happy memories
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๑๒





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










กองทัพบกจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์เพื่อเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทย



„“อุทยานราชภักดิ์” นั้นก็เพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณพระมหากษัตริย์แห่งสยามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้ทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติทั้งในยามรบและยามสงบ วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑o.๒๙ น.


หากเอ่ยถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์” นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นสถาบันสูงสุดที่ประชาชนชาวไทยทุกคนให้ความเคารพ และเทิดทูนไว้เหนือเกล้าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พสกนิกร ทรงเป็นพระประมุขของชาติ เป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี และทรงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนอย่างสูงยิ่งของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ






จากนโยบายหลัก ๑๒ ประการที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบกให้ไว้กับกำลังพลของกองทัพบกโดยนโยบายหลักที่สำคัญที่สุดคือ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงได้ก่อเกิดแนวคิดจัดสร้าง อุทยานประวัติศาสตร์บริเวณพื้นที่กองทัพบกใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน ๒๒๒ ไร่ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างและพระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์” ที่มีความหมายว่า อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์


โดยวัตถุประสงค์ของการจัดสร้าง “อุทยานราชภักดิ์” นั้นก็เพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณพระมหากษัตริย์แห่งสยามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้ทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติทั้งในยามรบและยามสงบโดยทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์นำมาซึ่งความเจริญและความเป็นปึกแผ่นของชาติไทยจวบจนปัจจุบัน






นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศในโอกาสที่มาเยือนกองทัพบกอย่างเป็นทางการรวมถึงใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำหรับกำลังพล และครอบครัวของกองทัพบกรวมถึงนักเรียนทหารตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้ามาทัศนศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยซึ่งจะนำไปสู่การสร้างจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย“


สำหรับองค์ประกอบหลักของ “อุทยานราชภักดิ์” ประกอบไปด้วย ส่วนที่ ๑ คือ ส่วนของพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จำนวน ๗ พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในอิริยาบถทรงยืน ความสูง ๑๓.๙o เมตร หล่อด้วยโลหะสำริด






กองทัพบกได้ขอความร่วมมือจากกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบและปั้นพระบรมรูปต้นแบบ ส่วนท่ี ๒ คือพื้นที่ลานอเนกประสงค์ ประมาณ ๙๑ ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีสำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศและ ส่วนที่ ๓ คือพิพิธภัณฑ์ หรือห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ บริเวณด้านล่างฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ส่วนอีก ๑๒๖ ไร่ เป็นสภาพภูมิทัศน์โดยรอบและจัดสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก


ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมาพระมหากษัตริย์ของไทยทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรมทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกรทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ บางพระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญ และเสียสละ






อาทิ… สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชบางพระองค์ได้ทรงดำเนินวิเทโศบายที่ชาญฉลาดทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้อย่างเช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเห็นได้ว่าชาติไทยของเรามีการวิวัฒนาการมาตั้งแต่เริ่มรวมชาติรวมแผ่นดินก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่อดีตจนมาเป็นประเทศชาติทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์


และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้มีโอกาสร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้าง “อุทยานราชภักดิ์” ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนยกย่อง และประกาศเกียรติคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่ออนุชนรุ่นหลังกองทัพบกขอเชิญร่วมบริจาคโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทหารไทย สาขากองบัญชาการกองทัพบก ชื่อบัญชี “กองทุนสวัสดิการกองทัพบก” บัญชีกระแสรายวันเลขที่ o๗๗-๑-o๗ ๔๗๔-๗ สามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้.“



ภาพและข้อมูลจาก
dailynews.co.th














ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ "คีตราชนิพนธ์ฯ"



ซาบซึ้งและตราตรึงในดวงใจไทยทั่วหล้า ที่ได้เข้าชมโครงการภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์” ซึ่ง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดขึ้น โดยหัวเรือใหญ่ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ ได้จัดรอบปฐมทัศน์ เชิญชวนผู้คนในแวดวงสังคมและวงการบันเทิงกว่าพันคน อาทิ ศักดิ์ทิพย์-ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์, คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์, พรวุฒิ สารสิน, ดอยธิเบศร์ ดัชนี, ดวงแก้ว ภักดีภูมิ, บุษกร วงศ์พัวพันธ์, ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ฯลฯ ร่วมชมภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติสุดยิ่งใหญ่ ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อเร็ว ๆ นี้






งานนี้ ๔ ผู้กำกับภาพยนตร์มือฉมังของเมืองไทย ได้แก่ นนทรีย์ นิมิบุตร, วัลลภ ประสพผล, ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ และ ยงยุทธ ทองกองทุน ได้มาถ่ายทอดความประทับใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญ พร้อมด้วย ๔ นักร้องดังมาร่วมขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ “ความฝันอันสูงสุด” ขับร้องโดย สหรัถ สังคปรีชา, “ชะตาชีวิต” ขับร้องโดย ธนิดา ธรรมวิมล (ดา เอ็นโดรฟิน), “สายฝน” ขับร้องโดย อัญชลี จงคดีกิจ และ “ยิ้มสู้” ขับร้องโดย ศิลปินเก็ตสึโนวา (Getsunova) ออกมาเป็นหนังสั้นที่ดูแล้วสุดแสนประทับใจ สามารถนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการคิดและปฏิบัติตนเป็นคนดีในสังคมต่อไป.







ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th














มูลนิธิมนตรีฯ เผยแพร่เพลง 'วันเกิด' ฉบับไทย



มูลนิธิมนตรี ตราโมท แถลงข่าวโครงการเผยแพร่เพลงวันเกิด (ทางไทย) ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดโดยมูลนิธิมนตรี ตราโมท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานเอกชน เพื่อสร้างความคุ้นเคยด้านดนตรีไทยแก่ประชาชน และเผยแพร่เพลงวันเกิดในภาษาไทยเป็นทางเลือกจากเพลงภาษาอังกฤษที่ใช้กันแพร่หลายตามความต้องการของสำนักงานเอกลักษณ์ชาติสำนักนายกรัฐมนตรี






เพลงวันเกิด (ทางไทย) ประพันธ์เนื้อร้องโดยท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องเพลงที่ชาวไทยรู้จักกันดีหลายเพลงเช่น เพลงค่ำแล้ว, เพลงลมหนาว ขณะที่ทำนองเป็นทำนองจากเพลงโสมส่องแสง ท่อน ๑ ประพันธ์โดยครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ คาดว่าประพันธ์ก่อนหน้าปีพ.ศ. ๒๕๒๔


เพลงวันเกิด (ทางไทย) บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีไทย เครื่องดนตรีพื้นบ้าน และเนื้อร้องภาษาท้องถิ่นภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ โครงการได้รับความร่วมมือจากศิลปิน และบุคลากรจากวงการต่างๆผลิตเป็นวีดีโอเผยแพร่ทางช่องทางต่าง ๆ



ภาพและข้อมูลจาก
matichon.co.th














สร้างสะพานบุญจากผืนผ้าใบ



“ตอนมีคนมาขอของบริจาคในช่วงน้ำท่วมเชียงใหม่ ผมก็พูดไปจากใจว่า ศิลปินเราวัน ๆ ก็มีแต่รูปวาดไม่มีเงิน ไม่มีข้าว สิ่งของ หรือเงินติดตัวจำนวนมากมายนัก.... นั่นเป็นการจุดประกายให้เกิดการประมูลผลงานศิลปะขึ้น ซึ่งเปลี่ยนงานที่เราทำกันอยู่ทุกวันเป็นเงินบริจาคช่วยเหลือสังคมได้มากมาย” คำพูดถึงจุดเริ่มต้นโครงการ “ร้อยใจ สานศิลป์ สู่ถิ่นไทย” ที่ อ.พรชัย ใจมา ศิลปินรางวัลศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี ๒๕๔๘ เล่าด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางภาพวาดจากเพื่อนศิลปินกว่า ๔oo ชิ้นที่พร้อมใจส่งเข้ามาร่วมประมูลในโครงการต่อเนื่องครั้งที่ ๕ ประจำปี ๒๕๕๘ ภายในโรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่ ที่ร่วมกับกลุ่มศิลปินล้านนา สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และพันธมิตร


โดยภายในได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมาทรงเปิดงาน รายได้จากการประมูลทั้งหมดในปีนี้มอบสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา จังหวัดลำพูน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายเเดน และถวายแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อทรงใช้สอยตามพระอัธยาศัย โดยปิดการประมูลไปเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม รวมจำนวนเงินได้กว่า........ ภาพที่ถูกประมูลได้สูงสุดเป็นของ ดร.ประสงค์ ลือเมือง ในชื่อ “ท่านอ้วน” ถูกนักสะสมประมูลไปที่ราคา ๒oo,ooo บาท






ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ ผู้บริหารโรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจากตอนน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี ๒๕๕๔ แรกเริ่มเป็นเพียงการรวบรวมสิ่งของบริจาค อาหารต่าง ๆ ให้ผู้ประสบภัย โดยต้องยอมรับในน้ำจิตน้ำใจของศิลปินทั้งหมดที่บอกกับเราว่าเขามีเงินช่วยน้อย แต่พวกเขามีรูปวาดที่ขายเป็นเงินช่วยเหลือได้ ทำให้เรานึกถึงการประมูลในปีแรกมีเวลาจัดงานกัน ๒ อาทิตย์ อ.พรชัย ได้รวบรวมผลงานจากศิลปินล้านนามาได้เกือบร้อยชิ้น บางผลงานมีราคาแพงมากศิลปินก็มอบให้เราไปประมูลในเวลานั้นโดยไม่คิดอะไร เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งไปสมทบมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากช่วยน้ำท่วม ก็มีโครงการต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ปีที่ ๒ ได้จัดงานประมูลเพื่อไปสร้างวัดเมตตาพุทธาราม ประเทศอินเดีย ปีที่ ๓ นำรายได้ไปบูรณะสร้างหุ้มทองยอดฉัตรเจดีย์ที่พุทธคยา ปีที่แล้วนำรายได้ให้โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา จ.ลำพูน และครั้งนี้ได้แบ่งให้ ๓ มูลนิธิข้างต้น นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางการสนับสนุนน้อง ๆ ศิลปินที่กำลังเติบโตได้มีช่องทางแสดงผลงานพัฒนาฝีมือด้วย






ในวันแรกของงานประมูลปี ๒๕๕๘ ทั้งผลงานภาพจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ งานดุนโลหะ ถูกวางเรียงในห้องจัดเแสดงอย่างหลากหลายไม่แบ่งชั้น หนึ่งในนั้นมีของ อ.พรชัย กับภาพ “วัดเชียงมั่น” งานวาดเส้นดินสอลงทองคำเปลว แปะด้วยเม็ดข้าวเป็นลายเส้นร่วมสมัยวาดขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ สมัยที่ยังเรียนวาดภาพที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นผลงานทรงคุณค่าบอกเล่าทั้งวัฒนธรรมและย้อนกาลเวลาได้อย่างสมบูรณ์ อาจารย์บอกว่าเลือกภาพเก่ามาโดยไม่นึกถึงเรื่องมูลค่าที่ได้รับเพราะศิลปินในที่นี้จะรับรู้อีกมุมคือการเขียนรูปให้สังคม


“งานประมูลทุกปีเรารับงานของทุกคน จะเป็นศิลปินจากภาคอื่น ศิลปินหน้าใหม่ นักเรียนนักศึกษา หรือประชาชนทั่วไปที่มีน้ำจิตน้ำใจสนใจวาดภาพมาร่วมประมูลเราก็รับทั้งหมด ขอให้เจ้าของผลงานสบายใจว่าเป็นงานที่วาดให้เพื่อทำการกุศลในครั้งนี้ หากเมื่อก่อนพูดถึงการซื้อภาพเขียนเราจะนึกไปว่ารูปต้องเป็นหมื่น เป็นล้าน ศิลปะเลยถูกตัดขาดออกจากสังคม มองเป็นเรื่องของคนกลุ่มนักสะสม คนมีเงินจริง ๆ ที่จะได้มาจับจองงานศิลป์ แต่งานนี้เราเริ่ม ๑,ooo บาท ใครก็ซื้อได้ ได้ทำบุญด้วย ที่สำคัญผู้เข้าชมจะได้จดจ้องงานศิลป์นานขึ้น บางชิ้นมีข้อสังเกตว่าทำไมคนต้องสนใจงานชิ้นนี้ ได้รู้ว่าศิลปินที่วาดคือใคร ทำไมมีราคาทั้งที่ศิลปินนั่งเขียนอยู่วันสองวันทำไมประมูลได้เป็นหมื่นเป็นแสน เท่านี้ผู้คนก็ได้ซึบซับศิลปะไปเรื่อย ๆ” อ.พรชัยกล่าวเพิ่มเติม






อีกหนึ่งศิลปินที่นำผลงานเข้าร่วมประมูล ชัยวัฒน์ คำฝั้น หยิบภาพสีอะคริลิกในชื่อ “พญานาค” ลงสีขาวดำมองมีมิตินูนต่ำชวนหลงใหล โดยศิลปินตั้งใจสื่อถึงตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ของชาวล้านนา และสะท้อนศิลปะของภาคเหนือที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนในเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ โดย ชัยวัฒน์ ให้ข้อสังเกตว่า นอกจากงานประมูลครั้งนี้จะได้เป็นการชักชวนศิลปินมาร่วมบุญร่วมกันแล้ว ยังเป็นพื้นที่พรีเซนต์งานศิลป์ของแต่ละคน ผู้คนจะได้เห็นในสิ่งที่แต่ละคนทำเติมเต็มความรู้สึกต่าง ๆ ในตัวเองเพราะรูปวาดเป็นความสุขที่จับต้องไม่ได้แต่สัมผัสได้ด้วยสายตา ส่วนของศิลปินเองก็จะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับศิลปินคนอื่น ๆ ที่มีผลงานในแนวทางเดียวกัน หรือต่างกันสุดขั้วพร้อมพัฒนาฝีมือให้ไปได้ไกลมากขึ้น



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














นิทรรศการฉลองครบรอบ ๑oo ปี หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร



ด้วยองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องให้ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในโอกาส ๑oo ปี ชาตกาล ปี ๒๕๕๘ ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นด้านสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาชุมชน และการศึกษาด้านวัฒนธรรม ทางมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร จึงจัดงาน “ฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” เพื่อถ่ายทอดชีวประวัติ และผลงานของ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ให้เป็นตัวอย่างที่ดีสู่คนรุ่นหลังต่อไป โดยมีสมพร เทพสิทธา ประธานมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร และรองประธานคณะกรรมการจัดงานฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาลฯ พร้อมด้วย นรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และรองประธานคณะกรรมการจัดงานฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาล, สาวิตรี บริพัตรณ อยุธยา ประธานฝ่ายจัดนิทรรศการชีวประวัติ และผลงานหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในกรุงเทพฯ ร่วมแถลงข่าวณ กระทรวงการต่างประเทศ






สมพร เทพสิทธา ประธานมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร และรองประธานคณะกรรมการจัดงานฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาลฯ กล่าวว่า เนื่องจาก หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เป็นบุคคลดีเด่น เป็นผู้เสียสละ และเป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อชาวโลกและผู้ด้อยโอกาส ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่นต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการสื่อสารและวัฒนธรรม รวมทั้งการสนับสนุนสวัสดิภาพของสังคมโดยรวม ซึ่งผลงานของท่าน มีมากมายหลายสาขา อาทิ ด้านสื่อสารมวลชน ในการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายสัปดาห์ฉบับแรกของประเทศไทย ถือว่าเป็นการพัฒนาอันสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการวารสารศาสตร์สมัยใหม่ในประเทศไทยในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมไปถึงผลงานสำคัญด้านสนับสนุนบทบาทสตรี เป็นประธานสภาสตรีระหว่างประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๒ ซึ่งเป็นสตรีไทยคนแรกและคนเดียว และสตรีเอเชียคนที่สอง ที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้ ในรอบ ๑๒๗ ปี





สมพร เทพสิทธา ประธานมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร



นอกจากนี้ ยังมีผลงานด้านพัฒนาผู้ด้อยโอกาส โดยก่อตั้งมูลนิธิหลายสถาบัน อาทิ มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน เป็นต้น องค์การยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เป็นบุคคลสำคัญของโลก นับเป็นความภาคภูมิใจ เป็นเกียรติ นำชื่อเสียงมาสู่คนไทยและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ทางคณะกรรมการจึงจัดงาน “ฉลอง ๑oo ปีชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ขึ้น


“ทั้งนี้ อยากให้สตรีไทยได้ภาคภูมิใจว่า ประเทศไทยเรานี้มีสตรีที่มีความรู้ ความสามารถระดับโลก อยากให้มองท่านเป็นตัวอย่าง และเป็นอีกแรงบันดาลใจให้กับสตรีไทยทุกคน ได้พัฒนาตนเองให้มีคุณค่า ทำงานด้วยความเสียสละ ดำรงตนอย่างมีคุณธรรม อย่างที่ท่านได้เคยทำไว้ในอดีต”


ด้าน นรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และรองประธานคณะกรรมการจัดงานฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาล เผยถึงกิจกรรมงาน “ฉลองครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาล ว่า มีการจัดมอบรางวัล “๑oo ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ในปี ๒๕๕๘ แก่ผู้มีผลงานดีเด่นที่ได้รับการยกย่องและมีผลสำเร็จดียิ่งทางด้านการศึกษา และการสื่อสารมวลชน ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม และจริยธรรม และด้านการพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิต โดยในโอกาสนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ องค์ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิอนุสรณ์ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เสด็จประทานรางวัล ในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๓o น. ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำหนังสือที่ระลึก ๑oo ปี สดุดี หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก “งามจิตต์ A Princess with a Heart of Gold” และจัดทำตราไปรษณียากรที่ระลึก “๑oo ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” โดยจำหน่ายในราคาดวงละ ๓ บาท และเป็นชุด ๔ ดวง ๑oo บาท ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงการจัดประกวดบทความยกย่องหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เป็นต้น





ตราไปรษณียากรที่ระลึก “๑oo ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก”



ขณะที่ สาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา ประธานฝ่ายจัดนิทรรศการชีวประวัติ และผลงานหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตรในกรุงเทพฯ เผยถึงนิทรรศการว่า นิทรรศการนี้ได้แบ่งเป็น ๔ ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นการจัดแสดงสัญลักษณ์งานฉลองครบ ๑oo ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ส่วนที่ ๒ เป็นการจัดแสดงชีวประวัติ และผลงานหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร พร้อมจำหน่ายของที่ระลึก ส่วนที่ ๓ จัดแสดง ๕o ภาพประทับใจ และพื้นที่แสดงหัตถกรรม ส่วนที่ ๔ นำเทคโนโลยี โฮโลแกรม เข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับนิทรรศการ ให้เสมือนว่ามีหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร มาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำงาน พร้อมจัดแสดงคำนิยมจากเจ้านาย และเกียรติคุณของหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร สตรีไทยคนแรก และคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาสตรีระหว่างประเทศขององค์การยูเนสโก โดยจะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
princessngarmchit.org














มหกรรมการแสดงพื้นบ้านโนราครั้งยิ่งใหญ่ "สืบสานศิลป์ถิ่นโนรา"



กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอเชิญชมมหกรรมการแสดงพื้นบ้านครั้งยิ่งใหญ่ นำร่องจัดแสดงขับซอ โนรา ลิเก หมอลำ และอุปรากรจีน ให้ประชาชนใน ๔ ภูมิภาคทั่วประเทศได้ชื่นชม ร่วมสืบสานศิลปะการแสดง ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ขยายโอกาสเพิ่มรายได้ให้ศิลปิน สร้างความคักคักให้เศรษฐกิจ ในระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง สิงหาคม ศกนี้






วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดงานแถลงข่าว การจัดงานมหกรรมการแสดงพื้นบ้าน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินท้องถิ่น โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และนางฉวีวรรณ พันธุ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (หมอลํา) พุทธศักราช ๒๕๓๖ ร่วมแถลงข่าว ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย






นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้นโยบายด้าน ศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และความเป็นไทย นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดี ในระดับประชาชน ระดับชาติ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ ตามวิสัยทัศน์คือการสร้างความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ให้กับประเทศ จึงได้เร่งผลักดันโครงการรณรงค์ในการส่งเสริมความเป็นไทย วิถีไทย โดยเฉพาะศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ที่งดงามและแสดงถึงอัตลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถิ่นของประเทศ






วธ.จึงได้ดำเนินการจัดงาน“มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินท้องถิ่น” โดยนำร่องใน ๕ ศิลปะการแสดงยอดนิยม ได้แก่ ขับซอ โนรา ลิเก หมอลำ และอุปรากรจีน ที่จะจัดการแสดงกันอย่างยิ่งใหญ่มีศิลปินคณะต่าง ๆ มาแสดงให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม จุใจ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ศิลปินพื้นบ้านจะได้มาโชว์ผลงานกันอย่างให้เต็มที่เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม อันจะทำให้เกิดการว่าจ้างไปแสดงในโอกาสต่าง ๆ ต่อไป จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ชุมชน และประเทศ และยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมด้วย นายวีระ กล่าว






ส่วนรายละเอียดการแสดงที่จัดในงานมหกรรมนี้ นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า มีการจัดแสดงใน ๕ ประเภท ประกอบด้วย มหกรรมลิเก เสน่ห์พื้นบ้านไทย , การขับซอ สืบสานภูมิปัญญาล้านนา , มหกรรมโนรา สืบสานศิลป์ถิ่นโนรา , มหกรรมหมอลำ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และมหกรรมอุปรากรจีน ซึ่งแต่ละการแสดงมีรายละเอียดดังนี้


๑) ภาคกลาง จัดแสดงมหกรรมลิเก เสน่ห์พื้นบ้านไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ๒๕๕๘ ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร, นครสวรรค์, พิจิตร, อ่างทอง และนครราชสีมา จำนวน ๕ ครั้ง มีการแสดง การสาธิตของคณะลิเกคุณภาพและมีชื่อเสียง ไม่น้อยกว่า ๖๐ คณะทั่วประเทศ


๒) ภาคเหนือ จัดแสดงการขับซอ สืบสานภูมิปัญญาล้านนา ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ๒๕๕๘ ในจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ตาก ลำพูน น่าน พะเยา และลำปาง จำนวน ๗๐ ครั้ง ซึ่งมีคณะนักแสดงท้องถิ่นพร้อมใจให้ถ่ายทอดเรื่องราวและสืบสานการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา กว่า ๖๐ คณะ


๓) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดมหกรรมหมอลำ...มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ๒๕๕๘ ในจังหวัดมหาสารคาม, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรธานี, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ จำนวน ๓๗ ครั้ง โดยมีคณะนักแสดงที่พร้อมสร้างความบันเทิงให้ได้ม่วนซื่นกัน ไม่น้อยกว่า ๖๐ คณะ


๔) ภาคใต้ จัดแสดงมหกรรมโนรา “สืบสานศิลป์ถิ่นโนรา” ระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ๒๕๕๘ ในจังหวัดพัทลุง, สงขลา, กระบี่, นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จำนวน ๔๓ ครั้ง ซึ่งมีคณะนักแสดงที่จะมาถ่ายทอดจิตวิญญาณภูมิปัญญาของพี่น้องชาวใต้ กว่า ๑๒๐ คณะ


๕) สำหรับพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน มีการจัดแสดงมหกรรมอุปรากรจีน ในระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมเล็ก ลานหน้าศาลาไทย และหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ ย่านเยาวราช






ในทุกมหกรรมการแสดง ยังมีการสัมมนา เสวนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาของการแสดงต่าง ๆ นิทรรศการให้ความรู้ รวมทั้งการแสดง-การสาธิตเพื่อให้ทั้งคณะนักแสดง นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างรอบด้าน อาทิ ศิลปะการแต่งหน้า การตกแต่งชุดการแสดง เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง เป็นต้น


นอกจากนี้ สวธ. ยังเปิดโอกาสให้คณะนักแสดงต่าง ๆ ได้มาร่วมลงทะเบียน เพื่อนำไปจัดทำเป็นทำเนียบฐานข้อมูลสำหรับเผยแพร่และให้ผู้สนใจสามารถติดต่อคณะนักแสดงได้สะดวก อันจะให้เกิดการกระจายรายได้ให้แก่ศิลปินท้องถิ่นได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น


ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไป เข้าชมมหกรรมการแสดงพื้นบ้านที่จัดตามจังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ ได้โดย สามารถติดตามรายการการแสดงได้ที่ //www.culture.go.th และ Facebook กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดต่าง ๆ หรือสายด่วนวัฒนธรรม ๑๗๖๕







ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














เคล็ดลับของการจัดดอกไม้แบบมอเดิร์น



เพียงปีละครั้ง... เพียงครั้งละ ๑๒ คนเท่านั้น


ครั้งแรกสำหรับการเผยเคล็ดลับของการจัดดอกไม้แบบมอเดิร์น สกุล อินทกุล


ผู้ได้รับสมญาว่าเป็นศิลปินปฏิวัติรูปแบบของการจัดดอกไม้ของโลกปัจจุบัน


จัดสอน ๒ รอบ รอบละ ๒ วัน มี ๔ บทเรียน


รอบแรก ๒o-๒๑ มิ.ย. ๒๕๕๘
รอบที่สอง ๒๗-๒๘ มิ.ย. ๒๕๕๘


สนใจติดต่อและสมัครเรียนได้ที่ o๒-๖๖๙-๓๖๓๓ หรือ sakulintakul@yahoo.com



ภาพและข้อมูลจาก
FB พิพิธภัณฑ์














Traditional Japanese Painting



นิทรรศการ TRADITIONAL JAPANESE PAINTING ผลงานโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Sirofumi Takehara, Kimimochi Tauchi และ Rei Hayase จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๖ พฤษภาคม - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ณ MIDNICE Gallery


ผลงานภาพวาดบอกเล่าความงดงามของธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ถ่ายทอดผ่านความประทับใจและปลายพู่กันของ ๓ ศิลปินชาวญี่ปุ่น Sirofumi Takehara, Kimimochi Tauchi และ Rei Hayase ด้วยเทคนิคการผสมสีโดยใช้แร่จากธรรมชาติ หิน และเปลือกหอย นำมาสกัดเป็นผงสี ซึ่งเป็นเทคนิคการเขียนภาพสไตล์ญี่ปุ่น สืบทอดมากว่า ๑,๕oo ปี ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน


จัดแสดงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ มิตรไนซ์ แกลลอรี่







ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com
krungthep.coconuts.co














ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ปี ๒๕๕๘



ผลงานศิลปนิพนธ์ของนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ชั้นปีสุดท้ายของ ปีการศึกษา ๒๕๕๗ จากสถาบันการศึกษาศิลปะ ๓๓ แห่งทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๒ ชิ้นกำลังจะถูกนำมาจัดแสดงให้ชมกันอีกครั้งผ่านนิทรรศการ “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ปี ๒๕๕๘”


หลังจากที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ให้ได้มีพื้นที่ในการแสดงผลงาน โดยการเผยแพร่ผลงานศิลปะของนิสิต นักศึกษา ที่ได้ผ่านการฝึกฝนทักษะฝีมือมาตลอดระยะเวลาการศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นการเปิดโลกทัศน์และเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีซึ่งจะพัฒนาตนเองเป็นศิลปินรุ่นใหม่ในอนาคต และปีล่าสุดนี้นับเป็นครั้งที่ ๗ แล้ว ที่ได้มีการรวบรวมผลงานศิลปนิพนธ์ของนิสิต นักศึกษา ที่มีความโดดเด่นจากแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนด้านศิลปะมาจัดแสดง โดยผ่านกระบวนการคัดเลือกจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของแต่ละสถาบัน


ประกอบด้วยผลงานของนักศึกษาระดับปริญญาโท สถาบันละ ๒ คน และระดับปริญญาตรี สถาบันละ ๓ คน ส่งผลงานมาร่วมแสดงคนละ ๑ ชิ้น และหลากหลายด้วยเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงาน ตามความถนัดของศึกษาแต่ละคน ได้แก่ จิตรกรรม และประติมากรรม


ผู้สนใจสามารถไปชม นิทรรศการ ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ปี ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน - ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (ยกเว้นวันพุธ) เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ธนาคารกรุงเทพ สาขาผ่านฟ้า ถนนราชดำเนินกลาง โทร. o-๒๒๘๑-๕๓๖o-๑































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














บัตรการบินไทยแลกบัตรฟรีเข้าชมนิทรรศรัตนโกสินทร์



ในโอกาสครบรอบ ๕๕ ปี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสารการบินไทย เพียงผู้โดยสารนำบัตรที่นั่ง (Boarding Pass) ที่ใช้เดินทางแล้วในเที่ยวบินขาเข้ากรุงเทพฯ ทั้งเที่ยวบินในประเทศหรือระหว่างประเทศ มาแสดง ณ จุดจำหน่ายบัตร จะได้รับบัตรเข้าชมนิทรรศการฟรี ๑ ใบต่อ ๑ ท่าน รวมทั้งสมาชิกรายการสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส เพียงนำบัตรสมาชิกแสดงพร้อมบัตรที่นั่ง (Boarding Pass) จะได้รับบัตรเข้าชมฟรีเพิ่มอีก ๑ ใบ ณ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘


อนึ่ง อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคารที่จัดแสดงนิทรรศการภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมของยุครัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย โดยนำเสนอผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัยและนับความภาคภูมิใจของการบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติที่ได้มีโอกาสร่วมประชาสัมพันธ์การจัดแสดงนิทรรศการของอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ให้ผู้โดยสารชาวไทยและต่างชาติให้ได้รับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของไทยและยังเป็นการกระตุ้นให้คนไทยมีความรู้สึกรักและหวงแหนในความเป็นไทยอีกด้วย



ภาพและข้อมูลจาก
thaipr.net
mthai.com














Art of the Brick



คงไม่เกินไป ถ้าจะกล่าวว่า ไม่น่าจะมีใคร ในยุคนี้ ที่ไม่รู้จัก Lego สุดยอดของเล่นตัวต่อ จากประเทศเดนมาร์ก ที่ผู้คนทั่วโลกผูกพันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยเอกลักษณ์ในความไร้รูปแบบ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่น ได้ใช้จินตนาการ ในการสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ Nathan Sawaya อดีตทนายความผู้มีความหลงใหลในบล็อกตัวต่อเหล่านี้เป็นอย่างมาก จึงลาออกจากงานแล้วผันตัวมาเป็นศิลปิน นำของเล่นที่เขารักมาผสานเข้ากับศิลปะ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้กับบริษัท Lego งานศิลปะของเขาได้ถูกรวบรวมมาจัดแสดง ภายใต้นิทรรศการที่มีชื่อว่า Art of The Brick ซึ่งจัดขึ้นที่ Old Truman Brewery ในย่าน Brick Lane ที่กรุงลอนดอนในขณะนี้


หลังจากจัดแสดงผลงานมาแล้วทั่วโลก ครั้งนี้นิทรรศการของ Sawaya ได้เดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ และ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับโอกาสนี้ จึงมีการจัดแสดงผลงานพิเศษ ที่นำเสนอ “สัญลักษณ์” ทางวัฒนธรรมของอังกฤษที่ทุกคนรู้จักกันดี อย่างเช่น ตู้โทรศัพท์สีแดง โปสเตอร์ “Keep calm and build on” และหุ่นสมาชิกวงดนตรีอังกฤษระดับโลกถึง ๒ วง ทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน นั่นก็คือวง The Beatles และวง One Direction (ส่วนตัวเราอยากให้เป็นวง Oasis หรือ Blur มากกว่า หรือ Arctic Monkeys ก็ยังดี…)


นอกจากนี้ในส่วนอื่นของงาน ยังมีการสร้างผลงานศิลปะระดับโลกขึ้นมาใหม่ในแบบ ๓ มิติขนาดยักษ์ อย่างเช่น The Great Wave ของ Hokusai, The Starry Night ของ Vincent van Gogh หรือ The Scream ของ Edvard Munch และยังมีส่วนที่เรียกว่า The Human Condition and Human Expressions ซึ่งจัดแสดงผลงานดั้งเดิมของ Sawaya ที่เป็นรูปร่างของมนุษย์ในท่วงท่าและอารมณ์ต่างๆกันมากมาย แต่ไฮไลท์ของงานนี้ที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ดูเหมือนจะเป็นเจ้าไดโนเสาร์ T-Rex ขนาดยักษ์ ที่ประกอบขึ้นมาจากชิ้นตัวต่อกว่า ๘o,ooo ชิ้นเลยทีเดียว


นิทรรศการนี้จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒o๑๕ ปีหน้า แฟน Lego คนไหนที่มีแผนไปเที่ยวอังกฤษช่วงสิ้นปีนี้ แนะนำว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากพื้นที่หลักในการจัดแสดงงานแล้ว ในส่วนท้ายของนิทรรศการยังมีพื้นที่ interactive zone สำหรับให้เด็ก ๆ หรือ แม้แต่ผู้ใหญ่ได้สนุกสนานกับตัวต่อ Lego ปริมาณมหาศาลที่ทางนิทรรศการเตรียมไว้ให้เล่นอีกด้วย























ภาพและข้อมูลจาก
culturedcreatures.co














Wonderful Thai Friendship II



ตลอดระยะเวลา ๕ ปีที่ผ่านมา WTF คาเฟ่เเละเเกลลอรี่ได้ดำเนินการบนความเชื่อหลักที่ว่าศิลปะเเละศิลปินคือปัจจัยหลักสำคัญที่มีผลกระทบต่อสังคมรอบตัวเราได้อย่างจริงจัง เเละสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบทสนทนา เรื่องบทบาทหน้าที่พลเมืองที่ดี ช่วยผลักดันสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราสนับสนุนศิลปินที่มีความพยายาม ที่จะเป็นหัวเข็มในการขับเคลื่อนหลักของความยุติธรรมในสังคม ช่วยปูหรือกระตุ้นเเนวทางเเละมุมมองใหม่ ๆ เพื่อทำให้เราเข้าใจโลกได้ดียิ่งขึ้น ผลงานที่เรา ร่วมสร้างกับศิลปินจึงมีตั้งเเต่งานที่เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ สนุกสนาน ดูเเล้วรู้สึกดี ไปจนถึงงานศิลปะที่มีความกล้าเเสดงออกทางความคิดอย่างรุนเเรงเเละ น่าหวาดเสียว รวมทั้งงานที่ยั่วยุทางความคิด


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปลี่ยนเเปลงอันยิ่งใหญ่ในประเทศของเรา การก่อรัฐประหารครั้งล่าสุดดูเหมือนจะก่อให้เกิดความขัดเเย้งมากกว่าการเเก้ปัญหา เกิดความสับสนทั้งภายในเเละระหว่างกลุ่ม ที่อาจดูเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของประเทศเราในครั้งนี้ ด้วยความเชื่อที่ว่า ถ้าเราได้ “คนดี”เข้ามาจัดการปัญหาทั้งหมดทั้งมวล ความขัดเเย้ง ความรุนเเรงเเละความยุ่งเหยิงทางการเมืองก็จะหายไปได้ในพริบตา


ในช่วงปี ๒o๑๔ ระหว่างการประท้วงที่กำลังเข้มข้น ซึ่งท้ายสุดได้นำไปสู่การทำรัฐประหารของรัฐบาลคณะปัจจุบัน WTF เเกลลอรี่ ได้ตัดสินใจจัดงาน นิทรรศการการเมืองที่ใช้ชื่อว่า “Conflicted Vision” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองสร้างบทสนทนาระหว่างศิลปินเเละนักคิด ที่มีอุดมคติทางการเมืองเเละสังคมที่ต่างขั้วกันอย่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองฝ่ายต่างมีความต้องการเเสดงออกถึงความรู้สึกเเละความเห็นของตนเองผ่านผลงานศิลปะ ด้วยจุดประสงค์ที่เเตกต่างกัน อาทิเช่น เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง, เพื่อการเเสดงความไม่เห็นด้วย, ไม่พอใจ หรือการหาพื้นที่ในสังคมที่เหมาะสมกับตนเอง ไปจนถึงสาเหตุที่มากไปกว่าเรื่อง การเมือง การจัดนิทรรศการ Conflicted Visions ไม่ได้มีความคาดหวังมากถึงขนาดที่จะเปิดเวทีหรือช่องทางสำหรับบทสนทนาที่เเท้จริงเเละยั้งยืนระหว่าง กลุ่มคนที่มีอุดมคติอันรุนเเรงเเละเเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในช่วงนั้น เเต่มันได้ทำหน้าที่ตั้งคำถามว่าศิลปินเเละประชาชนของประเทศนี้จะสามารถอยู่ร่วมกัน ได้อย่างสันติหรือไม่ หากเเต่ละคนมีความเห็นที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องพื้นฐานหลักของความเชื่อ เเละอุดมคติทางการเมืองเเละสังคม เราเช่ือว่านิทรรศการ Conflicted Visions ได้เเสดงให้เห็นถึงความพยายามของการข้ามร้่วเส้นเเบ่งอคติของสังคม (Bangkok Post, 9/04/14)


ภายหลังงานนิทรรศการ Conflicted Visions เพียงไม่กี่เดือน รัฐบาลทหารได้ยึดอำนาจประเทศอีกครั้งอย่างเปิดเผยมากกว่าครั้งก่อน เเละตั้งตนเองเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อลดระดับความคิดของคนทั้งประเทศให้มีความคิดเดียวกันไปในทางเดียวกัน (ปรองดอง) มาตราการหลักเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในครั้งนี้ คือการลดอำนาจสิทธิมนุษยชน เเละความเป็นอิสระในการเเสดงออกทางความคิดทั้งหมด ทัศนคติเเละวิธีคิดของรัฐบาลทหารในรูปเเบบนี้ มีผลกระทบครอบคลุมไปทั่วถึงทุกฝ่าย รวมทั้งวงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดเเย้งทางการเมืองเลยเเม้เเต่น้อย เป็นเพียงองค์กรที่มีภาระหน้าที่ในการเป็นกลางทางความยุติธรรม หรือองค์กรมีอุดมการณ์ที่สร้างอยู่บนความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น


จากภาพที่เราเห็นของการปกครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งสามารถกักกันเเละขมขู่ใครก็ตามที่มีทัศนคติที่ไม่ตรงกับนโยบายของการปกครองแบบเผด็จการ ซึ่งเกิดขึ้นครั้งเเล้วครั้งเล่า กลุ่มนักข่าว, นักวิชาการ หรือศิลปินส่วนมากได้เริ่มงดออกเสียงเเสดงความคิดเห็นลงอย่างชัดเจน มีเพียงศิลปินหรีอนักวิชาการบางกลุ่มที่มีความกล้ามากพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเบื้องบนเเละถูกขู่หรือจับกุมมาโดยตลอด


เนื่องจากความเงียบเเละบรรยากาศที่ไม่ชวนให้ศิลปินออกเสียงวิพากษ์วิจารณ์สังคมผ่านสื่อศิลปะ WTF จึงได้พยายามคิดหาหนทางใหม่ ที่เป็นเเรงกระตุ้นต่อสังคม ในเเวดวงศิลปะเเละนักคิด ให้สามารถข้ามผ่านความเงียบเหงาซบเซาเเละความน่าเบื่อหน่ายของสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ไปให้ได้ เราได้เลือกที่จะหันหน้าสู่กลุ่มคนที่ไม่ได้มีอาชีพหรือเป็นที่รู้จักในนามศิลปิน เพื่อลองหามุมมองใหม่ ๆ โดยทั้งหมดนี้เราไม่ได้ทำขึ้นเพราะเรายกธงขาว ยอมเเพ้ หันหลัง หรือละทิ้งความศรัทธาที่เรามีต่อวงการศิลปะเเละศิลปินในบ้านเรา เเต่เป็นเพียงเพราะเราต้องการสำรวจ เเละตรวจสอบกรอบ คำนิยามเเละบทบาทที่เเท้จริงของคำว่าศิลปะ ว่ามันจะถูกยอมรับหรือถูกปฎิเสธ หากกฎเกณฑ์เเละคำนิยาม ความหมายเเละบทบาทหน้าของศิลปะได้ถูกเเหกคอกออกไปอย่างสิ้นเชิง อะไรที่แปลว่าศิลปะ? เเละอะไรที่ไม่ใช้ศิลปะ? เเละมันยังจะถูกเรียกว่าเป็นศิลปะอยู่หรือไม่ถ้ามันถูกสร้างขึ้นด้วยคนที่ไม่ได้ถือตัวเองว่าเป็นศิลปิน หรือกลุ่มคนที่ไม่ได้ยอมรับจากวงการศิลปะว่าเป็นศิลปิน?


เราได้เชิญบุคคลที่ไม่ได้เป็นศิลปิน ๑๓ ท่านเข้าร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ชื่อว่า Wonderful Thai Friendship 2 ซึ่งคอนเซ๊ปต์นี้เป็นคอนเซ๊ปต์ ที่เราเคยใช้ในงานเปิดตัว WTF เเกลลอรี่ครั้งเเรกเเละเป็นนิทรรศการที่มี ๑๓ ศิลปินเข้าร่วมเมื่อปี ๕ ปีที่เเล้ว


ผลงานศิลปะจะถูกสร้างขึ้นเเละจัดเเสดงโดย

• ไบรอัน เคอรติน, ภัณฑรักษ์เเละนักเขียน
• จีน กษิดิษ, นักร้องเเละนักเเต่งเพลง
• ยูกิ คุณชล, เจ้าของร้านวินเทจ
• เกรกกวาร์ กลาฉานท์, บรรณาธิการนิตยสาร
• เกเบรล เคมาลิน, อาจารย์
• เจาะข่าวตื้น, รายการทอล์คโชว์ประเด็นข่าวเเละสังคม
• เเพทริค วินน์, นักข่าว
• โคมัง ดูปุย, ผู้กำกับศิลป์เเละเจ้าของบาร์
• สัญญา สุวรรณาภูมิ, เจ้าของบาร์เเละร้านอาหาร
• โบว์ นิกันติ์ วะสีนนท์, ภัณฑรักษ์
• คาเงะ ธีระวัฒน์ มุลวิไล, ผู้สร้าง นักเขียนบทเเละนักเเสดงละครเวที
• ก้อง ฤทธิ์ดี, นักข่าว
• คริสโตเฟอร์ ไวส์, ช่างถ่ายภาพ


ผู้เข้าร่วมทั้งหมดสามารถตีความหมายคอนเซ๊ปต์ของนิทรรศการนี้ได้ตามต้องการ หรืออาจไม่สนใจคอนเซ๊ปต์นี้เลยก็ได้


นิทรรศการครั้งนี้ประกอบไปด้วยงานศิลปะจัดวาง ๗ ชิ้น, งานภาพถ่าย ๒ ชิ้น, งานวิดีโอจัดวาง ๒ งานเเละภาพวาด ๒ ชิ้น จุดประสงค์ของการจัดนิทรรศการครั้งนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญไปที่คุณภาพหรือความหมายของงาน เเต่เป็นการมุ่งประเด็นไปที่กระบวนการการทำงาน, มุมมองเเละทัศนคติของผู้สร้างเเละผู้ชมงานในครั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมามีความสนใจเเละน่าเเปลกใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเนื้อหาเเละการตีความหมายของผู้สร้างงานศิลปะได้ครอบคลุมความหมายอย่างกว้างขว้าง ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์สังคม ไปจนถึงการประชดเสียดสี เเละการใช้วิธีคิดสร้างงานศิลปะเเบบดั้งเดิมที่เเสดงออกถึงความรื่นรมณ์สุนทรีย์ในการทำงานศิลปะ


ผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ หลายชิ้นต้องการสะท้อนเเละตั้งคำถามประเด็นสังคมที่มักถูกมองข้าม อาทิเช่น พฤติกรรมคนขับรถเมล์หรือเเท๊กซี่ในกรุงเทพฯที่บ้าระห่ำ, การยอมรับหรือการสร้างความตระหนักถึงประเด็นเรื่องเพศ, ความไม่เท่าเทียมกันในโอกาส อันเนื่องมาจากการถือพวกพ้อง ที่เกิดขึ้นมาจากการเปลี่ยนเเปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นล่าสุด หรือการพูดถึงประเด็นข่าวที่อาจมีความเป็นจริงหรือเกินความเป็นจริงบนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่มีอายุสั้นเเค่เพียง ๒๔ ชั่วโมง ในอีกเเง่นึง ผู้ร่วมเเสดงงานในนิทรรศการครั้งนี้อีกหลายท่าน ได้เลือกใช้วิธีการสร้างงานจากมุมมองที่เเตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการเเสดงข้อคิดเห็นในเรื่องชนชั้นวรรณะ ที่มาจากเครื่องเเต่งกายของหญิงสาวยุโรปในอดีต ซึ่งยังคงมีอิทธิพลต่อเอกลักษณ์ทางเเฟขั่นของคนกรุงเทพฯจนถึงทุกวันนี้ หรือการหมุนเวียนอย่างไม่มีทีสิ้นสุดของเทรนด์แฟชั่นจากปีก่อน ๆ เเละการเเสดงออกให้เห็นถึงภาพถ่ายในมุมมองที่สะท้อนบทบาทของกลุ่มคนชั้นสูงที่มีทรัพย์มากพอที่จะเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะได้ ส่วนกลุ่มสุดท้ายของผู้ที่ร่วมงานนิทรรศการครั้งนี้มุ่งความสนใจใปที่การสร้างงานที่ดูเหมือนจะมีความ “ดั้งเดิม” กว่าศิลปินโดยทั่วไปเสียอีก โดยพวกเขาเลือกที่จะประดิษฐ์งานจากมุมมองพลังสร้างสรรค์ในทางบวก หรือการมองหาความสวยงามในสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัวประจำทุกวัน เป็นการยอมรับการเปลี่ยนเเปลง หรืออีกแง่อาจกล่าวได้ว่า ถึงเเม้ประเทศเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เเต่มันก็ยังมีพื้นฐานที่เหมือนเดิมเเละไม่เคยเปลี่ยนเเปลงเลย


งานเปิดนิทรรศการวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ WTF เเกลลอรี่ นิทรรศการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดย Bacardi















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














67 Richter67 Richter



PSG Art Gallery คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเชิญชมนิทรรศการศิลปนิพนธ์ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ โดยนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีสุดท้าย คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร“๖๗ ริกเตอร์”


พิธีเปิดนิทรรศการวันศุกร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เริ่มตั้งแต่เวลา ๑๗.oo น. ณ ท้องพระโรง หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ


เวลา ๑๗.oo น. ลงทะเบียนและร่วมฟังเพลงบรรเลงจากคณะรับลม

เวลา ๑๘.oo น. พิธีเปิดนิทรรศการ โดยคุณสุมณี คุณะเกษม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี



















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Imperfection



ไม่มีคำเรียกใดที่จะเหมาะกับนิทรรศการครั้งนี้ของข้าพเจ้าได้เท่ากับ คำว่า “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ความคิด สิ่งสะเทือนใจ ตัวตน เหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดบทบาทของชีวิต เกิดตัวตน เกิดงานศิลปะ ข้าพเจ้าเรียกมันว่าความไม่สมบูรณ์แบบ ความไม่สมบูรณ์แบบคือเรื่องจริงของมนุษย์ คือสัจจะ และคือเหตุแห่งความสมบูรณ์แบบ งานของข้าพเจ้าไม่ได้เกิดจากการคิดตรึกตรอง ไม่ได้มีความพิเศษใด ไม่ได้ช่วยสะท้อนสังคมแต่ล้วนแล้วเป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความปรารถนา ความรัก เมื่อทำเสร็จข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ และมีความสุขที่ได้ทำจากความไม่สมบูรณ์แบบ มันกลายเป็นความสมบูรณ์แบบที่สุดในความรู้สึกของข้าพเจ้า


ขอเรียนเชิญชมนิทรรศการศิลปะ “ความไม่สมบูรณ์แบบ” โดย “อรอนงค์ แก้วสมบูรณ์” นิทรรศการเริ่มตั้งแต่วันที่ ๓ – ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ (หยุดวันจันทร์) ณ พีเพิ่ลส์แกลเลอรี่ ชั้น2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ๘ โปรแกรมน่าสนใจใน “เทศกาลลาแฟ็ต” ปีสุดท้าย



งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เทศกาลนี้ก็เช่นกัน ….เทศกาลศิลปวัฒนธรรมฝรั่งเศล - ไทย หรือ LA FETE (ลาแฟ็ต)

ที่ปีนี้นอกจากจะเป็นปีที่ ๑๑ ของเทศกาล ยังเป็นปีที่จะจัดให้มีเป็นปีสุดท้ายแล้ว

ดังนั้นใครที่เป็นขาประจำของเทศกาลนี้ เตรียมไปร่วมส่งท้ายกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดให้มีระหว่างวันที่ ๓ - ๒o มิถนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ หลายสถานที่ทั่วกรุงเทพ






โดยในวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดเทศกาล ณ หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทอดพระเนตรการแสดงเปิดเทศกาล ชุด Fête royale à la cour de France (Royal festivities at the French court ) โดยคณะ Doulce Mémoire

ซึ่งเป็นการแสดงชุดเดียวกันกับ การแสดงที่จัดทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ ๕oo ปี การเสด็จขึ้นครองราชย์ของ พระเจ้า François ที่ ๑ พระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสยุคเรอเนสซองส์ และเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะการขับร้อง นาฏยลีลา และเครื่องแต่งกายอันวิจิตรตระการตา

กษัตริย์ François ที่ ๑ ขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อยังทรงพระเยาว์ เมื่อ พ.ศ. ๒o๕๘ ทรงมีศรัทธาท่วมท้นแรงกล้าที่ปลุกกระตุ้นการสร้างสรรค์ผลงานไปทั่วประเทศ ทรงสนับสนุนศิลปิน สถาปนิก วิศวกรที่โด่งดังในยุคเรอเนสซองค์หลายคน รวมทั้ง เลโอนาร์โด ดา วินชี และเพราะทรงพระเยาว์ พระวรกายแข็งแรง จึงทรงเป็นนักเต้นที่ยอดเยี่ยม ทรงเชิญศิลปินแห่งราชสำนักของพระองค์ทุกคนมาร่วมงานรื่นเริงและงานฉลองในราชสำนัก


ส่วนโปรแกรมอื่น ๆ ที่ถูกบรรจุไว้ในเทศกาลลาแฟ็ตปีสุดท้าย อีก ๗ รายการ ได้แก่










มุมมองที่บรรจบกันระหว่างสองสถาบัน



วันที่ ๕ - ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ Bridge cafe and art space / BTS สะพานตากสิน ทางออก ๔

นิทรรศการแสดงผลงานของ กาญจนา ชลศิริ และ อเล็กซองด์ ปัวส์ซง นักศึกษาสองคนที่ได้รับคัดเลือกประจำปี ๒๕๕๘ ในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากรและโรงเรียนศิลปะชั้นสูงแห่งปารีส (ENSBA)

ผลงานศิลปะที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการเป็นผลงานที่ทั้งสองสร้างขึ้นระหว่างช่วงสามเดือนของการใช้ชีวิตที่ประเทศฝรั่งเศสและประเทศไทย










Detour of The Ego หรือ “อัตตะ ลังเล”


๑๒ มิถุนายน - ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ BUG หรือ หอศิลป์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

นิทรรศการภาพถ่ายเชิงทดลอง เล็ก เกียรติศิริขจร ที่พูดถึงการพิจารณาเกี่ยวกับ อัตตาของตัวผู้สร้างผลงานเอง และมีการจัดวางผลงานที่ไม่ได้เป็นไปในแบบประเพณีนิยม

เล็กพยายามจะหาความเป็นไปได้ในการสื่อสารและส่งผ่านประสบการณ์ที่ค่อนข้างเป็นนามธรรมผ่านภาพถ่าย

เล็กได้รับทุนสนับสนุนโครงการพำนักศิลปินนานาชาติแห่งกรุงปารีส เป็นระยะเวลา ๓ เดือน จากสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย และ Institut français ในปี ๒๕๕๗










มายากลแนวใหม่ ชุด NOTTE(กลางคืน) ของคณะ ๑๔:๒o


วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๒o.oo น. ณ ศูนย์ศิลปการละครสดใสพันธุมโกมล ชั้น ๖ อาคารมหาจักรีสิรินธร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บัตรราคา ๒๕o บาท และ ๑๕o บาท สำหรับนักศึกษาและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๒๕ ปี สำรองบัตร //www.thaiticketmajor.com การแสดงนี้ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู)

มายากล การเต้น จักกลิ้ง วีดีโอเทคนิคพิเศษและดนตรี ปรุงเป็นส่วนผสมของการแสดงที่สงบ สุนทรีย์ และสะกดจิตจนเคลิบเคลิ้มของคณะ ๑๔:๒o และยังเคยสร้างผลงานที่มีชื่อเสียงมากมายกับนักออกแบบเสื้อผ้าฌอง-ปอล โกลติเยร์ และนักออกแบบท่าเต้น ฟิลิปป์ เดกูฟเฟล่มาแล้ว

ตลอดการแสดงชุด Notte (กลางคืน) ทุกอย่างถูกสร้างเพื่อพาผู้ชมเข้าไปสู่พื้นที่ภายใน และพาท่องเที่ยวในดินแดนจินตนาการอื่นอันลึกซึ้ง การแสดง “มายากลแนวใหม่” นี้ เล่าเรื่องราวที่ตรงกันข้าม ที่ดึงดูดกันและหนีออกจากกัน ที่สวนทางกันตลอดกาลและก็พบเจอกันบางคราว เพื่อแสวงหาความสมดุลหนึ่ง ป็นการเดินทางที่ทั้งดูชัดเจนและคลุมเครือ ที่ซึ่งเวลาหยุดอยู่ชั่วขณะ และลูกบอลตกลงอย่างช้าที่สุด ร่างกายก็ร่วงลงในเวลาที่ไม่สิ้นสุด อยู่ในหัวใจแห่งราตรีที่เปลี่ยนแปลง ที่ซึ่งให้ทุกสิ่งเกิดใหม่ แล้วเปลี่ยนรูปร่างไป










การเต้นชุด THE PEARL FISHERS โดย จิตติ ชมพี


วันที่ ๑๕ และ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๒o.oo น. ณ โรงแรมโรส กรุงเทพ BTS ศาลาแดง ทางออก ๑ และ MRT สามย่าน ทางออก ๑

บัตรราคา ๒๕o บาท และ ๑๕o บาท สำหรับนักศึกษาและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๒๕ ปี สำรองบัตร //www.thaiticketmajor.com

เป็นการเต้นที่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันออกกับตะวันตก มีการพัฒนาหรือการปรับจากท่ารำโขน มาเป็นการใช้ท่าทางที่ร่วมสมัย เพื่อเล่าเรื่อง Pearls Fishers ผลงานโอเปร่าของ Georges Bizet ในขณะอยู่ที่พำนักศิลปินนานาชาติ ณ กรุงปารีส จิตติ ชมพี ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นนี้จากภาพเขียนแนวคิวบิสม์ของปาโบล ปิกัสโซ่ ซึ่งทำให้เขาได้พัฒนาแนวทางหรือวิธีการเต้นและฉากการแสดงแนวใหม่










DANS LA JUNGLE DES ANGES โดย รัฐ เปลี่ยนสุข และฟิลิปป์ มัวซองน์


วันที่ ๑๘ มิถุนายน - ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ณ สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ (MRT ลุมพินี ทางออก ๓)

นิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบร่วมสมัยที่สอดแทรกมิติทางวัฒนธรรมแของ รัฐ เปลี่ยนสุข และผลงานภาพถ่ายจากกการเดินทางของ ฟิลิปป์ มัวซองน์ นิทรรศการจะพาเราไปพบกับบทกวีที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณและเกี่ยวเนื่องกับกาลเวลา

เป็นงานที่เผยให้เห็นถึง “ความเศร้าที่แฝงด้วยความสุข” ของศิลปินทั้งสอง ผู้ที่พยายามทำให้เราเข้าใจข้อสงสัยต่างๆและความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่มักจะหลงลืมกันไปเมื่อเราใช้ชีวิตประจำวัน










การเต้นชุด STANDARDS ของคณะ PIERRE RIGAL


วันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๒o.oo น. ณ ศูนย์ศิลปการละครสดใสพันธุมโกมล ชั้น ๖ อาคารมหาจักรีสิรินธร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บัตรราคา ๒๕o บาท และ ๑๕o บาท สำหรับนักศึกษาและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๒๕ ปี สำรองบัตร //www.thaiticketmajor.com

การแสดงชุด Standards โดยนักออกแบบท่าเต้น ปิแอร์ ริกาล ใช้นักเต้นฮิปฮอป ๘ คนมาแสดงมาร่วมแสดงท่าเต้นที่สง่างามและมีพลังร่วมกัน ซึ่งเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ในการ “อยู่ร่วมกัน”










การแข่งขันการเต้น HIP HOP


วันที่ ๒o มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.oo น. เป็นต้นไป ณ Live House Studio Bangkok เจเจกรีน (BTS หมอชิต ทางออก ๑ และ MRT สวนจตุจักร ทางออก ๑) ไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับผู้สนใจเข้าชม

หนึ่งวันที่เหล่านักเต้นทั่วไทยจะมารวมตัวกันเพื่อประชันลีลาการเต้นบีบอยอท่ามกลางบรรยากาศที่สนุกสนานและเป็นกันเอง และในปีนี้ นักเต้นฮิปฮอปจากคณะปิแอร์ ริกาล จะมาร่วมแข่งขันด้วย เมื่อการแข่งขันจบ จะมีงานปาร์ตี้ต่อในเวลา ๒o.๓o น. เป็นไป มีการแสดงจาก GO GRRRL’s riot house : ดีเจ Dookie และดีเจ Maehappyair



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2558
0 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2558 10:13:58 น.
Counter : 2876 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.