happy memories
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒o๘





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเทิดพระเกียรติ ‘ในหลวง’



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จึงเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่น “ฟ้าทอฝัน เดอะ อินสไปริ่ง คิง” (The Inspiring King) ชุดที่ ๑ เพื่อเทิดพระเกียรติให้ขจรไกล เมื่อวันก่อน ที่ห้องประชุม ๓o๔๑o ชั้น ๔ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์


พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่นว่า ฟ้าทอฝัน The Inspiring King ชุดที่ ๑ เป็นผลงานแอนิเมชั่นที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระปรีชาสามารถด้านทรัพย์สินทางปัญญา และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงอุทิศทั้งกำลังพระราชหฤทัยและกำลังพระวรกาย สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทย และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแขนงต่าง ๆ ซึ่งได้สร้างความสุข สร้างขวัญกำลังใจ และแรงบันดาลใจให้แก่คนทุกชนชั้น กระทรวงพาณิชย์คาดหวังว่า ภาพยนตร์แอนิเมชั่นชุดนี้จะช่วยรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยเกิดแรงบันดาลใจ มีความพากเพียรและอดทนในการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญาตามรอยพระยุคลบาท ตลอดจนสร้างค่านิยมในการเคารพสิทธิและการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาด้วย”


"โครงการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา พระอัจฉริยภาพของในหลวง เรื่อง “ฟ้าทอฝัน” นี้ ริเริ่มโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับความอนุเคราะห์และร่วมมืออย่างดียิ่งจากสำนักราชเลขาธิการในการผลิต เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการนำภาพพระราชกรณียกิจและเพลงพระราชนิพนธ์มาใช้ในการจัดทำและเผยแพร่” พลเอก ปัฐมพงศ์ กล่าวถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของโครงการฯ


ภาพยนตร์แอนิเมชั่นนี้เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเยาวชนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ซึ่งได้น้อมนำแนวคิดและแรงบันดาลใจจากผลงานนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านทรัพย์สินทางปัญญามาปรับใช้ในการดำรงชีวิตและการทำงาน จนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยดี ชื่อ “ฟ้าทอฝัน” สื่อความหมายได้ว่า ผลงานทรัพย์สินทางปัญญาและแนวความคิดของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปรียบเสมือน “ฟ้า” ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ประชาชนของพระองค์ เมื่อนำแนวคิดมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะเกิดกำลังใจ บันดาล “ฝัน” ให้เป็นจริง เกิดความสุข ความเจริญ ต่อบุคคลที่ปฏิบัติตามพระราชดำริ


ภาพยนตร์แอนิเมชั่น “ฟ้าทอฝัน The Inspiring King” สามารถรับชมได้ในช่องยูทูบ (YouTube Channel) “DIP The Inspiring King” บุคคลทั่วไปสามารถแชร์ลิงค์ของ “DIP The Inspiring King” เพื่อเผยแพร่ต่อไปได้ เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของปวงชนชาวไทย







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














เลอค่าภูมิปัญญาไทย



ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ชวนประชาชน นิสิตนักศึกษา และผู้สนใจ ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในโครงการหัตถศิลป์ทรงคุณค่า วิจิตรเลิศล้ำเครื่องเบญจรงค์ไทย ในหัวข้อ “เลอค่าภูมิปัญญาไทย” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถ้วยและโล่รางวัล ฯพณฯ องคมนตรี และเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า ๔oo,ooo บาท


แบ่งการประกวดเป็น ๕ ประเภท เกี่ยวกับ ๑. ภูมิปัญญาดั้งเดิม ๒. ประยุกต์ร่วมสมัย ๓. สร้างสรรค์และต่อยอด ๔. ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ และประเพณีไทย ๕. ถ่ายทอดธรรมชาติ และทัศนียภาพอันงดงามของประเทศไทย โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้-วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.facebook.com/benjarongbangsai โทร. o๒-๕๕๙-๓๒๗๑-๔ ต่อ ๒๔๑ อีเมล์ benjarongbangsai@gmail.com



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
postjung.com














ภูริทัตตนาคราช



ภูริทัตตนาคราช โดย สมเถา สุจริตกุล บัลเล่ต์/โอเปร่า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จากทศชาติชาดก (พระชาติที่หก) เรื่องราวของความกล้าหาญและอดทนเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนาค โอเปร่าสยามจะนำพาท่านไปเยือนโลกทั้งสาม – โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกบาดาล กับการประลองอิทธิฤทธิ์ระหว่างสองพราหมณ์เพื่อปลดปล่อยพระพุทธเจ้าจากมนตร์มืด


"พระภูริทัต" บัลเล่ต์-โอเปร่า เป็นการแสดงลำดับที่ ๓ ของโครงการ "ทศชาติ" โดย สมเถา สุจริตกุล ศิลปินศิลปาธรกิตติคุณ โดยดัดแปลงโครงเรื่องจากทศชาติชาดกทั้งสิบพระชาติ ก่อนประสูติเป็นพระสมณโคดม


"พระภูริทัต" บัลเล่ต์-โอเปร่า ประพันธ์ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยดัดแปลงเค้าโครงเรื่องจาก "พระภูริทัตชาดก" เป็นคำร้องและดนตรี โดย สมเถา สุจริตกุล ออกแบบท่าเต้นโดย ภูวเรศ วงศ์อติชาติ นำแสดงโดยดาราโอเปร่าชั้นนำ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ สเตซี แทพเพ่น, แด็ก แชน็ทส์, คิว วัน ฮัน, บาร์บาร่า ศิโยน และพจน์ปรีชา ชลวิจารณ์ และบรรเลงโดยวงดุริยางค์สยามฟิลฮาร์โมนิค ภายใต้การอำนวยเพลงของทฤษฎี ณ พัทลุง



ภาพและข้อมูลจาก
FB งานแสดง
thaiticketmajor.com














การแสดงภาพพิมพ์และวาดเส้นนานาชาติ ครั้งที่ 4



การแสดงผลงานศิลปะนานาชาติที่มหาวิทยาลัยศิลปากรจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การแสดงครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๔ โดยจัดแสดงผลงานศิลปะประเภทภาพพิมพ์และวาดเส้นที่ได้รับรางวัลและคัดเลือกเข้าร่วมแสดงจากศิลปินทั่วโลกจำนวน ๑๔๙ ชิ้นซึ่งมีศิลปินที่มีชื่อเสียงในระดับโลกหลายคนที่ได้รับรางวัลและได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแสดงในการแสดงนิทรรศการครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการพิมพ์ภาพพิมพ์เอทชิ่ง และเชิญเข้าร่วมปฏิบัติทำภาพพิมพ์โมโนพริ้นต์สีน้ำและภาพพิมพ์โฟมอัด โดยนักศึกษาภาควิชาภาพพิมพ์ คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทุกวันศุกร์และเสาร์ เวลา ๑๔.oo – ๑๗.oo น. และการฉายวีดิทัศน์สาธิตการทำศิลปะภาพพิมพ์


การแสดงภาพพิมพ์และวาดเส้นนานาชาติ ครั้งที่ ๔ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๒ ปี มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดโดย มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ ๑๔ พฤษภาคม – ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พิธีเปิดนิทรรศการในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.


นิทรรศการ : การแสดงภาพพิมพ์และวาดเส้นนานาชาติ ครั้งที่ ๔
วันที่ : ๑๔ พฤษภาคม – ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘
อีเมล : info@bacc.or.th
//www.bacc.or.th



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














ปล่อยจินตนาการผ่านภาพพิมพ์



เปิดพื้นที่ให้ผู้รักงานศิลปะ โดยเฉพาะงานภาพพิมพ์ได้มาชื่นชมผลงานนิทรรศการศิลปะภาพพิมพ์ พร้อมกับปลดปล่อยจินตนาการ และรังสรรค์ผลงานศิลปะด้วยฝีมือตัวเอง ล่าสุด เดอะ แจม แฟคตอรี่ ร่วมกับกลุ่ม ดิ อาร์คิวิสท์ แอนด์ สตูดิโอ เอสทีเอช.ทู พริ้นต์ จัดงานนิทรรศการแสดงภาพพิมพ์ร่วมสมัย “An Original by the Originals" (แอน ออริจินอล บาย ดิ ออริจินอลส์) ศิลปินอิสระ นักวาดภาพประกอบ และกราฟฟิกดีไซเนอร์ ที่มีแนวทางในการทำงานเฉพาะตน ทดลองสร้างสรรค์ผลงานภาพพิมพ์ด้วยเทคนิคสกรีน พริ้นติ้ง โดยจัดงานเปิดตัวกล่าวอย่างเป็นทางการที่ เดอะ แจม แฟคตอรี่ เมื่อวันก่อน


มิญชญา ชโยสัมฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ดิ อาร์คิวิสท์ เปิดเผยถึงการจัดนิทรรศการกลุ่มครั้งที่มุ่งเน้นกระบวนการพิมพ์ภาพพิมพ์มือ ด้วยเทคนิคสกรีนพริ้นท์ และเป็นครั้งแรกที่ทางสตูดิโอเชิญเหล่าศิลปิน ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ จำนวน ๑๒ คน ที่เชี่ยวชาญศิลปะหลากหลายแขนงมาร่วมสร้างสรรค์ชิ้นงานอันเป็นเอกลักษณ์ ผ่านกระบวนการทางความคิดในเชิงเทคนิคภาพพิมพ์สกรีนพริ้นท์ ให้เป็นงานภาพพิมพ์ร่วมสมัยที่น่าสนใจ และท้าทายให้ผู้ชมงานได้เห็นชั้นเชิงทางเทคนิคอันแยบยล ไปจนเห็นคุณค่าที่เกิดจากการสร้างสรรค์ชิ้นงานร่วมกัน จวบจนการต่อยอดทางความคิดที่ส่งผลสะท้อนกันไปมาระหว่างช่างพิมพ์และศิลปิน


“สำหรับคอนเซ็ปต์ของนิทรรศการจะบอกเล่าผ่านศิลปิน ๑๒ คน จำนวน ๒๕ ผลงาน ได้แก่ สันติ ลอรัชวี, ธีรนพ หวังศิลปคุณ, จิรายุ คูอมรพัฒนะ, จักรกฤษณ์ อนันตกุล, คณิตา มีชูบท, สุทธิภา คำแย้ม, มิญชญา ชโยสัมฤทธิ์, เมย์ ไวกิตติพงษ์, เดือน จงมั่นคง, พิม จงเจริญ, วุฒิพงษ์ มหาสมุทร และจารุตม์ จันทร์ประภานนท์ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพพิมพ์ผ่านแรงบันดาลใจจากบทเพลง จากนั้นจะนำผลงานชิ้นดังกล่าวไปต่อยอดเป็นผลงานชิ้นที่ ๒ โดยไม่จำกัดเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งศิลปินแต่ละคนจะจัดแสดงผลงานศิลปะ ๒ ชิ้นงานคู่กัน เพื่อให้ผู้ชมได้ค้นพบเสน่ห์แห่งผลงานที่รังสรรค์ผ่านความรู้สึกซึ่งแสดงออกมาในแต่ละชิ้นงาน ด้วยความตั้งใจของช่างพิมพ์และศิลปิน” โต้โผการจัดการเผย


หนึ่งใน ๑๒ ศิลปิน สันติ ลอรัชวี เจ้าของผลงาน เมโมเรนดัม ออฟ อันเดอร์สแตนดิ้ง 052015001 เล่าว่า เวลาเดินทางไปยังเมืองต่างๆ จะชอบถ่ายภาพแม่น้ำของเมืองนั้น ๆ เพราะมองว่าแม่น้ำเป็นมีความหมายต่อชีวิต และเป็นที่ก่อเกิดชุมชนและสังคม อย่างผลงานที่นำมาจัดแสดง ด้วยความที่สถานที่จัดแสดงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเลือกคอลเลกชั่นที่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยามาจัดแสดง ซึ่งผลงานชุดนี้มีทั้งหมด ๘ ภาพด้วยกัน เป็นภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่นำความเหลื่อมของชั้นสีในกระบวนการพิมพ์ มาอุปมาเป็นความเคลื่อนไหวของภาพขณะที่มองแม่น้ำ


“ภาพนี้เป็นเทคนิคกระบวนการพิมพ์ซิลส์สกรีน โดยนำภาพถ่ายมาแยกออฟเซต ความยากคือเราต้องจินตนาการว่าเวลาแยกเม็ดสีแต่ละเม็ดต้องตั้งค่าเท่าไหร่ ซึ่งหลายครั้งไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ อย่างผลงานที่นำมาแสดงนี้พิมพ์ทั้งหมด ๑๒o ครั้ง ตั้งใจว่าจะต้องได้ ๒๕ ภาพ แต่ท้ายที่สุดได้มาเพียง ๘ ภาพเท่านั้น แต่งานที่เสียไปนั้นไม่ด้อยกว่าผลงานที่สมบูรณ์ จึงนำมาจัดแสดงควบคู่กันด้วย” สันติ เล่าถึงผลงานของตัวเอง


ด้าน พิม จงเจริญ เจ้าของผลงาน ไลฟ์ อินกรีเดี้ยนท์ นัมเบอร์ ๑ แอนด์ นัมเบอร์ ๒ เผยว่า ตัวเองมองว่าทุกคนจะมีอีกคนซ่อนอยู่ในตัวเรา อาจเป็นความคิดสร้างสรรค์หรือนิสัยบางอย่าง งานภาพพิมพ์ชุดนี้มีเรื่องราวที่เล่าถึงส่วนผสมของชีวิตซึ่งแต่ละคนมีส่วนประกอบไม่เหมือนกัน ผลงานชิ้นที่นำมาจัดแสดงก็คือตัวศิลปินเอง นำมาตีความเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบกันแล้วกลายเป็นตัวเอง ผลงานชุดนี้แบ่งเป็น ๒ ภาพ ที่มีต้นแบบมาจากการตัดกระดาษ และด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับการซ่อน จึงเลือกใช้สีเรืองแสงในที่มืด เข้ามาช่วยเน้นย้ำแนวคิดของผลงาน ซึ่งผลที่ได้ทำให้เกิดการจับจ้อง สังเกต ค้นหา รวมถึงความสนุกในการอ่านเรื่องราวและการดูผลงานผ่านไฟฉายที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วย


ขณะที่ คณิตา มีชูบท กับ ๓ ชิ้นงานที่ร้อยเรียงต่อกันเป็น บิวตี้ฟูล เกสทรู ออฟ ลัสท์ แอนด์ แพชชั่น ฮาร์ท เผยว่า ด้วยความที่สนใจเรื่องอวัยวะอยู่แล้ว จึงนำเอารูปร่างและรูปแบบของอวัยวะที่น่าสนใจอย่าง “หัวใจ” มาทำเป็นเปเปอร์คัตติ้งตามความถนัด ส่วนภาพที่ ๒ นำหัวใจมาทำเป็นภาพพิมพ์ ผสมผสานระหว่างคอนราดรวมกับเอลเม้นท์ต่าง ๆ ส่วนภาพสุดท้ายคือการตัดภาพที่ ๒ และทำเทคนิคให้เกิดมิติเเเยอร์


“ภาพพิมพ์ชุดนี้มีความยากครบครัน ตั้งแต่ขั้นตอนการแยกสีไปจนถึงการพิมพ์ที่ยากทุกเลเยอร์ ตลอดจนต้องแก้ปัญหาการพิมพ์จนถึงขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากภาพต้นฉบับคือภาพดิจิทััลคอลลาจของงานของงานคอลลาจที่มีสีสันซับซ้อน เต็มไปด้วยกระดาษหลากหลายแบบ ในขั้นตอนแยกสีจึงใช้เวลาเพื่อเลือกตัดทอนบางส่วน รวมทั้งต้องวางแผนคิดเทคนิคในการพิมพ์แทบทุกอย่างที่เราทำได้มาใส่ไว้ในผลงานนี้” เจ้าของผลงานเผย


ทั้งนี้นิทรรศการ “แอน ออริจินอล บาย ดิ ออริจินอลส์” จะจัดแสดงผลงานไปจนถึงวันที่ ๖ มิถุนายน ที่ เดอะ แจม แฟคตอรี่ ถนนเจริญกรุง



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ทุบสถิติ! ประมูลซื้อ ภาพวาดปีกัสโซ แพงลิ่ว ๕.๗ พันล้าน



ล้ำค่า...ภาพวาด ‘Les femmes d’Alger’ ของปีกัสโซ จิตรกรเอกของโลก มีผู้ประมูลซื้อไปในราคาแพงมหาศาลนับ ๕.๗ พันล้านบาท จนทำลายสถิติโลก


สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่คนในแวดวงศิลปะ และยังบอกว่าหากวันนี้ ปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso) Pablo Picasso จิตรกรเอกของโลกยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องเป็นผู้ชายที่มีความสุข เนื่องจากภาพวาดแนวแอบสแตรคของจิตรกรเอกของโลกผู้นี้ ชื่อ “Les femmes d’Alger(Version“O”)” เพิ่งมีผู้ประมูลซื้อไปในราคาสูงสุดจนทำลายสถิติโลก ด้วยสนนราคาแพงลิบลิ่วถึง ๑๗๙,๓๖๕,ooo ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ ๕,๗๔o ล้านบาท ในระหว่างที่บริษัทประมูลคริสตี้ได้จัดให้มีการประมูลภาพดังกล่าว ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๑๑ พ.ค. ๕๘






ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทประมูลคริสตี้ ได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะมีผู้ประมูลซื้อภาพวาด “Les femmes d’Alger (Version“O”)” ของปีกัสโซ จิตกรเอกของโลกชาวอิตาลี (มีอายุในช่วง พ.ศ. ๒๔๒๖-๒๕๑๖) ในราคาสูงถึง ๑๔o ล้านดอลลาร์เท่านั้น หลังจากการประมูลครั้งก่อนได้มีผู้ประมูลซื้อในราคา ๓๑.๙ ล้านดอลลาร์ เมื่อปี ๒๕๔o






สำหรับ ภาพวาด “Les femmes d’Algier” หรือหมายถึง ‘ผู้หญิงแอลเจียร์ส” ถือเป็นภาพวาดมาสเตอร์พีซ แนวคอนเทมโพรารี อาร์ต และปีกัสโซใช้วิธีวาดภาพในสไตล์คิวบิสต์ หรือมีลักษณะเป็นเหลี่ยมมุม เป็นลูกบาศก์ โดยจากการมีผู้ประมูล ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ซื้อภาพล้ำค่านี้ในราคากว่า ๑๗๙ ล้านดอลลาร์ จึงถือเป็นการทำลายสถิติภาพ ‘Three Studies of Lucian Freud’ ของ ฟรานซิส เบคอน ศิลปินชาวอังกฤษ ซึ่งเคยสร้างสถิติมีผู้ประมูลซื้อในราคา ๑๔๒ ล้านดอลลาร์ ในปี ๒๕๕๖







ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th














ประมูลภาพวาดแวนโก๊ะ "L'Alle des Alyscamps"



บริษัทประมูลในนิวยอร์กเผยเมื่อวันอังคารว่า ภาพวาดของศิลปินวินเซนต์ แวนโก๊ะ ชื่อภาพ "L'Alle des Alyscamps" ที่เขาวาดในปี ๑๘๘๘ ซึ่งถ่ายทอดภาพถนนอาลิส์คองส์ที่มีผู้คนเดินและต้นไม้สูงสองข้างทางในฤดูใบไม้ร่วง ตอนแรกบริษัทคาดว่าราคาประมูลน่าจะอยู่ที่ราว ๔o ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในที่สุดนักสะสมเอเชียผู้หนึ่งประมูลไปได้ในราคา ๖๖.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๒,๒o๘ ล้านบาท หลังจากมีผู้ประมูลแข่งกัน ๕ คน


ส่วนภาพของแวนโก๊ะที่มีผู้ประมูลไปด้วยราคาสูงที่สุดคือภาพ Portrait of Dr. Gachet เคาะที่ราคา ๘๒.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่นิวยอร์กเมื่อปี ๑๙๙o ในงานเดียวกันนี้ ภาพของโกลด โมเนต์ ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Le Palais Ducal เขาวาดที่กรุงเวนิสเมื่อปี ๑๙o๘ ขายที่ราคา ๒๓.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
techtimes.com














อุ่นออนเซน จิบสาเก เฮฮาญี่ปุ่น



ต้นทาง “วัฒนธรรมป๊อป” ของญี่ปุ่นนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใดหรือ ? จากอาหารจานแรกในงาน japan Food Fest ปี ๑๙๖๒ ที่ฮอกไกโด หรือจากการ์ตูนตอนแรกของ “โดราเอมอน”, จากแฟชั่น Lolita Gothic ที่สาววัยรุ่นชอบแต่งที่ฮาราจูกุในยุค 80’s หรือจาก “ปลาดิบตัวแรก” ที่เข้าปากนักชิมชาวไทย ? จะมาจากไหนก็ตาม แต่นาทีนี้มันกำลังถูกเล่าเรื่องราวใหม่ ด้วยสีสันสนุกสนานแบบวัฒนธรรมป๊อปในบ้านเรา กับงานใหญ่ที่ชื่อ Japan Connect 2015 ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ พฤษภาคม ที่เซ็นทรัลเวิลด์


งานแถลงข่าวนั้นผ่านไปแล้ว และ “เนชั่นทีวี” ในฐานะมีเดียพาร์ทเนอร์ ก็ได้รายงานส่งเสียงเกี่ยวกับงานผ่านช่องทางต่างๆ ของสื่อทุกแบบแล้ว Japan Connect 2015 คืออะไร มีอะไรบ้าง


“นี่คือเทศกาลที่รวมเอาหลายสิ่งหลายอย่างของญี่ปุ่นมาไว้ด้วยกันทั้งอาหารการกิน ออนเซน สาเก มังงะ ดนตรี แฟชั่น หนังและอื่น ๆ อีกมากมาย”


จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานบริหารร่วม บริษัท เวอร์เทคเอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกกับ “เนชั่นทีวี” เขาบอกว่า บริษัทได้เล็งเห็นความนิยมในประเทศญี่ปุ่นที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในตลาดเมืองไทย “จากสถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ในปี ๒o๑๔ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนแดนซากุระมากถึง ๖๕๗,๖oo คน และในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง ๔๕% ดังนั้นงาน “Connect Japan 2015” จึงเป็นกิจกรรมใหญ่ที่นำร่องนำเอากิจกรรมยอดนิยมจากญี่ปุ่น ศิลปวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก มานำเสนอในตลาดไทย หรือเรียกได้ว่าเป็น Real Japan สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริงด้วยกิจกรรมภายในงานนี้


ถ้าต้องการจะเห็นภาพชัดๆ ว่ามีอะไรใน Japan Connect นี่คือ 5 โซนไฮไลท์ที่มร.ทาคาฮิโตะ คะทสึตา ประธานบริหารร่วม บริษัท เวอร์เทคเอเชีย คอร์ปอเรชั่น บอกไว้


๑. โซนเจแปนรันเวย์ (Japan Runway) นำดีไซเนอร์ชั้นนำ อาทิ FACO (Fukuoka Collection), Tokyo Runway, Kobe Collection พร้อมด้วยแฟชั่นระดับโลกที่มีนางแบบสุดฮอตมาร่วมเดินแบบอย่างคับคั่ง อาทิ AMI AYA, UNA, EMA ERI, YU-A, YANO รวมถึงการแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในญี่ปุ่น คือ Tempura Kidz และ LINQ และสำหรับคอเพลงแดนซ์จะได้พบกับรวมถึงทีมนักเต้นชื่อดัง CYBERJAPAN รวมถึงดีเจ Yamato ดีเจชื่อดังที่คว้ารางวัล ดีเจระดับโลกในปี ๒o๑๓ ที่จะบินตรงมาจากญี่ปุ่นมาร่วมสร้างความมันส์และความสนุกสนานภายในงาน


๒. โซนเจแปนทราเวล (Japan Travel) โซนที่นักเที่ยวไม่ควรพลาด ซึ่งภายในงานจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวแถบเกาะคิวชู และโอกายามา รวมไปถึงของฝากขึ้นชื่อจากเมืองต่าง ๆ ที่คนไทยยังไม่เคยรู้จักมาก่อน


๓. โซนเจแปนป๊อปคัลเจอร์ (MOSHI MOSHI NIPPON) เป็นโซนสำหรับวัยรุ่นแฟนพันธุ์ญี่ปุ่น ที่จะถูกเนรมิตให้เป็นโซนกิจกรรมที่สนุกตื่นเต้นที่เหมือนจริงกว่า ๑o บูธ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมจากญี่ปุ่น อาทิ บูธร้องคาราโอเกะฟรี โดยบริษัท Karaoke Company DAM บูธถ่ายภาพฟรี โดย Fuji Film และบูธแสดงการแต่งหน้า ทำผม สไตล์ญี่ปุ่น มาให้ได้สัมผัสบรรยากาศที่จะทำให้คุณรู้สึกเสมือนว่ากำลังสนุกสนานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลยที่เดียว


๔. โซนภาพยนตร์ (Film Showcase) โซนนี้เป็นการนำภาพยนตร์ญี่ปุ่นใหม่ ๆ และที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่ญี่ปุ่น รวมทั้งภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเค้าโครงหนังการ์ตูนชื่อดัง รวมทั้งภาพยนตร์มีพื้นเรื่องมาจากเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่นมาฉายให้ดูกันฟรีๆ ถึง ๔ เรื่อง จาก ๔ เมือง ซึ่งนอกจากจะได้ชมภาพยนตร์ที่สนุกสนานแล้ว ผู้ชมยังจะได้ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่นจากในภาพยนตร์อีกด้วย


๕. โซนสาเก (Sake Festival) ในโซนนี้ ท่านจะได้พบกับ “ออนเซน” ที่ได้สร้างจำลองขึ้นมาให้เหมือนจริงกับการแช่ออนเซนที่ญี่ปุ่น โดยการนำผงออนเซนซึ่งผลิตมาจากน้ำในออนเซนจากหลายเมืองที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น มาผสมและปรับอุณหภูมิน้ำให้ร้อนเสมือนจริงทุกประการ และอีกหนึ่งไฮไลท์ของโซนนี้คือ มีสาเกแท้รสชาติเยี่ยมกว่า ๑o ชนิด ที่สั่งตรงเข้ามาจากญี่ปุ่น มาบริการให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสบรรยากาศของการแช่ออนเซ็น พร้อมจิบสาเก ในสไตล์ญี่ปุ่น ที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่งดอกไม้จากศิลปิน PLANTICA, มร.ทากาชิ คิมูระ นักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในระดับโลก ที่จะมาแต่งแต้มสีสัน และเพิ่มบรรยากาศกลิ่นไอของญี่ปุ่นภายในงาน “Connect Japan 2015” ในครั้งนี้”


นี่เป็นเนื้อหาของคนจัด ทีนี้ลองไปดูกันว่า คนดังบ้านเราชอบอะไรกัน “ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกไปกินอาหาร เพราะผมชอบพวกปลาดิบของญี่ปุ่น ทั้งที่ความจริง ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ชอบ ๆ ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น มันมีหลายอย่างครับ ที่เราชอบจริง ๆ แต่เพราะ GTH อยู่ท่ามกลางวงล้อมของอาหารการกินที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ในงานนี้ ผมจึงเลือกอาหารก่อนอย่างอื่น ๆ” โต้ง บรรจง ผู้กำกับหนังไทยรายได้พันล้านอย่าง “พี่มากพระโขนง” บอกกับ “เนชั่นทีวี”


ขณะที่มือกระบี่จากแวดวงโฆษณาอย่าง ทิพยจันทน์ ณ อยุธยา ซึ่งเคยผ่านสำนักมาหลายแห่ง รวมทั้งที่ลีโอ เบอร์เนนท์ บอกว่า “หนึ่งในเทรนด์นิยมขอองคนยุคใหม่ จะเรียกว่ายุค DINKs ก็ได้ก็คือไลฟ์สไตล์ที่นัดกันไปกินสาเกญี่ปุ่น หนูเห็นคนในวงการโฆษณานี่กินกันหลายคนนะ มันมีอารมณ์ความรู้สึกแบบหนึ่ง คือถ้าลองจะรู้ว่าการกินสาเก ทำไมมันมีคนชอบเยอะ”


นิตยสาร Time เล่มพิเศษ ที่ใช้ชื่อว่า Hi-Light Style ปกสีเหลือง ที่แถมมากับเล่มปกติละหมดลงอย่างรวดเร็ว ระบุว่า “เหตุผลหนึ่งที่วัยรุ่นยุคใหม่ เริ่มนิยมวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพราะรู้สึกว่าอะไรที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น เป็นความรู้สึกทันสมัย ไม่ล้าสมัยหรือตกยุคแบบวัฒนธรรมบางประเทศ” และ ๔ วัฒนธรรมป๊อปที่ Time เลือกว่า ขึ้นชั้น ก็คือ ดนตรี อาหารดื่มกิน แฟชั่น และหนัง (ซึ่งทั้ง ๔ วัฒนธรรมนี้ อยู่ในงาน japan Connect) “ถ้าโดยส่วนตัวแล้วนะ ผมชอบออนเซน และผมคิดว่านี่คือไฮไลท์ของงานนี้” จิรัฐ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ “เนชั่นทีวี” เมื่อบ่ายวันเสาร์ ๙ พฤษภาคมที่ผ่านมา


“ผมเลือกโซนออนเซน และมีสาเกให้ดื่ม ซึ่งสาเกเนี่ย ต้องบอกว่ามันเหมือนไวน์ คือแต่ละเมืองจะมีไวน์ไม่เหมือนกันจากการทำ สาเกก็เหมือนกัน แต่ละเมืองสาเกก็แตกต่างกัน และ represent ความเป็นแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน” จิรัฐ เล่าอย่างสนุกสนานว่า ในการจัดงานครั้งนี้ โซนออนเซน จะมีบริการ Foot Spa แบบที่เราเห็นเวลาไปออนเซนในญี่ปุ่น


“และยิ่งกว่านั้น จะมีการใส่ผงแร่ กำมะถัน หรือส่วนผสมต่าง ๆ เหมือนกับที่ในญี่ปุ่นใช้ ที่ไหนใช้แบบไหน เราเอามาแบบเป๊ะหมด คือเหมือนกันเลย”


“อีกโซนหนึ่ง ที่ต้องบอกว่าไม่อยากให้พลาดคือ ฮาราจูกุ นิปปอน โซนนี้จะมีทุกอย่างที่เราเคยเห็นที่นั่น มีดนตรี แฟชั่น มีขนมให้ทาน คือเราเอามาทั้งอารมณ์ความรู้สึกแบบฮาราจูกุของญี่ปุ่นจริง ๆ” หรือจะเรียกว่า Real Japan ก็คงจะใช่ ก่อนวางสายไป จิรัฐ เสริมว่า นอกเหนือจากงานนี้แล้ว ทางบริษัทฯมีโครงการต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการจัดการสำหรับธุรกิจกับธุรกิจ อาทิ Tokyo Runway Shop, Many Asia และ Rose Stage รวมทั้ง บริษัท เวอร์เทคเอเชีย คอร์ปอเรชั่น ยังได้มีการเจรจาธุรกิจกับหน่วยงานเอกชน และธุรกิจกับภาครัฐ ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และเมืองโอกายาม่าเพื่อเปิดธุรกิจบริการ “ออนเซ็น” สไตล์แบบญี่ปุ่นขนานแท้ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่สุดสัปดาห์นี้ (๑๕-๑๗ พ.ค.) ยังไม่ต้องไปเชียงใหม่ และไม่ต้องมองหานั่งเครื่องไปไกลถึงญี่ปุ่น


Japan Connect 2015 มายืนรอเราแล้ว ที่ CTW !







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net













บุกเวนิส เบียนนาเล ซึมซับงานศิลป์ที่นครกลางน้ำ



เปิดฉากแล้วมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล หรือ International Art Exhibition La Biennale di Venizia ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๕๖ มหกรรมศิลปะที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ต้องเรียกว่าเป็นงานโอลิมปิกให้กับศิลปินจากทั่วโลก จัดทุก ๆ สองปี


ปีนี้เวนิส เบียนนาเล อายุครบ ๑๒o ปีของการจัดงาน และใช้ธีมว่า All the World's Future มีประเทศที่เข้าร่วม ๘๙ ประเทศพร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเชิญโอค์วุย เอ็นวีเซอร์ ผู้มากประสบการณ์การจัดเทศกาลศิลปะขนาดใหญ่เป็นภัณฑารักษ์ของงาน เพราะเป็นคนที่มีไหวพริบเป็นพิเศษ All the World's Future เป็นโจทย์ที่ท้าทายให้บรรดาศิลปินโลกตะวันตกและตะวันออกแสดงออกถึงแรงปรารถนาหรือความวิตกกังวลต่อโลกในอนาคต


งานสนุก ๆ นี้จะมีตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนนี้ เป็นมหกรรมศิลปะที่ทำเงินให้เวนิส นครกลางน้ำมากที่สุด โดยมีงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม ศิลปะจัดวาง วิดีโออาร์ต ภาพถ่าย หรือศิลปะการแสดงเป็นตัวชูโรง การจัดงานแต่ละครั้งมีผู้คลั่งไคล้งานศิลปะเข้าชมไม่ต่ำกว่าล้านคนเลยทีเดียว






สำหรับประเทศไทยก็เข้าร่วมงานในปีนี้ โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) ส่ง ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ เป็นตัวแทนของความเป็นศิลปินสองซีกโลกร่วมแสดงผ่านนิทรรศการ "Earth, Air, Fire & Water" ที่ตั้งชื่อตามตามปรัชญาของพระพุทธศาสนา นิทรรศการนี้ได้รับการจัดขึ้นที่ Paradiso Gallery ทางเข้าพาวิลเลียน จิอาร์ดินี และนั่นเท่ากับว่าคนทั่วโลกจะมีโอกาสได้เห็นผลงานศิลปะร่วมสมัยที่พัฒนามาจากศิลปะหนังใหญ่ของ ดร.กมล ที่มีความแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องยกความดีความชอบให้กับศิลปิน ภัณฑารักษ์ และ สศร.ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้งานสนุกสู้ประเทศยักษ์ใหญ่ได้


ที่เทศกาลศิลปะระดับโลกที่ทั่วโลกตั้งหน้าตั้งตารอ เราได้เดินชมการแสดงผลงานที่พาวิลเลียน จิอาร์ดินี สวนสาธารณะใหญ่ริมทะเล รวมถึงพาวิลเลียน อาร์เซนาเล ตลอดจนสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองเวนิส ตามที่แต่ละประเทศจัดขึ้น มีศิลปินและนักออกแบบกว่า ๑๓๖ คน เข้าร่วมแสดงผลงานที่มาจากการตีความโลกอนาคตในแบบของพวกเขาเอง ไม่ว่าจะเป็น ชิฮารุ ชิโอตะ ศิลปินหญิงญี่ปุ่นที่โชว์งาน "The Key in the Hand" ให้โลกศิลปะร่วมสมัยต้องหันมามอง เธอใช้กุญแจที่ทุกคนคุ้นเคยนับหมื่นดอกมาร้อยรัดกับเชือกสีแดง และเรือเก่าสองลำจัดวางในพื้นที่ส่งสารถึงผู้ดูให้ไขกุญแจเปิดรับกับกับสิ่งใหม่ๆ หรือศิลปินฝรั่งเศสก็ตีโจทย์ได้น่าสนใจ สร้างต้นไม้จำลองเคลื่อนที่ได้ วางกระจายอยู่ในสวนจิอาร์ดินี สะท้อนปรากฏการณ์ป่าหนีเมือง ฉะนั้นอย่าตกใจไปถ้าวันหนึ่งเราจะไม่ได้เห็นต้นไม้ โลกกำลังวิกฤติ






แต่ที่ดูแล้วทำให้จั๊กจี้ เป็นผลงานของ ซารา ลูคัส แสดงผลงานในพาวิลเลียนของประเทศอังกฤษ ซึ่งเนรมิตเป็นห้องสีเหลืองแสนมหัศจรรย์ งานชุด "FAGS" แปลว่า บุหรี่ เป็นคำไม่เป็นทางการในภาษาอิตาลี เสนองานปูนปลาสเตอร์ขาวเนียนปั้นเป็นสรีระช่วงล่างของผู้หญิงที่มีบุหรี่เสียบเอาไว้ กระตุ้นให้ผู้เข้าชมงานได้ครุ่นคิดเรื่องสังคมบริโภคนิยม งานเทศกาลครั้งนี้ก็ยังเป็นการฉลองพาวิลเลียนประจำชาติของออสเตรเลีย เป็นเรื่องน่าดีใจไม่น้อยที่ประเทศเขาทุ่มเทเอาจริงเอาจังที่จะนำศิลปวัฒนธรรมออสเตรเลียมาเป็นแถวหน้าของวงการศิลปะสากล


เราได้ไปเยี่ยมเยือนนิทรรศการของประเทศต่าง ๆ บอกได้เลยว่ามันเจ๋งมากที่มหกรรมศิลปะระดับโลกนี้เปิดพื้นที่ให้ศิลปินได้มีพื้นที่ทดลองใหม่ ๆ เช่นเดียวกับที่ผู้เข้าชมงานทั้งที่เป็นแฟนศิลปะและที่ไม่ใช่คอศิลปะก็ได้เห็นงานศิลปะที่สดใหม่และแตกต่างออกไป แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ก็คือ อิตาลี ซึ่งได้เปิดพื้นที่และจินตนาการให้กับคนในโลกใบนี้






ก้าวต่อไปของประเทศไทยในงานเวนิส เบียนนาเล จะมองอย่างไร ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินไทยที่ฝีมือไม่แพ้ใคร พูดคุยให้ฟังในวันเปิดนิทรรศการ ซึ่งมีวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธาน พร้อมด้วย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัด วธ. วิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้ตรวจราชการ วธ. ชาย นครชัย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย


"ไทยขาดพื้นที่จัดแสดงผลงานถาวร ภายในสวนจิอาร์ดินีมีอาคารหรือหอศิลป์ประจำชาติของประเทศต่าง ๆ อย่าง อิตาลี อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สหรัฐ รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ ชาติล่าสุดคือ ออสเตรเลีย เช่าพื้นที่ยาวและสร้างอาคารจัดแสดงสมัยใหม่ ศิลปินในประเทศที่มีหอศิลป์ประจำจะมีมาสเตอร์แพลน สามารถเตรียมงานและสร้างนิทรรศการได้ดี สำหรับงานของผมก็ปรับอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่เราต้องทำงานกับพื้นที่ให้ได้ ที่เวนิสเปรียบเสมือนโอลิมปิก แต่ละประเทศต้องแสดงศักยภาพ หากมีอาคารแสดงถาวรจะเป็นหน้าเป็นตาของชาติ" ดร.กมลฝันไปถึงอนาคต






และเสนอให้ภาครัฐเปิดพื้นที่หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ และอาคารในเกาะรัตนโกสินทร์ จัดเทศกาลศิลปะอาเซียน เพื่อเปิดสนามใหม่ สร้างดาวดวงใหม่ และนั่นเท่ากับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจด้วย ไม่ควรรอช้า เพราะเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และจีนเริ่มทำแล้ว ในวันนั้น รมว.วัฒนธรรมเห็นด้วยกับการลงทุนเช่าพื้นที่ในเมืองเวนิสทำอาคารถาวร ยินดีจะตั้งงบประมาณ ด้วยวิสัยทัศน์มองไกลไปถึงอนาคต ไทยสร้างความแข็งแกร่งในเวทีศิลปะนานาชาติอย่างสมศักดิ์ศรี ก็ยังต้องติดตามว่าจะมีโอกาสได้เห็นหอศิลป์ประจำประเทศไทยบนนครเวนิสหรือไม่


แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ศุกร์หน้าเราจะพาไปเดินชมเวนิส เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพานว่าสวยงามเพียงใด และไม่พลาดเรื่องราวของหลายชีวิตในเมืองเก่าที่ทำให้หลายต่อหลายคนอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
siamtownus.com














Museum Decorative Art เมือง Bordeaux



นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองไวน์ ไม่เพียงจะสามารถเดินเล่น ชมวิวแม่นํ้า สะพาน ช็อปปิ้งแล้ว ยังสามารถที่จะเข้าชมมิวเซียมตกแต่งของเมืองได้ด้วย Museum of Decorative Art เมือง Bordeaux นี้ ตั้งอยู่ที่ Lalande Hotel ที่ถูกออกแบบโดย Etienne Laclotte เพื่อเป็นที่ทำการของ Raymond Pierre Lalande หลังจากที่เจ้าของและลูกชายที่เสียชีวิตจากการแขวนคอ อาคารแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือหลายครั้ง แต่กลับไม่มีใครอาศัยอยู่เลย จนรัฐบาลท้องถิ่นซื้อมาทำเป็นกรมตำรวจและศุลกากร จนมีการสร้างคุกขึ้นภายหลังในบริเวณสวนด้วย ต่อมาในปี ๑๙๒๓ สถานีตำรวจได้ปล่อยให้ส่วนหนึ่งของอาคารถูกทำเป็นมิวเซียมที่ชื่อว่า Museum of Ancient Art






ในช่วงสงครามมิวเซียมถูกปิดตัวลง และเปิดทำการใหม่ภายใต้การออกแบบของ Xavier Vedere ให้เป็น Decorative Art Museum ในวันที่ ๒ กรกฎาคม ๑๙๕๕ นับจากนั้นมามิวเซียมก็ได้รับของสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เครื่องเคลือบดินเผาจาก Marcel Doumezy เครื่องเคลือบดินเผาคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ เฟอร์นิเจอร์ เซรามิกงานเครื่องเงินและเครื่องแก้ว






ในวันเปิดตัวนั้น ของสะสมที่ถูกคัดสรรจาก Paul Courteault ภัณฑารักษ์ให้มาจัดแสดงก็คือ งานเฟอร์นิเจอร์ ส่วนของจัดแสดงแบบถาวรในมิวเซียมที่มีอยู่ ๓ ชั้น นั้นประกอบด้วยเครื่องตกแต่งฝรั่งเศสโดยเฉพาะจากเมือง Bordeauxไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เซรามิก เครื่องแก้ว เครื่องประดับ เครื่องดนตรี เครื่องครัว และวัตถุเล็กๆ ต่าง ๆ เช่น ตุ๊กตา ส่วนนิทรรศการชั่วคราวจะจัดในพื้นที่ ๓oo ตารางเมตร ชั้นล่าง นอกจากนี้ในปี ๒o๑o มิวเซียมยังเพิ่มของสะสมให้กับงานรุ่นใหม่ตั้งแต่งานแนว Art Nouveau ราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙oo งานตกแต่งของคริสต์ศตวรรษที่ ๒o-๒๑






นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนมิวเซียมตกแต่งแห่งนี้จะได้มีประสบการณ์ที่เต็มอิ่มกับมิวเซียมแนวนี้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะในห้องที่จัดแสดงงานรุ่นเก่า ๆ ราวกับกำลังชมวังหรือบ้านคหบดีที่หรู ๆ ที่มีสมบัติมากมาย การจัดโต๊ะอาหารที่ราชสำนักใช้กันในสมัยโบราณ ถ้วยกาแฟหลากหลายรูปแบบ และยังได้ตื่นตาตื่นใจกับงานออกแบบที่ทันสมัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเก้าอี้ที่หลายคนคงสงสัยว่าจะนั่งให้สบายได้อย่างไรด้วย























ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














Contemporary Art Museum เมือง Bordeaux



นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไวน์ แต่ชื่นชอบศิลปะ คงรู้สึกไม่อิ่มกับการทำเพียงแค่เดินเล่น ช็อปปิ้ง ชมโบสถ์ ชิมไวน์ และชิมหอยนางรมเป็นแน่แท้ พวกเขาจำเป็นต้องเข้าชมมิวเซียมภาพเขียนให้ได้สักแห่งไม่เช่นนั้นจะรู้สึกขาดอะไรไปอย่าง Contemporary Art Museum of Bordeaux เป็นคำตอบที่ไม่ควรพลาด มิวเซียมมีชื่อย่อว่า CAPC นี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ๑๙๗๓ โดย Jean-Louis Froment ณ Entrepot Laine คลังสินค้าสำหรับเก็บอาหาร นิทรรศการที่จัดขึ้นครั้งแรกในช่วงเวลานั้นคือ Regarder Ailleurs ซึ่งเป็นผลงานของ Gina Pane, Andy Warhol และ Jim Dine






นับจากปี ๑๙๘๔ เป็นต้นมา มิวเซียมแนวโมเดิร์นอาร์ตแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติและได้รับการยกระดับเป็น Musee d’art Contemporain de la Ville de Bordeaux ที่แยกจาก Centre Georges Pompidou มิวเซียมแนวเดียวกันที่มีชื่อเสียงในปารีสอย่างเด็ดขาด ผลงานที่ใช้จัดแสดงอย่างถาวรในช่วงแรกมักเป็นงานยืม ของขวัญหรือเป็นผลงานที่เจ้าของมอบให้หลังจัดนิทรรศการ ส่วนการปรับปรุงอาคารให้เหมาะแก่การจัดแสดงผลงานนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของ Denis Volade และ Jean Pistre สถาปนิก และ Andree Putman มัณฑนากร






เมื่อมิวเซียมเปิดทำการอีกครั้งในปี ๑๙๙o ผลงานที่ได้รับการจัดแสดงชุดแรกคือ Threat of Hell นับจากนั้นมาผลงานที่จัดแสดงทั้งแบบถาวรและนิทรรศการก็มีหลายรูปแบบแล้วแต่ผู้อำนวยการและภัณฑารักษ์ เช่น ผลงานเกี่ยวกับสังคม จักรวาล เด็ก อาหาร วัฒนธรรม เรื่องทั่วไป แต่หลังปี ๒oo๖ เมื่อ Charlotte Laubard ขึ้นเป็นผู้อำนวยการ เธอได้วางตำแหน่งให้ CAPC แห่งนี้มีความเป็นนานาชาติมากขึ้นโดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรม มิวเซียมจึงเริ่มจัดแสดงผลงานทางด้านดนตรี ภาพยนตร์ สถาปัตยกรรม สื่อ และวัฒนธรรมแนวป๊อป ยิ่งกว่านั้นมิวเซียมยังเปิดโอกาสให้กับศิลปินชาว Bordeaux ได้มีโอกาสมาจัดแสดงผลงานมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะผลงานแนวลายเส้นด้วยการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับลายเส้น และจัดแสดงผลงานถาวรแนวลายเส้นไว้อีกต่างหากด้วย






ของจัดแสดงที่มีจำนวน ๑,๒oo ชิ้นจากศิลปิน ๑๙o คน นี้มาจากการซื้อ การบริจาคและการแลกเปลี่ยนระหว่างศิลปินด้วยกัน เช่น Jean Fournierผู้ก่อตั้งได้บริจาคผลงานมากมาย อาทิ ผลงานของ Simon Hantai และ Joan Mitchell ผลงานจำนวนมากที่เพิ่งได้รับมาเมื่อต้นทศวรรษเป็นผลงานศิลปะจากศิลปินในทศวรรษที่ ๑๙๗o เช่น Guillaume Leblon, Diego Perrone, Vincent Lamoureux และ Vittorio Santoro ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะแนวใหม่อย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะงานกระดาษจากศิลปินนานาชาติด้วย นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนสามารถที่จะชื่นชมผลงานที่ดูแปลกตาแหวกแนวและล้ำสมัยได้อย่างจุใจโดยเสียค่าเข้าชมเพียงแค่ ๕ เหรียญ สำหรับนิทรรศการ และฟรีสำหรับงานสะสมแบบถาวร



















ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














Combodge, après l’adieu



สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพจัดนิทรรศการรำลึกถึงการเข้าสู่ยุคครอบงำของเขมรแดง พร้อมทั้งจัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษเรื่อง “Combodge, après l’adieu” (Cambodia After Farewell) เนื่องในโอกาสครบรอบ ๔o ปีของการยึดครองกรุงพนมเปญโดยเขมรแดง ถือเป็นโอกาสอันดีในนำเสนอเรื่องราวความเป็นไปที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของเขมรแดงผ่านหนังสือ “La Chute de Phnom Penh” ของ Roland Neveu ช่างภาพผู้สื่อข่าวมืออาชีพชาวฝรั่งเศสที่ประจำอยู่ในประเทศในแถบเอเชีย ผู้บันทึกเหตุการณ์และความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญตลอดช่วงสองเดือนก่อนการบุกยึดครั้งสุดท้ายโดยกลุ่มเขมรแดง


ภาพถ่ายเหล่านี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นบันทึกความเศร้าสลดแห่งประวัติศาสตร์กัมพูชา ในขณะเดียวกัน Iv Charbonneau – Ching ผู้อยู่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันที่ ๑๗ เมษายน ๑๙๗๕ วันสุดท้ายของการถูกบุกยึด ครอบครัวชาวกัมพูชาตกอยู่ในการโจมตี ภาพการดำเนินไปของเหตุการณ์ บนถนนของการเนรเทศ เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกผ่านกล้องวีดีโอและถูกถ่ายออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง “Cambodge, après l’adieu” ทั้งสองเหตุการณ์ที่มาบรรจบกันนี้จะถูกนำมาจัดแสดงและถ่ายทอดให้ชมกันในรูปแบบของนิทรรศการภาพถ่ายระหว่างวันที่ ๗ – ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ


งานนิทรรศการ : วันที่ ๗ – ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : o๒-๖๗o-๔๒๒๒
อีเมล : culture@afthailande.org



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














มาลีมาเล่า ผ่าน……ระพีลีลา



ดอกไม้ สื่อสากลแฝงความหมายและความรู้สึกดีดี ที่มอบให้แด่คนสำคัญกันมายาวนาน ถูกถ่ายทอดในรูปแบบนูนต่ำ ที่สร้างสรรค์ด้วยเกรียงสีน้ำมัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ผู้วาดประทับใจสมัยประถมศึกษาปีที่ ๖ เรียนรู้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบันความประทับใจในเทคนิค ความรักในหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ ได้ถูกถ่ายทอด บอกเล่าในรูปแบบเฉพาะของผู้วาด ผ่านงานแสดงศิลปะเดียวครั้งแรกในชีวิต “มาลีมาเล่า” ระพีลีลา



นิทรรศการ : มาลีมาเล่า ผ่าน……ระพีลีลา
ศิลปิน : ระพี ลีละสิริ
วันที่ : ๓ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : People’s Gallery P1-P2 ชั้น ๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๒๑๔-๖๖๓o



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Simpleness



โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ จี (สีลม) ภูมิใจเสนอนิทรรศการภาพวาดชุด “Simpleness” โดยศิลปินรุ่นใหม่ กิตติ นารอด การสร้างสรรค์ภาพวาดชุด “Simpleness” นี้เป็นการแสดงมุมมอง ความคิด ความรู้สึกส่วนตัวของศิลปินที่มีต่อสิ่งรอบตัวและจากการใช้ชีวิตประจำวัน จนซึบซับและเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชุดนี้ อีกทั้งศิลปินยังสนใจในการสื่อสารศิลปะแบบวัฒนธรรมสมัยนิยม (pop culture) ศิลปะป๊อปอาร์ต (pop art) การ์ตูนญี่ปุ่นแนวมังงะ (Manga Yaoi) และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยบอกเล่าความรู้สึกนั้นผ่านงานศิลปะในรูปแบบเหล่านี้จนเกิดเป็นผลงานชุด “Simpleness”






กิตติ นารอด จบการศึกษาจากภาควิชาจิตรกรรม คณะศิลปกรรม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และภาควิชาจิตรกรรมสากล จากวิทยาเขตเพาะช่าง ผลงานของกิตติได้ถูกจัดแสดงหลายต่อหลายครั้งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างประเทศ ซึ่งเขาได้ถูกเลือกให้ไปจัดนิทรรศการร่วมกันกับศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงท่านอื่น ๆ ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน อาทิ ประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนนาดา และสิงคโปร์






กิตติ นารอด เลือกทำงานศิลปะโดยถ่ายทอดมุมมองและความรู้สึกต่อสิ่งรอบตัว พร้อมทั้งเลือกที่จะยึดถือหลักในการทำงานที่ว่า เขาจะไม่เทศนาหรือสั่งสอนใครในสังคมผ่านผลงานของเขาเองเพราะเขาเชื่อว่าสังคมได้เข้าสู่ยุคความเป็นปัจเจกแล้ว นอกจากนี้เขาได้หวังว่าผลงานของเขาจะสร้างความปะทะสังสรรค์ของความเป็นปัจเจก และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย


ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ แกลลอรี่ ชั้น ๓๖ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจซื้อผลงาน โทร. o๒-๒๓๘-๑๙๙๑ อีเมล nicha@pullmanbangkokhotelg.com หรือเฟซบุ๊ค //www.facebook.com/pullmanbangkokhotelG


นิทรรศการ : Simpleness
ศิลปิน : กิตติ นารอด
วันที่ : ๗ พฤษภาคม – ๓o กรกฎาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : แกลลอรี่ ชั้น ๓๖ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๒๓๘-๑๙๙๑
อีเมล : nicha@pullmanbangkokhotelg.com
//www.facebook.com/pullmanbangkokhotelG



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














An Original by the Originals



เดอะ แจม แฟคตอรี่ ร่วมกับกลุ่มศิลปินอิสระ The Archivist (ดิ อาร์คะวิสท์) จัดงานนิทรรศการแสดงภาพพิมพ์ร่วมสมัย “An Original by the Originals” พร้อมเวิร์คช็อปศิลปะตลอดเดือนพฤษภาคมเปิดพื้นที่ให้ผู้รักงานศิลปะภาพพิมพ์ได้มาชื่นชมงานศิลป์ให้เพลิดเพลินใจ เดอะ แจม แฟคตอรี่ จัดงานนิทรรศการแสดงภาพพิมพ์ร่วมสมัย “An Original by the Originals” ร่วมกับกลุ่ม The Archivist (ดิ อาร์คะวิสท์) & สตูดิโอ STH. TO PRINT (เอสทีเอช ทู ปริ้นท์) จัดงานนิทรรศการแสดงภาพพิมพ์ร่วมสมัย “An Original by the Originals” (แอน ออริจินัล บาย เดอะ ออริจินัลส์) ผลงานของ ๑๒ ศิลปินอิสระ นักวาดภาพประกอบ และกราฟิก ดีไซเนอร์ ที่มีแนวทางในการทำงานเฉพาะตน ทดลองสร้างสรรค์ผลงานภาพพิมพ์ด้วยเทคนิคสกรีน พริ้นติ้ง จำนวน ๒๕ ผลงาน ระหว่างวันที่ ๗ พฤษภาคม – ๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยจะจัดงานเปิดตัวนิทรรศการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๗ พฤษภาคมนี้ ที่เดอะ แจม แฟคตอรี่


นอกจากนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีใจรักในศิลปะภาพพิมพ์ได้ทดลองสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง ศิลปินที่มาร่วมจัดแสดงผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ จึงได้ร่วมกันจัดเวิร์คช็อปศิลปะภาพพิมพ์แบบทำมือ ที่มีให้เลือกเรียนรู้ ๔ รูปแบบ ในทุกวันเสาร์ ตลอดเดือนพฤษภาคม สอบถามเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งสำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อปได้ที่ โทร o๘๔-o๖๖-๔๙๖o (วุ้น) หรือ อีเมล : workshop@thearchivist.co หรือติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซท์ //www.thearchivist.co และช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค Facebook: archivistproject / instagram @thearchivistproject



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Reading The (In) Habitant



ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอนิทรรศการ “Reading The (In) Habitant” ผลงานทัศนศิลป์ล่าสุดของ มะลิ จุลเกียรติ และ พันทิพา ตันชูเกียรติ แห่ง Likaybindery (ลิเกบายเดอรี) สตูดิโอสอนเย็บสมุด ที่เกิดจากความชื่นชอบศิลปะการเย็บสมุด คุณค่าความสวยงามของกระดาษ และลวดลาย การออกแบบต่าง ๆ เปิดกว้างแบ่งปันความรู้ ผลิตคนเย็บสมุดมืออาชีพ พร้อมสร้างสรรค์งานศิลปะ ด้วยใจรักและความสุขอย่างแท้จริง






“Reading The (In) Habitant” การแสดงผลงานชุดล่าสุดจาก ลิเกบายเดอรี สตูดิโอ ของศิลปินคู่หู นำประสบการณ์และความชื่นชอบในงานออกแบบมาผสานกับจิตรกรรม และศาสตร์การเย็บสมุด เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะในนิทรรศการทัศนศิลป์ครั้งนี้ โดยศิลปินได้ผันงานศิลปะเป็นเครื่องมือในการค้นหาคำตอบของแนวคิดแบบนามธรรมตามวิถีธรรมชาติที่นักปรัชญา และศิลปินยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมา โดยใช้พื้นที่ การจัดวาง และหนังสือเป็นสื่อเชื่อมโยงให้เกิดการคิดและติดตาม ส่วนศิลปะการเย็บสมุด และ การออกแบบงานศิลปะอย่างสร้างสรรค์ก็สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้ค้นหาคำตอบในผลงานได้อย่างมหัศจรรย์






ยลช่องส่องใจพร้อมตามหาคำตอบด้านนามธรรมจากศาสตร์การเย็บสมุด ในนิทรรศการ “Reading The (In) Habitant”

นิทรรศการ : Reading The (In) Habitant
ศิลปิน : มะลิ จุลเกียรติ และ พันทิพา ตันชูเกียรติ
วันที่ : ๘ พฤษภาคม – ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
สถานที่ : ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ ๒๔๕
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๖๖๒-๓๒๑๘



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














นิทรรศการ HERO



หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ ภูมิใจนำเสนอนิทรรศการศิลปะในเดือนสำคัญของผู้ใช้แรงงานทั่วโลก นิทรรศการ “HERO” หรือ “ฮีโร่“โดย สุรพงศ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ซึ่งจะรวบรวมผลงานทั้ง ๑๘ ชิ้นมาจัดแสดง ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๘ พร้อมเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานเปิดอย่างเป็นทางการ เวลา ๑๘.oo น ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ สุขุมวิท ๓๙


“ฮีโร่” ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแบบภายนอก ฐานะ ชนชั้น ชาติกำเนิด แต่ความแข็งแกร่งไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคคือต้นกำเนิดของนิยามนี้ กลุ่มคนใช้แรงงาน พลเมืองที่มักถูกมองให้อยู่ในฐานนันดรชั้นล่างของสังคม สิทธิ์ของการเป็นฮีโร่ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น กลุ่มคนเหล่านี้มักถูกมองข้ามผ่าน เพียงเปลือกผิวนอก ที่ทำให้เขาและเธอเหล่านั้นถูกตัดสินให้ไร้คุณค่า ทว่าในสายตาศิลปิน สุรพงศ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา เขา กลับมองเห็นความงดงาม ความสำคัญของความเป็นคนต้นแบบ และได้กำลังใจจากกลุ่มคนเหล่านี้ให้เผชิญหน้ากับปัญหาชีวิต เขาสร้างงานศิลปะในครั้งนี้ เพื่ออุทิศให้ความเป็น “ฮีโร่” จากกลุ่มคนทำงานหนักที่มีคุณค่าความเป็นคนไม่ต่างกัน


สุรพงศ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา กล่าวว่า“ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด รวมถึงตัวผมเองบ่อยครั้งที่ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ นานา มีทั้งบีบคั้นกดดันจนบางครั้งเกิดความคิดในด้านมืด เกิดความท้อถอย จนกระทั่งผมสัมผัสกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มคนที่พวกเราต่างก็เคยพบเห็นอยู่บ่อยๆตามเขตพื้นที่ก่อสร้าง ผมสังเกตและมองลึกเข้าไปในตัวของพวกเขาผมค้นพบสิ่งงดงามถูกแฝงเร้นอยู่ภายในนั้นคือพลังใจที่แรงกล้า การต่อสู้กับการงานที่หนักอึ้ง การไม่ย่อท้อต่อปัญหาทั้งภายนอกและภายในจิตใจ คราบน้ำมันฝุ่นควันที่เปื้อนเปรอะอยู่บนใบหน้าที่ยิ้ม การทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง การเล่นหยอกล้อและเสียงหัวเราะ ทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนชีวิตที่กดดันบีบคั้นมากมายหลายเท่าถ้าเทียบกับผม ผมจึงยกย่องและเชิดชูกลุ่มคนเหล่านี้เป็นตัวอย่างในการต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหา ถือเป็นฮีโร่ที่มีเลือดเนื้อจริง เป็นฮีโร่ที่ทำงานเพื่อส่งเงินให้ลูกเรียน เป็นฮีโร่ที่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา เป็นฮีโร่ที่ต่อสู้กับปัญหาไม่หลบหนี เป็นฮีโร่ที่แท้จริงของผม”


สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. o๒-๒๕๘-๕๕๘o ต่อ ๔o๑ และ o๘๖-๘๙๑-๑๘๙๓
เวลาทำการ วันอังคาร-วันศุกร์ เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น.
วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา ๑๑.oo-๑๘.๓o น.
ปิดทำการวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์



ภาพและข้อมูลจาก
FB นิทรรศการ














MUSE



นิทรรศการภาพวาดของสองศิลปินจากสองซีกโลก Elizabeth Romhild และ Aof Smith ที่ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณผสานจินตนาการผ่านผลงานภาพวาดอันเป็นเหมือนแสงสว่างที่จุดประกายแรงบันดาลใจ ส่องสะท้อนตัวตน และเปิดเผยมนต์ขลังที่ซ่อนเร้นงานเปิดตัวนิทรรศการ MUSE วันพุธที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๙.oo – ๒๒.oo น. ณ Rooftop Gallery @ทองหล่อ โดยในวันงานเปิดนิทรรศการ ท่านจะได้พบกับทั้งสองศิลปิน และร่วมชมการแสดงแฟชั่นโชว์โอต์ กูตูร์ ผลงานโดย Catische


Exhibition : MUSE
Artist : Elizabeth Romhild & Aof Smith
Date : 13–19 May 2015
Venue :Rooftop Gallery
Tel : 094-405-1069
Email: tanya@farmanigallery.com



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














ArtBridgeChiangRai Pray For Nepal



จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาล เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๘ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือน สถานที่สำคัญทางศาสนาศิลปวัฒนธรรม อันเป็นมรดกโลก เสียหายอย่างหนัก มีผู้คน บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากกองทุนศิลปินเชียงราย (ขัวศิลปะ) ในฐานะองค์กรทางสังคม ที่ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของศิลปินจังหวัดเชียงรายและผู้สนับสนุนกองทุนศิลปินเชียงราย เพื่อที่สร้างพื้นที่ทางศิลปะที่สามารถเชื่อมสู่ชุมชน และดำเนินกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมในทุกมิติ ได้จัดกิจกรรมการกุศล “ขัวศิลปะรวมใจสู่เนปาล” ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.oo – ๑๙.oo น ณ ขัวศิลปะ เชียงราย


โดยจะมีการแสดงงานและประมูลผลงานศิลปะของศิลปินในกองทุนฯ, ศิลปินเครือข่ายทั่วประเทศ เริ่มต้นประมูลที่ ๗๙o บาททุกชิ้นงาน นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรี การแสดงร่วมสมัยจากกลุ่มศิลปินเชียงราย การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อระดมทุน นำรายได้ทั้งหมดไปช่วยเหลือชาวเนปาล โดยผ่านกองทุน”รักษ์เนปาล”SAVE-NEPAL” ก่อตั้งโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี


สอบถามข้อมูลและร่วมบริจาคได้ที่ ขัวศิลปะ เชียงราย โทรศัพท์. o๕๓-๑๖๖๖๒๓, o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ //www.facebook.com/artbridgechiangrai ,artbridge.cr@gmail.com, https://www.facebook.com/events/1604867499768397/



















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 16 พฤษภาคม 2558
Last Update : 16 พฤษภาคม 2558 22:25:02 น. 0 comments
Counter : 2598 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.