองก็มีภาระ เพิ่งปลูกบ้าน |
หลังแรกของชีวิต ที่ดินผ่อน รถผ่อน หนักตึ๋ง.... |
|
แต่เห็นว่า เราคงไปทำงานที่อื่นได้ ไม่ยาก มีคนเสนองานให้แล้ว เพราะเขาคงแอบรู้ |
เพื่อส่วนรวมคือกับเพื่อน ๆ
ตัดสินใจ ทำเพื่อ เพื่อนฝูง อย่างนี้เรียกว่า "ทำตัวเอง" ให้ตกงาน หรือไม่...?
|
ยื่นใบลาออกพร้อมกัน 200 กว่าคน |
|
ปรากฏว่า สนญ.บริษัท รีบส่งเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน และเข้าทำงานพร้อม ๆ กันมาพูดคุย |
เกลี่ยกล่อม ให้กลับเข้าทำงานเหมือนเดิม |
ผมได้แต่ ส่ายหน้า...... |
|
อีก ครึ่งเดือนถึงเวลานัดหมายก็เซ็นมอบเงินสดในเซฟใหญ่ ครบ ยอดเงินในธนาคาร เอกสารสำคัญ |
|
และแล้ว เราก็ ว่างจากงาน พร้อมกัน 200 กว่าคน เรียบร้อย |
|
ส่วนผมถูกเรียกไป แถวสามแยกพลับพลาไชย ให้เข้าทำงาน โดยดึงคนเข้าทำงานด้วย |
พอไปดูกิจการ กับดูข่าวคราวจาก ผู้รู้แล้ว จำต้องปฏิเสธ ไม่รับงาน |
|
กลับไปพิษณุโลกใหม่ ไปนอนเล่น ขี่เวสป้าไปเรื่อย ๆ อีกอาทิตย์ช่วย น้ากับ ลูกสาวแม่ยาย |
ทำขนมขาย ส่วนผมล้างถ้วยขนมเล็ก ทำขนมตาล ขนมถ้วย มาแล้ว จ้า..ทำนองนั้น |
บางครั้งก็ ห่อมัด ข้าวต้มมัด จนคล่อง ...
ที่คุณโอ เนินน้ำเคยสงสัยว่า พี่ไวน์ทำไม มัดข้าวต้มมัด เป็น |
นี่คือคำตอบ 555 |
|
ล้างถ้วยขนม หม้อ แล้วนั่ง เป่าฟืนทำขนม มีควัน เข้าตา แสบ.. เช็ดน้ำตา อยู่ 5 วันได้มั้ง
|
มีคนชวนไปสมัครงาน ที่กรุงเทพ เป็นการสมัครงานครั้งแรกของชีวิต
|
บริษัทแรก นั้นบริษัทเขาเรียกตัว ไปทำงานตอนเรียนอยู่ และเป็นบริษัทที่ให้ความรู้มากมาย |
ด้านการจัดการ ด้านบริหาร ยังระลึกถึงท่านผู้ใหญ่ที่มีเมตตา คือ กก.ผจก หรือ หลักเสี่ย
|
แต่ ผู้บริหารที่ไฟแรง จบจาก ตปท. เขาต้องการเปลี่ยนแปลงบริษัท ท่านผู้ใหญ่ก็ไม่อาจขัดได้ |
ผมจึง ทำตัวเอง ลาออก..
|
|
อะ...ไปสมัครงานที่กรุงเทพ แต่งตัวธรรมดา ขึ้นรถไฟ ตอนกลางคืน |
กะจะไปถึง ตอนเช้ามืด ความที่ตัวยาว เมื่อยร้อนก็ร้อน คนน้อยหน่อย ถอดรองเท้าหนัง |
คู่ใหม่อย่างดี วางไว้ข้างล่างที่นั่ง |
|
กำลังนอนหลับตา เพลิน ๆ บ๋อยตู้สะเบียงก็ มาถาม พี่ ๆ กิน หวานกร๊อบไหม |
กำลังเคลิ้ม... ดีเหมือนกัน ได้กินพุทรา หวาน ๆ เคี้ยว ๆ กร๊อบ ๆ คงจะดี ลุกขึ้น
|
อ้าวเฮ้ย... บ๋อยยืนยิ้มเผล่.. ขายโอเลี้ยง
|
ฮึ..ไม่ใช่พุทราซะหน่อย เลยซื้อ จิบน้ำโอเลี้ยงหวาน เคี้ยวน้ำแข็ง กร๊อบ ๆ... จะว่าบ๋อยเขาพูดปดก็ไม่ได้เนาะ เวลาเคี้ยว |
น้ำแข็ง ดังกร๊อบ ๆ เนาะ 555 |
|
พอคนเงียบก็เอน นอนตามยาว ลำบากน่าดู มาตื่นที่ สถานีอยุธยา อีกชั่วโมงคงจะถึง |
หัวลำโพงแล้วมั้ง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าดีกว่า |
ควานหาร้องเท้าหนังขัดมันอย่างดี ไม่เจอ ก้มมองใต้ที่นั่งก็ไม่เจอ หาย... |
เวร กรรม.. มีคนหยิบไปซะแล้ว ทำไงดี |
|
ถามใครก็ไม่รู้ เขายังไม่ตื่น ท้อมาก ทำไงดี ไม่มีรองเท้าใส่ บ๋อยเริ่มเดินขายกาแฟ |
กับข้าวต้ม แล้ว |
น้อง ๆ พี่ขอซื้อรองเท้าได้เปล่า |
บ๋อย มอง ต รีน..ผม กับ รองเท้าหนีบของตัวเอง แล้วหัวเราะ |
ไม่ได้พี่ ผมมีคู่เดียว (แหม..ช่างไม่มีน้ำใจซะเลย คนเขาเดือนร้อน)
|
ถึงหัวลำโพง หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า เดิน แบ ฟุต ขึ้นรถเมล์ไปบ้านแถว คลองตัน ใคร ๆ |
ก็มอง..ฮึ..เราทำเป็นมองไม่เห็น มองข้างหน้าลูกเดียว |
|
ตอนเช้าขึ้นรถเมล์สายโหด ก็ สามแยก ปากน้ำ สาย 45 คนน้อยหน่อย ได้นั่งแฮะ |
ซุกเท้าที่เปล่าเปือย ไว้ใต้ที่นั่ง
|
พอถึง ตลาดพระโขนง เตรียมขึ้นรถเมล์ขาวสาย 71 ต่อเข้าบ้าน ตอนลงคนเยอะจริง ๆ |
เหยียบบันใดสุดท้ายจะก้าวลง
มีคนเดินสวนขึ้น เหยียบเท้าอย่างแรง |
โอ้ย...
หนังแห้งเหยียบ หนังสด ผมได้แต่ยืนมองตามรถเมล์ ที่พาคนเหยียบเท้าไป
|
นึกถึงตอนนั้น ผมทำตัวเอง จริงด้วย... ไม่รู้ว่า บริษัทใหม่เขาจะรับเข้าทำงานหรือไม่ |
จบทิ้งไว้แค่นี้ก่อนนะครับ มันยาวไป แหะ ๆ |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
end 873,958 |
st.ผู้เข้าชม 871,663 |
= 2,295 คน |
|
งานเขียนประเภท Diarist |
|
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์
ออกงานพร้อมกัน 200 คน
จริงๆ สำนักงานใหญ่น่าจะต้องส่งคนมาตรวจสอบด้วยนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น
ถ้าไม่มีปัญหาใหญ่ร้ายแรง
ไม่มีใครอยากออกจากงานแน่นอน
แต่คำว่า "แบ่งแยกแล้วปกครอง"
ฟังแล้วคุ้นๆนะครับพี่
เหมือนจะเป็นประโยคที่ทำให้การเมืองไทยแตกแยกมานาน
แล้วประสานไม่ได้ซะที 555
โหวต Diarist ครับพี่