อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. การเกิดของเวทนา เท่ากับ การเกิดของทุกข์
.ภิกษุ ท.! - การเกิดขึ้น - การตั้งอยู่ - การเกิดโดยยิ่ง - และความปรากฏของเวทนา อันเกิดแต่สัมผัส ..- ทางตา - ทางหู - ทางจมูก - ทางลิ้น - ทางกาย - และทางใจ ใด ๆ นั่นเท่ากับ ..- เป็นการเกิดขึ้นของทุกข์ - เป็นการตั้งอยู่ของสิ่งซึ่งมีปรกติเสียดแทงทั้งหลาย - และเป็นความปรากฏของชราและมรณะแล....ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๔/๔๘๗.หมายเหตุ จขบ.ตัวอักษรสีน้ำเงิน คือการยืนยันว่า .. ทุกข์ทั้งปวงเกิดขึ้นหลังการสัมผัสทางทวารทั้ง 6 แล้วนั้น ..- เป็นการเกิดที่จิต- เป็นการตั้งอยู่ คงอยู่ที่จิต- เป็นการค่อยๆเหี่ยวแห้ง ดับไปจากจิตยิ่งอ่านพระพุทธวจนะมากเท่าใด จะยิ่งเกิดสัมมาทิฏฐิมากเท่านั้น จากความรู้ที่ถูกต้องจากผู้ตรัสรู้เอง .. เรื่องเพ้อเจ้อนอกเหนือจากนี้ เป็นการปรุงแต่งขึ้นมาของคนรุ่นหลังที่เข้าใจพุทธธรรม อย่างไม่รู้จริงบุญ กุศล บาป นรก สวรรค์ ชาติก่อน ชาติหน้า การเวียนว่ายตายเกิด เทพ อสุรกาย ฯลฯ .. เหล่านี้เป็นเพียงอุบายธรรมเพื่อสอนคนในยุคที่วิทยาการยังไม่เจริญ ในยุคที่คนยังขาดเหตุผลอยู่มากและใคร่ครวญเรื่องราวไม่ได้ ..ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์หรือปรากฎการณ์ที่ไม่อาจนำมาสืบต่อนับเนื่องถึงกันได้แต่ยังมีผู้เชื่อถืออยู่นั้น ย่อมเกิดจากการตีความด้วย ศรัทธาจริต ทั้งสิ้น เมื่อโลกทั้งภายในและภายนอกตัวถูกรับรู้ .. ย่อมเป็นการรับรู้ผ่านทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง สมอง (ความคิด-ใจ) ดังนั้นการกระทบสัมผัสกับโลกย่อมเกิดที่ทวารทั้ง 6 และปัญหาหลังการกระทบสัมผัส เกิดจากจิตที่ขาดความเข้าใจธรรมชาติของสรรพสิ่ง - สภาพที่ปราศจากความรู้ - อวิชชาว่า .. สรรพสิ่งที่กระทบสัมผัสอยู่นั้น มันเป็นเช่นนั้น (ของมัน) เอง ไม่อาจเป็นเช่นที่เราอยากให้เป็นได้ เพราะ "ความอยากของเรา" กับ "ความที่มันเป็นมัน" ไม่ได้มีส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงในลักษณาการที่จะเป็นเหตุปัจจัยต่อกันแต่อย่างใดพระสงฆ์ที่มีผลงานเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับพระพุทธวจนะโดยตรงอย่างถ่องแท้ เยี่ยงท่านพุทธทาส เยี่ยงพระอาจารย์คึกฤทธิ์แห่งวัดนาป่าพง .. ย่อมอยู่ในสัมมาทิฏฐิที่ไม่ว่าจะตีความข้อธรรมเรื่องใด จะยังอยู่ในหลักไตรลักษณ์เสมอไป คือ - เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - ดับไป อันไม่เที่ยงคือ .. อนิจจัง หากจับยึดจะเป็นทุกข์ .. ทุกขังไม่เป็นตัวเป็นตนอะไร เป็นเพียงภาวะชั่วคราว .. อนัตตาส่วน วิญญาณเวียนว่ายตายเกิดนั้น .. - มีมาก่อนแล้วในอดีตกาล .. ในร่างอื่น - กำลังเป็นอยู่ .. ในร่างปัจจุบัน - และจะมีต่อไปในอนาคต .. ในร่างใหม่ เป็นอัตตา เป็นเท็จ และเป็นมิจฉาทิฏฐิ .. เป็นความเชื่อที่ยากจะยกขึ้นสู่ทางไปนิพพาน เป็นความเชื่อของผู้มืดบอด ที่เหมือนเดินในถ้ำที่ไม่เห็นแสง .. พูดแบบอุบายธรรม ก็คือ ขุมนรกนั่นเอง การเวียนว่ายตายเกิด หรือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ย่อมเกิดที่ เวทนา 6 นี้เอง จนกว่าจิตจะเข้าใจโลกแวดล้อมได้ถ่องแท้และยกขึ้นพ้นรอบแห่งเวทนาเสียได้ เท่านี้เอง เลิกสนใจเรื่องราวปรัมปรา เรื่อง ทศชาติ ศตชาตินั่นซะ แล้วจะเข้าใจธรรมได้ถูกได้ตรง แล้วปล่อยวางได้ง่าย เพราะมันเป็นลำดับขั้นของพัฒนาการแห่งจิตที่จะเป็นไปเช่นนั้น