happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๓๔





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










หน้าตาแบบจำลอง “พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน” ในพระดำริ “องค์หริภา”



เหล่านี้คือภาพของ “แบบจำลองพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน” ส่วนหนึ่งของโครงการในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ซึ่งผ่านการทำประชาพิจารณ์จากชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นแบบที่จะใช้ในการจัดสร้างฯ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน ณ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

และอีกไม่นานแบบจำลอง จะถูกนำไปจัดแสดงให้ผู้สนใจชมในงาน “สานตำนานยิ่งใหญ่ สายใยชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลป์ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน” วันอังคารที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเสด็จไปเป็นองค์ประธานเปิดงาน

นอกจากนี้ภายในงาน ยังมีกิจกรรม “การประกวดการออกแบบจัดห้องนิทรรศการหมุนเวียน และการประกวดการออกแบบยูนิฟอร์มมัคคุเทศก์เยาวชน” ชิงถ้วยพระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

รวมไปถึง กิจกรรมให้ความรู้เยาวชนในการวาดภาพลายเส้นโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบ โดยศิลปินรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงในวงการศิลปะ,กิจกรรมให้ความรู้ทางด้านโบราณคดีจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๘ เชียงใหม่ และการแสดง ศิลปะวาดภาพจากทราย โดย อาจารย์ก้องเกียรติ กองจันทร์ดี ประกอบกับแสง สี เสียง เทคนิค Projection Mapping อันทันสมัยจาก ARTs OF KORAT










พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงเห็นความสำคัญของโบราณสถานเวียงท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโบราณสถานแห่งนี้มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม และเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับชุมชนมาเป็นเวลาช้านาน อีกทั้งชุมชนมีความเข้มแข็งในการดูแลรักษาโบราณสถาน และโบราณวัตถุ ทว่าขณะนี้ยังขาดพิพิธภัณฑ์สถานสำหรับเก็บรวบรวมและเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้คุณค่าทางประวัติศาสตร์ศิลปะศาสนาและวัฒนธรรมให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเยาวชนในท้องถิ่นควรได้รับการส่งเสริมและปลูกฝังให้รัก และหวงแหนสืบทอดมรดกของชาติ

ที่ผ่านมาจึงทรงมีพระดำริให้มีการจัดงานขึ้น ณ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ มาแล้วหลายครั้ง เพื่อประชาสัมพันธ์โบราณสถานเวียงท่ากานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และเพื่อหารายได้สมทบทุนในการสร้าง “พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน”

ซึ่งงาน “สานตำนานยิ่งใหญ่ สายใยชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลป์ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน” ถือเป็นครั้งที่ ๕ ของการจัดงาน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ทรงมีพระดำริให้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิเวียงท่ากาน” และเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ทรงมีพระดำริให้นำรายได้จากการจัดงานครั้งที่ผ่านๆมา ไปจัดซื้อที่ดินจำนวน ๑๙ ไร่ ที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน

และในปีนี้ ก่อนที่จะมีงาน “สานตำนานยิ่งใหญ่ สายใยชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลป์ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ยังมีพระดำริให้เชิญ ศิลปินผู้มีชื่อเสียงจากภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งศิลปินจากภาคเหนือ จำนวน ๑๕ ท่าน มาร่วมกัน วาดภาพโบราณวัตถุ โบราณสถาน ณ โบราณสถานเวียงท่ากาน ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งยังมีพระประสงค์ให้ประชาชนผู้สนใจศิลปะมาชื่นชมขณะที่ศิลปินกำลังปฏิบัติงานได้

หลังจากนั้นภาพวาดของศิลปินแต่ละท่าน จะนำไปจัดนิทรรศการให้ประชาชนทั่วไปได้ชมในงาน “สานตำนานยิ่งใหญ่ สายใยชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลป์ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน”

และถูกนำมาจัดนิทรรศการอีกครั้งที่กรุงเทพมหานคร พร้อมๆกับกิจกรรมการประมูลภาพ เพื่อหารายได้สมทบทุนในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน

นอกจากนี้ ทรงมีพระดำริให้นำภาพวาดไปจัดพิมพ์เป็น Pocket Book และภาพ Postcard เพื่อให้ความรู้ด้านศิลปะและโบราณคดี และเพื่เป็นการประชาสัมพันธ์โบราณสถานและพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากานให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














อลังการ...งานฉากโขน



เป็นอีกหนึ่งปีที่เตรียมสร้างความประทับใจให้ผู้ชมทุกรอบการแสดงอีกครั้ง สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยในปีนี้ได้เลือกโขน ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” มาจัดแสดงใหม่ หลังจากที่เคยสร้างความประทับใจไปเมื่อปี ๒๕๕o และ ๒๕๕๒ ซึ่งในครั้งนี้ได้นำมาปรับปรุงและจัดการแสดงขึ้นใหม่ โดยเตรียมเนรมิตงานฉากของการแสดงโขน ซึ่งนับองค์ประกอบหลักสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วมและสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างงดงามในทุกปี

สำหรับปีนี้ อ.สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในทุกปีที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงการจัดเตรียมฉากในครั้งนี้ว่า การเตรียมงานในด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากการแสดงโขนเกือบจะสมบูรณ์ครบ ๑oo เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยครั้งนี้มีฉากที่จะใช้ในการแสดงทั้งหมด ๖ ฉากด้วยกัน ได้แก่ ฉากที่ ๑ ขัดตาทัพ (ท้องพระโรงกรุงโรมคัล), ฉากที่ ๒ พลับพลาพระราม, ฉากที่ ๓ สนามรบ, ฉากที่ ๔ ข่าวศึก ในท้องพระโรงกรุงลงกาของทศกัณฑ์ ผู้ชมจะได้พบกับซุ้มเรือนแก้ว ที่มีความวิจิตรมากยิ่งขึ้น มีการทำทอง ติดกระจก ลงยาใหม่เพิ่มเติมจากของเดิมอีกด้วย เพื่อให้ดูมีความงดงาม ทำให้ตัวละครทศกัณฑ์ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เมื่อประทับ ณ ซุ้มเรือนแก้ว, ฉากที่ ๕ เสียพิธี และฉากที่ ๖ ศรพรหมาศ สำหรับความพิเศษจะได้เห็นตั้งแต่เปิดมาฉากแรกเลย โดยปกติการแสดงทุก ๆ ครั้ง เราจะเปิดการแสดงด้วยฉากท้องพระโรงกรุงลงกา แต่ในปีนี้ ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจกับฉากใหม่ คือ ฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัล ที่งดงามมาก โดยมีการใช้ศิลปะทางช่างศิลป์ในแบบไทย และผสมผสานในแบบกระบวนจีนเข้าไปด้วย มิติของโทนสีที่ใช้จะมีความลึกลับดูน่าเกรงขาม เนื่องด้วยบุคลิกลักษณะของมังกรกัณฑ์มีโลกส่วนตัวสูง ก็จะเป็นท้องพระโรงที่มีความลึกลับน่าค้นหา ซึ่งแน่นอนว่าฉากแรกที่เปิดมา ผู้ชมต้องเกิดความประทับใจมากที่สุด

“ส่วนในองค์ที่ ๒ นั้น เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของการแสดงก็ว่าได้ เพราะในปีนี้ ช้างเอราวัณ ในปีนี้ใน “ฉากศรพรหมาศ” จะได้เห็นประติมากรรม ช้างเอราวัณ ขนาดใหญ่ ที่เป็นจุดเด่นในการแสดงครั้งนี้ มีขนาดใหญ่โต ความสูงกว่า ๓.๕ เมตร โดยมีการใส่เอฟเฟกท์ให้มีความสมจริง โดย ช้างเอราวัณ จะสามารถขยับในอิริยาบถต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การชูงวง การขยับคอ ได้ทั้ง ๓ เศียร การทรุดตัวหมอบ นอกจากนี้ ในฉากจบผู้ชมจะได้เห็นงานประติมากรรมนูนต่ำพระจันทร์ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ เมตร ที่มีแสงทองนวลปรั่ง ส่องแสงกระทบกับเขาสรรพยา ซึ่งเรียกได้ว่าเต็มอิ่ม อิ่มเอม และเพลิดเพลินกันในทุกฉาก" ผู้ออกแบบฉาก ฉายภาพให้เห็นเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับฉากในองค์ที่ ๒ เด่นชัดขึ้น

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” ได้กำหนดจัดการแสดง รอบประชาชน จำนวน ๒๔ รอบ และรอบนักเรียน จำนวน ๒o รอบ รวมทั้งสิ้น ๔๔ รอบ ในระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน–๖ ธันวาคม ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
















ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














"วันขาบมงคล" ครั้งที่ ๒๕



เพื่อร่วมรำลึกถึงการจากไปของ พลโท ม.ล.ขาบ กุญชร ผู้เล็งเห็นคุณค่าการอนุรักษ์นาฏศิลป์และดนตรีไทย สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงเรียนนาฏศิลป์ขาบมงคล จึงได้จัดให้มีการแสดงวิพิธทัศนา "วันขาบมงคล" ครั้งที่ ๒๕ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๓o น. เป็นต้นไป ณ โรงละครแห่งชาติ โดยรายได้จากการจัดงานเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยนำไปใช้ในการ "บรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย" แก่พี่น้องประชาชนผู้ที่เดือดร้อน ผู้ทุกข์ยากในสังคมทั่วประเทศ

ทั้งนี้ สภากาชาดไทยและโรงเรียนนาฏศิลป์ขาบมงคล ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทอดพระเนตรการแสดงวิพิธทัศนา "วันขาบมงคล" ครั้งที่ ๒๕ นี้ด้วย

อาจารย์เทียมแข กุญชร ณ อยุธยา กล่าวว่า "การแสดงวิพิธทัศนาวันขาบมงคล จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓o โดยการริเริ่มของ ๔ บุตรี ของพลโท ม.ล.ขาบ กุญชร คืออาจารย์เทียมแข อาจารย์พิมพ์แข อาจารย์พัชรา และดร.กันทิมา กุญชร ณ อยุธยา ซึ่งก่อตั้งโรงเรียนนาฏศิลป์ขาบมงคลเพื่อเป็นสถาบันถ่ายทอดนาฏศิลป์ ดนตรีไทยให้กับเด็กและเยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พลโท ม.ล.ขาบ กุญชร ผู้ซึ่งเห็นคุณค่าและสนับสนุนให้มีการอนุรักษ์นาฏศิลป์และดนตรีไทย อีกทั้งเพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนไทยเห็นคุณค่าของนาฏศิลป์ และดนตรีไทย ซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมที่มีความงดงาม อีกทั้งเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนไทยรู้จักใช้เวลาว่างในการบำเพ็ญประโยชน์ให้กับกิจกรรมสาธารณกุศลร่วมกับสภากาชาดไทย และได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี"

สำหรับการแสดงวิพิธทัศนา "วันขาบมงคล" ครั้งที่ ๒๕ นี้ จะเป็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยและดนตรีไทยที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของมรดกที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมของไทย โดยได้รับเกียรติจากศิลปินผู้มากด้วยฝีมือทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่มาร่วมถ่ายทอดความงดงามอย่างคับคั่ง อาทิ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต อาจารย์พัชรา กุญชร ณ อยุธยา อาจารย์วันทนี ม่วงบุญ ผู้ทรงคุณวุฒิทางศิลปะนาฏศิลป์ไทย และอาจารย์คาโยโกะ อากิโมโตะ ศิลปินรับเชิญจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งศิลปินกิตติมศักดิ์ อาวุโสจากกรมศิลปากรหลากหลายท่าน ซึ่งล้วนเป็นบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิทางศิลปะนาฏศิลป์ไทย ร่วมด้วยนักเรียนโรงเรียนนาฏศิลป์ขาบมงคลทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน โดยภายในงานจะได้รับชมชุดการแสดงต่าง ๆ มากมาย ประกอบด้วย การบรรเลงดนตรีไทย รำถวายพระพร รำเบิกโรงกิ่งไม้เงินทอง เซิ้งกระติบข้าว ระบำอยุธยา การบรรเลงกู่เจิง ระบำรำกระบี่ ละครอิเหนา ตอนลานางบุษบา โดยธีรเดช กลิ่นจันทร์ ฟ้อนดวงเดือน และรำชุดโยคีถวายไฟ เป็นต้น

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย จึงขอเชิญชวน ผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ที่ชื่นชอบการแสดงนาฏศิลป์ไทยและดนตรีไทย เฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และร่วมรับชมการแสดงวิพิธทัศนา "วันขาบมงคล" ในครั้งนี้ โดยติดต่อซื้อบัตรในราคา ๓oo บาท ๕oo บาท และ ๑,ooo บาท ได้ที่โรงเรียนนาฏศิลป์ขาบมงคล โทรศัพท์ o-๒๙๓๙-๒๔๑๗, o๘-๒๕๙๒-๙๖๙๘ โรงละครแห่งชาติ โทรศัพท์ o-๒๒๒๔-๑๓๔๒ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย โทรศัพท์ o-๒๒๕๖-๔๔๔o, o-๒๒๕๕-๙๙๑๑ โทรสาร o-๒๖๕๒-๔๔๔o



ภาพและข้อมูลจาก
redcross.or.th














อวดลายเส้น ราชาการ์ตูนไทย “ประยูร จรรยาวงษ์” ในงานมหกรรมหนังสือ



ตลอด ๑๒ วัน ของงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๒o (Book Expo Thailand 2015) ระหว่างวันพุธที่ ๒๑ ตุลาคม - วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)

นอกจากจะถูกจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วาด” (ส่วนหนึ่งที่ช่วยสะกิดสังคมให้คิดถึงอนาคตทั้งในระดับปัจเจกและระดับชาติ ในวันที่เราทุกคนจะต้องมาเริ่มต้นวาดทุกอย่างใหม่ร่วมกัน) และมีไฮไลท์เป็นนิทรรศการสามมิติ “การ์ตูนไทยตายแล้ว?”










ส่วนหนึ่งของนิทรรศการไฮไลท์ยังมีนิทรรศการย่อยที่น่าสนใจคือ “นิทรรศการ ๑oo ปี ประยูร จรรยาวงษ์ ราชาการ์ตูนไทย” ผู้สร้างชื่อเสียงแก่วงการนักเขียนการ์ตูนไทยเมื่อผลงาน การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ได้รางวัลชนะเลิศ การประกวดการ์ตูนสันติภาพที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผลงานการเขียนการ์ตูนการเมืองก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลของมูลนิธิรามอนแมกไซไซ สาขานักหนังสือพิมพ์ ในปี ๒๕๑๔

นอกจากนี้ประยูร ยังถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาได้มีประสบการณ์เรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตของตน ผ่านการ์ตูนชุดขบวนการแก้จน เริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๑๕ - ๒๕๒๑ ซึ่งการ์ตูนชุดนี้ได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างมากในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานกว่า ๒o ปี และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือดี ๑oo เล่มที่คนไทยควรจะได้อ่าน และในคำประกาศได้บอกว่าเป็นอัญมณีทางการ์ตูนที่หาได้ยากยิ่ง

ส่วนใครที่พลาดชมผลงานภาพถ่ายสัตว์ป่าและธรรมชาติที่บันทึกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ของ ๒ ช่างภาพ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ และชาญชัย พินทุเสน ในงานครบรอบ ๒๕ ปี สืบ นาคะเสถียร ที่ผ่านมา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภาพถ่ายจะถูกนำไปจัดแสดงให้ชมอีกครั้งในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งนี้ ผ่านนิทรรศการ สืบไพร ทุ่งใหญ่ตะวันตก (ขณะที่ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ สามารถไปชมได้ที่ โถงด้านหน้าหอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพานิชย์ สำนักงานใหญ่)

และยังมีอีกหลายนิทรรศการและกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” ที่ปีนี้มี “คิ้วต่ำ” นักวาดภาพประกอบชื่อดังมีมาช่วยออกแบบของที่ระลึกคอลเลคชั่นพิเศษ ทั้งเสื้อ สมุดโน้ต ที่คั่นหนังสือ ,นิทรรศการบทกวีจากศิลปินระดับชาติ, นิทรรศการย้อนตำนานสตรีสาร ๑oo ปี คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง ,มิวเซียมสยามมินิ’ คำไทย ใครทำ : หลากหลาย คือไทยแท้ ฯลฯ แม้แต่"โปสเตอร์" ของมหกรรมหนังสือในปีนี้ ที่ออกแบบได้น่าสนใจและตั้งคำถามกับผู้ชมว่า “คุณพบหนังสือเล่มใดบ้าง”

ดังนั้นในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งนี้ แม้คุณไม่ใช่หนอนหนังสือ ที่จะไปเลือกซื้อหาหนังสือจากหลายร้อยสำนักพิมพ์ (๔๒๑ สำนักพิมพ์ ๙๓๓ บูธ) ก็คงอดที่จะแวะเวียนไปชมนิทรรศการต่างๆเหล่านี้ไม่ได้











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ตจว.ไม่แห้งแล้งศิลปะ 5 กิจกรรมศิลปะแนะนำ ใน 5 จังหวัด



แม้เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร จะเป็นพื้นที่ๆมีกิจกรรมทางด้านศิลปะกระจุกตัวอยู่มากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าในต่างจังหวัดจะแห้งแล้งกิจกรรมทางด้านศิลปะ

สัปดาห์นี้มีนิทรรศการและกิจกรรมทางด้านศิลปะที่น่าสนใจในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานมาแนะนำ ใครอยู่ใกล้จังหวัดไหน อย่าลืมหาเวลาไปแวะชมและร่วมกิจกรรม










สีเขียวในสีน้ำ ที่แกลเลอรี่ข้างวัด


เริ่มด้วยนิทรรศการแรก ที่เปิดแสดงวันแรกไปพร้อมๆกับการเปิดตัวแกลเลอรี่

นิทรรศการเเสดงเดี่ยวภาพวาดสีน้ำชุด Green Color Art exhibition โดย ธเนศ มณีศรี

ณ แกลเลอรี่ข้างวัด ส่วนหนึ่งของโครงการบ้านข้างวัด ซึ่งข้างวัดที่ว่า คือ วัดร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง จ. เชียงใหม่ สอบถาม โทร. o๘๖-๖๑๓-๔๗๕๙










ฮักนะครับ


นิทรรศการภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวของแม่พ่อกับอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดย วันชัย พุทธวารินทร์

ฮักนะครับ (HUG Na Krub) วันที่ 8-11 ตุลาคม พ.ศ.2558 ณ ห้อง 2507 ชั้น 5 ตึก 68 ปีอนุสรณ์ (ตึกเด็ก)โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์






ฮูปแต้ม...เลยไปน่าน

อิทธิพล พัฒรชนม์ ศิลปินชาวกรุงเทพที่ไปใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวอยู่ที่ จ.เลย เจ้าของนิทรรศการแสดงเดี่ยวชุด ฮูปแต้มเลย (Loei Painting) ที่เพิ่งจัดแสดงไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ หอศิลป์จามจุรี, เจ้าของรางวัลเหรียญทองจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ ๓๖ ประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณีและศิลปินผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับผนังโบสถ์ของ วัดโพธิ์ชัย บ้านนาบอน อ.เมือง จ.เลย

นำผลงานขึ้นเหนือไปจัดแสดงให้ชมที่เมืองน่าน ตลอดเดือนตุลาคมนี้

นิทรรศการ ฮูปแต้ม...เลยไปน่าน ณ หอศิลป์ริมน่าน ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๒ ถนนน่าน - ทุ่งช้าง(ก.ม.๒o) ต.บ่อ อ.เมือง จ.น่าน เปิด เวลา ๙.oo - ๑๗.oo น. (หยุดวันพุธ) สอบถาม โทร. o๘๑-๙๘๙-๒๙๑๒










บ้านพี่ - เมืองน้อง เมืองไทย - เมืองธีร์ ครั้งที่ ๒


นิทรรศการแสดงภาพวาดของ ศิลปินเด็กสองพี่น้อง เมืองไทยและเมืองธีร์ พิทักษ์ศฤงคาร พร้อมด้วยผลงานของศิลปินรับเชิญ ไพโรจน์ สโมรสร, ลอนสัน โหล่คำ, วีระ พุฒิกุลากูร และ ธีระพงษ์ พิทักษ์ศฤงคาร

ระหว่างวันนี้- ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (เปิดทุกวัน) ณ หอศิลป์ต้นตาล (ตลาดต้นตาล) ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร. o๘๑-๗๒๙- ๖o๘๖










พบ “ศิลปินชาวนา” ที่..มมส.


หนีค่าครองชีพสูงในเมืองหลวง กลับไปทำงานศิลปะและทำนาที่บ้านเกิด ณ บ้านหนองสูง ต.หนองสูงเหนือ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

ล่าสุด ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เชิญ วรวิทย์ แก้วศรีนวม ศิษย์เก่าคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ไปบอกเล่าถึงชีวิตการเป็น “ศิลปินชาวนา” ในหัวข้อ “ชีวิตและเส้นทางศิลปะ ”

วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo - ๑๒.oo น. ณ ห้องบรรยาย ๑o๑ ชั้น ๑ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














เปิดมุมมองในนิทรรศการภาพถ่าย “URBANSCAPES”



โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงค็อก ร่วมกับ เยลโลคอร์เนอร์ ประเทศไทย (YellowKorner Thailand) เปิดตัว นิทรรศการภาพถ่าย “Urbanscapes” จัดแสดงผลงานภาพถ่าย ณ บริเวณสตรีต ล็อบบี้ ชั้น G ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘

ม.ร.อีฟ มูดรี กล่าวว่า “ทางโรงแรมฯ มีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้ร่วมงานกับ YellowKorner หนึ่งในผู้นำด้านศิลปะการถ่ายภาพ ซึ่งมีแกลเลอรีมากกว่า ๘o แห่งทั่วโลก และมีศิลปินร่วมจัดแสดงผลงานด้วยทั้งสิ้นกว่า ๒oo ท่าน สำหรับงานนิทรรศการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทางโรงแรมฯได้เลือกนำผลงานของ ม.ร.โลรองต์ ดิควิก และคุณคิด-คณชัย เบญจรงคกุล มาจัดแสดง โดยผลงานของทั้ง ๒ สะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส และไทย อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นความงามในอีกแง่มุม ที่เรามิอาจสามารถสัมผัสได้จากบ้านเมืองของเราเอง”

มร.โลรองต์ ดิควิก นำเอาภาพถ่ายจากชุดภาพ “Vibrations Urbaines” มาจัดแสดง โดยนำเสนอภาพถ่ายของเมืองดั้งเดิมโดยผสมผสานเทคนิคในการถ่าย ทำให้เกิดเป็นมุมมองที่แปลกใหม่ โดยศิลปินชาวฝรั่งเศสท่านนี้มีชื่อเสียงจากผลงานที่สามารถสื่อถึงความตื่นเต้น น่าตื่นตาตื่นใจ ของสถานที่ที่พบเห็นในหลากหลายเมืองดัง เทคนิคที่ช่วยสื่อความรู้สึกเหล่านี้ออกมา คือการนำภาพถ่ายมาซ้อน เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นความวุ่นวายของสถานที่ และความพลุกพล่านของผู้คนในเมืองเหล่านั้น

สำหรับ คิด - คณชัย เบญจรงคกุล ช่างภาพแฟชั่นอิสระผู้มีชื่อเสียง ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ทั้งในกรุงลอนดอน และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังเป็นช่างภาพชาวไทยคนแรกที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ YellowKorner ถึงแม้ว่าเขาจะสำเร็จการศึกษามาด้านสถาปัตยกรรม และได้เปลี่ยนเส้นทางมาเป็นช่างภาพ แต่ผลงานก็ยังคงแสดงออกถึงความหลงใหลในจิตวิญญาณ และศิลปะทางด้านสถาปัตยกรรม สำหรับผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นชุดภาพถ่ายในช่วงระหว่างที่เดินทางไปเยือนประเทศรัสเซียครั้งล่าสุด เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น

แกลเลอรีของ YellowKorner ยังมีผลงานของศิลปินมากความสามารถอีกมากมาย โดยตั้งอยู่ที่ชั้น ๔ ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ตึก The Helix Quartier











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














อาร์ตโค้ด



โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญชมงานแสดงนิทรรศการ “อาร์ตโค้ด” ไขความลับงานศิลปะ โดย ชลสินธุ์ ช่อสกุล ณ บริเวณสกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ ของโรงแรมฯ ตั้งแต่ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ระหว่างเวลา ๑o.oo น. ถึง ๒o.oo น. รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายงานศิลปะร่วมสบทบทุนแก่ “มูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี (พอ.สว.)” เพื่อนำไปบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่ส่วนรวมตามความประสงค์ของทางมูลนิธิฯ

นิทรรศการฯครั้งนี้ เสนอผลงานในรูปแบบกึ่งนามธรรม ไปจนถึงนามธรรมที่แปลกตาออกไป ซึ่งผลงานบางชิ้นไม่เคยนำออกแสดงที่ใดมาก่อน และบางชิ้นยังจัดทำขึ้นใหม่เพื่อการแสดงในครั้งนี้โดยเฉพาะ มีทั้งผลงาน ๒ มิติ ๓ มิติ และสื่อประสม แฝงไปด้วยเสน่ห์ความงดงามจากรูปทรง เทคนิค พื้นผิว สีสัน จังหวะการจัดวาง และรายละเอียดองค์ประกอบอื่น ๆ ซึ่งศิลปะในแนวนี้ถือเป็น “ศิลปะที่แท้จริง”


ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ และเลือกซื้อผลงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร. o๒-๑oo-๑๒๓๔ ต่อ ๖๗๕๓-๕๖







ภาพและข้อมูลจาก
matichon.co.th














Revealed นิทรรศการภาพถ่ายศิลปิน



ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิกกับ Revealed นิทรรศการภาพถ่ายศิลปินดังขณะกำลังทำงานศิลปะ ซึ่งจัดขึ้นโดย Olivier Widmaier Picasso หลานของศิลปินระดับตำนานอย่างปิกัสโซ ระหว่างวันนี้-๒๓ ตุลาคมนี้ ที่ Sofitel Bangkok Sukhumvit เข้าชมฟรี















ภาพและข้อมูลจาก
gqthailand.com














พรุ่งนี้ก็สายแล้ว



ชื่อ “ศิลป์ พีระศรี” ไม่เพียงเป็นครูของชาวศิลปากรเท่านั้น ท่านคือครูของผู้ “ถือศิลป์ ปฏิบัติทำ” ทุกคน นามท่านพ้นจากความยึดติด “สถาบันนิยม”

ผมเองเป็นลูกดำ-แดง เพาะช่าง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จบระดับ ปวช. เพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งไปสอบเข้า ม.ศิลปากร แต่ผมและเพื่อนจำนวนหนึ่งยืนยันไม่ไปสอบ พอใจที่จะอยู่เพาะช่างต่อ ด้วยความรู้สึกอหังการ์เล็ก ๆ ว่า เพาะช่างก็หนึ่งศักดิ์ศรีมิได้ยิ่งหย่อนกว่าศิลปากรเลย แต่ขณะเดียวกันก็ดื่มด่ำกับตำนานของ “อาจารย์ฝรั่ง” คอร์ราโด เฟโรจี ผู้ข้ามฟ้ามาจากฟลอเรนซ์ อิตาลี ท่านได้โอนสัญชาติเป็นไทย ได้นามไทย ฝากชีวิตและสิ้นชีวิตที่เมืองไทย

ครูอาจารย์ของผมที่เพาะช่าง ก็ล้วนแต่ลูกศิษย์ของท่าน อาจารย์บรรจบ พลาวงค์ อาจารย์สนิท ดิษยพันธุ์ ผมเคยได้เรียนกับอาจารย์ กำจร สุนพงษ์ศรี ได้รับรู้เรื่องราว คุณูปการของอาจารย์ฝรั่ง บุคคลสำคัญที่ได้วางรากฐานการศึกษาด้านศิลป์ร่วมสมัยไว้ให้แผ่นดิน

เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ที่ผ่านมา ผมได้รับหนังสือเล่มสำคัญ “อาจารย์ศิลป์กับลูกศิษย์” เรื่องราวของชีวิตลูกศิษย์กับอาจารย์ ตำนานที่เล่าขานถึงความรัก ความผูกพัน และความใฝ่ฝันในศิลปะ

จัดพิมพ์โดยสำนักวิจัยศิลป์ พีระศรี จากมือของบรรณาธิการบริหาร : วิจิตร อภิชาติเกรียงไกร ซึ่งเป็นผู้ออกแบบรูปเล่มด้วย และทำหนังสือเล่มนี้ออกมาดี เป็นของขวัญล้ำค่าในรอบปีสำหรับผม (แม้ในวันนั้นจะเป็นวันเศร้า.. ๒๖ กันยายน งานฌาปนกิจศพ สุธน สุขพิทักษ์ หรือ ตุ๊ แครี่ออน ศิลปินเพลงชีวิต)

หนังสือที่ผมอ่านรวดเดียวจบในคืนวันนั้น ด้วยรายนามของลูกศิษย์ลูกหาทุกรุ่นที่แสดงออกผ่าน “ข้อเขียน คำเล่า” ของแต่ละคน ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทรงค่า เริ่มจาก เขียน ยิ้มศิริ, พิมาน มูลประมุข, เฟื้อ หริพิทักษ์, สนั่น ศิลากรณ์, ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์, สวัสดิ์ ตันติสุข, ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ, ทวี นันทขว้าง, ประยูร อุลุชาฎะ, อังคาร กัลยาณพงษ์, ชะลูด นิ่มเสมอ, ลาวัณย์ อุปอินทร์, สุเชาว์ ศิษย์คเณศ, ถวัลย์ ดัชนี, ช่วง มูลพินิจ, อาวุธ เงินชูกลิ่น

รายนามลูกศิษย์ของอาจารย์ฝรั่ง เป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งที่ ศิลป์ พีระศรี ได้เพาะหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ในแผ่นดิน “ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย” ผู้เริ่มก้าวแรกด้วยการก่อตั้งโรงเรียนประณีต ศิลปกรรม จนเป็นโรงเรียนศิลปากร...เป็นมหาวิทยาลัย "เป็นโลกงดงามของผู้ถือศิลป์ ปฏิบัติทำ”

“ถ้านายไม่ทำงาน พรุ่งนี้ก็สายไปแล้วนาย”

ประโยคที่ผู้ถือศิลป์ทุกคนจดจำ



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














นิทรรศการ“สีไทยโทน” เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ
ฟื้นสีไทย สร้าง “เทรนด์ไทยโทน”



ศูนย์บันดาลไทย เปิดตัวนิทรรศการที่สอง “สีไทยโทน” เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ฟื้นสีไทยต่อยอดธุรกิจ สร้างอัตลักษณ์งานออกแบบไทย ปักธงสร้างเทรนด์“อาเซียนโทน” ผ่านไทยโทนกว่าสองร้อยเฉดสี

เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนิทรรศการ “สีไทยโทน” เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ภายใต้ โครงการศูนย์บันดาลไทย โดยมี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานในการแถลงข่าว พร้อมด้วย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และศิลปินนักออกแบบเจ้าของงานวิจัยสีไทยโทน นายไพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์พิเศษคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม เป็นหน่วยงานที่มีพันธกิจโดยตรงในการนำมิติทางวัฒนธรรมมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคม ส่งเสริมอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม ได้จัดตั้ง “ศูนย์บันดาลไทย” (The Center of Thai Inspiration) เพื่อเป็นศูนย์กลางให้บริการและให้คำแนะนำปรึกษา เพื่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ บริหารจัดการเสน่ห์ทางวัฒนธรรม (ทุนทางวัฒนธรรม) และสร้างแรงบันดาลใจในการนำ “เสน่ห์ไทย” จากทุนวัฒนธรรมในถิ่นต่าง ๆ มาเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจส่งต่อคุณค่าใหม่ให้แก่สังคม ตลอดจนรวบรวมข้อมูลทุนวัฒนธรรมพื้นถิ่นจากทั่วประเทศ สังเคราะห์ผ่านกรณีศึกษา เพื่อให้เกิดรูปธรรมในการนำไปประยุกต์ใช้งานอย่างร่วมสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่จะก้าวไปสู่การเป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ

"การสร้างอัตลักษณ์เป็นกระบวนการหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ การนำต้นทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ขับเคลื่อน เท่ากับการสร้างสรรค์งานอย่างมีทิศทาง การฟื้นความรู้ “เสน่ห์สีไทยโทน” ในวันนี้ โดยนำเสนอผ่านกรณีศึกษาต่าง ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ และงานโฆษณา จะนำไปสู่การต่อยอดและขยายผลไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อาทิ การออกแบบแฟชั่น งานออกแบบตกแต่งภายใน และงานบริการเพื่อการท่องเที่ยว เป็นต้น

คนส่วนใหญ่จะมองประชาคมอาเซียนในมุมเศรษฐกิจ แต่ทุกวันนี้ วัฒนธรรมมีส่วนสำคัญในสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ จึงต้องมีหน่วยงานทำหน้าที่สังเคราะห์ทุนวัฒนธรรมซึ่งมีตั้งแต่อารยธรรมหลัก จนถึงวัฒนธรรมย่อย ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน องค์ความรู้เรื่องสีไทยเป็นมรดกของประเทศที่มีรากเหง้ามายาวนาน การรื้อฟื้นผ่านกรณีศึกษาต่าง ๆ ที่พัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ งานบริการ และสื่อโฆษณาต่าง ๆ ในนิทรรศการนี้ จะทำให้เรามองเห็นการต่อยอดได้จริง และยังเป็นการส่งต่อคุณค่าใหม่ให้กับสังคมอีกด้วย

ความรู้เรื่องสีไทยโทนในวันนี้จึงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการฟื้นคุณค่าสีไทยโทนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างอัตลักษณ์งานออกแบบไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และในอนาคต อาจต่อยอดเป็นงานสร้างสรรค์ที่เสริมพลังให้กับประชาคมอาเซียน เนื่องด้วย “วัฒนธรรม” ก็คือหนึ่งในสามเสาหลักสำคัญของประชาคมนี้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว

ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานว่า ชุดความรู้ในนิทรรศการนี้มีจุดเริ่มต้นจากการค้นคว้าวิจัยของ อาจารย์โพโรจน์ พิทยเมธี (อาจารย์พิเศษคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร) ที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความเป็นมาของสีไทยที่มีรากเหง้ามานาน ปรุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีชื่อเรียกไพเราะ มีความหมาย และมีหลักฐานสืบค้นย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ในการวิจัยใช้อุปกรณ์ระบบดิจิตอลเพื่อเทียบสีงานจิตรกรรมไทยโบราณกับค่าสีปัจจุบันที่กำหนดด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งชุดความรู้ดังกล่าวทำให้เกิด ‘เทรนด์ไทยโทน’ ในรูปเฉดสีไทยมากกว่า ๒oo สี พร้อมชื่อสี และการกำหนดค่าสีที่สามารถนำไปใช้งานจริง ผลจากงานวิจัยยังพบว่าสีไทยโทนเป็นกลุ่มสีเดียวกับ ‘อาเซียนโทน’ ด้วยเหตุที่ชาติอุษาคเนย์ของเราต่าง สืบวัฒนธรรมสายเดียวกัน จึงเป็นไปได้ว่าจากไทยโทน ก็สามารถวิจัยเพิ่มเรื่องสีอาเซียนโทนเพื่อสร้างอัตลักษณ์และต่อยอดธุรกิจต่าง ๆ ของประชาคมนี้

นิทรรศการ “สีไทยโทน” เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔ ตุลาคม – ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ HOF ART Space ในโครงการ W District ระหว่างสุขุมวิท ๖๙ - ๗๑น ภายในนิทรรศการประกอบด้วยชุดความความรู้ในการฟื้นเสน่ห์ไทย เพื่อก้าวสู่โลกธุรกิจสมัยใหม่ การต่อยอดในงานศิลปะและการออกแบบร่วมสมัยด้วยสีทาต่าง ๆ สีเซรามิคสีย้อมไหมฯ การต่อยอดในธุรกิจบริการด้วย “ไทยโทนคาเฟ่” และการต่อยอดธุรกิจในผลิตภัณฑ์ส่งเสริมความเป็นไทยด้วย “ไทยโทนไลฟ์สไตล์ช็อป” พร้อมด้วยการเสวนาและเวิร์คช็อปให้ความรู้ ได้แก่“เสน่ห์สีไทยโทน : จากอัตลักษณ์ไทยสู่ Tropical Color” ศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘, เวิร์คช็อป “การปรุงสีไทยโทนเพื่องานศิลปะและงานออกแบบ” เสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘, เวิร์คช็อป “การจับคู่สีไทยโทนเพื่องานออกแบบและกราฟิกดีไซน์” อาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ยังมีการจัด นิทรรศการหมุนเวียนในศูนย์บันดาลไทย หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป

ผู้เข้าร่วมเสวนา/เวิร์คช็อปจะได้รับหนังสือ“สีไทยโทน”เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ที่รวบรวมองค์ความรู้ สีไทย การปรุงสี และวัสดุปรุงสีไทย พร้อมเฉดสีไทยโทนกว่า ๒oo สี ที่ระบุรหัสค่าสีที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจนมีการสำรองที่นั่งได้เต็มจำนวนแล้ว แต่ตลอดเวลาการจัดนิทรรศการก็สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ระหว่างวันที่ ๑๔ ตุลาคม – ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ HOF ART Space ในโครงการ W District ระหว่างสุขุมวิท ๖๙ - ๗๑























ภาพและข้อมูลจาก
bundanthai.com














นิทรรศการศิลปะปูนปั้น ครั้งที่ ๑๕



ไปชมกันหรือยัง ผลงานศิลปะปูนปั้นที่ได้รับรางวัลจากการประกวด ศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๕ ซึ่งจัดโดย กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ร่วมกับ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, สมาคมประติมากรรมไทย และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)

ตามเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังให้งานศิลปะปูนปั้นเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศไทย และมีผู้สืบสานงานช่างฝีมือแขนงนี้ต่อไป และครั้งนี้ มีผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทดังต่อไปนี้

รางวัลชนะเลิศประเภท ปูนสด
พระอภัยมณีพบนางเงือก ผลงานของ กัมปนาท แสงเงิน

“หลังจากที่พระอภัยมณีหนีออกจากนางผีเสื้อสมุทรได้ ก็ได้พบรักกับนางเงือกและได้นางเงือกเป็นชายา โดยที่พระอภัยมณี นางเงือก และสินสมุทรได้อาศัยอยู่กับฤษีบนเกาะแก้วพิสดาร และนางเงือกก็ได้ถือแกำเนิดบุตรชายชื่อสุดสาคร”





พระอภัยมณีพบนางเงือก ผลงานของ กัมปนาท แสงเงิน



รางวัลชนะเลิศประเภท ปูนสำเร็จรูปทีพีไอ

เสียง...อีสาน ผลงานของ มงคล ฤาชัยนาม

“หมอลำ เป็นภูมิปัญญาไทยถิ่นอีสาน ด้านศิลปกรรม เครือข่ายของภูมิปัญญาไทยที่มีมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ข่าวสารบ้านเมือง การเมืองการปกครอง ครอบครัวเป้นต้น ให้ชาวบ้านที่อ่านหนังสือไม่ได้ ได้รับรู้และเกิดสุนทรียภาพทางอารมณ์แก่ผู้ฟัง จึงทำให้หมอลำอยู่คู่กับชาวอีสานจนถึงปัจจุบัน”





เสียง...อีสาน ผลงานของ มงคล ฤชัยนาม



รางวัลชนะเลิศประเภท ผลงานสำเร็จรูป

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผลงานของ พฤกษ์ โตหมื่นไวย

“สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเห็นความสำคัญของความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า ที่จะช่วยกันทำนุบำรุงชาติ บ้านเมือง พระศาสนา พระมหากษัตริย์ในยามทุกข์ยาก นอกเหนือไปจากศาสตราวุธต่างๆแล้ว ความสามัคคีของคนในชาตินั่นเองจะปกป้อง นำพาซึ่งความเป็นเอกราช ปึกแผ่นแห่งความสุขของคนในชาติไปอีกนานแสนนาน ชาติบ้านเมืองจึงมั่นคงและร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้”





เกษตรพอเพียง ผลงานของ ภาณุพัฒน์ วิบูลรุ่งเรือง



รางวัลชนะเลิศประเภท เยาวชน
เกษตรพอเพียง ผลงานของ ภาณุพัฒน์ วิบูลรุ่งเรือง

“อาชีพหลักของคนไทยส่วนใหญ่คือการทำการเกษตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่าให้ทำการเกษตรแบบพอเพียง เกษตรแบบผสมผสานด้วยการทำนาเป็นหลัก และปลูกพืชผักผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหาร หากเหลือกินก็นำไปขายสร้างรายได้เสริมได้อีกทาง”

นิทรรศการศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๕ จัดแสดงระหว่างวันนี้ - ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า

นอกจากผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองลงมา ยังมีผลงานที่ถูกคัดเลือกให้จัดแสดงในนิทรรศการอีกเกือบ ๑oo ชิ้น





เกษตรพอเพียง ผลงานของ ภาณุพัฒน์ วิบูลรุ่งเรือง































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ปลุกปั้นดาวเด่นวงการศิลป์



สานต่อการแจ้งเกิดศิลปินในวงการศิลป์กันอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ ๘ พร้อมสร้างพื้นที่สำแดงฝีมือ และเปิดโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ในโครงการ “ดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑” โดยมูลนิธิบัวหลวง ร่วมกับหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “สำนึกไทย” พร้อมจัดงานแถลงข่าวสร้างความเข้าใจให้ ๖๔ นักศึกษาผู้เข้าแข่งขันดาวเด่นบัวหลวงครั้งที่ ๘ จาก ๓๒ คณะ ๓๑ มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ภายในหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันก่อน

เริ่มต้นด้วยการบรรยายพิเศษ โดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติิ ที่บอกเล่าเทคนิคการสร้างผลงานแก่ผู้เข้าแข่งขันในปีที่ ๘ นี้ ว่า ศิลปินอาชีพคือคนที่มีอิสระ ทำงานง่าย ไม่ต้องยึดติดอยู่กับกฎระเบียบ วันเวลา ศิลปินแบบนี้คือคนที่โครงการดาวเด่นต้องการ เป็นศิลปินที่แตกต่างจากโครงการอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญในการมาประกวดไม่ใช่รางวัล แต่เป็นการได้ดูผลงาน ดูแนวคิดการทำงานของเพื่อน ๆ ร่วมโครงการ ดูสิ่งที่ขาดหาย บางคนแนวคิดดีแต่ทักษะไม่ได้เลย บางคนทักษะได้แต่องค์ประกอบไม่ดี ไม่มีใครครบองค์ประกอบมาก่อน แต่ถ้ามีนั่นคือคนที่ชนะ คนที่มองงานควรมองให้เกิดพลังบวกเกิดไฟลุกโชนในตัว เอามาปรับปรุงซ่อมแซมงานเราให้ดีขึ้น มากกว่านั่งท้อว่าคงไม่ได้รางวัล ผลงานคือผลงานที่บอกตัวอัตลักษณ์ของผู้เขียนชัดเจน ควรมั่นใจให้เต็มที่ มาอย่างมีความฝัน ต่อสู้ให้มากที่สุด

“การวาดรูปแบบมีหัวข้อเป็นเรื่องความชาญฉลาดว่าเราจะตีโจทย์ออกมาได้ชัดขนาดไหน ต้องได้เรื่องราวมากกว่าคำพูด วาดให้เห็นความสลดหดหู่ของคอร์รัปชั่น การโกง ความไร้สติ สำนึกที่ดีกับสำนึกที่ไม่ดี แล้วแต่ว่าเราจะตีความนามธรรมมาเป็นรูปธรรมได้อย่างไร” ศิลปินแห่งชาติคนดังกล่าว

จากนั้น คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช กรรมการมูลนิธิบัวหลวงและประธานโครงการ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของโครงการคือ เสริมให้ว่าที่ศิลปินรุ่นใหม่สมบูรณ์ขึ้นในความรู้ที่อาจจะไม่ได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัย อันเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของนักศึกษาศิลปะที่จะนำประสบการณ์จากช่วงเวลานี้ไปปรับใช้ในอนาคต ตลอดจนเป็นการได้เผยแพร่ความรู้ ความรักศิลปะไปยังประชาชนทั่วไปอีกด้วย

ปิดท้ายที่ อ.ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ กล่าวถึงคอนเซ็ปต์สำนึกไทยว่า คือการสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อสะท้อนถึงสภาวะสังคมที่เป็นปัญหาอยู่นี้ เป็นสื่อที่เปิดกว้างทางการแสดงออกและรับรู้ ทั้งด้านความคิด การแสดงทัศนะ อารมณ์ความรู้สึก การปลูกจิตสำนึก กระตุ้นให้สังคมได้ตระหนักถึงการกระทำของมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน มุ่งสู่ความขัดแย้ง ทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การขาดคุณธรรมและจริยธรรม ถึงการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมก่อน ตลอดจนความสุขที่แท้จริงของเรากำลังจะหมดไป ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องกลับมาคิดถึงตัวเอง แสดงออกผ่านศิลปะ ในแง่มุมของสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในสังคม หรือสิ่งดีงามที่เลือนหายไปในสังคม สำคัญที่คนดูจะเกิดจิตสำนึก ไม่มีใครดูด้วยความผิวเผิน แต่ดูด้วยสติวิจารณญาณ สร้างความระลึกจิตสำนึกกระตุ้นสังคมได้

ร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้แก่ดาวดวงใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาประดับวงการศิลปะเป็นคนต่อไป ในโครงการแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑ ครั้งที่ ๘ โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน //www.kapook.com ให้ชม และร่วมโหวตศิลปินที่ชื่นชอบกันได้ตั้งแต่วันที่ ๗-๑๖ พฤศจิกายน หรือตามติดทุกความเคลื่อนไหวได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ //www.facebook.com/bualuang101 โดยจะประกาศผลการตัดสินในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายนนี้ บริเวณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ







<ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














มงคลชีวิตจากสวนหลังบ้าน



นิทรรศการศิลปะ "มงคลชีวิตจากสวนหลังบ้าน"
โดย จักรกริช ฉิมนอก และ ภัทรี ฉิมนอก
เปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ ๑o ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
ประธานในพิธีโดย คุณหญิงจำนงค์ศรี หาญเจนลักษณ์
ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย
นิทรรศการจัดแสดงวันที่ ๑o ตุลาคม - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

นิทรรศการศิลปะ "มงคลชีวิตจากสวนหลังบ้าน" ผลงานโดย กรกริช ฉิมนอก (Chakkrit Chimnok) และ ภัทรี ฉิมนอก (Pattree Chimnok) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑o ตุลาคม - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๑o ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ ขัวศิลปะ : ArtBridgeChiangRai (ABCR)

ขัวศิลปะ เชียงรายขัวศิลปะ เชียงราย
ภูมิใจนำเสนอ
นิทรรศการศิลปะ "มงคลชีวิตจากสวนหลังบ้าน"
โดย จักรกริช ฉิมนอก และ ภัทรี ฉิมนอก
เปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ ๑o ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
ประธานในพิธีโดย คุณหญิงจำนงค์ศรี หาญเจนลักษณ์
ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย
นิทรรศการจัดแสดงวันที่ ๑o ตุลาคม - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น.
ไม่มีค่าเข้าชม

ศิลปินรับเชิญ
๑. สุวัจน์ หอมนาน
๒. ชาตะ ใหม่วงค์
๓. สุจินตน์ สุริยะนภาฤกษ์
๔. ดนตรี ศิริบรรจงศักดิ์
๕. น้ำฝน อุดมเลิศลักษณ์

ความทรงจำชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมตัวกัน เพื่อให้เห็นถึงความจำเพาะเจาะจงที่จะเปิดเผยหรือปิดบังซ่อนเร้นตัวตน บางชิ้นส่วนเสมือนบทบันทึกเรื่องราวและผู้คน บางชิ้นเป็นภาวะแห่งการหยอกเอิน เย้ยหยัน กับความเศร้า รันทดหดหู่ สิ้นหวัง บางชิ้นก็สำแดงความโอ้อวดถึงความสุขสมหวัง เริงร่า และการหยั่งรู้ชีวิต บางเศษเสี้ยวไร้ซึ่งความหมายหากแต่จะขาดไปเสียมิได้ บนพื้นที่เล็ก ๆ ของเวลาและความทรงจำถูกเรียงร้อยไว้" ในสวนหลังบ้าน" ของ จักรกริช และ ภัทรี ฉิมนอก























ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com
FB ขัวศิลปะ














นิทรศการศิลปะ "มี : have"



นิทรศการศิลปะ "มี : have" ผลงานโดย ไพศาล มาลาวัลย์ และ ปฐมภพ วันดีภิรมย์ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๗ ตุลาคม - ๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันพุธที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘oo น. ณ Esplande Art Gallery

" มี "
มี พลังสร้างสรรค์มากมายในต้นทุนที่แตกต่าง
:: h a v e :: ART EXHIBITION : ๗ ตุลาคม-๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ห นุ่ ม & เ ป ร ม
สองหัวใจที่จะทำให้เราเห็นในพลังแห่งการสร้างสรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยต้นทุนที่แตกต่างจึงได้มาซึ่งผลงานจากการกลั่นกรองอย่างเฉพาะตัว

โดย.."หนุ่ม" ไพศาล มาลาวัลย์ และ "เปรม" ปฐมภพ วันดีภิรมย์
ศิลปินรับเชิญ..ครูแจง(สล่าวารินท์ ใจจรรย์ทึก)
ครูต้น(ธีธัช ธนโชคทวีพร) ครูปอง(ปัจจานนท์ ไพวัลย์)

พิธีเปิด วันพุธที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
ณ เอสพลานาดอาร์ตแกลลอรี่ ชั้น 2 เอสพลานาดแคราย
โดยคุณศุภวิทย์ ดิษยานุรักษ์
ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็ก จำกัด(มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














Museum of Modern Art in Paris



นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบศิลปะและมาปารีสหลายรอบ และเบื่อพิพิธภัณฑ์ลูฟท์ Musee d’Orsay และ Musee de l’Orangerie แล้ว มิวเซียมที่น่าสนใจอีกแห่งก็คือ Musee d’Art Moderne หรือ Museum of Modern Artมิวเซียมที่เปิดทำการครั้งแรกในปี ๑๙๖๑ นี้ ตั้งอยู่ในอาคารที่ถูกออกแบบไว้เพื่อจัดแสดงนิทรรศการ The International Art and Technicalในปี ๑๙๓๗ มิวเซียมที่ได้รับการจัดแสดงกลุ่มเป็น Modern Art จาก Petit Palais นี้ได้ของจัดแสดงเพิ่มเติมจาก Emanuele Sarmiento, Mathilde Amos และ Ambroise Vollard นักสะสมศิลปะชาวฝรั่งเศส






มิวเซียมที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซนน์ที่มองเห็นหอไอเฟลไม่ไกลนักนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ParisMusees หรือ Parisian Museum ดั้งเดิมนั้นปารีสไม่มีมิวเซียมประจำเมือง มีแต่พิพิธภัณฑ์ลูฟท์ซึ่งเป็นมิวเซียมสำคัญของชาติ มิวเซียมแห่งแรกของปารีสถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี ๑๘๘o โดยเริ่มที่ Carnavalet Museum ซึ่งถือเป็นมิวเซียมประจำเมืองที่เก่าแก่ที่สุด หลังจากนั้นได้มีการจัดแสดงนิทรรศการที่ Petit Palais และได้ยกระดับขึ้นเป็นมิวเซียมโดยจัดแสดงผลงาน Fine Art






อย่างไรก็ดี เทศบาลเมืองปารีสพยายามที่จะแบ่งผลงานคริสต์ศตวรรษที่ ๒o ออกมาจาก Petit Palais เพื่อก่อตั้งมิวเซียมแนวโมเดิร์นอาร์ตจึงได้ทำโครงการ Palais de Tokyo ขึ้นในปี ๑๙๓๗ ในที่สุดรัฐบาลก็ได้สร้าง The National of Modern Art ขึ้นในปี ๑๙๔๗ และย้ายไป Pompidou Center ในปี ๑๙๗๗ โดยสร้าง Museum ofModern Art ขึ้นแทน






มิวเซียมที่มีผลงานศิลปะในคริสต์ศตวรรษที่ ๒o กว่า ๘ พันชิ้นนี้ได้ผลงานศิลปะชุดแรกมาจากงานนิทรรศการในปี ๑๙๓๗ เช่น The Dance ของ Matisse, Nude in the Bath, The Garden ของ Bonnard, The Cardiff Team ของ Robert Delaunay, The River ของ Derain, Disc ของ Leger ปัจจุบันมิวเซียมจัดแสดงออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนประวัติศาสตร์ประกอบด้วยห้อง ๑-๑๒ และห้อง Contemporary Art ๑๓-๒o






การเข้าชมผลงานที่นี่สำหรับส่วน Permanentไม่มีค่าใช้จ่าย นักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มากสามารถเข้าชมเฉพาะส่วนนี้ได้ ผลงานที่จัดแสดงให้ดูตั้งแต่แรกเข้าน่าประทับใจมาก เป็นเรื่องราวตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกจนถึงปัจจุบัน ส่วนผลงานอื่นๆก็เป็นของศิลปินดัง ๆ ชั้นนำจากทั่วโลกโดยเฉพาะในฝรั่งเศส เช่น Etienne-Martin, Reoul Dufyนักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนมิวเซียมนี้รับรองได้ว่าสนุกสมใจเพราะมีงานศิลปะหลากหลายมากทั้งประติมากรรม

และจิตรกรรมสมกับเป็นหนึ่งในมิวเซียมแนวโมเดิร์นชั้นนำของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย























ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
lamadeleineblog.wordpress.com














“เรื่องเก่าเล่าใหม่” ศิลปะไทยแบบหัวเก่า โดย ..."กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่"



กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ (Neo Conservative Traditional Thai Art) ซึ่งประกอบขึ้นจากการรวมตัวกันของคณาจารย์รุ่นใหม่ในกลุ่มสาขาวิชาศิลปะประจำชาติ (ประกอบด้วย ๓ สาขาวิชา จิตรกรรมไทย ประติมากรรมไทยและหัตถศิลป์) วิทยาลัยเพาะช่าง ได้แก่ นิโรจน์ จรุงจิตวิทวัส อาจารย์ประจำและหัวหน้าสาขาวิชาจิตรกรรมไทย,สุดวดี สุวรรณ อาจารย์ประจำสาขาวิชาหัตถศิลป์,เฉลิมพล โตสารเดช อาจารย์ประจำสาขาวิชาจิตรกรรมไทย,ประสิทธิ์ เอมทิม อาจารย์ประจำสาขาวิชาประติมากรรมไทย และ สุชา ศิลป์ชัยศรี อาจารย์ประจำสาขาวิชาหัตถศิลป์

นอกจากจะรวมตัวกันจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้เพื่อเผยแพร่ ผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความวิริยะ พากเพียร และแสดงออกถึงความคิด ความหมาย อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตน

ยังต้องการที่จะทำให้ศิลปะแบบขนบประเพณีในอดีต มีความร่วมสมัยกับสังคมปัจจุบัน ,ถูกเผยแพร่สู่สังคมวงกว้าง ๒๓ ตุลาคม - ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เชิญผู้สนใจร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ ในวันศุกร์ที่ ๓o ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. โดยมี อาจารย์จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ ราชบัณฑิต และ เสริมคุณ คุณาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพ เป็นประธาน



















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














อวดผลงานออกแบบ มีรางวัลการันตี โดยนักออกแบบรุ่นใหม่จากไต้หวัน



กระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศไต้หวัน ร่วมกับ ศูนย์ส่งเสริมการออกแบบไต้หวัน (TDC) รวบรวมผลงานการออกแบบเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ มากกว่า ๔o รายการ จาก ๙ แบรนด์ ซึ่งออกแบบโดยนักออกแบบรุ่นใหม่ของประเทศไต้หวันและเคยได้รับรางวัลการันตรีระดับนานาชาติ มาจัดแสดง เพื่อสะท้อนถึงความสดใหม่และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านการออกแบบของประเทศไต้หวัน และเพื่อสร้างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักออกแบบรุ่นต่อไป

นางสาว ชู-ทิง ไอ รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการออกแบบแห่งไต้หวัน กล่าวว่า “พันธกิจหลักของทางศูนย์ฯ คือการส่งเสริมและผลักดันให้เหล่านักออกแบบและผู้ประกอบการซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานในเวทีระดับนานาชาติมากขึ้น

และนอกจากเราจะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ในระดับโลกแล้ว เรายังมีความโดดเด่นและความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่งในด้านงานฝีมือ งานออกแบบ และนวัตกรรมการผลิต รวมถึงยังมีชุมชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์อันแข็งแกร่ง ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่เป็นนักออกแบบและศิลปินรุ่นใหม่ที่มากด้วยฝีมือ องค์ความรู้ และประสบการณ์”

ตัวอย่างผลงานออกแบบจาก ๙ แบรนด์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ที่นำมาจัดแสดง นางสาว ชู-ทิง ไอ กล่าวด้วยว่าได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่ามีความโดดเด่นด้านการออกแบบ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่มีนวัตกรรมอันทันสมัย และสามารถสะท้อนแง่มุมด้านวัฒนธรรมของไต้หวัน

ได้แก่ เซ็ทเครื่องเขียนและสมุดโน๊ตโทนสีดำล้วน โดย BOOXI, กล่องเก็บของ LANDSCAPE Tabletop Organizers โดย DANZO, จักรยานหัดทรงตัว (Pushbike) โดย SpaceRider, โป๊ะไฟผสมวัสดุใบเตยตากแห้ง (Woven Tao Pendant Light) และหูกระต่ายถักจากต้นกก (Rush grass bow tie) โดย A.M IDEAS, นาฬิกานกกุ๊กกู้รูปบ้านและรูปต้นไม้ (Cuckoo Clock - Home and Cuckoo Clock - Tree) โดย HAOSHI Design, ถ้วยมุมเฉียงและจานทรงเรขาคณิต (Angle Cup and Geometric Plate) โดย BLACHOICE

ผลิตภัณฑ์จากไม้คอร์ก เช่น สมุดโน้ต ปกไอแพด กระเป๋าสตางค์และเคสไอแพด (Cork Notebook, Cork iPad Holder, and Cork Wallet) โดย SOWOOD, เก้าอี้สตูลรูปบิสกิต กล่องเก็บของรูปกระต่ายนักมายากล และม้านั่งยาวรูปแท่งช็อคโกแล็ต (The Flavor of Memory, Magician’s Rabbit and Chocolate Bench) โดย EVEN, นาฬิกาแขวนฝาผนังทรงกลมและทรงดอกทานตะวัน ทำจากไม้ธรรมชาติไล่สีต่าง ๆ เช่น ไม้บีช วอลนัท เชอร์รี่ แอช โอ๊ค และเรดวู้ด (Clock Circle and Clock Sunflower) โดย YIH WOOD Studio ฯลฯ

ผู้สนใจสามารถเข้าชมผลงานการออกแบบจากไต้หวันได้ใน เฟรช ไต้หวัน นิวทรานฟอร์เมชั่น (Fresh Taiwan-New Transformation) ภายใน งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (BIG+BIH 2015) ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ฮอลล์ EH104 บูทหมายเลข S5, S7, S9, S11, T6, T8, T10 และ T12 โดยจะเปิดให้เจรจาทางธุรกิจในวันที่ ๑๙-๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมในวันที่ ๒๒-๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo - ๒๑.oo น.

นอกจากนี้ ศูนย์ส่งเสริมการออกแบบไต้หวันยังจะเปิดบูธ Fresh Taiwan Pop-up Store ขึ้น ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น ๔ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ ถนนเพลินจิต

ระหว่างวันที่ ๒๔ ตุลาคม - ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจะนำสินค้าตกแต่งบ้าน ไลฟ์สไตล์ ของเล่น และเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นผลงานออกแบบจาก ๑๖ แบรนด์ไต้หวันชั้นนำที่มีรางวัลการันตีมากมาย มาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนผู้สนใจ รวมถึงยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมสินค้าที่บูธ สามารถร่วมสนุกไปกับเกมต่าง ๆ เพื่อรับรางวัลเป็นของที่ระลึกจากแบรนด์ทั้งหลายอีกด้วย















































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














พิพิธภัณฑ์สัมผัส



ขอเชิญเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัมผัส เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ ตึกอดุลเดชวิกรม ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ ๒o เม.ย. ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo – ๑๗.oo น. เป็นต้นไป
ผู้บกพร่องทางการเห็นสามารถเรียนรู้จากฐานการเรียนรู้ ที่ออกแบบเป็นหุ่นจำลองและของจริงโดยนิทรรศการ จะจัดหมุนเวียนเปลี่ยนเรื่องทุกปี ผู้บกพร่องทางการมองเห็นสามารถเข้าชมได้ด้วยตนเอง ผ่านการฟังเสียงและสัมผัสสิ่งแสดง ผู้มีสายตาปกติสามารถชมสิ่งจัดแสดงได้ด้วยการสัมผัสไปพร้อมกับได้รู้จักวิถีชีวิตของผู้ที่ไม่มีโอกาสมองเห็น

หลังจากประสบความสำเร็จจากนิทรรศการชุดที่ ๑ ในเรื่องโครงการตามพระราชดำริใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อปี ๒๕๕๖ ชุดที่ ๒ เรื่องด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ปี ๒๕๕๗ และชุดที่ ๓ ในปี ๒๕๕๘ นี้ นิทรรศการยังคงจัดเป็น ๘ ฐาน หรือ ๘ เรื่อง ซึ่งปีนี้เราเน้นเรื่องการแพทย์แผนไทยและการท่องเที่ยวตามคำขอของผู้บกพร่องทางการเห็นในปีที่ผ่านมา อาทิ ฐานวัดโพธิ์–วัดอรุณและแม่น้ำเจ้าพระยา, ฐานยักษ์วัดโพธิ์-ยักษ์วัดแจ้ง, ฐานสมุนไพรและฐานเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นต้น

ผู้สนใจสามารถเข้าชม “พิพิธภัณฑ์สัมผัส” ได้ทุกวัน เว้นวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒o เม.ย. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เวลา ๑o.oo - ๑๗.oo น. โทร. o-๒๔๑๙-๒๖๑๘-๙, o-๒๔๑๙-๒๖o๑



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














เดอะ แลนด์



หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล ขอเรียนเชิญท่านชมนิทรรศการศิลปะ

“The Land”

โดย คันซึเกะ โมริโอกะ

ณ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี)
นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๒o ตุลาคม - ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

นิทรรศการ "The Land" โดย คันซึเกะ โมริโอกะ ศิลปินระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น นำเสนอผลงานภาพพิมพ์ตะแกรงไหมโดยมีฉากหลังเป็นภูมิประเทศอันงดงามและศักดิ์สิทธิ์อย่าง “คุมาโนะ” ดินแดนแห่งเทพเจ้าที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ด้วยภาพเรือลำน้อยที่ล่องลอยท่ามกลางท้องทะเลกว้างใหญ่ ภูเขาน้ำแข็ง เกาะแก่ง ภูผา ป่าไม้ วัดวา ศาลเจ้า และดวงจันทร์สุกสว่างกลางท้องนภา เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้เห็นถึงการเดินทางครั้งสุดท้ายอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยศรัทธาแรงกล้า เป็นภาพแห่งการแสวงบุญที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและวัฒนธรรมแห่งจิตวิญญาณของบรรพชนชาวอาทิตย์อุทัย



































ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 21 ตุลาคม 2558
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2558 10:42:31 น. 0 comments
Counter : 3936 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.