happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๑๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto















พระที่นั่งอนันตสมาคม เกร็ดสถาปัตยกรรมคู่ประวัติศาสตร์



หินอ่อนเหมืองคาร์ราร่า ทฤษฎีเรือเอี้ยมจุ๊น ลายเซ็นมร.ตามัญโญอยู่ตรงไหน และงานศิลป์แผ่นดินชิ้นใหม่ 'เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์'


"เมื่อแปดปีที่แล้ว คือพ.ศ. ๒๕๕o พระที่นั่งอนันตสมาคมก็มีอายุครบ ๑oo ปีของการวางศิลาฤกษ์ แต่พระที่นั่งองค์นี้ใช้เวลาสร้างแปดปี คือเปิดใช้เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๕๘ มีการบำเพ็ญพระราชกุศลเฉลิมพระที่นั่ง นับถึงปีนี้ก็ครบ ๑oo ปีของการเปิดใช้" อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ บรรยายไว้ในการรับเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ถ่ายทอดความรู้ขณะนำชม พระที่นั่งอนันตสมาคม ในกิจกรรม ‘เปิดตำนาน ๑oo ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม กับเอไอเอส เซเรเนด’






คนไทยต่างเคยเห็น พระที่นั่งอนันตสมาคม ผ่านภาพถ่ายและสื่อประเภทต่าง ๆ หลายคนเคยเดินทางมาชมความงามด้วยตาตนเอง หลายคนทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว แต่ถ้าใครยังต้องการข้อมูลพระที่นั่งองค์นี้ เรื่องที่อาจารย์เผ่าทองถ่ายทอด อาจช่วยเพิ่มคลังความรู้ส่วนตัว


พระที่นั่งอนันตสมาคม สร้างขึ้นเต็มรูปแบบตะวันตกอย่างแท้จริง เป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวที่มีในประเทศไทย รวมฝีมืองานช่างแขนงต่าง ๆ แบบตะวันตกและผสมผสานกับแบบไทย ที่สำคัญคือรวมช่างเกือบทุกแขนงของตะวันตก ทั้งสถาปัตยกรรม การแกะสลักหินอ่อน ประติมากรรม จิตรกรรมฝาผนัง-เพดาน ลวดลายเหล็กดัด-เหล็กหล่อ รวมทั้ง ‘พื้น' ขององค์พระที่นั่ง ที่เราไม่ได้เห็นเลยเนื่องจากปูพรมแทบจะทุกตารางนิ้ว ก็ปูด้วย หินอ่อนสีขาว จากเหมืองในเมือง คาราร่า (Carrara) ประเทศอิตาลี เช่นเดียวกับองค์พระที่นั่ง





ความประณีตของ "ฉากจำหลักไม้ เรื่อง สังข์ทอง"​
ซึ่งไม้อีกด้านแกะสลักเรื่องหิมพานต์



“หินอ่อนจากเหมืองคาราร่ามหัศจรรย์ตรงเป็นเหมืองหินอ่อนเดียวในโลกที่มีหินอ่อนครบทุกสี คือหลายร้อยสี เหมืองหินอ่อนที่อื่นอาจมีสีเดียว สองสี สามสี ห้าสีหรือสิบสี แต่ที่นี่มีทุกสี ประการที่สองคือ เหมืองหินอ่อนคาราร่าขุดต่อเนื่องกันมาจนถึงนาทีนี้เป็นเวลา ๔oo ปี ไม่เคยหยุดขุด และไม่เคยหมด นาทีที่พวกเรานั่งคุยกันตรงนี้ หินอ่อนคาราร่าก็ยังขุดอยู่ ที่สำคัญ หินอ่อนที่นำมาสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม เนื้อหินอ่อนสีขาวเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างที่เราเห็นกันแบบนี้ เหมืองอื่นจะไม่มีสีขาวเท่านี้ เนื้อลายมากกว่านี้”


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ เพื่อเป็นท้องพระโรงในรัชสมัยของพระองค์ ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดที่แสดงถึงความเป็นอารยะของประเทศไทยในขณะนั้น เป็นพระราชดำริอันล้ำค่าของรัชกาลที่ห้าทรงสร้างเอาไว้ให้ลูกหลานได้เก็บกินจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ ‘วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)’ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เรามีนักท่องเที่ยววันละหลายหมื่นคนไปวัดพระแก้ว เรามีนักท่องเที่ยวมาที่ ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ วันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ค่าบัตรผ่่านประตู ๑๕o บาท ถือเป็นมรดกที่เราเก็บกินไปชั่วนาตาปี





งานศิลป์แผ่นดิน ‘ฉากจำหลักไม้ เรื่อง สังข์ทองและเรื่องหิมพานต์’
ยาว ๖ เมตร สูง ๕.๒o เมตร กว้าง o.๓๖ เมตร
ช่างฝีมือ ๗๙ คน ช่วยกันจัดทำ ๒ ปี ๓ เดือน



ที่สำคัญคือ ทรงสร้างอาคารเหล่านี้เพื่อต่อสู้การเข้ามาของโลกตะวันตก เพื่อให้อารยประเทศยอมรับว่าเราเจริญแล้ว ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน


"การสร้างพระที่นั่งองค์นี้อยู่ในช่วงเวลารอยต่อของการล่าอาณานิคม เราลงมือสร้างพ.ศ. ๒๔๕o เป็นยุคที่การล่าอาณานิคมของตะวันตกทวีกำลังสูงสุด รัชกาลที่ห้าเสด็จพระราชสมภพพ.ศ.๒๓๙๖ เป็นช่วงที่ยุโรปลงมาล่าอาณานิคมในเอเชีย อินเดียตกเป็นเมืองขึ้น พม่าใต้ตกเป็นเมืองขึ้น...


เมื่อรัชกาลที่ห้าทรงมีพระชนมายุุ ๑๔ พรรษา ท่านเห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสมายึดอินโดจีนไปจากเรา (เวียดนาม ลาว เขมร) เวลานั้นประเทศเรามีพื้นที่หนึ่งล้านกว่าตารางกิโลเมตร ขณะนี้เราเหลือห้าแสนกว่าตารางกิโลเมตร หายไปประมาณ ๕๕ เปอร์เซนต์ ทรงเห็นเหตุการณ์ที่พระราชบิดาเสียดินแดน...








พอพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ๑o วัน ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา ท่านอยู่ในภาวะที่ประเทศโดนเฉือนออกตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการเสด็จพระราชดำเนินไปยุโรปพ.ศ. ๒๔๔o จึงเป็นการเสด็จเพื่อราชการบ้านเมือง จากนั้นเมื่อเสด็จกลับมาแล้ว ต้องคิดเตรียมการ ท่านทรงจ้างสถาปนิก-วิศวกรเข้ามาอยู่ในประเทศเยอะแยะ ๓o-๔o คน เพื่อเตรียมการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม...


การวางศิลาฤกษ์พ.ศ. ๒๔๕o ไม่ได้แปลว่าคิดเดี๋ยวนั้นแล้ววางศิลาฤกษ์ได้ มันจะต้องมี ๑o ปีของการวางแผน เสด็จกลับจากยุโรปพ.ศ. ๒๔๔o ปั๊บ ทรงวางแผนเลยว่าจะสร้าง" อ.เผ่าทอง เล่า






และกว่าจะสร้างได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้สถาปนิกใหญ่ มร.มารีโอ ตามัญโญ (Mario Tamagno) เขียนแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม


"เพราะ มร.ตามัญโญเมื่อรับพระบรมราชโองการว่าจะสร้างพระที่นั่งหินอ่อน เขียนแบบขึ้นมาถวายแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน พอท่านชี้พื้นที่ปั๊บตรงนี้ นี่คือนา ดินเป็นดินเลนหมดเลย ตามัญโญคิดไม่ออกเลย ว่าจะเอาหินอ่อนหนักไม่รู้กี่ร้อยกี่พันตัน มาวางอยู่บนดินเลนโดยไม่ให้จม หรือไม่ให้เอียงเหมือนหอเอนปิซ่าได้อย่างไร เขาเป็นทุกข์มากที่จะสร้าง...


เขาอยู่บ้านหลวงพระราชทานริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ปัจจุบันรื้อลงสร้างเป็นโรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตัน) เช้าก็ไปนั่งริมน้ำ คิดไม่ออก เห็นเรือโยงขนของผ่านไป เช้าไปเย็นกลับ เช้าไปเรือขนข้าวขนทรายเพียบแประน้ำเทียบเสมอกราบเรือ ตกเย็นเอาข้าวขึ้นท่าเสร็จเรียบร้อย เรือลอยพ้นน้ำขึ้นมา เห็นอยู่เป็นเดือนเป็นปี จนคิดได้ว่า พระที่นั่งต้องทำเป็นเรือ ให้ลอยได้...





ฉากปักไหมน้อย เรื่อง ‘อิเหนา’ เป็นงานปักผ้าที่มีขนาดใหญ่มาก
เทียบกับจำนวนผู้เข้าชม ๕o คนซึ่งถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก



ใต้พระที่นั่งขุดเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีน้ำ พระที่นั่งตอกเสาเข็ม แต่ใต้นั้นเป็นอ่างน้ำทั้งอัน น้ำเสมอฐานพระที่นั่ง ดันพยุงพระที่นั่งอยู่...


เราไม่เคยรู้เลยจนเมื่อพ.ศ. ๒๕๒๕ ฉลองกรุงเทพฯ สองร้อยปี เราขุดลงไปดูว่าองค์พระที่นั่งจะมีปัญหาอะไรบ้าง เราพบว่ามีน้ำขังเต็มหมด สถาปนิกส่วนหนึ่งบอกให้เอาน้ำออก คิดว่าน้ำใต้ดินท่วม สถาปนิกอีกตระกูลช่างที่เรียนจบจากอิตาลีรีบยับยั้ง บอกเอาน้ำออกไม่ได้ ดูดแห้งเมื่อใดพระที่นั่งทรุดทันที เหมือนเราเล่นน้ำทะเล อุ้มคนอยู่ในน้ำทะเล คนจะเบา พระที่นั่งก็ลอยอยู่บนน้ำเบาตัวฉันนั้นเลย..


เขาเอาทฤษฎีเรือเอี้ยมจุ๊นในแม่น้ำเจ้าพระยามาสร้างพระที่นั่งองค์นี้ มันมหัศจรรย์ลั่นฟ้าที่สุด เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในเอเชียไม่มีใครนึกออก จนถึงวันนี้ไม่เคยทรุด ไม่เคยร้าว ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น" อาจารย์เผ่าทอง กล่าว





ความละเอียดของการ ‘ปักซอย’ ที่งามราวภาพวาด



สถาปนิกใหญ่ มร.ตามัญโญ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถวายงานและภูมิใจในผลงาน เขาได้ฝาก ลายเซ็น ไว้ภายในพระที่นั่งองค์นี้ เป็นประติกรรม กิ่งปาล์มในกรอบสามเหลี่ยมสีทอง ติดตั้งไว้ตรงรอยต่อระหว่างฐานโดมกับผนัง สวยงามกลมกลืนไปกับงานประดับตกแต่งภายในพระที่นั่งฯ


"มร.ตามัญโญเป็นคาทอลิกที่เคร่งมาก สัญลักษณ์กิ่งปาล์มนี้มาจากข้อความใน Old Testament ตอนพระเยซูเสด็จกลับกรุงเยรูซาเลม ไม่ใช่ฤดูที่จะมีดอกไม้ ประชาชนจึงหักกิ่งปาล์มซึ่งมีอยู่เต็มทะเลทราย มาโบกเพื่อรับเสด็จ" อาจารย์เผ่าทอง เล่า


รัชกาลที่ห้าทรงคุมงานสร้าง ‘พระที่นั่งอนันตสมาคม’ ได้ ๓ ปี ได้งานฐานราก ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เวลาสร้างต่ออีก ๕ ปีเต็มก็เสร็จสมบูรณ์ วิธีการก่อสร้างคือ วัสดุทุกอย่าง หลังคาโดม งานประติมากรรมทุกชิ้น ล้วนแกะสลักทำสำเร็จรูปในอิตาลี แล้วส่งมาประกอบในเมืองไทย ใช้เงินไปทั้งหมด ๑๕ ล้านบาท เทียบได้ประมาณ ๑๕,ooo ล้านบาทในปัจจุบัน





‘กิ่งใบปาล์มในกรอบสามเหลี่ยม’ ลายเซ็นของ มร.มารีโอ ตามัญโญ
ที่ฝากไว้ในพระที่นั่งอนันตสมาคม



โอกาสนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ‘เปิดตำนาน ๑oo ปี พระที่นั่งอนันตสมาคม กับเอไอเอส เซเรเนด’ ยังได้ชื่นชมผลงาน ศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ ๖ ผลงานประณีตศิลป์ชั้นสูงฝีมือคนไทยสมาชิก สถาบันสิริกิติ์ ซึ่งมีผลงานที่รังสรรค์ขึ้นใหม่และชิ้นดั้งเดิมซึ่งสร้างขึ้นตามวาระสำคัญ ล้วนแต่สุดยอดฝีมือช่างไทย


ผลงาน ฉากปักไหมน้อย เรื่อง ‘อิเหนา’ มองเผิน ๆ ครั้งแรกคิดว่า ‘ภาพเขียน’ แต่สีสันและลายเส้นอ่อนช้อยที่ปรากฎ กลับเกิดจากการฝีมือการ ‘ปักผ้า’ ที่เรียกวิธีนี้ว่า ปักซอย เป็นงานประณีตศิลป์ของไทยแต่โบราณที่มีความละเอียดอ่อน บรรจงปักเรียงด้วย ‘ไหมน้อย’ หรือเส้นไหมที่ละเอียดที่สุด ไล่ระดับสีและแสงเงา ให้เกิดเป็นภาพที่มีมิติงดงาม งานศิลป์แผ่นดินชิ้นนี้เล่าวรรณคดีไทยเรื่อง ‘อิเหนา’ บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่สอง ผูกแบบปักรวม ๑๘ ตอน เลือกตอนที่นิยมร้องเล่นกันแพร่หลาย ความยาวชิ้นงาน ๙.๖๑ เมตร สูง ๔.๒๙ เมตร ระดมจำนวนช่างฝีมือ ๑๔๓ คน ใช้ระยะเวลาจัดทำ ๔ ปี


ในโอกาสที่ระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖o เป็นช่วงระยะเวลาที่มีวาระอันเป็นมงคลเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อเนื่องกัน ๓ ปี ผลงานศิลป์แผ่นดินชิ้นใหม่ที่ ‘สถาบันสิริกิติ์’ กำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้คือ เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ เป็นเรือนยอด ๙ ยอดตามรัชกาล มีลักษณะเป็นเรือนยอดยกพื้นสูง ทั้งสี่ด้านไม่มีผนัง เป็นสถาปัตยกรรมไทยแท้ ปรากฎอยู่ทางทิศตะวันออกของพระที่นั่งอนันตสมาคม





(ซ้าย) เรือพระที่นั่งมงคลสุบรรณ (จำลอง) ยาว ๓.๓๕ เมตร กว้าง o.๒๔ เมตร สูง o.๘๘ เมตร
โครงเรือ กระดูกงู คานเรือ ทำด้วยเงินทาทอง โขนเรือรูปครุฑขึ้นรูปด้วยทองคำลงยา
ฉัตรจำหลักฉลุทองประดับเพชร ๗ ชั้น ฯลฯ ช่างฝีมือ ๙๘ คน ใช้เวลาทำ ๒ ปี ๗ เดือน



"ชื่อนี้เป็นชื่อพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า สร้างในวาระสำคัญหลายประการ" อาจารย์เผ่าทอง กล่าวและว่า โดยหน้าบันแต่ละทิศที่รวมอยู่บนเรือนยอดจะประดับสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก, สมเด็จย่า, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร, สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี


อาจารย์เผ่าทองกล่าวเสริมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเลือกสถานที่ก่อสร้าง ‘เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์’ ด้วยพระองค์เอง จากหลักฐานภาพเก่าในสมัยรัชกาลที่ห้าทรงโปรดให้สร้างพลับพลาโถงเพื่อประทับทอดพระเนตรการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคมตลอดสามปี ซึ่งเมื่อขุดลงไปก็เจอฐานรากโบราณของพลับพลาเดิม





เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง



นอกจากนี้ยังทรงโปรดให้ก่อสร้างด้วยวัสดุคงทนถาวรยาวนานมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คือ สเตนเลสสตีลและทองเหลืองหล่อ ยกขึ้นประกอบ ไม่ใช่ไม้แกะสลัก


“วาระที่สถาบันสิริกิติ์กำหนดจะสร้างให้เสร็จ คือเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๗o ปี ประการที่หนึ่ง, ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๙o พรรษา ในปีพ.ศ. ๒๕๖o, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา,สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา พ.ศ. ๒๕๖o”


เป็นอีกวาระสำคัญสำหรับการจัด ‘งานศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ ๗’ เพื่อเฉลิมฉลองมหามงคลแห่งแผ่นดิน



ภาพและข้อมูลจาก
bangkokbiznews.com














วธ.ประกาศยกย่อง “บูรพศิลปิน” ศิลปินผู้ล่วงลับ


นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.ได้ดำเนินโครงการ ยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินผู้ล่วงลับ ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อเกียรติยศสำหรับใช้ประกาศเชิดชูเกียรติศิลปินผู้ล่วงลับว่า “บูรพศิลปิน” ซึ่งมีความหมายว่า ศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้วที่ควรค่าแก่การยกย่อง ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่าง ๆ ได้พิจารณาคัดเลือกศิลปินผู้ล่วงลับที่เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม


ในการยกย่องเชิดชูเกียรติ โดยได้จำแนกบูรพศิลปินไปตามยุคสมัย ได้แก่ สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ โดยบูรพศิลปินที่ได้รับคัดเลือกสามารถแบ่งระดับได้ ๕ ระดับ ได้แก่ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ พระภิกษุ ขุนนาง และสามัญชน ซึ่งผลของการพิจารณาตัดสินมีศิลปินที่ได้รับการประกาศยกย่องในครั้งนี้ รวม ๑๘๗ คน


ด้าน ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ ประธานคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิการคัดเลือกบูรพศิลปิน กล่าวว่า คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกบูรพศิลปิน จากทำเนียบนามที่ได้รวบรวมข้อมูล ประวัติและผลงานของศิลปินทุกสาขาไว้อย่างเป็นระบบ โดยยึดตามคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การคัดเลือกศิลปินผู้ล่วงลับในสาขาทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง และวรรณศิลป์ จนได้รายชื่อของบูรพศิลปินตามยุคสมัยต่าง ๆ ตั้งแต่สมัย กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ยกตัวอย่าง เช่นยุคสมัยกรุงสุโขทัย พระยาลิไท ทรงนิพนธ์หนังสือ ไตรภูมิกถาหรือ พระสิริมังคลาจารย์ ผู้ประพันธ์จักกวาฬทีปนี สมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ สมุทโฆษคำฉันท์ หรือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ทรงนิพนธ์ “กาพย์เห่เรือ” และนันโทปนันทสูตรคำหลวง สมัยกรุงธนบุรี เช่น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ๔ ตอน หรือ หลวงสรวิชิต(หน) ประพันธ์ลิลิตเพชรมงกุฎ และอิเหนาคำฉันท์และยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่ทรงเป็นศิลปินและทรงมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เริ่มตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีผลงานพระราชนิพนธ์บทละคร เรื่องอุณรุท และนิราศรบพม่าท่าดินแดง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกเรื่องอิเหนา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ เรื่อง สังข์ศิลป์ชัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทางพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามเดินดง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องเงาะป่า ลิลิตนิทราชาคริต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์บทละครพูด พระนลคำหลวง มัทนะพาธา


ม.ร.ว.จักรรถ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีศิลปินที่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีผลงานโดดเด่น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนศิลปินที่เป็นสามัญชนก็มีเป็นจำนวนมาก อาทิ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งมีผลงานการแต่งเพลงมากมาย หรือครูแก้ว อัจฉริยะกุล ท่านทั้งสองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งวงสุนทราภรณ์ เป็นต้น


นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) เปิดเผยว่า สวธ.พร้อมจัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติ “บูรพศิลปิน”ในวันที่ ๒๑ ก.ค. ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยในภาคเช้า จะมีพิธีเปิดนิทรรศการ หลังจากนั้นจะเป็นพิธีสงฆ์โดยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ บูรพศิลปิน ถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ สำหรับภาคบ่ายจะมีการเสวนา เรื่อง บูรพศิลปิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป


หลังจากนั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือบูรพศิลปิน ที่จะรวบรวมประวัติและผลงานชิ้นเด่น ๆ ของบูรพศิลปิน ทั้ง ๑๘๗ คน ไว้อย่างเป็นระบบ และจัดทำทำเนียบนาม ชีวประวัติ ผลงานเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า และเป็นหลักฐานที่สำคัญของชาติต่อไป


สามารถตรวจสอบรายชื่อบูรศิลปิน ทั้งหมดได้ที่ culture.go.th



ภาพและข้อมูลจาก
bangkokbiznews.com














เพชรเม็ดงามรุ่นใหม่ ชุด ‘ศึกอินทรชิต’ ตอน : พรหมาศ



ตามพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดง ‘โขน’ เป็นประจำทุกปี และในปีพ.ศ. ๒๕๕๘ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้กำหนดจัดการแสดงโขน ชุด 'ศึกอินทรชิต' ตอน : พรหมาศ พร้อมจัดให้มีการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่ มาร่วมแสดงโขนในครั้งนี้ ณ ห้องเทเวศร์ อาคารหอประชุม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘





สุรัตน์ จงดา, จตุพร รัตนวราหะ, รัจนา พวงประยงค์, ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี,
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ, ประเมษฐ์ บุณยะชัย, อนุชา ทีรคานนท์, เกิดศิริ นกน้อย



เป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่และน่าปลาบปลื้มใจ ที่ได้เห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ สนใจสมัครเข้ามารับการคัดเลือกเพิ่มขึ้นทุกปี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดงโขนชุด ‘ศึกอินทรชิต’ ตอน : พรหมาศ กล่าวถึงบรรยากาศวันคัดเลือกตัวนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่





บรรยากาศการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกโขนรุ่นใหม่



"จากในปีแรกๆ ที่มีเพียงไม่กี่สิบคน จนกระทั่งมาถึงปีนี้ เรามีเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้ความสนใจร่วมสมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงระดับชาติในครั้งนี้ มากถึง ๘๔๕ คน ซึ่งจากการคัดเลือกในรอบที่ผ่านมาจนมาถึงในรอบนี้ จะเห็นว่านักเรียน นักศึกษา ที่สมัครมาแต่ละคน ล้วนมีพรสวรรค์และความสามารถไม่ยิ่งหย่อนกันเลยจริง ๆ”


ปีนี้จัดให้มีคัดเลือกนักแสดง จำนวน ๕ ตัวละคร คือ พระ(โขน) มีผู้สมัคร ๗๙ คน, พระ(ละคร) มีผู้สมัคร ๒๑๓ คน, นาง มีผู้สมัคร ๒๖๓ คน, ยักษ์ มีผู้สมัคร ๑๔๓ คน และ ลิง มีผู้สมัคร ๑๔๗ คน ซึ่งแต่ละตัวละครจะได้รับคัดเลือกเพียงแค่ ๕ คนเท่านั้นจากผู้สมัครทั้งหมด นับได้ว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักเรียน นักศึกษา ทั้งจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันมาร่วมสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยไม่แพ้ในปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าว





ผู้ได้คะแนนอันดับ ๑ ของการคัดเลือก โขน(พระ) ยักษ์ และลิง



สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักแสดง อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดง กล่าวว่า พิจารณาจากความสามารถของผู้แสดงเป็นหลัก โดยดูจากทักษะความสามารถตามบทบาทของตัวละคร


“ตัวแสดง พระ(โขน) พิจารณาหน้าพาทย์ที่ใช้ในการแสดง กระบวนเฉพาะ การตีบทประกอบเพลงร้องและคำพากย์-เจรจา พร้อมทั้งกระบวนท่ารบ-ขึ้นลอย, พระ(ละคร) ดูเพลงหน้าพาทย์ที่หลากหลายและการตีบทประกอบเพลงร้อง, ส่วน ยักษ์ และ ลิง พิจารณาในเรื่องของกระบวนท่าหลัก การใช้อาวุธต่าง ๆ การตีท่าประกอบคำพากย์-เจรจา กระบวนท่ารบ- การรับลอย นอกจากนั้น ดูภาพรวมของนัก





6 ตัวละครนางที่ได้รับการคัดเลือก



แสดงเยาวชนที่มาร่วมคัดเลือก ว่ามีความเหมาะสมกับบทบาทรวม ทั้งการตีความของบทออกมาเป็นท่าทางต่าง ๆ" อ.ประเมษฐ์ กล่าวและว่า ซึ่งการคัดเลือกโดยรวมในปีนี้ นับว่าเยาวชนไทยมีความสามารถที่เรียกว่าเป็น ‘เพชรเม็ดงาม’ มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ นับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้มีโอกาสมาฝึกฝีมือกับศิลปินอาวุโส จนกลายเป็นผู้ที่มีความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญของชาติในด้านศิลปะวัฒนธรรมต่อไป


หนึ่งในคณะกรรมการ อาจารย์รัจนา พวงประยงค์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า “ปีนี้การคัดเลือกยากมาก เพราะเด็ก ๆ มีความสามารถกันมากขึ้น มีพัฒนาการและการเตรียมตัวที่ดีมากขึ้น ทำให้เลือกยากมาก ซึ่งอยากจะขอบคุณเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในนาฎศิลป์ชั้นสูงของไทย มาร่วมกันสืบทอดสืบสาน และอยากให้ตั้งใจกันแบบนี้ต่อไปในทุก ๆ ปี”





โฉมหน้าพระ(ละคร) ที่ผ่านการคัดเลือก



บรรยากาศการคัดเลือก ผู้สมัครทุกคนที่ผ่านเข้ารอบต้องโชว์ความสามารถนาฏศิลป์ไทย ความสามารถตีบทและการใช้บทของแต่ละตัวละคร รวมถึงการตอบคำถามและการแสดงทัศนคติทางด้านนาฏศิลป์ ต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิ นำโดย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดงโขน ชุด ‘ศึกอินทรชิต’ ตอน : พรหมาศ, ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการฯ, อาจารย์ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน) พ.ศ. ๒๕๕๑, อาจารย์จตุพร รัตนวราหะ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน) พ.ศ. ๒๕๕๒, อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดงฯ พร้อมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์), อรนภา กฤษฎี และ ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับการแสดงละครโทรทัศน์-ละครเวที





คณะกรรมการฯ กรรณิการ์ วีโรทัย, รัจนา พวงประยงค์,
รัตติยะ วิกสิตพงศ์, เรวดี สายาคม, พิศมัย วิไลศักดิ์



การแสดง โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด 'ศึกอินทรชิต' ตอน : พรหมาศ กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ ๖ พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไปที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา หรือ //www.thaiticketmajor.com บัตรราคา ๔๒o/ ๖๒o/ ๘๒o/ ๑,o๒o และ ๑,๕๒o บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา ๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก khonperformance.com







ภาพและข้อมูลจาก
FB กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์
FB Khon Performance














เทศกาลโฟโต้บางกอก



หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ผนึกกำลังหลายพันธมิตร ดันเทศกาลโฟโต้บางกอก ๒o๑๕ เกิดครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร มุ่งเน้น การสร้างโอกาสและพื้นที่ให้ศิลปินไทยได้แสดงผลงาน ยกระดับมาตรฐานศิลปะภาพถ่าย สู่ระดับสากลดึงผลงานศิลปินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และระดับโลก จัดแสดงพร้อมกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้


นางลักขณา คุณาวิชยานนท์ ผู้อำนวยการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เปิดเผยถึงการจัดงานเทศกาลโฟโต้บางกอก ๒o๑๕ (PhotoBangkok Festival 2015) ว่า เป็นเทศกาลภาพถ่าย ที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ทุกสามปี มุ่งเน้นการสร้างโอกาส พื้นที่ และทางเลือกให้กับศิลปินไทย สังคมร่วมสมัย จนถึงอุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ ในประเทศไทยและรอบข้าง ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวและการรวมตัว ที่จะนำไปสู่การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ และวัฒนธรรมผ่านศิลปะภาพถ่าย ในขณะเดียวกันเป็นการสร้างรากฐานทางวัฒนธรรมที่มั่นคงให้กับสังคมร่วมสมัยและอนาคตของคนรุ่นใหม่อีกด้วย การจัดเทศกาลโฟโต้บางกอก ๒o๑๕ (PhotoBangkok Festival 2015) ครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการผลักดันจากหลายองค์กรตั้งแต่สถาบันการศึกษา แกเลอรี่ ศิลปิน ภัณฑารักษ์ และดีไซเนอร์


เทศกาลโฟโต้บางกอก ๒o๑๕ (PhotoBangkok Festival 2015) นี้จะเป็นโครงการที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าทางวัฒนธรรม และสามารถดึงดูดความสนใจจากชาวต่างชาติระดับคุณภาพมาสู่เมืองไทย และสามารถต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาเมืองและเพิ่มการกระตุ้นด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทยอีกด้วย


ด้านนายปิยทัต เหมทัต ผู้อำนวยการเทศกาลโฟโต้บางกอก ๒o๑๕ กล่าวถึงรายละเอียดและไฮไลท์ในเทศกาล โฟโต้บางกอก ๒o๑๕ (PhotoBangkok Festival 2015) ว่า การจัดงานในครั้งนี้ได้นำศิลปะจากศิลปินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และระดับโลกมาจัดแสดง รวมถึง กิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองด้านภาพถ่ายศิลปะระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ กิจกรรมที่โดดเด่น อาทิ นิทรรศการแสดงภาพถ่าย ได้รับเกียรติจากศิลปินช่างภาพระดับโลก ราลฟ กิ้บสัน (RALPH GIBSON) ให้นำผลงานภาพถ่ายชุด “SELECTED WORKS” ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานยุคคลาสสิคจนถึงยุคปัจจุบัน มาจัดแสดงในเทศกาลครั้งนี้ รวมถึง “พอส” (PAUSE) นิทรรศการภาพถ่ายโดยศิลปินอาเซียน ภัณฑารักษ์ อรรฆย์ ฟองสมุทร “ปรมาจารย์ที่ถูกลืม” (REDISCOVERING FORGOTTEN THAI MASTERS OF PHOTOGRAPHY) นิทรรศการภาพถ่ายฝีมือชั้นครูในอดีต ภัณฑารักษ์ มานิต ศรีวานิชภูมิ


งานเสวนาก็มีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ “การสะสมงานภาพถ่าย” โดย ดร.ดิสพล จันศิริ คุณโอภาส จันทร์คำ และ ฮุลเซน ฟาร์มานี กิจกรรมเวิร์คชอป พอรตโฟลิโอ รีวิว โดย ศิลปินที่เข้าร่วมแสดงงานในเทศกาล การทำดิจิตอล เนทีฟ โดย กูน สตูดิโอ และกิจกรรมอีกมากมาย ที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม เค ออส (Kiosk) นิทรรศการเชิงทดลอง ร่วมสนุกกับการถ่ายภาพ ใน อาร์ จี บี (R G B)กล้องรูเข็มขนาดยักษ์ เป็นต้น


ผู้อำนวยการเทศกาลโฟโต้ บางกอก ๒o๑๕ กล่าวว่า การจัดเทศกาลโฟโต้บางกอก 2015 ในครั้งนี้ จะทำให้กรุงเทพฯกลายเป็นสถานที่จัดงานด้านทัศน์ศิลป์ สาขาภาพถ่ายร่วมสมัยให้เป็นที่รู้จักระดับสากล และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศิลปะภาพถ่ายในประเทศไทยได้ตื่นตัว เพื่อยกระดับคุณภาพของศิลปินไทยให้มีความเป็นมืออาชีพเชี่ยวชาญในสาขานี้ เพื่อให้ผลิตผลงาน ที่สามารถนำไปแข่งขันและจัดแสดงในระดับนานาชาติได้


เทศกาลโฟโต้ บางกอก ๒o๑๕ (PhotoBangkok Festival 2015) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ – วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยกิจกรรมหลักจัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) และจะกระจายจัด ณ ศูนย์แสดงงานศิลปะกว่า ๒o แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร (Gallery Partners) สามารถติดตามรายละเอียด วัน เวลา สถานที่ การจัดกิจกรรมได้ที่ //www.photobangkokfestival.com / facebook/Photobangkok



ภาพและข้อมูลจาก
newsplus.co.th
thannews.th.com














รวมศาสตร์ศิลป์ แผ่นดินอาเซียน



ดนตรี ศิลปะ การแสดงนับเป็นดครื่องมือบอกเล่าชาติพันธุ์ ประวัติศาสตร์ ได้อย่างน่าเพลิดเพลินใจ แถมยังเป็นภาษาพิเศษที่สื่อสารให้ทุกคนบนโลกเข้าใจร่วมกันได้ ล่าสุดเพื่อเป็นการต้อนรับ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะมาถึง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมจัดงาน “มหกรรมสานศิลป์ แผ่นดินอาเซียน” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้วยการรวบรวมการแสดงแสดงของศิลปินอาเซียนทั้ง ๑o ประเทศ พร้อมจัดการแสดงพิเศษร่วมกันให้เป็นหนึ่งเดียวภายในเมืองศูนย์รวมวัฒนธรรมอย่างประตูท่าแพ จ. เชียงใหม่ โดยมีการแถลงข่าวรายละเอียดการจัดงงานไปแล้ว บริเวณก้แงประชุมชั้น ๑o การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่


นพดล ภาคพรต ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ AEC จึงต้องการเผยแพร่ความเป็นไทยให้ในกลุ่มประเทศได้รู้จัก พร้อมกันนี้ยังอยากให้คนไทยได้รู้จักเรื่องราวของชาติอื่น ๆ ในกลุ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เรานำเสนอการเรียรรู้ผ่านศิลปะวัฒนธรรมเหมือนการรู้เขารู้เราซึ่งแต่ละประเทศมีความใกล้เคียงกันแต่ละเมียดละมัย มีรายละเอียดแยบยลต่างกัน บางการแสดงบองเล่าเรื่องราววิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมของชนชาตินั้นได้ชัดเจน ผู้ชมก็ได้เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ที่มาที่ไปด้วย


"ภายในงานแบ่งพื้นที่ออกแเป็น ๔ โซน ได้แก่ โซนที่ ๑ จัดแสดงดนตรี จากนักร้องและนักดนตรีจากประเทศอาเซียนทั้ง ๑o ประเทศ นอกจากการแสดงเดี่ยวแล้วแต่ละประเทศได้มีการรวมตัวสร้างสรรค์ดนตรีร่วมกัน หยายศิลปินต่างชาติจะมาร่วมร้องเพลงไทยในงานนนี้โดยเฉพาะอีกด้วย โซนที่ ๒ คือการจัดนิทรรศการเชิงวัฒนธรรม แสดงตัวตนของแต่ละชาติอาเซียนที่สะท้อนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บอกเล่าผ่านภาพถ่าย งานศิลปะ หัตถกรรม พร้อมกับการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน โซนที่ ๓ นำเสนอภาพมัลติมีเดียเกี่ยวกับผู้คน วิถีชีวิต ของแต่ละประเทศผ่านการฉายบนกำแพงประตูท่าแพ และโซนที่ ๔ จะมีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่นท้องถิ่นแต่ละประเทศในบรรยากาศสบายๆ


สุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่าบริเวณประตูท่าแพนับเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว เป็นจุดหนึ่งที่รวมวัฒนธรรมหลายเชื้อชาติเข้าไว้ด้วยกันและสามารถเชื่อต่อไปยังสถานที่สำคัญได้สะดวก จากขวงประตูสามารถเดินต่อไปที่ถนนคนเดินได้สะดวก เชื่อว่าในวันที่จะจัดขึ้นนี่จะทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองและกิจกรรมต่างๆ ได้คุ้มค่า รวมถึงคนเชียงใหม่เองก็จะได้ชื่นชมและรู้จักวัฒนธรรมประเทศอาเซียนอื่น ๆ มากขึ้นด้วย


งานมหกรรมสานศิลป์ แผ่นดินอาเซียน พร้อมเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าชมอย่าใกล้ชิต อบอุ่น ในวันที่ ๑o-๑๑ ก.ค. นี้ บริเวณ ประตูท่าแพ จ. เชียงใหม่ สามารถเข้าชมรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติมได้ที่ //www.tourismthailand.org







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net












ผลงานรางวัลที่ ๑



นิทรรศการ “จิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ ๓๗”



มูลนิธิบัวหลวงเชิญชมนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ ๓๗ โดยนำผลงานของผู้ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดจำนวน ๙ ชิ้น และผลงานที่ได้รับการคัดเลือกอีก ๔๓ ชิ้น รวมทั้งสิ้น ๕๒ ชิ้น มาจัดแสดงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมสัมผัสแนวคิดของผลงานจิตรกรรมระดับคุณภาพที่สร้างสรรค์ใน ๓ ประเภท ได้แก่ จิตรกรรมแบบประเพณี จิตรกรรมแนวประเพณี และจิตรกรรมร่วมสมัย ซึ่งเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม – ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการประกาศผลการตัดสินการประกวดจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ ๓๗ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยคณะกรรมการตัดสินทั้ง ๑๕ ท่าน นำโดยศาสตราจารย์ชลูด นิ่มเสมอ ประธานกรรมการตัดสินพิจารณาคัดเลือกภาพจิตรกรรมจากผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจำนวน ๑๔๔ ราย เป็นจำนวน ๒o๕ ภาพ ปรากฎว่ามีผลงานสมควรแก่การรับรางวัลในแต่ละประเภทดังรายละเอียดต่อไปนี้


จิตรกรรมไทยแบบประเพณี

งานจิตรกรรมไทยแบบประเพณี เป็นงานจิตรกรรมที่มีแบบอย่าง กระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิธี และเรื่องราวเนื้อหาสาระ ที่ดำรงภาพลักษณ์แบบไทยประเพณี


รางวัลที่ ๑ เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล ๒oo,ooo บาท และทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
ผลงานชื่อ พระพุทธเจ้า
ของ นายจิรวัฒน์ ทรัพย์อร่าม


รางวัลที่ ๒ เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล ๑oo,ooo บาท
ผลงานชื่อ เพลงปลาตะเพียน ๒
ของ นายนิโรจน์ จรุงจิตวิทวัส


รางวัลที่ ๓ เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล ๗๕,ooo บาท
ผลงานชื่อ สัญลักษณ์แห่งมงคลชีวิต
ของ นางสาวอัจฉราภรณ์ กล่ำเกลื่อน



จิตรกรรมไทยแนวประเพณี

งานจิตรกรรมไทยแนวประเพณี เป็นงานจิตรกรรมที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิถี และเรื่องราวเนื้อหาสาระ ทั้งภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ไทยของงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณีมาพัฒนาสร้างสรรค์ให้เข้ากับสมัยนิยม


รางวัลที่ ๑ เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล ๒oo,ooo บาท และทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
ผลงานชื่อ ภาพสะท้อนความรู้สึก
ของ นายสิทธิพนธ์ เลาะไชยสงค์


รางวัลที่ ๒ เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล ๑oo,ooo บาท
ผลงานชื่อ เกิด – ดับ
ของ นายอนุชา ตาเมืองมูล


รางวัลที่ 3๓ เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล ๗๕,ooo บาท
ผลงานชื่อ ซากความอุดมสมบูรณ์
ของ นายศุภวัฒน์ วิบุลศิลป์



จิตรกรรมร่วมสมัย

งานจิตรกรรมร่วมสมัย เป็นงานจิตรกรรมที่มีกระบวนการสร้างสรรค์ แนวความคิด กลวิธี และเรื่องราวเนื้อหาสาระที่มีการแสดงออกอย่างอิสรเสรี


รางวัลที่ ๑ เหรียญทองบัวหลวง เงินรางวัล ๒oo,ooo บาท และทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ
ผลงานชื่อ โลกของสตรีมุสลิม ๒
ของ นางสาวยามีล๊ะ หะยี


รางวัลที่ ๒ เหรียญเงินบัวหลวง และเงินรางวัล ๑oo,ooo บาท
ผลงานชื่อ นรกภูมิ ๑ (มหาโรรุวมหานรก)
ของ นายกิตติศักดิ์ เทพเกาะ


รางวัลที่ ๓ เหรียญทองแดงบัวหลวง และเงินรางวัล ๗๕,ooo บาท
ผลงานชื่อ บรรพบุรุษรำลึก
ของ นางสาวธิติพรหม อ่อนเปี่ยม



นิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ ๓๗ จัดแสดง ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม – ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. ทุกวันยกเว้นวันพุธ และขยายโอกาสให้ผู้สนใจศิลปะในส่วนภูมิภาค โดยนิทรรศการสัญจรไปยังหอศิลป์มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘

line



Exhibition: 37th Bualuang Paintings Exhibition

Date: 14th August – 22nd September 2015

Venue: The Queen’s Gallery

Tel. 02-281-5360-1























ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Fashion in Time @ Sofitel So Bangkok



กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ ๓ สำหรับงานนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส ที่โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก จัดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่แสดงผลงานของนักออกแบบดาวรุ่งไทย โดยปีนี้นักออกแบบทุกท่านจะนำเสนอผลงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “FASHION IN TIME”


นิทรรศการศิลปะและแฟชั่นโชว์เคสจะเริ่มจัดแสดง ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก คอนเซ็ปต์ในปีนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในแนวคิดการออกแบบของโรงแรมฯ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังจะเห็นได้จากบริเวณสตรีท ล็อบบี้ ของโรงแรมฯ ได้ถูกออกแบบให้อิงกับประวัติศาสตร์ของไทย บริเวณพาร์ค ล็อบบี้ได้ออกแบบโดยดึงจุดเด่นของยุคปัจจุบันมานำเสนอ และสุดท้ายห้องอาหารพาร์ค โซไซตี้ ได้ออกแบบให้เปรียบเสมือนธีมในยุคอนาคต โดยนักออกแบบทั้งสี่ท่าน จะตีความและนำเสนอผลงานภายใต้คอนเซ็ปต์นี้


มิสเตอร์อีฟ มูดรี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก กล่าวว่า “ศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบ ถือเป็นสิ่งที่โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งกรุงเทพฯเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ ทางโรงแรมฯจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนความสามารถของนักออกแบบชาวไทย ด้วยการเปิดพื้นที่ภายในโรงแรมฯให้กลายเป็นสถานที่จัดแสดงผลงาน และในปีนี้ทางโรงแรมฯร่วมกับ ๔ นักออกแบบมากความสามารถ จะมาร่วมกันตีความ และ แสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “FASHION IN TIME” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากแนวคิดการออกแบบของโรงแรมฯ นอกจากนี้ทางโรงแรมได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากงานที่จัดขึ้นในสองปีที่ผ่านมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีอีกเช่นเคย”


ตลอดเวลา ๒ เดือนที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะและแฟชั่นโชว์เคส “FASHION IN TIME” ทางโรงแรมฯได้จัดเตรียมข้อมูลของนักออกแบบ และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานไว้ให้แก่ผู้เยี่ยมชม โดยคุณจิรัฏฐ์ บุญทา จากแบรนด์ Jaritt คุณ วรรณรัตน์ บุญรัตนกรกิจ จากแบรนด์ Onn Wannarat รวมถึงคุณนุตร์ เชนยะวนิช จากแบรนด์ Nutre Jeweller จะจัดแสดงผลงานบริเวณ พาร์ค ล็อบบี้ ชั้น ๙ และคุณศริญญา ลิมป์ทองทิพย์ จากแบรนด์ Srinlim จะจัดผลงานแสดงผลงานที่บริเวณชั้น ๗ ของโรงแรมฯ



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ +๖๖ (o) ๒๖๒๔oooo หรือทางอีเมลล์ h6835@sofitel.com















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














“มหกรรมฟิกเกอร์หุ่นหมี ๘o ตัว” โดย ๘o ศิลปินและนักออกแบบ



สยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับ เมดิคอม ทอย คอร์ปอเรชั่น (Medicom Toy Corporation) แบรนด์ผลิตของเล่นในประเทศญี่ปุ่น เจ้าของฟิกเกอร์หุ่นหมี BE@RBRICK” จัดงาน สยามเซ็นเตอร์ พรีเซ็นต์ แบร์บริค เวิลด์ ไวด์ ทัวร์ (Siam Center Presents BE@RBRICK World Wide Tour II)


มหกรรมจัดแสดง ฟิกเกอร์หุ่นหมี ที่มีการเชิญ ๘o ศิลปิน, นักออกแบบ และแบรนด์แฟชั่น มาร่วมออกแบบตัวฟิกเกอร์แบร์บริค กว่า ๘o ตัว


ศิลปิน,นักออกแบบ และแบรนด์แฟชั่น ที่มีผลงานออกแบบมาร่วมจัดแสดงในนิทรรศการ อาทิ

Edison Chen ศิลปินนักออกแบบชาวฮ่องกง ผู้ทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ในการคัดสรรผลงานมาจัดแสดงในนิทรรศการ

Andre SARAIVA นักกราฟิตี้ชาวสวีเดน เจ้าของผลงานตัวการ์ตูนอารมณ์ดี Mr.A

Kevin Poon นักออกแบบแฟชั่นชาวฮ่องกง ผู้ออกแบบแบรนด์สตรีทแวร์ CLOT

James Jarvis นักวาดภาพประกอบชาวอังกฤษ เจ้าของผลงานตัวการ์ตูน Aos Toys

Mika Ninagawa ช่างภาพและผู้กับกับสาวชาวญี่ปุ่น เจ้าของผลงานภาพถ่ายดอกไม้สีสด ผู้เคยได้รับรางวัล Kimura Ihei Photography Award in Japan และกำกับภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง SAKURAN

Michiko Nakayama นักออกแบบสาว ผู้ก่อตั้ง Muveil แบรนด์แฟชั่นภายใต้แนวคิดสาวน้อยที่มีความมั่นใจและกล้าที่จะแสดงออก แฝงด้วยอารมณ์ความหรูหราและสง่างาม

Yuko Yamaguchi นักออกแบบชาวญี่ปุ่นผู้ออกแบบตัวคาแรคเตอร์การ์ตูนแมวสีชมพู Hello Kitty ภายใต้แบรนด์ SANRIO

ELEY KISHIIMOTO แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งโดยสองศิลปินชาวอังกฤษ Mark Eley และชาวญี่ปุ่น Wakako Kishimoto

UGLYDOLL ตุ๊กตาคาแรคเตอร์สุดกวน ผลงานสร้างสรรค์ของนักวาดภาพประกอบ David Horvath,

DEVILROBOTS ผลงานออกแบบแบรนด์ของเล่น ซึ่งมีคาแรคเตอร์เป็นตัวการ์ตูนแสนซน ออกแบบโดยศิลปินชื่อชาวญี่ปุ่น Evirob

NEIGHBORHOOD แบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ของประเทศญี่ปุ่น ผลงานของนักออกแบบ Shinsuke Takizawa

รวมไปถึงผลงานของนักออกแบบชื่อดังชาวไทยและนักออกแบบรับเชิญ อีกหลายคน ได้แก่

แบร์บริค Absolute Siam ขนาดยักษ์ มีความสูงถึง ๒.๑ เมตร ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “มวยไทย” ออกแบบโดย ชุติมา กิจประยูร ผู้อำนวยการด้านศิลป์และตกแต่ง บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

หุ่นแบร์บริค ขนาดใหญ่ที่สุด สูง ๓.๕ เมตร ภายใต้แนวคิดการนำลวดลายคอนทัวร์แลนด์สเคป (Contour Landscape) มาสร้างสรรค์ลงบน หุ่นแบร์บริค ผลงานออกแบบของ อรรถพร คบคงสันติ ภูมิสถาปนิกหนุ่ม

หุ่นแบร์บริค KTC BEARBRICK CONCEPT ขนาดสูงถึง ๒.๑ เมตร ที่มีสีสันที่แตกต่างและให้ความรู้สึกที่เหมือนมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาซึ่งมี ดร.สิงห์ อินทรชูโต นักออกแบบชื่อดังเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบ

BE@RBRICK x POMME CHAN ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก “ความเชื่อแบบไทยแท้” สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการสเปรย์สีทองอร่าม และวาดรูปใบหน้ายักษ์และวาดลายสักยันต์เพื่อให้ดูน่าเกรงขามตามคตินิยมของคนไทย ผลงานของ ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ ปอม ชาน นักวาดภาพประกอบสาวชาวไทยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ

BE@RBRICK x RAKKIT ออกแบบในสไตล์ Geometric ที่ใช้เทคนิคในการดึงเส้นตรงเส้นนอนมาวางสลับเหลื่อมกันขึ้นรูปเป็นโครงสร้างทั่วตัวฟิเกอร์ แล้วจึงใช้เทคนิคการสเปรย์คู่สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน สีเทาอ่อน และสีแดงขึ้นเป็นลวดลายแบบ Box Stencil ต่อด้วยเทคนิคการเคลียร์กลอสซิ่งเพิ่มความเงาด้านลงไปให้เกิดความมีมิติเพิ่มขึ้น ผลงานของนักออกแบบกราฟิก รักกิจ ควรหาเวช

และ BE@RBRICK X MAMAFAKA ซึ่งสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจของ พฤษ์พล มุกดาสนิท นักออกแบบกราฟิกผู้ล่วงลับ

แบร์บริค เวิลด์ ไวด์ ทัวร์ (BWWT : BE@RBRICK World Wide Tour) จะสัญจรไปจัดแสดงในหลายประเทศ และไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิทรรศการนี้สัญจรมาจัดแสดง ระหว่างวันนี้ - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ พื้นที่ไอเดียอเวนิว ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์

หมายเหตุ : BE@RBRICK คือ หุ่นฟิกเกอร์ตัวหมี ภายใต้แบรนด์ Medicom Toy Incorporated บริษัทผู้ผลิตหุ่นฟิกเกอร์จากประเทศญี่ปุ่น

เกิดขึ้นเมื่อปี ๒oo๑ มีลักษณะของตัวการ์ตูนเป็นรูปหมีที่มีลักษณะกายภาพเหมือนคน ยืนสองขาตัวตรง และที่ผ่านมามีศิลปินนักออกแบบ จากเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และอเมริกาเหนือถูกเชิญมาออกแบบ ภายใต้แนวคิดที่เปิดกว้าง





ชุติมา กิจประยูร





รักกิจ ควรหาเวช





ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ ปอม ชาน























































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














นิทรรศการ พุทธศิลปกรรม ครั้งที่ ๓



นิทรรศการ พุทธศิลปกรรม ครั้งที่ ๓ ผลงานโดย กลุ่มเอกธรรมศิลป์ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๙ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๙ กรกฎาคม เวลา ๑๗.oo น. ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : CMU Art Center นิทรรศการ พุทธศิลปกรรม ครั้งที่ 3 โดย กลุ่มเอกธรรมศิลป์ นิทรรศการจะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๙ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ พิธีเปิดงานนิทรรศการในวันที่ ๙ กรกฎาคม เวลา ๑๗.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 11 กรกฎาคม 2558
Last Update : 11 กรกฎาคม 2558 23:26:23 น. 0 comments
Counter : 2884 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.