เวลาที่หายไป - บทที่ 30


สองวันต่อมาทิพย์สุรางค์นัดพบกับเจนนิเฟอร์ที่อพาร์ตเมนท์ ตอนเย็นหลังเลิกงาน ประโยคแรกที่หญิงสาวถามเจนนิเฟอร์หลังทักทายถามทุกข์สุขกันแล้วคือ

“ตอนนี้คริสยังติดต่อเธออยู่หรือเปล่า?”


เจนนิเฟอร์ซึ่งเพิ่งยกกาแฟมาวางตรงหน้าทิพย์สุรางค์ มองหน้าเพื่อนเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาเมื่อเธอเล่าว่าชายหนุ่มผู้นั้นเพียรพยายามขอพบเธอ ทิพย์สุรางค์ก็เพียงแต่ยิ้มอย่างไม่สนใจ แล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน แต่ทำไมวันนี้เธอจึงเป็นฝ่ายพูดถึงคริสเสียเอง

“เมื่อวานเขายังชวนฉันไปกินข้าวกลางวันด้วยเลย ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ เขาอ้อนวอนขอพบเธอ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย เธอไม่อยากพบเขาก็ไม่เป็นไร แต่เขาขอเบอร์โทรศัพท์เธอแทน เห็นเขาว่าพูดกับเธอทางโทรศัพท์ก็ได้” แล้วเจนนิเฟอร์ก็สงสัย “หรือว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนใจอยากพบเขาแล้ว?”

เรื่องที่เกิดขึ้นในงานหมั้นของคริสคืนนั้น ทิพย์สุรางค์เล่าให้เพื่อนของเธอฟังหมดแล้ว แต่เรื่องที่คุณลักษณามาพบเธอหญิงสาวยังไม่ได้เล่า คิดว่าจะเล่าให้ฟังภายหลัง

“ใช่ เจนนี่ ฉันอยากพบเขา เธอช่วยนัดให้หน่อยได้ไหม?”

เจนนิเฟอร์ทำหน้าแปลกใจ “มีอะไรหรือ? ที่ผ่านมาเธอมีแต่ปฏิเสธลูกเดียว ห้ามฉันให้ที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์เขา ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอคิดจะทำอะไร?”


“ฉันจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังหลังจากพบกับเขาแล้ว” หญิงสาวตอบด้วยเสียงเรียบๆ “นัดให้หน่อยนะ วันไหนก็ได้ แล้วแต่เขาจะสะดวก”

“งั้นก็ต้องรีบหน่อย เขาเพิ่งบอกฉันเมื่อวานเองว่าจะไปวอชิงตัน ดี.ซี. อาทิตย์หน้านี่แหละ จะกลับมานิวยอร์คอีกทีก็คงเดือนหน้า”

“งั้นเอาพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้” ทิพย์สุรางค์สรุปอย่างใจร้อน
“ได้ เดี๋ยวจะลองโทร.นัดเขาดู ว่าแต่เธอคิดหรือยังว่าจะนัดเขาที่ไหน?”

“กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาร้านอาหารเงียบๆ ที่ไหนสักแห่ง”

“ร้านอาหาร? จะสะดวกหรือ เธอก็รู้นี่ว่าร้านอาหารที่นี่เขาเปิดปิดเป็นเวลา นั่งนาน   ก็ไม่ได้ คนก็พลุกพล่านเข้าๆ ออกๆ ”

“เออ..ใช่ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไป” 


ทิพย์สุรางค์นิ่งคิดว่าถ้าไม่ใช่ร้านอาหารแล้วจะเอาที่ไหนดี ที่สะดวกและเงียบพอที่จะพูดกันได้ โดยไม่ต้องตกเป็นจุดสนใจของใคร

เจนนิเฟอร์ใช้ความคิดอยู่สักครู่ก็ดีดนิ้วเปาะ “ถ้านัดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ได้ก็เหมาะเลย เอางี้ดีไหม ทิปปี้ นัดพบเขาที่ออฟฟิศฉันเลย พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ออฟฟิศปิดไม่มีใครอยู่หรอก”

“จะดีหรือ ฉันไม่อยากดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เผื่อพ่อเธอรู้ล่ะ เธอต้องขอกุญแจออฟฟิศจากผู้จัดการไม่ใช่หรือ?” ทิพย์สุรางค์รู้สึกเกรงใจเพื่อน

“สบายมาก ไม่ต้องห่วง ฉันมีกุญแจเข้าออฟฟิศอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าฉันเป็นเลขาฯ ต้องมีกุญแจสำรองห้องประชุมทุกห้องอยู่แล้ว มีห้องประชุมสต๊าฟเล็กๆ ที่เธอใช้ได้ด้วย เห็นไหม ง่ายจะตาย ไม่ต้องบอกใครเลยก็ได้”

หญิงสาวนิ่งคิด เห็นด้วยว่าห้องประชุมที่เจนนิเฟอร์เสนอ สะดวกเหมาะสมกว่าร้านอาหารที่คิดในตอนแรก มันเงียบไม่มีคนพลุกพล่าน ที่สำคัญเธอไม่ต้องการปรากฏตัวในที่สาธารณะกับคริส

“เอางั้นก็ได้” เธอบอกเพื่อน “แต่ฉันไม่ใช่พนักงานของที่นั่น อยู่ๆจะเข้าไปใช้ห้องประชุมได้ไงล่ะ”

“ไม่เป็นไร ฉันจะไปกับเธอด้วย แต่จะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือรอ ตกลงไหม”


เมื่อตกลงกันได้แล้ว เจนนิเฟอร์ก็โทรศัพท์นัดหมายกับคริส พอวางโทรศัพท์เธอก็ยักคิ้วให้ทิพย์สุรางค์

“เรียบร้อย เสียงเขาตื่นเต้นมากเลย ฉันนัดเขาสิบเอ็ดโมงเช้าพรุ่งนี้นะ มีอะไรจะพูดกับเขาก็เตรียมเสียให้พร้อม นี่ทิปปี้ อย่าใจร้อนด่วนตัดสินใจบ้าๆอะไรลงไปนะ ลองฟังเขาดูก่อน ฟังแล้วก็คิดให้รอบคอบ ฉันเชื่อว่าเขารักเธอ ถึงจะหมั้นกับยายนั่นแล้วก็ตาม อ้อ..ฉันไม่ได้บอกว่าเธอเป็นฝ่ายอยากพบเขาหรอกนะ ฉันบอกเขาว่าฉันเกลี้ยกล่อมจนเธอรำคาญความตื๊อของฉัน เลยตกลงยอมพบกับเขา ตามที่เขาเคยขอร้องฉันไว้หลายครั้งแล้ว”

ทิพย์สุรางค์มองเพื่อนอย่างซาบซึ้งในน้ำใจที่มีให้เธอเสมอมา ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่คบหาและเรียนหนังสือมาด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอซัดเซมาอเมริกาด้วยปัญหาชีวิตที่หนักหน่วง ก็ได้เจนนิเฟอร์ผู้มีน้ำใจกว้างขวางคนนี้แหละที่คอยช่วยเหลือ นอกจากจะให้ที่พักพิงเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะอยู่ตามลำพังแล้ว ยังคอยเคียงข้างให้กำลังใจยามที่เธอท้อแท้หมดหวัง ถ้าไม่มีเพื่อนตายคนนี้เธออาจจะไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ ปัญหาที่เกิดอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่สามารถจะลืมได้อย่างง่ายดายสำหรับผู้หญิงอีกหลายคน แต่สำหรับเธอไม่ใช่

การอบรมเลี้ยงดูอย่างกวดขันของบิดาและแม่ศรีคำ การอยู่โรงเรียนประจำที่มีแต่ผู้หญิงล้วนและการเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้ทิพย์สุรางค์เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่ช่างคิดและค่อนข้างเก็บตัว เธอตระหนักดีว่าเธอขาดประสบการณ์ทางโลก การเสียตัวของผู้หญิงสมัยนี้แม้ผู้หญิงไทยก็เถิด กลายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สำหรับเธอ..เธอไม่สามารถทำใจให้ยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าหญิงชายคู่นั้นจะรักกันหรือไม่


คำสุดท้ายที่เจนนิเฟอร์พูด ก่อนที่ทิพย์สุรางค์จะกลับที่พักของเธอคือ “ทิปปี้ แต่งตัวให้แจ๋วเลยนะ ถ้าเหมือนคืนนั้นได้ก็ยิ่งวิเศษ”


หลังจากพูดโทรศัพท์กับเจนนิเฟอร์เสร็จ สีหน้าของคริสก็แช่มชื่นขึ้นทันตาเห็น ลลิตาที่นั่งคอยเขาอยู่ในห้องอาหารอิตาเลียนที่เธอโปรดปราน เห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องคอยสังเกตให้เสียเวลา เขาไปรับเธอจากที่ทำงานหลังเลิกงานแล้วตรงมาที่นี่ ซึ่งเขาโทรศัพท์จองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว


ลลิตาเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปชวนเขา เธออยากทานอาหารอิตาเลียนซึ่งคริสก็ตามใจเธอ ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหา ซึ่งทำให้เธอเริ่มสบายใจขึ้นบ้าง แต่แล้วก็มีโทรศัพท์มาถึงเขา โทรศัพท์ที่ตามปกติเขาจะรับต่อหน้าเธอ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่ครั้งนี้เขาแปลกไป

ลลิตาคิดทบทวนถึงท่าทางแปลกๆของคริสตอนเขากลับมาใหม่ๆ หลังจากหายตัวไปเกือบปี เธอเห็นว่าเขามีความสุขดี เห็นได้ชัดว่าเขาดีใจที่ได้กลับมาพบเธอ ต่อมาหลังจากออกจากโรงพยาบาลเขากลับไปประเทศไทยหลายครั้งโดยไม่บอกเธอ ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าเขามีธุระอะไรหรือไปพบใครที่นั่น 

ครั้งสุดท้ายที่เขากลับไป พอกลับมาเธอก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาได้อย่างชัดเจน ท่าทางเขาเหมือนคิดหนักเวลาที่ไม่รู้ตัว ว่าเธอกำลังสังเกตเขาอยู่ ตาของเขาหมอง บางครั้งก็เหมือนใจลอยไปไกลจากตัว แต่เมื่อรู้สึกตัว เขาก็จะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางโดยทันที

แต่ไม่ว่าคริสจะมีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ลลิตาก็ยังยิ้มแย้มอ่อนหวานกับเขาเสมอ เธอแน่ใจว่าเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเบื้องหลังรอยยิ้มที่แสนหวาน วาจาที่ไพเราะอ่อนโยนของเธอ มีอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง เธอรู้โดยที่คริสไม่ต้องบอก ว่าเขาเดินทางไปเมืองไทยหลายครั้ง ถึงจะสงสัยแค่ไหนแต่หญิงสาวก็ไม่เคยถามเขาตรงๆว่าเขากลับไปที่นั่นทำไม เธอรู้จักคริสดีว่าแม้จะรักและตามใจเธอขนาดไหน แต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวเองและในสิ่งที่เขาทำ แม้แต่คุณธัญญาที่เธอรู้ว่าเขารักและเคารพมากที่สุด ก็ยังไม่สามารถฝืนใจให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ประสงค์จะทำได้

จนครั้งสุดท้ายที่คริสกลับจากเมืองไทยแล้วไม่รีบมาหาเธอ มาเอาใจและคล้ายๆกับมาขอโทษเธอเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ลลิตาก็เริ่มทนไม่ได้ ทำให้คุณลักษณาร้อนใจจนต้องส่งคนไปสืบถึงเวียงพุกาม จนรู้ว่าเวียงพุกามไม่มีผู้หญิงสาวคนใดที่น่าสงสัย ว่าจะเป็นต้นเหตุให้คริสต้องดั้นด้นกลับไปหาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ลลิตาค่อยคลายความระแวงลงบ้าง ประจวบกับตัวคริสเองหลังจากซึมเศร้าอยู่พักหนึ่งก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะยังไม่เหมือนคริสคนเดิมสักเท่าไหร่ก็ตาม

แม้แต่งานวันหมั้นอย่างเป็นทางการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ฝ่ายเธอเมื่อไม่นานมานี้ ก็ผ่านไปได้อย่างสวยงามยิ่งใหญ่ สมศักดิ์ศรีและฐานะของทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากงานหมั้นนั่นสิที่หญิงสาวเห็นคริสกลับไปทำท่าแปลกๆอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้มันมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ บางครั้งเขาทำท่าเหมือนคนป่วยไร้ชีวิตชีวา เขาพูดน้อยลงกว่าเดิม เขาพูดคุยกับเธอ ยิ้มกับเธอเหมือนเคยก็จริง แต่มีอะไรบางอย่างขาดหายไป นั่นคือแววตาที่เคยจับจ้องมองเธอด้วยความรักอยู่ทุกครั้ง กลับแห้งผากราวกับปราศจากน้ำหล่อเลี้ยงในบางครั้ง 

ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือเขามากรุงนิวยอร์คบ่อยขึ้น บางครั้งเขามาตอนเย็นหรือหัวค่ำ แล้วกลับไปวอชิงตัน ดี.ซี ตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ตอนแรกลลิตารู้สึกดีใจคิดว่าเขาคงคิดถึงเธอ อยากอยู่ใกล้ชิดเธอเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เขาหายตัวไป แต่ปรากฏว่าไม่ใช่เช่นนั้น เขามานิวยอร์คก็จริงแต่บางครั้งเขาไม่ได้มาหาเธอ ที่หญิงสาวรู้ว่าเขามาก็จากคุณธัญญานั่นแหละ

เธอต้องทำเป็นยิ้มหวานเหมือนกับว่าเธอรู้แล้วและได้พบเขาแล้ว ลลิตานั้นเป็นคนที่ถือความเป็นส่วนตัวระหว่างเธอกับคริสสูงมาก แม้เธอจะรักเคารพมารดาของเขา แต่ก็ไม่ต้องการให้คุณธัญญาเข้ามาวุ่นวายยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่องระหว่างเธอกับคริส


ลลิตาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครได้ง่ายๆ เธอเป็นคนที่คอยระวังให้ตัวเธอเองและเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเธอ เป็นไปอย่างดีและน่าชื่นชมในสายตาของคนทั้งหลาย เธอรักคริสมากและวาดหวังที่จะเป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเขา รวมทั้งจะเป็นสะใภ้ที่ได้รับความรักความเกรงใจจากบิดามารดาของเขาด้วย เพราะเธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาพื้นๆ เป็นผู้หญิงสวยที่มีความรู้และทำงานเก่ง ครอบครัวของเธอก็ร่ำรวยไม่แพ้ใคร 

คุณปราโมชบิดาของเธอเป็นนักการเมืองระดับสูงที่มีอนาคตไกล ตอนนี้แม้เขาจะเป็นเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง แต่ลลิตาก็รู้ดีว่ามารดาของเธอวาดฝันเอาไว้ ว่าเขาอาจจะมีโอกาสได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในอนาคต หญิงสาวรู้จากมารดาว่าตอนนี้บิดาของเธอกับนักธุรกิจหลายคน ซึ่งเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน กำลังคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา คุณลักษณามีสิทธิที่จะหวัง ทั้งนี้เพราะหัวหน้าพรรคการเมืองมีโอกาศที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นเสียก่อน

นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของเธอ สิ่งที่ลลิตามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งจากครอบครัวของคริสก็คือ บิดามารดาของเขาจะต้องยินดีต้อนรับเธอเข้าไปเป็นสะใภ้ ไม่ใช่เพราะความเป็นเพื่อนระหว่างคุณธัญญาและคุณลักษณา หรือฐานะชื่อเสียงของครอบครัวเท่านั้น แต่ต้องเป็นคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของตัวเธอเองด้วย

บิดามารดาของเขาต้องไม่ยินดีต้อนรับเธอ เพียงเพราะคริสรักเธอเท่านั้น แต่คนทั้งสองจะต้องเห็นคุณค่าที่เธอมีอยู่มากมายอีกด้วย ลลิตา ภักดีวงศ์ต้องเป็นสะใภ้สมบูรณ์แบบ ที่แม้แต่ครอบครัวเลย์ตันก็ไม่อาจจะหาได้ง่ายๆจากผู้หญิงคนใด!!


แล้วหญิงสาวก็คิดย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้พบกับคริสที่บ้านของเขา หลังจากที่มาอเมริกาได้ประมาณสองเดือน ยังรู้สึกแปลกใหม่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องปรับตัวและใจมากมายให้เข้ากับเพื่อนๆในมหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไทย ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม อากาศที่หนาวเย็น สภาพความเป็นอยู่ที่ต้องช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองในหลายเรื่อง เพราะเธอพักอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัย ไม่มีคนรับใช้บริวารมาอำนวยความสะดวกให้ทุก อย่าง เหมือนตอนอยู่กับบิดามารดาที่เมืองไทย 

แม้อพาร์ตเมนท์ของคุณธัญญา ซึ่งเธอมาพักอยู่เกือบทุกวันหยุดและช่วงปิดภาคเรียนบางภาคที่ไม่ได้กลับบ้านที่เมืองไทย จะมีแม่บ้านคอยดูแลโดยมีคุณนวลละออกำกับอีกทีหนึ่ง แต่ลลิตาก็ต้องจัดการดูแลเรื่องส่วนตัวต่างๆของเธอเองเช่นการซักรีดเสื้อผ้า การทำความสะอาดห้องส่วนตัวที่คุณธัญญาจัดไว้ให้

นอกจากนั้นเธอยังต้องพยายามทำตัวให้ผู้ใหญ่ในบ้านทุกคนรวมทั้งคุณนวลละออรักใคร่ ชื่นชมและเอ็นดูเธอ


วันที่คริสกลับมาบ้านจากวิทยาลัยทหารที่เขากำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่สาม ลลิตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องโถงใหญ่ตามลำพัง เมื่อเสียงออดประตูหน้าดังขึ้นเธอก็ออกไปเปิดประตูรับ นึกว่าคงเป็นคุณธัญญาที่ออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้า

เมื่อประตูเปิดเธอก็เห็นผู้ชายหนุ่ม ซึ่งคงอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปียืนอยู่ตรงนั้น เขามองเธออย่างแปลกใจในขณะที่เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เธอเคยเห็นรูปของเขาที่ถ่ายคู่กับคุณธัญญา เธอรู้จากคุณธัญญามาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าคริสกำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยทหารแห่งหนึ่ง นานๆจึงจะกลับบ้านสักครั้ง

“ไฮ!” เขาทักเธอตามธรรมเนียมอเมริกัน แล้วมองเธออย่างสนใจ

“สวัสดีค่ะ” ลลิตาทักตอบเขาเป็นภาษาไทย เธอรู้จากคุณธัญญาว่าเขารู้ภาษาไทยแตกฉาน เพราะเรียนมาตั้งแต่สามขวบ “พี่คริส ใช่ไหมคะ? ฉันชื่อลลิตา มาเรียนหนังสือที่นี่ เรียกฉันว่าลิตาก็ได้ค่ะ”


คริสยิ้มให้เธอแล้วเดินเข้ามาในห้องพูดกับเธอเป็นภาษาไทยว่า “ยินดีต้อนรับ”

ลลิตาเองก็มองเขาอย่างสนใจ เธอเห็นว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคมคายเหมือนคุณธัญญา ผมของเขาตัดสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ รูปร่างสูงใหญ่แต่ไม่เทอะทะ เขาดูกระฉับกระเฉงปราดเปรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำมีแววขี้เล่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา


หลังจากวันนั้นหนุ่มสาวทั้งสองก็เริ่มสนิทสนมกัน แม้จะต่างคนต่างต้องเรียนหนักและคริสนั้นนานๆจะได้กลับบ้าน แต่ทั้งสองก็ติดต่อกันเกือบทุกวันผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็อีเมลล์ ในช่วงวันหยุดที่คริสกลับบ้านหรือปิดภาคเรียน คนทั้งคู่ก็จะออกเดทกันเป็นประจำ

ลลิตาจำได้ไม่มีวันลืมถึงความน่ารักของคริส เขาดูแลเธออย่างดี เอาอกเอาใจทุกอย่าง วันที่เขาสารภาพรักกับเธอเป็นวันที่หญิงสาวมีความสุขที่สุดในชีวิต เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรักและไม่คิดว่าจะสามารถรักใครได้อย่างที่รักเขาอีกแล้ว

แล้วก็มาถึงวันที่คริสขอแต่งงานและสวมแหวนหมั้นเพชรรูปหัวใจ ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองให้เธอ โดยสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานกับเธอ หลังจากจบภารกิจในอิรัค 


วันนั้นลลิตามีความสุขมากไม่แพ้วันที่เขาสารภาพรัก แล้วเธอก็ฝันถึงวันแต่งงานที่หวานชื่น ไม่ได้สังหรณ์ใจเลยว่าวันที่เขาเดินทางออกจากสหรัฐฯ ไปปฏิบัติราชการในอิรัค เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้พบเขา ก่อนที่เขาจะหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยนานเกือบหนึ่งปี กว่าจะได้กลับมาพบกันอีก

แล้วเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย กำหนดการแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ไม่ได้ทำให้เขากลับไปเป็นชายหนุ่มคนเดิมก่อนหายตัวไป

เขาดื่มเหล้ามากขึ้น ถอนใจบ่อยครั้งและคอยจ้องมองโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่ใกล้ตัว ราวกับรอเสียงสัญญาณเรียกของมันเช่นเดียวกับวันนี้ ซึ่งเธอก็คิดไม่ผิดหรอก เพราะคริสรอโทรศัพท์จากเจนนิเฟอร์ซึ่งสัญญาว่า ถ้าสามารถกล่อมทิพย์สุรางค์ให้ยอมพบเขาหรือพูดโทรศัพท์กับเขาได้เมื่อไร เธอจะโทรศัพท์มาบอกเขาทันที

ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่โทรศัพท์ของคริสก็ดังขึ้น ตอนแรกลลิตาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อผู้ที่โทร.มา เธอเห็นหน้าของเขาแดง ท่าทางตื่นเต้น เขารีบลุกขึ้นยืนขอตัวกับเธอแล้วเดินออกไปพูดโทรศัพท์นอกห้องอาหาร


คริสพูดโทรศัพท์ไม่นานก็จริง แต่เมื่อเขากลับเข้ามาลลิตาก็เห็นความเปลี่ยนแปลง ในสีหน้าและแววตาของเขา เขากลับมาเป็นคริสคนเดิมของเธอ ยิ้มแย้มแจ่มใสเอาอกเอาใจเธอ ตาคู่ที่เมื่อสักครู่เธอยังเห็นว่าแห้งผาก กลับเป็นประกายวาววับมีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยพลัน ราวกับต้องมนต์วิเศษที่ร่ายผ่านมาทางคลื่นโทรศัพท์

แล้วจู่ๆ ลลิตาก็สำเหนียกขึ้นมาได้อย่างกระทันหันราวกับมีลางสังหรณ์ ถึงภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัว ภัยที่แม้จะยังไม่ประจักษ์ชัดว่าคืออะไร แต่มันก็ทำให้เธอเริ่มตระหน



Create Date : 01 พฤษภาคม 2567
Last Update : 1 พฤษภาคม 2567 12:52:12 น.
Counter : 274 Pageviews.

6 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณtanjira, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณดาวริมทะเล, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสมาชิกหมายเลข 3902534, คุณpeaceplay

  
ก ไก่ตัวสุดท้ายสีดำค่ะคุณตุ้ย
ต่อไปจะเป็นเรื่องราวโหดๆ ใชมั๊ยคะ

โดย: หอมกร วันที่: 1 พฤษภาคม 2567 เวลา:13:20:14 น.
  
สวัสดีค่ะ

ตามคุณหอมกรมาค่ะ
โดย: tanjira วันที่: 1 พฤษภาคม 2567 เวลา:15:29:58 น.
  
ตามมาอ่านต่อค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 พฤษภาคม 2567 เวลา:22:25:41 น.
  
อ่านเพลิน น่าติดตามต่อมากค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 2 พฤษภาคม 2567 เวลา:12:30:14 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

ตอนนี้ไม่ค่อยสนุก เพราะเป็นการเล่าถึงประวัติความเป็นมาของ
ลลิตา แต่เรื่องที่อยากจะรู้คือ ตอนที่ คริสต์และทิพย์สุรางค์ นัดเจอกัน
ผลจากการพบกัน จะปรับความเข้าใจกันได้ไหม จะติดตามอ่านต่อไป
นะจ๊ะ อิอิ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤษภาคม 2567 เวลา:13:50:47 น.
  
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙

💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร

❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก

💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง

❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง

💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม

❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร?

💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม

❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?


https://justpaste.it/b790p
โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 172.96.161.170 วันที่: 5 พฤษภาคม 2567 เวลา:7:41:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2567

 
 
 
2
3
4
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com