happy memories
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๑๓





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto








พระบรมสาทิสลักษณ์ ผลงานของ สุวิทย์​ หลีดุลย์



แด่พระผู้ทรงเป็น 'หัวใจ' ของคนไทยทั้งแผ่นดิน
จิตกร บุษบา



ข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จกลับจากพระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาประทับยังศิริราชพยาบาลอีกครั้ง ทำให้หลายคนห่วงกังวล ด้วยว่าเพิ่งทรงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับเพื่อทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถได้เพียงไม่นาน ก็เสด็จกลับเข้าโรงพยาบาลอีก

พระองค์ท่านทรงเจริญพระชนมพรรษามากแล้วนะครับ และทรงมีโรคาพยาธิเบียดเบียนอยู่ การได้อยู่กับคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดนั้น เป็นเรื่องที่เราทุกคนควร “เบาใจ” และหันไปคิดเรื่องอื่น ๆ เช่นว่า เราในฐานะ “ลูก ๆ ของแผ่นดิน” จะทำอะไรเพื่อแผ่นดินอย่างที่พระองค์ท่านได้ทรงทำ

ผมยังไม่เห็นความเอาจริงเอาจังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในอันที่จะขยายความรู้เรื่องเกษตรผสมผสาน แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ และความรู้มากมายจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ทรงทำไว้เป็นต้นแบบ ให้กระจายออกไปเป็น “ภูมิปัญญา” ของเกษตรกร ที่จะกลายเป็น “ภูมิคุ้มกัน” การทำมาหากินและการดำรงชีพของพวกเขาอย่างมากพอ

หน้าแล้งที่ผ่านมา นอกเหนือจากการบอกให้พวกเขาหยุดทำนาปรังแล้ว เรามิได้ใช้โอกาสที่คนเหล่านั้น “ว่างงาน” นำพวกเขาเข้าสู่การ “เรียนรู้” เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฤดูฝนที่เริ่มแล้ว

ถ้าเรายังใช้วิธี “รัฐอุปถัมภ์” แบบเดิม ที่ทำๆ กันมา ถามว่ามันช่วยแก้ปัญหาพี่น้องเกษตรกรไหม เราต้องโถมเงินงบประมาณเข้าช่วยเท่าไหร่-จึงพอ เราขาดทุนไปกับการช่วยด้วย “เงิน” พอหรือยัง ถึงเวลาน้อมนำแนวทางที่พระราชทานให้ มาใช้เป็น “หนทางสร้างชีวิต” ให้แก่เกษตรกรของเราแล้วหรือยัง

การเรียนรู้ในสิ่งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทำให้เป็นแบบอย่าง และนำไปสู่การาปฏิบัติจริงนั้น จะนำความยั่งยืนมาสู่วิถีเกษตร เกษตรกร ซึ่งเป็นรากเหง้าและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศของเรา ซึ่งทุกคนจะประจักษ์ในความรักและรักตอบอย่างถ่องแท้ ยืนยาว ไม่ใช่ต้องอาศัยการณรงค์ให้เกิดความรักและความภักดี

ส่วนภาคประชาชน ภาคเอกชน ก็ช่วยได้ จะงานเล็กงานใหญ่ก็มาลองช่วยกันดู อย่างผมก็ประกาศผ่านเฟซบุ๊ค “ปู จิตกร บุษบา” ไปแล้วว่า จากวันนี้ถึงช่วงเข้าพรรษา เราจะไม่ “ถวายเทียนพรรษา” ให้ไป “ล้น” อยู่ในทุกวัดโยไม่เกิดประโยชน์ แต่จะ “จุดไฟใส่ปัญญา” แด่พระภิกษุสามเณรทั้งหลาย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยได้เริ่มต้นชักชวนผู้มีจิตศรัทธา มาร่วมกันจัดซื้อ "พระไตรปิฎก" สำหรับผู้บวชใหม่และชาวพุทธทั่วไป ซึ่งเป็นหนังสือดี ที่นำเนื้อหาในพระไตรปฏิฎกมาอรรถธิบายให้ง่ายขึ้น ลดจำนวนภาษาบาลี-สันสกฤต ที่ยากต่อการทำความเข้าใจ ให้ตัดตรงไปยังแก่นสารของพระไตรปิฎกโดยแท้ เพื่อนำไปถวายวัดและสำนักเรียนต่าง ๆ

สำนักพิมพ์ที่ได้ประสานไว้ ให้ราคา ๙๕o บาทต่อเล่ม จึงได้เชิญชวนว่า ใครจะร่วมด้วยช่วยกันและเชื่อใจกัน ก็โอนเงินเข้าบัญชี นายจิตกร บุษบา ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางเขน บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ o๗o๒๘๑๑๙o๒ เสร็จแล้วโทรแจ้งชื่อนามสกุลและจำนวนเล่มกับน้องนิค o๘๙-๖๖๖-๗๗๙๙ หรือน้องติ่ง o๘๙-๖๗๘-๑o๑๓ พอเริ่มเข้าพรรษาก็จะนำไปถวาย ซึ่งจะประกาศให้ทราบ บางวัดจะนัดไปถวายด้วยกัน บางวัดอยู่ไกล ก็จะให้รถขนส่งไปแทน ทำอย่างนี้มาสามสี่ปีแล้ว

อีกงานบุญหนึ่งที่ทำมาตลอด ๔ ปีเต็ม คือ การทำบุญตักบาตรพระเณร ๑oo รูป ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร พระอารามหลวง

กลางปี ๒๕๕๔ คือปีเริ่มของกิจกรรมนี้, หลวงพ่อเจ้าอาวาสเล่าว่า พระธุดงค์ที่มาพำนักชั่วคราวแนะให้ทำ ด้วยว่า พระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงประทับรักษาพระอาการประชวรอยู่ใกล้ ๆ น่าที่จะชักชวนชาวพุทธผู้เป็นพสกนิกรทั้งหลายมาทำบุญกุศลร่วมกัน แล้วน้อมใจถวายอานิสงส์แด่ทั้งสองพระองค์

ทางวัดทำก่อน ร่วมกับญาติโยมไม่กี่คน ด้วยว่าตั้งใจทำจริง ๆ ไม่ได้เน้นความเป็นพิธีกรรมหรือข่าวคราวให้ต้องใหญ่โต ทำด้วยใจภักดิ์และรักอย่างที่สุด ผมไปร่วมด้วยในเวลาต่อมา ด้วยว่าขณะนั้นช่วยเป็นสื่อกลางจัดซื้อคอมพิวเตอร์ถวายสำนักเรียนจน ๆ ที่วัดโมลีโลกยารามอยู่ ทางวัดเครือวัลย์ได้นิมนต์พระจากวัดโมลีมาร่วมด้วย เพราะวัดโมลีมีพระเณรหลายร้อย แต่ไม่มีป้ายวัดเพราะถูกเวนคืนที่ไปตัดถนน วัดจึงอยู่ในซอกหลืบที่ไม่มีคนรู้จัก ภัตตาหารที่บิณฑบาตได้ในแต่ละวันจึงไม่เพียงพอ วัดเครือวัลย์สะดวกสบายกว่า จึงนึกถึงพระวัดนี้

เรานัดหมายกันทุกวันอาทิตย์แรกของแต่ละเดือน นำอาหารแห้งมาใส่บาตร เลี้ยงภัตตหารเช้า และมีข้าวกล่องใส่บาตรเป็นภัตตาหารเพล ข้าวของส่วนใหญ่ที่ได้จากการใส่บาตร ก็ส่งไปยังโรงครัวของวัดโมลีโลกยาราม เพื่อใช้ปรุงภัตตาหารถวาย ลดค่าใช้จ่ายที่แร้นแค้นไปได้มาก

บางเดือนคนน้อยแต่ของเยอะ บางเดือนคนเยอะก็ชื่นใจ แต่ไม่ว่าจะมามากน้อยเพียงใด เราก็ยังทำเป็นพิธีธรรมดา ๆ คือ ถวายภัตตาหารเช้า จากนั้นพระท่านให้พร เราจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และเปิดกรวยดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อถวายความเคารพ ก่อนจะร้องเพลง "สดุดีมหาราชา" จากนั้นพระคุณเจ้าออกบิณฑบาตรอบพระอุโบสถ ใส่บาตรเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนพระคุณเจ้าก็รอเวลาลงโบสถ์ สวดมนต์ถวาย

อยากเชิญชวนนะครับ วันอาทิตย์ที่ ๗ มิถุนายนนี้ มาทำบุญตักบาตรพระณร ๑oo รูป ถวายทั้งสองพระองค์ร่วมกัน ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก ๖.๓o น. ถวายภัตตาหารเช้า (มีเจ้าภาพ) ๗.๓o น. ใส่บาตรอาหารแห้ง โดยวัดเครือวัลย์วรวิหารอยู่ถนนอรุณอัมรินทร์ครับ ผ่านแยกศิริราชแล้วตรงไปทางวัดอรุณ เมื่อผ่านกรมอู่ทหารเรือ รถก็จะแล่นขึ้นสะพานข้ามคลองมอญ ลงสะพาน วัดอยู่ซ้ายมือ ก่อนถึงวัดอรุณราชวราราม

ไม่ได้หาชื่อเสียงหรือความสำคัญใด ๆ จากการนี้ แต่ทำด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง และแอบมองความสุขในแววตาของผู้ได้มาร่วมแสดงความจงรักภักดีเช่นนี้ด้วยกันเสมอ...

อย่าบอกว่า "มีโอกาสแล้วจะไปร่วม" ท่าน...ตื่นเช้ากว่าเรามา ๖o กว่าปี ตื่น...มาทำเพื่อเรา โดยมิเคยรอโอกาส จงกำหนดโอกาสนั้น แล้วมาพบกันตามความศรัทธาของแต่ละท่าน อนุโมทนาล่วงหน้าครับ



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
คอลัมน์​ "เส้นใต้บรรทัด"นสพ.แนวหน้า ๑ มิ.ย. ๒๕๕๘














นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖o พรรษา อันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ พร้อมสืบสานงานหัตถศิลป์ไทย จัดงาน “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” รวบรวมสุดยอดงานหัตถศิลป์ชิ้นเอกที่รังสรรค์โดยคณาจารย์และนักเรียนรวม ๒o แผนก กว่า ๑,๒oo ชิ้น นำมาจัดแสดงและจำหน่าย โดยรายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อสมทบทุนโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ พร้อมชมการสาธิตงานศิลปหัตถกรรม จากช่างฝีมือแผนกต่าง ๆ โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ ๕-๑๔ มิถุนายน ศกนี้ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ทั้งนี้ ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี รองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในวันศุกร์ที่ ๕ มิถุนายนนี้ เวลา ๑๑.oo น. เป็นต้นไป






ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี และรองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวถึง การจัดงานในครั้งนี้ว่า “เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖o พรรษา อันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จึงขอร่วมน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมแสดง ความจงรักภักดี และน้อมนำจิตใจของปวงชนชาวไทยให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน โดยเป็นการรวบรวมผลงานศิลปาชีพของเหล่าศิลปินทั้งคณาจารย์และนักเรียน ๒o แผนกที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีโอกาสสัมผัสและชื่นชมเอกลักษณ์แห่งผลงานศิลปาชีพ งานศิลป์ไทยที่สร้างสรรค์ด้วยฝีมือคนไทยซึ่งเป็นผลลัพธ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ความพากเพียร ฝีมืออันประณีต และคุณภาพอันเป็นเลิศ การร่วมกันสนับสนุนผลงานศิลปาชีพยังเป็นการร่วมกันพัฒนาและสืบสานศิลปะไทยและสังคมไทยแบบบูรณาการอย่างแท้จริง”






นิทรรศการครั้งนี้จัดแสดงผลงานชิ้นเอกจาก ๒o แผนก ได้แก่ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา, แผนกช่างจิตรกรรมประยุกต์, แผนกช่างปั้นตุ๊กตาชาววัง, แผนกช่างประติมากรรม, แผนกช่างเป่าแก้ว, แผนกช่างเจียระไนพลอย, แผนกช่างภาพกระจกสี, แผนกช่างเครื่องหนัง, แผนกช่างตัดเย็บเสื้อผ้าและปักจักร, แผนกช่างบาติก, แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขน, แผนกช่างบ้านทรงไทย, แผนกช่างปั้นดอกไม้ขนมปัง, แผนกช่างบรรจุภัณฑ์, แผนกช่างสานผักตบชวา, แผนกช่างศิลปะประดิษฐ์, แผนกช่างเครื่องเรือนหวาย, แผนกช่างเครื่องเรือนไม้, แผนกช่างเขียนภาพลายไทย และแผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน โดยเหล่าคณาจารย์และนักเรียนตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษขึ้นมากมาย รวมถึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่องานในครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งผลงานศิลป์ที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยมและชิ้นงานแนวร่วมสมัยหลากสไตล์






สำหรับงานศิลป์ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เริ่มจาก แผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน ได้รังสรรค์ “ภาพวาดสีน้ำมันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้าจักรี สิรินธร รัฐมีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” ชุดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศิลปะความงามครั้งยิ่งใหญ่ อันเกิดจากแรงบันดาลใจของศิลปินศิลปาชีพที่ตั้งใจรังสรรค์ผลงานขึ้นผ่านปลายพู่กัน ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจสะท้อนให้เห็นถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยได้อย่างซาบซึ้ง อีกทั้งผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะอันงดงามจากฝีมือนักเรียนในแผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน






อีกชิ้นงานเด่น ได้แก่ “ธ สถิตกลางดวงใจ” จาก แผนกช่างตัดเย็บเสื้อผ้าและปักจักร ศิลปะการปักผ้าที่รังสรรค์จากผ้าไหมโทนสีม่วงนำมาปักเป็นสีผีเสื้อตัวน้อยหลายร้อยตัวค่อย ๆ โบยบินเข้ารวมกลุ่มเป็นรูปหัวใจ โดยมีอักษรพระนามย่อ “สธ” อยู่ตรงกลาง แสดงถึงความที่พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ และ ธ สถิตอยู่กลางดวงใจของคนไทยทั้งชาติ






แผนกช่างศิลปะประดิษฐ์ อวดโฉม “พานพุ่มประยุกต์” งานหัตถศิลป์ที่ผู้ประดิษฐ์ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจจากพระกรุณาธิคุณใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของราษฎร โดยรูปแบบเป็นพานพุ่มทรงดอกบัวตูม พื้นหลังเป็นสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ พร้อมสลักอักษรพระนามย่อ “สธ”






แผนกช่างภาพกระจกสี นำเสนอ “กรอบรูปกระจกสีเทคนิคผสม” รังสรรค์ชิ้นงานระดับชั้นครูเป็นครั้งแรก ด้วยการใช้เทคนิคนำกระจกสีมายึดต่อให้ติดกันเป็นภาพ และรูปทรงตามที่ต้องการ และทำการหุ้มริมหรือขอบกระจกด้วยแถบทองแดง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะของศูนย์ศิลปาชีพฯ พร้อมนำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นศิลปะที่หาชมได้ยากและงดงามอย่างลงตัว






อีกทั้งนิทรรศการครั้งนี้ได้รวบรวมสุดยอดชิ้นงานอันทรงคุณค่าจากแผนกต่าง ๆ ได้แก่ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา นำชิ้นงานเลอค่ามาจัดแสดงและจำหน่ายที่ได้รวบรวมชิ้นงานประติมากรรม ๓ ชิ้น “กระทงสาย”, “ละลุ หนึ่งสองสาม” และ “หอยหมายเลขหนึ่ง” ประติมากรรมขึ้นรูปด้วยมือแนวร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสวยงามของธรรมชาติในการสร้างสรรค์ออกแบบผลงานให้มีความสวยงาม และทรงคุณค่าแห่งเอกลักษณ์ทางศิลปะหัตถศิลป์และวัฒนธรรมของชาติ นับได้ว่าเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยเทคนิคชั้นสูงตั้งแต่ขั้นตอนของการเขียนแบบ ขึ้นโครงรูปและการปั้น ตลอดจนการเผา ซึ่งต้องใช้ความคิด และความสามารถในการปั้นด้วยมือทั้งหมด จนออกมาเป็นผลงานอันงดงาม นอกจากนี้ทางแผนกยังนำชิ้นงานที่ได้จัดแสดงในเวทีนานาชาติมาจัดแสดงและจำหน่าย






แผนกช่างเป่าแก้ว มาพร้อมของตกแต่งที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอยในคอนเซ็ปต์ที่หลากหลาย นำผลงานชิ้นไฮไลต์อย่าง “ชุดราชรถ”, “แพะภูเขา” และ “ปี่เซี๊ยะ” โดยการนำเสนอความสง่างามและความอ่อนช้อยของรูปสัตว์ในวรรณคดี ผสานกับการเป่าแก้วให้ได้รูปทรง นำมาจัดวางบนฐานแก้วหล่อใหม่เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย สร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้ซื้ออีกทั้งเสนอความเป็นไทยด้วยการนำชิ้นงานมงคลระดับพรีเมียม ที่ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ










แผนกช่างเขียนภาพลายไทย ได้รังสรรค์ “ภาพคชสาร” ศิลปะลายรดน้ำลงรักปิดทอง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ประกอบลวดลายกนก ภาพพื้นภพ เหล่าพรรณพฤกษา และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ศิลปะการลงรักปิดทองถือเป็นสุดยอดแห่งงานประณีตศิลป์ช่างสิบหมู่ ซึ่งปัจจุบันมีศิลปินที่สืบทอดศิลปะโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยนี้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น การลงรักปิดทอง คือ การเขียนลวดลายหรือภาพบนพื้นรัก และนำมาปิดด้วยทองคำเปลว และล้างด้วยน้ำให้เกิดเป็นลวดลาย ซึ่งนับเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ และหาชมได้ยากยิ่ง






“เจ้าเงาะ” งานหัตถศิลป์จากแผนกช่างประดิษฐ์หัวโขน ตัวละครเอกในวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง นำมาดัดแปลงให้เป็นหัวโขนชิ้นงานที่นำเอาวัสดุธรรมชาติ สีสะดุดตา ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่คำนึงถึงคุณประโยชน์ของวัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาตินำมารังสรรค์ให้เกิดชิ้นงานอันวิจิตร ผนวกกับการใช้เทคนิคสมัยใหม่ขึ้นรูปหัวโขนด้วยการอัดลงแบบพิมพ์ ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรง อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

แผนกช่างบ้านทรงไทย เอาใจคนรักงานศิลป์ร่วมสมัยด้วย “ชิ้นงานศาลาพระมิ่งขวัญ” และ “ช่างบ้านทรงไทย” ผู้รังสรรค์ต้องการสื่อความหมายสถานที่ ที่มีความสำคัญอีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ผ่านการประดิษฐ์ชิ้นงานจำลองจากกระดาษแข็งแบบภาพเพอร์สเปกทีฟ และไม้สักทอง ทั้งกรอบรูปสามมิติ และแบบตั้งโต๊ะ โดยเน้นการใช้วัสดุอุปกรณ์จากธรรมชาติเป็นหลักเพื่อเพิ่มคุณค่าให้เนื้องาน อีกทั้งนำเอาสถาปัตยกรรมศาลาไทยภาคกลางมาจำลองได้อย่างครบถ้วนมาผสมกันได้อย่างลงตัว










แผนกช่างบรรจุภัณฑ์ เป็นการนำผลิตภัณฑ์ “กล่องเครื่องประดับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี” ผลิตภัณฑ์จากความตั้งใจ มาจัดแสดงและพร้อมจำหน่ายมาไว้ใจกลางกรุงเป็นครั้งแรก อาทิ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมไทย, กระดาษสา, กระดาษก้านกล้วย และกระดาษผักตบชวา เป็นต้น ทั้งนี้ผลงานทุกชิ้นประดิษฐ์ และถักทอด้วยมือจากช่างศิลปาชีพทั้งหมด มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเหมาะแก่การบรรจุใส่ของขวัญ ของให้แทนใจ หรือของอเนกประสงค์










แผนกช่างสานผักตบชวา ได้นำผลงานที่ทรงคุณค่าอย่าง “ผอบทรงรี” และ “ถาด” ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ผู้ประดิษฐ์ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เน้นความเรียบง่าย ซึ่งสามารถสร้างงานได้หลากหลายกรรมวิธี โดยชิ้นงานดังกล่าวเป็นการผสานกันระหว่างงานผักตบชวาและงานฝีมือเข้าด้วยกัน อีกทั้งกระเป๋าสุภาพสตรีลายบิด งานหัตถศิลป์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากช่างศิลปาชีพจากรุ่นสู่รุ่น ถักทอจากพืชอันทรงคุณค่าผนวกกับจินตนาการ เกิดเป็นกระเป๋าที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันสดใส เหมาะสำหรับสุภาพสตรี














แผนกช่างเครื่องหนัง นำชิ้นงาน “กระเป๋าสุภาพสตรีแบบหูหิ้ว” ศิลปหัตถกรรมที่มีรูปทรงอ่อนช้อยแบบไทยบวกกับวัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ หลากหลายสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของแผนก อีกทั้งแผนกช่างปั้นตุ๊กตาชาววัง ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ภายใต้ทฤษฎีพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาจัดแสดง “รำวงย้อนยุค” ศิลปะจากดินเหนียวที่นำมาถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มสาว จำลองออกมาเป็นภาพที่สะท้อนวันคืนเก่า ๆ ที่ผ่านมา ทำให้คิดถึงประเพณีของคนไทยที่มีแต่ความสนุกสนาน






ด้าน แผนกช่างเครื่องเรือนหวาย สร้างสรรค์ผลงานการตกแต่งบ้านอย่าง “เก้าอี้หวายพนักสูง” แนวคอนเทมโพรารีดีไซน์เท่ ที่มาพร้อมที่วางเท้า ทั้งหมดทำจากหวายธรรมชาติ ซึ่งนอกจากช่วยเติมความเป็นธรรมชาติให้กับทั้งการตกแต่งแบบเอาต์ดอร์ หรือเติมกลิ่นอายเท่ ๆ ให้กับบรรยากาศอินดอร์แล้ว หวายยังมีความยืดหยุ่น เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา เฟอร์นิเจอร์หวายจึงแข็งแรงและทนทาน ตอบโจทย์ทุกประโยชน์การใช้สอยอีกด้วย และแผนกช่างเครื่องเรือนไม้ นำเสนอ “ชุดรับแขกไม้ประดู่” เครื่องเรือนไม้ทรงโบราณที่ต้องใช้ความชำนาญรวมถึงเทคนิคสมัยใหม่ในการผลิต ทำจากไม้ประดู่บุนวมทั้งชุด นั่งสบายไม่ปวดเมื่อย สีสันสวยงาม และแข็งแรงทนทานมาจัดแสดงอีกด้วย










ภายในงานยังมีการสาธิตงานหัตถกรรมจากแผนกต่าง ๆ อาทิ การเขียนลายไทย, การเขียนลายเครื่องเคลือบดินเผา, แผนกจิตรกรรมประยุกต์ และแผนกภาพเขียนสีน้ำมัน ให้ชมฟรีอีกด้วย ขอเชิญผู้สนใจร่วมชมผลงานของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ และร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์งานศิลป์จากความตั้งใจของอาจารย์และนักเรียนศิลปาชีพ ในงาน “นิทรรศการ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง ๕-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ สยามพารากอน ตั้งแต่เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. โดยรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อบำรุงโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ ๔



นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ ๔ หัวข้อ สมเด็จพระเทพฯ ของชาวไทย
วันที่ : ๑๔ พฤษภาคม - ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘
สถานที่: ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๙
โดย บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ฝ่ายนิทรรศการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


นิทรรศการจัดแสดงผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจากการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก การประกวดศิลปกรรมช้างเผือกเกิดจากความตั้งใจอันดีของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาศิลปินไทยรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทางศิลปะอันโดดเด่น และส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าพร้อมนำเสนอต่อสาธารณชน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านศิลปะร่วมสมัยให้ขยายไปสู่การรับรู้ของสังคมในวงกว้าง อีกทั้งยังเป็นเวทีให้เหล่าศิลปินได้แสดงออกถึงศักยภาพในการสร้างสรรค์ศิลปะแบบเหมือนจริง (Realistic) และศิลปะรูปลักษณ์ (Figurative Art) ซึ่งยึดถือความเหมือนจริงเป็นแก่นสำคัญ


การดำเนินการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และดำเนินงานต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นประจำทุกปี สำหรับการจัดการประกวดครั้งนี้ล่าสุดในปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นครั้งที่ ๔ นี้ ใช้หัวข้อ “สมเด็จพระเทพฯ ของชาวไทย” เพื่อให้ศิลปินและผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ชื่นชมในพระอัจฉริยภาพและพระจริยาวัตรอันงดงาม เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB นิทรรศการ



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














สมเด็จพระเทพรัตน์ พระราชทานของสะสมส่วนพระองค์
จัดแสดงในนิทรรศการ "สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง"



พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์บ้านสวนปทุม จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเรื่อง “สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง” เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานที่ปรึกษาพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา และพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ได้ เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการครบ ๓ ปี ในการนี้ได้รับ พระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เปิดนิทรรศการ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชอัธยาศัยใฝ่ศึกษา และสนพระราชหฤทัยศิลปวิทยาการทุกสาขา ทั้งนี้เพราะทรงได้รับการปลูกฝังจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อเสด็จฯ เยือนสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก จึงทรงสะสมสิ่งของอันเป็นตัวแทนวัฒนธรรมและวิทยาการของชนชาติต่าง ๆ โดยสิ่งของเหล่านี้มีประโยชน์เพื่อการศึกษาและเป็นเครื่องเตือนความจำ ของสะสมส่วนพระองค์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนถึงปัจจุบันมีหลายประเภท มีทั้งของมีค่าและไม่มีมูลค่า แต่ทรงเก็บไว้เพราะมีความหมายทางสังคมและวัฒนธรรมแสดงถึงประวัติศาสตร์ของถิ่นต่าง ๆ และโปรดเกล้าฯ ให้คณะทำงานเก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์บ้านสวนปทุม จังหวัดปทุมธานี

ทั้งนี้ ปิยะวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ กล่าวถึงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง” ที่จัดขึ้นว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จัดแสดงผลงานศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนถึงปัจจุบัน และของสะสมส่วนพระองค์ ทั้งที่ทรงซื้อและมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญยิ่งที่ประชาชนทั่วไปจะได้ศึกษาหาความรู้เรื่องประเทศต่างๆ จากของสะสมของ สมเด็จพระเทพรัตน์ ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรม สังคม และประวัติศาสตร์ของประเทศเหล่านั้น โดยนิทรรศการประกอบด้วยเนื้อหา ๔ ส่วน ได้แก่ สะสมไว้ใช้เล่าเรื่อง, สะสมไว้ในระหว่างทาง, สะสมไว้ในราชพัสตรา และสะสมไว้ในหนังสือ นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ยังได้เรียบเรียงหนังสือประกอบนิทรรศการ “สะสมไว้ ใช้เล่าเรื่อง” ให้บุคคลทั่วไปได้ชื่นชมพระอัจฉริยภาพและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยนิทรรศการดังกล่าวเปิดให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา ๙.oo-๑๖.oo น. ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙.



















ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th
FB เรารัก "สมเด็จพระเทพฯ"














ศิลปินรวมใจ มอบศิลปะเพื่อประมูล
รายได้สมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก



พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน "ร้อยใจ สานศิลป์ สู่ถิ่นไทย" การประมูลงานศิลป์ ครั้งที่ ๕ ประจำปี ๒๕๕๘ จัดโดย ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ ประธานจัดงานฯ และหารายได้ และคณะกรรมการจัดงานฯ ร่วมกับกลุ่มศิลปินล้านนา สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และพันธมิตร จัดขึ้น เพื่อนำรายได้จากการประมูลทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย, โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา จังหวัดลำพูน, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รวมทั้งถวายแด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อทรงใช้สอยตามพระอัธยาศัย

โดยมี นาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย คฑา ชินบัญชร ประธานดำเนินงานฯ , สายสม วงศาสุลักษณ์ ผู้จัดการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา เฝ้ารับเสด็จ ณ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปาเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายวันที่ผ่านมา

โอกาสนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงตัดแถบแพร เปิดงาน "ร้อยใจ สานศิลป์ สู่ถิ่นไทย" อย่างเป็นทางการ จากนั้นทรงทอดพระเนตรผลงานศิลปะ ของกลุ่มศิลปินล้านนา และศิลปินทั่วประเทศ กว่า ๔oo ชิ้น

ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ ผู้บริหารโรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปาเชียงใหม่ ในฐานะประธานจัดงานฯ เผยว่า งานประมูลผลงานศิลปะ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ๒๕๕๔ เป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ ได้มีการปรึกษากับศิลปินล้านนาที่สนิทกัน ว่าอยากหารายได้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งต้องยอมรับในน้ำจิตน้ำใจของศิลปินทั้งหมดที่เขามอบผลงาน มาให้เราด้วยใจ ซึ่งในครั้งนั้นได้รวบรวมงานมาได้เกือบร้อยชิ้น โดยในครั้งแรกเงินจากการประมูลทั้งหมดได้สมทบมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เพื่อนำไปช่วยน้ำท่วม หลังจากนั้นได้จัดเป็นครั้งที่ ๒ เป็นการจัดงานประมูล เพื่อนำรายได้ไปสร้างวัดเมตตาพุทธาราม ประเทศอินเดีย ครั้งที่ ๓ จัดขึ้นเพื่อนำรายได้ไปบูรณะสร้างหุ้มทองยอดฉัตรเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ครั้งที่ ๔ เป็นการจัดงานประมูล เพื่อนำรายได้มอบให้โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา จังหวัดลำพูน และในครั้งนี้จะนำรายได้จากการประมูลทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย , โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา จังหวัดลำพูน, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

“จากการจัดงานครั้งแรก จนถึงครั้งนี้ มีความภูมิใจเป็นที่สุด เมื่อมองย้อนไปในครั้งแรก เป็นแค่งานเล็ก ๆ ในเชียงใหม่ แต่พอมาถึงวันนี้มีคนรู้จักทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมประมูลมากขึ้น นับเป็นสัญญาณที่ดีของศิลปินไทย เพราะโดยส่วนตัวชอบศิลปะไทย จึงอยากให้คนไทยร่วมกันสนับสนุน พร้อมเชิดชูผลงานของศิลปินไทยให้มากขึ้น”

ดร.ประสงค์ ลือเมือง หนึ่งในศิลปินที่นำภาพมาร่วมประมูล กล่าวว่า มีความยินดีที่จะเข้าร่วมงานประมูลในทุก ๆ ครั้ง เนื่องจากโครงการที่ทางศิริปันนาจัดขึ้น มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะนำเงินจากการประมูลมอบให้องค์กรต่าง ๆ เหมือนกับเป็นการคืนให้กับสังคม และยังเป็นการทำบุญร่วมกันอีกด้วย อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้คนหันมาสนใจศิลปะมากยิ่งขึ้น ซึ่งในครั้งนี้ตนได้นำภาพวาดแนวกึ่ง ๆ นามธรรม ชื่อ “ท่านอ้วน” เข้าร่วมประมูล โดยใช้เทคนิคสีน้ำมัน ซึ่งความหมายของภาพนี้ คือ เป็นคนมีใจอุดมสมบูรณ์ มีความรัก ความเมตตา เป็นคนมีความสุข ซึ่งมีต้นแบบมาจากพระสังกัจจายน์ และเทพเจ้าซิ่ว ของจีน ที่หมายถึง อายุยืน ผสมผสานเข้าด้วยกัน พร้อมกับมีตัวหนังสือที่มีลักษณะคล้าย ๆ ตัวหนังสือของจีน และญี่ปุ่น

ด้าน อ.สากล สุทธิมาลย์ อาจารย์ ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เล่าว่า ในฐานะของศิลปินที่ทำงานศิลปะ โอกาสที่จะได้ช่วยเหลือสังคมก็ตามกำลัง และความสามารถที่มีอยู่เท่านั้น เมื่อโอกาสเข้ามา ก็พร้อมที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างเต็มที่ โดยในครั้งนี้ได้นำภาพมาร่วมประมูล ถึง ๔ ภาพ ซึ่งใน ๓ ภาพนั้น จะเป็นภาพเขียนด้วยทราย ต้องใช้เทคนิค และทักษะการเขียนโดยพู่กัน ให้เป็นรูปทรงที่เราต้องการ ส่วนอีกหนึ่งชิ้นเป็น การเพ้นท์ด้วยสีน้ำมัน

ทั้งนี้ ผลงานศิลปะชิ้นเอกที่นำมาประมูล มีทั้งผลงานภาพจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ งานดุนโลหะ โดยศิลปินชื่อดังผู้มีผลงานศิลปกรรมอันโดดเด่นหลากหลายสาขาจากภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ อ.พิชัย นิรันต์ ศิลปินแห่งชาติปี ๒๕๔๖, อ.จรูญ บุญสวน, ดร.ประสงค์ ลือเมือง, อ.ลิปิกร มาแก้ว, อ.พรชัย ใจมา, อ.สากล สุทธิมาลย์, ทรงเดช ทิพย์ทอง, มิสสมัย ประทุมมัง, อ.อานันท์ ราชวังอินทร์, อ.จรูญ บุญสวน, ศรีใจ กันทะวัง, อ.ชัยวัฒน์ คำฝั้น, ลิขิต นิสีทนาการ เป็นต้น โดยยอดรวมจากการประมูลเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมจำนวนเงินได้ ๒,๑๕o,๑oo บาท ซึ่งภาพที่ถูกผู้มีจิตศรัทธาประมูลได้สูงสุดเป็นของ ดร.ประสงค์ ลือเมือง ในราคา ๒oo,ooo บาท



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














Emptiness and Wisdom



เดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ นี้ ขัวศิลปะ เชียงรายภูมิใจนำเสนอนิทรรศการศิลปะ Emptiness and Wisdom โดย สมลักษณ์ ปันติบุญ และอนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเซรามิค จากเครื่องปั้นดินเผาดอยดินแดงเชียงราย เรียนด้านเซรามิคกับอาจารย์ Twao Onuma และ Tarouemon Nakagato ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเรามักคุ้นเคยกับการแสดงงานเซรามิคของเขา แต่ในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่สมลักษณ์ นำผลงานจิตรกรรมเขียนหมึกจีนบนกระดาษสา มาจัดแสดงร่วมกับงานเซรามิค ชื่อชุดผลงาน “วาดความว่าง Painting Emptiness” “วาดเวลาว่าง” เผื่อถมเวลาว่างของตัวให้เต็ม เพื่อที่จะไม่ต้องว่าง หรือจะเป็นความว่างเปล่า ?

อนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี จิตรกร นักศิลปะบำบัด ศึกษาศิลปะ-ศิลปะบำบัดในแนวทางมนุษยปรัชญาในประเทศเยอรมัน มีผลงานจำนวนมากเกี่ยวกับการทำงานศิลปะตลอดช่วงเวลา ๑o ปี เขาเป็นผู้อำนวยการสถาบันศิลปะบำบัดในแนวทางมนุษยปรัชญาและมีสตูดิโอศิลปะด้านใน อยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ผลงานที่อนุพันธุ์ได้นำมาแสดงในครั้งนี้ชื่อ “ผีเสื้อทั้งผองยังท่องไป Butterflies are free, work twice” ซึ่งงานของเขาอยู่แนวทาง “ศิลปะสําแดงแห่งจิตวิญญาณ” (Spiritual Expression) โดยมีฮันส์ แฮร์มันน์ (Hans Hermann ค.ศ. ๑๙๒๒-๒oo๒) เป็นผู้วางรากฐาน ผลงานจิตรกรรมชุดนี้ของเขาจึงเป็นการ ‘อุทิศแด่แฮร์มันน์ผู้เป็นครูของเขา’

พิธีเปิดนิทรรศการ วันศุกร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ประธานในพิธีโดย อาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ณ ขัวศิลปะ เชียงราย

ขัวศิลปะเป็นองค์กรทางสังคมที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินชาวจังหวัดเชียงราย และคณะผู้สนับสนุนกองทุนศิลปินเชียงราย เพื่อจะเป็นดั่งสะพานที่เชื่อมศิลปะสู่สังคม เผยแพร่ผลงานศิลปะและสนับสนุนส่งเสริม การสร้างสรรค์งานศิลปะของศิลปินไทย ศิลปินเชียงราย รวมถึงศิลปินในระดับนานาชาติ นิทรรศการในครั้งนี้ จะนำผู้ชมสัมผัสถึงผลงานจิตรกรรมแนวนามธรรม ด้วยรอยพู่กันที่ตวัดฉับพลันและเส้นสีพลิ้วไหวเสมือนปีผีเสื้อบินเสรี จากสองศิลปินที่มีวิธีคิด การทำงาน การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน


นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๕-๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ห้องแสดงงานเปิดทุกวัน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น. (ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ artbridge.cr@gmail.com, //www.facebook.com/artbridgechiangrai, https://www.facebook.com/events/438246803017744/,



























ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














คอนเสิร์ตราชนารีสดุดี



เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบในปีนี้ มูลนิธิสุนทราภรณ์ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกันจัดงานคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ "ราชนารีสดุดี: เทิดพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ในวันเสาร์/อาทิตย์ที่ ๒๖-๒๗ มิถุนายนนี้ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เวลา ๑๔.oo-๑๗.oo น. เพื่อนำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนำทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลในมูลนิธิชัยพัฒนา

ในงานนี้ท่านจะได้พบกับวงสุนทราภรณ์วงใหญ่ บรรลงเคียงข้างวงดนตรีไทยในรูปแบบของ "ดนตรีสังคีตสัมพันธ์" ที่หาชมได้ยาก พร้อมศิลปินอาวุโสของสุนทราภรณ์ อาทิ รวงทอง ทองลั่นธม ศิลปินแห่งชาติ สุปาณี พุกสมบุญ วรนุช อารีย์ และศรวณี โพธิเทศ ตลอดจนการแสดงละครประกอบเพลงเรื่อง "ท้าวแสนปม" โดยคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ บัตรราคา ๕oo, ๘oo, ๑,ooo, ๑,๕oo, ๒,ooo และ ๒,๕oo บาท มีจำหน่ายที่ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ โทร. o๘๑- ๒๘๕-๑๔๒๗ หรือไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. o๒-๒๖๒-๓๔๕๖ พิเศษ!!!! สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรราคา ๑,ooo บาทขึ้นไปภายในเดือนเมษายนนี้ รับส่วนลด ๑o% พร้อมซีดีเพลงชุดเทิดพระเกียรติฯ ของวงสุนทราภรณ์



ภาพและข้อมูลจาก
FB พระราชวังพญาไท
FB ครีม ญานิกา แกล้วกสิกรรม














มัทนา ร้านขายของที่ระลึกพระราชวังพญาไท



พล.ท.นพ.ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ ประธาน และ พล.ท.นพ.สุปรีชา โมกขะเวส รองประธานมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกันทำพิธีเปิดร้าน "มัทนา" ร้านขายของที่ระลึกในพระราชวังพญาไท เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

โดยร้าน "มัทนา" คือชื่อนางเอกจากบทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เรื่อง "มัทนะพาธา" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานดอกกุหลาบและความเจ็บปวดจากความรัก ซึ่งเป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรในด้านเป็นยอดบทละครพูดคำฉันท์ และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี ๑oo เล่มที่คนไทยควรอ่านประเภทบันเทิงคดีอีกด้วย ส่วนภายในร้าน "มัทนา" จำหน่ายของที่ระลึก อาทิ เข็มพระบรมราชสัญลักษณ์วชิราวุธ ปากกา นาฬิกา แก้วน้ำ กระบอกน้ำ เนคไท ผ้าพันคอ กระเป๋าผ้า ร่ม ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อนำรายได้มาสมทบทุนบูรณะพระราชวังพญาไทฯ



























ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
lovethailand.biz














ความฝันของเสนีย์



“เสนีย์ แช่มเดช” จิตรกรหนุ่มใหญ่ชาวนครสวรรค์ ผู้กำลังอยู่ใน “วัยทอง” หมายถึงชีวิตการทำงานศิลปะของเขา มาถึงช่วงเวลาที่สวยงาม

เขายึดมั่นในแนวนามธรรม Abstract มาตลอด โดยเขาสนใจสภาวะธรรมชาติ ทั้งภายในและภายนอก

“ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทั้งหลายในห้วงจินตนาการที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย ทั้งรูป ทั้งนาม ในที่สุดแล้วก็เป็นสุญญตานั่นเอง”

ในวัยห้าสิบต้น มองโลกผ่านสายตาศิลปะ ก้าวย่างบนหนทางสร้างสรรค์ ผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่ในฐานะ จิตรกร แอ๊บสแตรค ตัวจริง ที่ไม่เคยวอกแวก หวั่นไหวในแนวทาง

ประวัติการทำงานที่ช่ำชอง โชกโชน ทั้งแสดงเดี่ยวและกลุ่ม ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ นับแต่จบจากศิลปากร

แสดงเดี่ยวครั้งสำคัญ “ลมหายใจแห่งธรรมชาติ” ที่ห้องศิลปะนิทรรศมารศรี วังสวนผักกาด กรุงเทพฯ

“แก่นแท้แห่งธรรมชาติ” หอศิลป์ที่ศิลปากร วังท่าพระ

“วิถีชีวิตบนศิลปะ”

“ธรรมชาติแห่งชาติ” ณ อาเนนิเย อาร์ต กรุงเทพฯ

การแสดงกลุ่มในนาม “๔ ทัศนะ” (Four vision) ร่วมกับเพื่อนศิลปิน ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปกรรมสร้างสรรค์สังคมในโอกาส และวาระต่าง ๆ ร่วมกับองค์กร หน่วยงานต่างๆ สม่ำเสมอ

ล่าสุดผมได้พบและพูดคุยกับเขา โดยนัดเจอกัน ณ ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนครสวรรค์ จิตรกรผู้สร้างสรรค์ “จินตามยปัญญาแห่งนามธรรม” ได้พูดคุยถึงความฝันของเขา

ขณะที่เพื่อนพ้องจิตรกร ต่างมีอาณาจักร ความฝันของตนเอง โดยสร้างหอศิลป์เก็บรักษาแสดงงานศิลปะ จัดกิจกรรม เสนีย์ แช่มเดช ยังคงเก็บรักษาชิ้นงานจิตรกรรมของเขา ไว้ในความใฝ่ฝัน

ขณะที่เขามุ่งมั่นสร้างสรรค์งานออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ พร้อมกับจัดกิจกรรมทางศิลปะ ร่วมกับองค์กร หน่วยงาน ชุมชน ท้องถิ่น ใจเขามีเป้าหมายอยู่ที่การเผยแพร่ เผยแผ่ “ศิลปะศาสน์” สู่เหล่าเยาวชน โครงการกิจกรรม “ย้อนรอยเมืองเก่าเวสาลี” ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มิถุนายนนี้ ณ เมืองเก่าเวสาลี ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ถิ่นแดนที่มีตำนานอารยธรรมทวารวดี คืออีกหนึ่งโครงการที่จะสำแดงนามธรรม แห่งอุดมคติให้ปรากฏเป็นรูปธรรม โดยหวังผลแก่เด็กและเยาวชนในท้องถิ่น โดยทางจังหวัดได้กำหนดให้อำเภอไพศาลีเป็นผู้จัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรม และธรรมชาติ บุคลากรในท้องถิ่นคือผู้ขับเคลื่อนโครงการ เสนีย์ แช่มเดช จิตรกรผู้ใฝ่ฝันจะหวนกลับบ้านเกิดเพื่อปลุก และปลูกต้นกล้าศิลปะในหัวใจของเด็กๆ และเยาวชน

งานจิตรกรรมแนว “นามธรรม” (Abstract) ของเขาเติบโต งดงาม บนผืนแผ่นดินแห่งศิลปะร่วมสมัยของประเทศชาติ และความใฝ่ฝันของเขา ปรารถนาที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์ศิลปะบนผืนแผ่นดินถิ่นเกิด

ยังมีศิลปินจิตรกรร่วมสมัยอีกหลายคน หวนคืนสู่มาตุภูมิ เพาะหว่าน ปลูกฝันความใฝ่ฝันของพวกเขา นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พลังของศิลปะ ได้เคลื่อนไหวออกจากกรอบสี่เหลี่ยม ลงสู่ผืนแผ่นดิน สัมพันธ์กับคนในท้องถิ่นชุมชน

เสนีย์ แช่มเดช เป็นอีกหนึ่งศิลปินจิตรกรที่มุ่งมั่น

“เวลาในชีวิตที่เหลือ ผมอยากทุ่มเท ไถ ดำ หว่าน เมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าศิลปะ สู่เหล่าเยาวชน”

เขาคือ เสนีย์ แช่มเดช











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














วาดฝัน วันว่าง



โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ขอเชิญทุกท่านร่วมงานนิทรรศการ “วาดฝัน วันว่าง” กับการรวมตัวของ ๙ ศิลปินที่ใช้เวลาว่างสร้างสรรงานศิลปะ ด้วยแรงบันดาลใจที่มาจากสิ่งใกล้ตัว ถ่ายทอดผ่านปลายพู่กัน ดื่มด่ำไปกับ ภาพเขียนที่สะท้อนถึงอารมณ์ ความลึกซึ้ง อาทิ สวนสวยในรั้วบ้าน สุนัขที่ฉันรัก อิสระภาพของฝูงปลา รื่นรมย์พงไพร เป็นต้น ทั้งสีน้ำ สีอะคริลิค และสีน้ำมัน กว่า ๑oo ภาพ นำโดย อาจารย์พรชัย เลิศธรรมศิริ ตัวแทนกลุ่มศิลปินผู้เชี่ยวชาญในแวดวงศิลปะ ร่วมด้วย จุไรทิพย์ พลชัย ฉวีพันธุ์ ฮันตระกูล ชุติมา พลชัย วราภาร์ ทวีสิน วาสุณี เตียวตรานนท์ นภาพร ศรจิตติ มณีดวง โปษะกฤษณะ รัตนาวดี เสนาดิสัย และศิลปินรับเชิญ วรรณวิสา แคล้วเคลื่อนโดยได้รับเกียรติจาก มรว.วรรณาภรณ์ ศุขเนตร เป็นประธานกิตติมศักดิ์เปิดงานในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น.เป็นต้นไป ณ บริเวณล็อบบี้ชั้น ๑-๒ ของโรงแรม รายได้ ๒o% มอบให้กับมูลนิธิสถาบันแสงสว่าง โดยงานจะจัดแสดงและจำหน่ายภาพเขียนตั้งแต่วันที่ ๔- ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘


กำหนดการ
พิธีเปิดงานนิทรรศการ “วาดฝัน วันว่าง”
ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น.
ณ บริเวณล็อบบี้ชั้น ๑- ๒ ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส

๑๗.oo – ๑๗.๓o น. แขกผู้ร่วมงานลงทะเบียน ณ บริเวณล็อบบี้ ชั้น ๑
๑๗.๓o – ๑๘.oo น. Foggy Color water โชว์เทคนิคฟ๊อกกี้ โดยอาจารย์พรชัย เลิศธรรมศิริ
พร้อมเปียโนบรรเลงจากน้อง ๆ มูลนิธิสถาบันแสงสว่าง
๑๘.oo - ๑๘.๔๕ น. พิธีเปิดงานนิทรรศการโดย มรว.วรรณาภรณ์ ศุขเนตร
กล่าวต้อนรับศิลปินโดย แมทธิว เรโนลด์ ผู้จัดการทั่วไป
ถ่ายภาพร่วมกัน ( ชมนิทรรศการภาพเขียนตามอัธยาศัย )
๑๘.๔๕ น. ตัดริบบิ้นชั้น ๒ พร้อมร่วมชมงานนิทรรศการ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. o๒-๒๑๖-๓๗oo ต่อ ๒o๖๔๓-๗
E-mail: wannalak@pprincess.com or visit //www.pprincess.com

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส
จุฬดา แม่นปืน สุพรรณษา คุ้มบุ่งค้า
อรทัย แป้นใหญ่ วรรณลักษณ์ ใจบุญ































ภาพและข้อมูลจาก คุณวรรณลักษณ์ ใจบุญ โรงแรมปทุมวัน พรินเซส













Detour of The Ego



หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพร่วมมือกับเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย (La Fête 2015) จัดแสดงนิทรรศการ อัตตะ ลังเล ( Detour of The Ego ) เป็นนิทรรศการภาพถ่ายเชิงทดลองในลักษณะจัดวางกับพื้นที่ เล็ก เกียรติศิริขจร พยายามหาความเป็นไปได้ในการส่งผ่านความคิดของเขาสู่ผู้รับสาร ซึ่งในกรณีนี้นั้น เล็กคิดว่ามันค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายในระนาบสองมิติเพียงอย่างเดียว เขาจึงพยายามจัดวางและจัดการงานภาพถ่ายของเขาในรูปแบบที่สามารถจะส่งผ่านความคิดของเขาสู่ผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ารูปแบบที่เขาเคยนำเสนอมา

ในนิทรรศการเชิงทดลองนี้ เล็กไม่ต้องการจะพูดถึงเรื่องราวในผลงานภาพถ่ายที่เขาสร้างขึ้นในระหว่างการพำนักในเมืองปารีสเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการพูดถึงประสบการ์ณของเขาที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา ๓ เดือนของการได้รับทุนสนับสนุนการทำงาน ซึ่งประสบการ์ณเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนที่สัมพันธ์กันทางกายภาพ แต่มันเกิดขึ้นต่อเนื่องกันและเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เล็กคิดทบทวนเกี่ยวกับวิธีคิดในการใช้ชีวิตและการทำงานของเขา เล็กจึงต้องการบันทึกประสบการณ์ทางกายภาพที่ส่งผลกระทบทางความคิดของเขาในครั้งนี้ไว้ในรูปแบบของนิทรรศการ เพื่อเป็นเครื่องเตือนความจำในการเปลี่ยนผ่านทางความคิดของตัวเขาเอง

“เล็ก” ได้รับทุนสนับสนุนโครงการพำนักศิลปินนานาชาติแห่งกรุงปารีส เป็นระยะเวลา ๓ เดือน จากสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยและ Institut français ในปี ๒๕๕๗


Exhibition : Detour of The Ego
Artist : Lek Kiatsirikajorn
Dates: 12 June – 4 July 2015
Venue: Bangkok University Gallery (BUG), City Campus
Bangkok University Gallery (BUG) ==> //www.facebook.com/events/971554552877206/
La Fête 2015 ==> //www.facebook.com/lafete.festival?fref=ts











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 03 มิถุนายน 2558
0 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2558 23:57:35 น.
Counter : 4504 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.