เวลาที่หายไป - บทท่ิ 31


คริสออกจากลิฟต์ พอเดินมาถึงประตูกระจก ทางเข้าออฟฟิศธนาคารของบ๊อบ โฮเวิร์ดบนชั้นที่สี่สิบสอง เขาก็พบว่าเจนนิเฟอร์ออกมายืนคอยอยู่แล้วที่นอกประตู เมื่อเห็นเขาหญิงสาวผู้นั้นก็เหลียวหน้าเหลียวหลัง มองเข้าไปในบริเวณออฟฟิศซึ่งปราศจากผู้คน เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์

“คริส ขอพูดอะไรด้วยหน่อย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่ดังกว่ากระซิบเล็กน้อย “ทิปปี้รออยู่ข้างในแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณ เขาเป็นคนคิดมากและมีทิษฐิ บางครั้งก็เชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไปจนไม่ฟังคนอื่น ฉันขอให้คุณเข้าใจเขาด้วย เขาทุกข์ใจมามากแล้ว ถ้าเขาพูดอะไรแรงๆ ฉันก็หวังว่าคุณจะเข้าใจและให้อภัยเขา”

คริสมองเจนนิเฟอร์อย่างขอบคุณในคำแนะนำแกมขอร้องของเธอ เขารู้จากเจนนิเฟอร์มาก่อนหน้านี้แล้วว่าหญิงสาวทั้งสองสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้อง คบหาเป็นเพื่อนสนิทกันมานานกว่าสิบปี และแม้ว่าเจนนิเฟอร์จะไม่พูดตรงๆแต่เขาก็แน่ใจว่า เธอรู้เรื่องระหว่างเขากับทิพย์สุรางค์ทุกอย่างโดยละเอียด

“ขอบใจมากนะ เจนนี่ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมเป็นคนผิดเอง มีแต่ผมที่ต้องขอให้เธออภัยให้ผม”

“ฉันอยากให้คุณกับเขาปรับความเข้าใจกันเสียก่อนที่จะสายเกินไป ถ้ามีอุปสรรคอะไรขวางอยู่ก็ควรจะขจัดไปให้หมด” เจนนิเฟอร์พูดอย่างมีความหมาย “นี่คริส ฉันขอพูดตรงๆเลยนะว่าถ้าฉันเป็นทิปปี้ ฉันจะไม่ปล่อยคุณให้หลุดมือไปหรอก” แล้วเธอก็หลิ่วตาให้เขา

เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป คริสพบว่าทิพย์สุรางค์นั่งอยู่แล้วที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ซึ่งอยู่รอบโต๊ะประชุมที่ตั้งอยู่กลางห้อง ห้องนั้นเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก จุคนได้ประมาณหกคน เก้าอี้บุนวมสีขรึมสองตัวเข้ากับผ้าม่านและพรมปูพื้นตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ห้องนั้นถึงจะเล็กแต่ก็ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงาม

“เชิญนั่ง” เสียงของเธอราบเรียบพอๆกับสีหน้า

ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้าม จ้องมองทิพย์สุรางค์เหมือนไม่เชื่อตาตัวเองว่าเธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว วันนี้ทิพย์สุรางค์อยู่ในชุดกระโปรงคลุมเข่าทรงแคบสีดำเป็นมันระยับ เสื้อลูกไม้เข้ารูปแขนสั้นสีขาวจับเดรป ชายเสื้อยาวเลยเอวลงมาหลายนิ้ว เอวคอดกิ่วนั้นถูกรัดเอาไว้ด้วยเข็มขัดหนังสีดำเส้นใหญ่ หัวเข็มขัดทำด้วยทองประดับด้วยอัญมณีหลากสี

ผมดกดำหยักโศกน้อยๆของเธอถูกรวบจนตึงไปขมวดเป็นมวยหลวมๆตรงต้นคอ เปิดให้เห็นหน้าผากลาดนูนที่มีลูกผมเล็กๆประปราย ริมฝีปากที่เต็มตึงหยักลึกถูกระบายไว้ด้วยสีเนื้ออ่อนๆ เธอดูสง่างามและสงบเย็น แต่ดวงตาดำใหญ่ภายใต้ขนตาดกดำยาวที่กำลังมองมาที่เขานั่นสิ มีแววอะไรบางอย่างที่เขาอ่านไม่ออก

คริสมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนดื่มด่ำ ภาพความหลังครั้งเก่าในเวียงพุกามไหลพร่างพรูเข้ามาในความทรงจำ คุณหนูแสนสวยแสนหยิ่งแต่มีจิตใจที่งดงามซ่อนอยู่ คุณหนูผู้ชอบทำหน้าบึ้งตึงเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ คุณหนูผู้ดูเหมือนเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจตัวเองคนนี้รู้จักเห็นใจคนที่ต่ำต้อยกว่า ไม่เคยคิดแบ่งชั้นวรรณะ

เขาสุดแสนที่จะดีใจเมื่อเจนนิเฟอร์บอกว่าเธอยอมให้เขาพบแล้ว หลังจากที่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงทั้งการรับโทรศัพท์และการขอนัดพบ เพื่อขอโทษและปรับความเข้าใจ หลังจากที่ทำตัวให้เงียบหายปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายทุรนทุรายอย่างสิ้นหวัง แล้วจู่ๆเธอก็ตกลงยอมให้เขามาพบเธอที่นี่

ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงเปลี่ยนใจยอมพบเขาหลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด แต่เขาก็พร้อมที่จะพบเธอและรับผิดชอบเธอ ในความผิดพลาดที่เขาได้ทำลงไป ถึงเขาจะหมั้นกับลลิตาแล้ว แต่ถ้าเธอยอมรับเขาๆก็พร้อมที่จะยกเลิกการหมั้นนั้นเสีย แม้จะรู้ว่าจะมีปัญหามากมายจากครอบครัวของเขาและของลลิตาตามมา เพราะเขาได้เคยล่วงเกินทำให้เธอเสียหายไปแล้ว ในขณะที่เขากับลลิตายังไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าความเป็นคู่หมั้น

และเหตุผลสำคัญที่เขาตกลงจะแต่งงานกับลลืตา หลังจากที่ผัดผ่อนมานาน ก็เพราะเขาสิ้นหวังที่จะได้พบเธอ แต่วันนี้ดูทิพย์สุรางค์สงบเยือกเย็นจนน่ากลัว เธออาจจะยอมพบเขาเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ เมื่อความคิดนี้ผ่านแว่บเข้ามาชายหนุ่มก็เริ่มกังวลและใจเสีย หัวใจของเขาเริ่มวุ่นวายสับสน

ทิพย์สุรางค์ปรุงกาแฟในถ้วยของเธอเสร็จก็เลื่อนถาดกระเบื้องเล็ก ที่วางกากาแฟ โถน้ำตาลและนมสด ที่เจนนิเฟอร์นำมาวางเตรียมไว้ให้ล่วงหน้า มาให้ตรงหน้าเขา

“เชิญช่วยตัวเอง”

ชายหนุ่มรินกาแฟจากกาลงในถ้วยแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดโดยไม่เติมอะไร ตาก็มองทิพย์สุรางค์ซึ่งกำลังจิบกาแฟช้าๆ แต่ตาที่ก้มลงต่ำมองถ้วยกาแฟในมือของเธอ ไม่เห็นแววตาที่ทั้งดีใจและคาดหวัง ทั้งสับสนร้อนรุ่มและเศร้าหมองของเขาที่จับจ้องเธออยู่

“คุณหนูครับ ขอผมถามก่อนได้ไหมว่าคุณหนูมาอยู่ที่นิวยอร์คนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” คริสเริ่มต้น

คำถามนี้นอกจากจะอยากรู้ให้ชัดเจนจากปากของเธอเองแล้ว ยังเป็นเจตนาของคริสด้วย ที่จะถ่วงเวลาออกไปไม่ให้เธอพูดอะไรที่จะเป็นการตัดรอนเขาเร็วจนเกินไป ก่อนที่จะมีเวลาได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอเข้าใจ

ชายหนุ่มคิดว่าทิพย์สุรางค์คงโกรธเขามาก เธอคงเข้าใจผิดคิดว่าเขาไม่เคยกลับไปหาเพื่อขอรับผิดชอบเธอเลย พบกันวันแรกก็กลายเป็นวันที่เขาประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการกับลลิตา ต่อให้ไม่ได้แคร์เขาเลยทิพย์สุรางค์ก็มีสิทธิที่จะเข้าใจผิดและโกรธแค้น ว่าเขาไม่สนใจกับเรื่องที่ทำให้เธอเสียหาย จำอดีตได้ก็กลับไปหาลลิตา ทำเหมือนหลงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปเสียเฉยๆ

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณเลย” สีหน้าของทิพย์สุรางค์มีรอยยิ้มนิดๆเหมือนเยาะหยัน

“โธ่ คุณหนู โปรดอย่าเข้าใจผิด” คริสวิงวอน “ ยังไงผมก็จำเป็นต้องรู้ว่าตลอดเวลาที่ผมเที่ยวตามหา คุณหนูอยู่ที่ไหนกันแน่ ผมเที่ยวตามหาคุณหนูเป็นปี กลับไปที่แม่ฮ่องสอนจนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งคุณกรและคุณหมอประสพชัยก็คงเป็นพยานให้ผมได้ว่าผมไปพบพวกเขาหลายครั้ง เพื่อถามถึงที่อยู่ของคุณหนู”

“คุณจะพูดเรื่องนี้ทำไม ที่ฉันยอมมาพบคุณก็เพื่อมาพูดเรื่องที่เกี่ยวกับคุณโดยตรงเท่านั้น แต่เอาเถอะ ถ้าคุณอยากรู้ฉันก็จะบอกให้ฟัง ฉันมาที่นี่หลังจากที่คุณพ่อเสีย การต้องเสียท่านไปโดยกระทันหันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก แต่คุณรู้ไหมว่าถึงจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ฉันก็ดีใจอยู่อย่าง เพราะอะไรรู้ไหม?”

สีหน้าของทิพย์สุรางค์ทั้งเศร้าทั้งเคียดแค้นเมื่อกล่าวต่อไป

“ เพราะท่านไม่ต้องมารับรู้เรื่องอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นกับฉัน โดยผู้ชายใจโฉดหน้าไหว้หลังหลอกอย่างคุณไงล่ะ ถ้ารู้ท่านคงจะเสียใจที่สุดในชีวิต คุณพ่อเลี้ยงดูฉันมาอย่างดี อบรมบ่มสอนให้เป็นคนดีมีจิตเมตตาต่อผู้อื่น แต่แล้วกลับปรากฏว่าความเมตตาที่ท่านสอน กลายเป็นอาวุธย้อนกลับมาทำร้ายฉันให้ตายทั้งเป็น”

หน้าของชายหนุ่มซีดเผือด ถึงจะสะเทือนใจกับคำพูดในเชิงด่าอย่างผู้ดีของทิพย์สุรางค์ แต่เขาก็รู้สึกทั้งสงสารและเห็นใจเธออย่างที่สุด

“คุณหนูครับ ผมเสียใจเหลือเกินกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีคืนไหนเลยที่ผมจะนอนหลับไปได้ โดยไม่นึกถึงคุณหนูและเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าผมผิด ผมขาดสติ แต่ด้วยความสัตย์จริงแล้วผมไม่เคยคิดที่จะล่วงเกินคุณหนูเลยแม้แต่น้อย สำนึกอยู่ตลอดเวลาถึงสถานภาพของตัวเองในตอนนั้น ไม่มีทางที่ผมจะพยายามทำอะไรที่จะดึงคุณหนูลงมาต่ำ

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นนอกจากที่ผมขาดสติแล้วผมก็ไม่รู้จะโทษอะไรอีก จะโทษเวรโทษกรรมก็ไม่รู้ว่าเวรกรรมมีจริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือผมโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ขาดสติลืมตัว ทำเรื่องร้ายแรงขึ้นมาจนคุณหนูต้องออกจากเวียงพุกาม ดั้นด้นมาอยู่ไกลถึงนิวยอร์ค ถ้ามีทางใดที่ผมจะชดใช้ให้คุณหนูได้ก็โปรดบอกมาเถอะครับ ผมยินดีทำทุกอย่างตามแต่คุณหนูจะบัญชา”

“ฉันบอกหรือว่าต้องการให้คุณชดใช้หรือมารับผิดชอบฉัน?” ทิพย์สุรางค์ทำเสียงแข็งอย่างเย่อหยิ่ง “ถ้าคุณคิดจะรับผิดชอบจริง คุณก็คงจะทำเสียนานแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ จริงไหม?”

“โธ่..คุณหนู ผมก็บอกแล้วไม่ใช่หรือครับว่าผมไม่รู้ว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน ถามใครก็ไม่มีใครยอมบอก แล้วไปๆมาๆกลายเป็นว่าคุณหนูอยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง แต่ไม่เคยได้พบกันเลย”

ชายหนุ่มพยายามอธิบาย ทั้งๆที่เห็นแววตาเยาะหยาม ที่แสดงความไม่เชื่อถือโดยสิ้นเชิงของทิพย์สุรางค์

“นั่นหรือคือเหตุผลของคุณ?” สีหน้าของหญิงสาวมีแววเยาะโดยเปิดเผย

“คุณทำได้แค่นั้นเองหรือ? ถ้าฉันเป็นคุณฉันคงจะดิ้นรนสุดฤทธิ์ ทำทุกวิถีทางที่จะตามหาคนที่ฉันอยากพบ แต่เท่าที่ทราบคุณไม่ได้ทำเช่นนั้น”

“โธ่ คุณหนู” ดูเหมือนเขาจะพูดเป็นอยู่แค่นั้น “โปรดเข้าใจผมบ้าง ทีนี้ขอผมถามบ้างได้ไหม ว่าทำไมคุณหนูถึงต้องปิดบังทุกคนที่เวียงพุกามว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน หรือคุณหนูสั่งให้พวกเขาปิดผมเพราะต้องการลงโทษผม ไม่รู้บ้างเลยหรือว่าผมเป็นทุกข์แค่ไหน กลัวว่าจะเกิดอะไรขี้นกับคุณหนู เป็นห่วงและกังวลอย่างที่สุด”

ทิพย์สุรางค์รู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่แทงใจดำของคริส แม้จะเห็นสีหน้าที่ทุกข์ตรมของเขา แต่เธอก็จะต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีทางที่จะใจอ่อน เธอทุกข์ใจมามากพอแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวของเขาบ้างละ

“เอาเถอะ คราวนี้ฉันขอถามคุณบ้างว่าคุณขอพบฉันเพื่ออะไร เจนนี่บอกว่าคุณวุ่นวายขอที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ฉันหลายต่อหลายครั้ง หรือคุณมีเรื่องอะไรที่อยากจะขอร้องฉัน เช่นขอให้ปิดบังเรื่องเลวๆบางเรื่องของคุณ?”

คริสฟังคำพูด ที่เหมือนมีนัยอะไรบางอย่างของทิพย์สุรางค์อย่างไม่เข้าใจ

“คุณหนูหมายความว่ายังไง? ผมติดต่อเจนนี่เพราะอยากขอพบคุณหนู อยากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เข้าใจ และจะขอให้คุณหนูเป็นคนตัดสินใจต่อไป”

“แน่ใจหรือว่าไม่มีอะไรที่อยากจะให้ฉันช่วยปิดบังให้คุณ?” ทิพย์สุรางค์ย้ำอีกครั้งอย่างเยาะหยัน ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ

ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย “คุณหนูหมายความว่ายังไง กรุณาพูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหมครับ”

“ก็ได้ ถ้าคุณยังคิดว่าฉันโง่” ตาของหญิงสาววาบขึ้นด้วยแรงอารมณ์

“คุณลักษณา ว่าที่แม่ยายของคุณบอกฉันว่าคุณขอร้องเขา ไม่ให้บอกลูกสาวเขาเรื่องที่หน้าลิฟต์ คุณจะจัดการให้เรียบร้อยเองเพื่อความสบายใจของคู่หมั้นคุณ โดยอาจจะโปะเงินให้ฉันสักก้อนเพื่อที่ฉันจะได้หายตัวไป...”

ทิพย์สุรางค์พูดยังไม่ทันจบ คริสซึ่งหน้าแดงก่ำก็ร้องถามขัดขึ้นมาอย่างตกใจว่า “หมายความว่ายังไง? ผมไม่เคยคิดหรือพูดอะไรที่เลวทรามแบบนั้น ผมน่ะหรือจะทำแบบนั้นกับคุณหนูได้”

หญิงสาวยักไหล่อย่างน่าเกลียด เยาะเย้ยต่อไปว่า “ไม่ทราบ ลองกลับไปถามว่าที่แม่ยายของคุณดูสิ เขาอุตส่าห์ดั้นด้นสืบเสาะจนรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เรียกฉันออกไปฟังเขาบรรยายถึงความรักอันยิ่งใหญ่ระหว่างคุณกับลูกสาวเขา ทั้งขู่ทั้งปลอบกลัวฉันจะเข้าไปเป็นมือที่สาม เอาเถอะ ฉันจะไม่สนใจทั้งนั้นว่าคุณกับเขาพูดอะไรกันบ้าง หรือแม้แต่คุณจะพยายามแก้ตัวแทนเขาฉันก็ไม่แปลกใจ เพราะคุณก็กำลังจะเป็นลูกเขยเขาอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มนิ่งขึงหน้าเครียดด้วยความโกรธ นี่หมายความว่าคุณลักษณาเก็บเอาเรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าลิฟต์ในคืนนั้น ตามมาเอาเรื่องทิพย์สุรางค์ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย อย่างนั้นหรือ?

“คุณหนูครับ ผมเสียใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าคุณน้าลักษณาจะทำได้ถึงเพียงนี้ ผมยืนยันได้ว่าผมกับเขาไม่เคยพูดกันถึงเรื่องที่หน้าลิฟต์เลย ผมเพิ่งรู้จากคุณหนูเดี๋ยวนี้เองว่าเขามาวุ่นวายกับคุณหนู ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณหนูต้องเดือดร้อนอย่างไม่น่าให้อภัย ผมรับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ขอให้เชื่อผมสักครั้ง”

“ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อคุณ แต่ก็อยากจะฝากไปบอกว่าที่แม่ยายของคุณด้วย ว่าอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด เอาละ..ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วคุณมีเรื่องอะไรถึงอยากพบฉัน”

คริสมองหน้าแสนสวยที่เชิดหยิ่งอยู่ตรงหน้าก่อนจะพูดว่า “ผมจะขอรับผิดชอบคุณหนูสำหรับสิ่งที่ผมทำลงไป ถ้าคุณหนูยังไม่มีใครและไม่รังเกียจผม”

เสียงหัวเราะที่ฟังรู้ว่าเยาะเย้ยของทิพย์สุรางค์ที่ดังขัดขึ้นมา ทำให้คริสไม่อาจจะพูดต่อให้จบได้ ทำได้แต่ขอร้องว่า “คุณหนูครับ โปรดฟังผมก่อน..”

"ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” ยิ้มของเธอเชือดเฉือน “คุณคริส เลย์ตัน อย่าพูดอะไรชุ่ยๆง่ายๆแบบนั้น ลืมไปแล้วหรือว่าคุณเพิ่งหมั้นกับลูกสาวเขาอยู่หยกๆ มีสักขีพยานรู้เห็นเต็มห้อง แม้แต่ฉันก็ยังบังเอิญจับพลัดจับผลูเข้าไปร่วมเป็นพยานบุคคลอยู่ด้วย แล้วจู่ๆวันนี้คุณก็กลับมาออกปากจะรับผิดชอบฉัน หมายความว่าไง?

หรือคุณคิดว่าจะรับผิดชอบฉันไปพร้อมๆกับคู่หมั้นของคุณ ไม่ตลกหรือเห็นแก่ตัวมากไปหน่อยหรือ? ขอเตือนคุณว่าอย่าได้บังอาจดึงฉันลงไปต่ำอย่างนั้นเป็นอันขาด ถึงตอนนี้คุณจะเป็นใครวิเศษแค่ไหน ก็ไม่ได้วิเศษจนผู้หญิงอย่างฉันต้องมาต่อสู้แย่งชิงคุณ ขอให้รู้ไว้”

คริสหน้าแดงแล้วแดงอีกกับคำประชดประชันของเธอ แต่เขาก็ไม่โกรธ เขาเข้าใจและเห็นใจเธอที่ถูกคุณลักษณากล่าวหาเช่นนั้น ชายหนุ่มเดาได้ไม่ยากถึงวิธีพูดที่เจ็บแสบของมารดาลลิตา

“ โธ่ คุณหนู ผมไม่เคยคิดจะทำอะไรอย่างที่คุณหนูกล่าวหาผม ผมรู้ว่าคุณหนูเป็นใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร ผมจะทำอะไรที่ต่ำๆแบบนั้นได้หรือ ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าคุณหนูยอมให้ผมรับผิดชอบผมก็จะเลิกกับลิตาทันที”

“เลิกพูดอะไรที่ไร้สาระเสียที” เสียงเฉียบขาดของทิพย์สุรางค์ดังขัดขึ้นมา “คุณพูดเรื่องจะทิ้งผู้หญิงที่รักกันมานานจนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ได้คล่องๆง่ายๆอย่างนี้เลยหรือ? จะเลิกกับเขาเพื่อมาหาฉันน่ะหรือ? ขอบคุณมากนะที่ทำให้ฉันรู้จักตัวตนจริงๆของคุณดีขึ้น

นี่แน่ะ..คุณคริส ขอบอกว่าฉันไม่เคยต้องการความรับผิดชอบจากคนที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างคุณ อ้อ..ลืมไป ความจริงต้องพูดว่าคุณมีความรับผิดชอบบ้างเหมือนกัน เพียงแต่เลือกว่าจะรับผิดชอบใครเท่านั้น เอาละ..จบเรื่องนี้เสียที เพราะสมมติว่าคุณจะมาทำแก้เกี้ยวออกปากว่าจะรับผิดชอบฉัน แต่มันก็สายไปแล้ว เราต่างก็มีทางของตัวเองที่ต้องเดินต่อไป”

“คุณหนูครับ” ชายหนุ่มพยายามอีกครั้ง “ถึงคุณหนูจะปฏิเสธยังไง แต่ผมก็ยังยืนคำเดิมว่าผมขอรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผม..”

“พอที คุณคริส ที่ฉันยอมมาพบคุณวันนี้เพราะมีเรื่องบางอย่างที่จะพูดกับคุณเท่านั้น ไม่ได้มาฟังคำพูดเพ้อเจ้อของคุณ แต่ก่อนจะพูดเรื่องที่ว่านี้ฉันขอ บอกคุณว่า ความจริงฉันไม่เคยคิดจะพบกับคุณอีกเลย แต่ว่าที่แม่ยายของคุณหยาบหยามฉันเกินไป ฉันจึงจำเป็นต้องยอมพบคุณ คุณจะฟังเรื่องที่ฉันจะพูดได้หรือยัง?”

คริสนิ่งอั้นไม่ได้นึกอยากรู้เลยว่าเธอจะพูดเรื่องอะไรกับเขา เพราะเดาได้ไม่ยากว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดี ถ้าเป็นเรื่องการตอบโต้ของทิพย์สุรางค์ต่อการกระทำที่หยาบคายของคุณลักษณา แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

“เชิญคุณหนูพูดเถอะครับ ผมยินดีรับฟังทุกเรื่อง”

ระหว่างที่ทิพย์สุรางค์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มช้าๆ เพื่อใช้เวลาทบทวนสิ่งที่กำลังจะพูด เสียงโทรศัพท์ของคริสก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเหลือบมอง รู้ว่าคนที่โทร.มาคือจอห์น เลย์ตันที่เขาจำเป็นต้องรับ ปกติบิดาของเขาจะไม่โทร.มาหาถ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วน 


คริสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกหญิงสาว ที่กำลังมองเขาด้วยหางตาว่า

“ขอโทษนะครับ คุณหนู พ่อผมคงมีเรื่องด่วน”


ระหว่างที่คริสออกไปพูดโทรศัพท์นอกห้อง ทิพย์สุรางค์ก็มีโอกาสได้ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยก็มีเวลา ให้เธอได้ตระเตรียมคำพูดที่จะเชือดเฉือนเขาให้สะใจและเป็นไปตามแผนการของเธอ อย่างได้ผลมากยิ่งขึ้น

เธอไม่แคร์หรอกว่าใครจะโทร.มาหาเขา จะเป็นพ่อเป็นแม่หรือแม้แต่คู่หมั้นของเขาก็ไม่เกี่ยวกับเธอ จะพูดกันนานแค่ไหนก็เชิญตามสบาย ขอแต่ให้เขากลับเข้ามารับฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด เพื่อที่ความทุกข์ของเขาจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งตั้งแต่วันนี้ ความทุกข์ที่จะเพิ่มทวีขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเธอในช่วงเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา



 



Create Date : 05 พฤษภาคม 2567
Last Update : 5 พฤษภาคม 2567 16:36:04 น.
Counter : 261 Pageviews.

5 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปรศุราม, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณปัญญา Dh, คุณสองแผ่นดิน, คุณmariabamboo, คุณpeaceplay, คุณnewyorknurse, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณeternalyrs, คุณฟ้าใสทะเลคราม

  
แหมมีเหตุแทรกซ้อนอะไรอีกนะคะนี้คุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 5 พฤษภาคม 2567 เวลา:18:02:16 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

ขอบใจจ้ะ ที่ไปบอกว่า ตอนใหม่มาแล้ว อ่านไป ๆ เริ่มไม่ชอบ
ยายทิพย์สุรางค์เนาะ มีแต่คิดจะแก้แค้นคริสต์ เพื่อให้คริสต์ทุกข์ใจ
ไม่ว่าคริสต์จะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ฟัง เนาะ
เขียนเสร็จ อย่าลืมมาชวน นะจํะ อิอิ

โหวดหมวด งานเขียนฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 พฤษภาคม 2567 เวลา:18:42:03 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

แหม นึกว่า ตอนใหม่มาแล้วชะอีก อิอิ รีบเปิดมาอ่าน เอ้า ! ตอน
นี้อ่านแล้ว นี่นา อ้อ ! น้องมาโหวดให้กำลังใจ นั่นเอง ห้าห้าห้า
ขึ้นตอนใหม่อย่าลืมมาชวน นะจ๊ะ รออ่านอยู่จ้ะ
ขอบใจสำหรับกำลังใจ จ้ะ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 8 พฤษภาคม 2567 เวลา:8:33:50 น.
  
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 8 พฤษภาคม 2567 เวลา:10:48:41 น.
  



ขออย่างน้อย 200 page views ค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 8 พฤษภาคม 2567 เวลา:11:52:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2567

 
 
 
2
3
4
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com