happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๔๑





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










ของขวัญปีใหม่เปิดสักการะ ๙ พระพุทธรูปที่วังหน้า



เคาต์ดาวน์ด้วยเสียงสวดมนต์ ไหว้พระพุทธรูปสำคัญรับมงคลแห่งชีวิตในปี ๒๕๕๙ เป็นกิจกรรมสำคัญที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำโดย วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชูเรื่องศาสนาและวัฒนธรรมสู่ใจประชาชนต้อนรับการเริ่มต้นสู่ศักราชใหม่

ในเทศกาลปีใหม่นี้ วธ. โดยกรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดกิจกรรมพิเศษ "สักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน" เพื่อความเป็นสิริมงคลในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ โดยเปิดให้คนไทยไหว้พระพุทธรูปสำคัญ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มีพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ประดิษฐานอยู่ในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นประธาน และคัดสรรพระพุทธรูปอีก ๘ องค์ ที่มีพุทธลักษณะงดงามประกอบด้วยคติการสร้างมาประดิษฐานให้ชาวไทยกราบไหว้ในคราวเดียวกัน

ทั้งหมด ๙ องค์ เป็นพระพุทธรูปมงคลซึ่งสงวนรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น และคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี มรดกสำคัญของชาวไทย สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่อดีต พร้อมเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและอุทยานประวัติศาสตร์ทุกแห่ง โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมเข้าชม ระหว่างวันที่ ๓o ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๙ ให้เข้าชมฟรี เป็นของขวัญปีใหม่ ชวนกันท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมเทศกาลหยุดยาวนี้ได้

อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรจัดกิจกรรมพิเศษในโอกาสขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๙ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมภายใต้แนวคิด "ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน" มีกิจกรรมไหว้พระเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ "ไหว้พระวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน" โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้นำพระพุทธรูปมงคลโบราณที่มีประวัติความเป็นมา และสร้างขึ้นตามคติอันเป็นมงคล ซึ่งพุทธศาสนิกชนไม่ค่อยได้มีโอกาสสักการบูชาโดยทั่วไป จำนวน ๙ องค์ ออกให้กราบบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วย

๑. พระพุทธ สิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) กราบบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยให้ประเทศชาติผ่านพ้นอวมงคลการต่าง ๆ
๒. พระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ มีความหมายถึงธรรม อันเป็นแก่นสารยิ่งกว่าอำนาจแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
๓. พระชัยเมืองนครราชสีมา พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ศิลปะอยุธยา ความหมายถึงชัยชนะ ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ และอำนวยพรให้สำเร็จผล
๔. พระพุทธรูปปางประทาน ธรรม ศิลปะอยุธยา หมายถึงการแสดงธรรม การหมุนวงล้อแห่งธรรม เพื่อเผยแผ่พระศาสนา อันเป็นพุทธกิจสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๕. พระพุทธรูป ปางลองหนาว พระพุทธรูปสำริดประทับนั่ง ศิลปะล้านนา บูชาเพื่อระลึกถึงการประมาณตน การกำหนดความพอเพียง รู้จักความพอดี
๖. พระพุทธรูปปาง ฉันสมอ ศิลปะรัตน โกสินทร์ บูชาเพื่อให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
๗. พระพุทธรูปปางโปรดมหิสสรเทพบุตร (พระศิวะ) เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติผู้ที่เคารพกราบไหว้ ไม่อยู่ในความประมาท ขจัดมิจฉาทิฐิ หรือความเห็นผิด
๘. พระพุทธรูปปาง ป่าเลไลยก์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ บูชาเพื่อเตือนสติให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ มีขันติ ความอดกลั้น ปฏิบัติตามคำสอนและมีความเสงี่ยมเจียมตัว และ
๙. พระพุทธปฏิมาปางขอฝน ศิลปะรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญด้านศิลปกรรม และขนบประเพณี บูชาเพื่อความอุดมสมบูรณ์

"พระพุทธรูปทั้งหมดนำมาประดิษฐานให้ได้สักการะเพื่อประทานพรให้เกิดสวัสดิมงคล ในวาระแห่งการเริ่มต้นสู่ศักราชใหม่ พร้อมทั้งจัดทำนิทรรศการพิเศษขนาดเล็กให้ความรู้เรื่องพระพุทธรูป ๙ องค์ รวมทั้งจัดทำแผ่นพับแจกฟรีให้แก่ผู้ที่เข้าสักการะพระพุทธรูป ๙ องค์อีกด้วย" อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว

อีกของขวัญส่งความสุขให้ประชาชน อนันต์กล่าวว่า ปีใหม่นี้เปิดโอกาสให้เข้าชมโบราณวัตถุศิลปวัตถุชิ้นเยี่ยมภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ และมีโอกาสเที่ยวชมโบราณสถาน ตลอดจนศึกษาประวัติศาสตร์ทางด้านโบราณคดี ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง ๙ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อุทยานประวัติ ศาสตร์กำแพงเพชร อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เชิญชวนให้ใช้วันหยุดต่อเนื่องเข้าพิพิธภัณฑ์ อุทยานประวัติศาสตร์ใกล้บ้าน ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีวอก.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
tumsrivichai.com














ธ ทรงเป็นแรงบันดาลใจ



“มอบทรัพย์ภายนอก วันหนึ่งย่อมหมดไป มอบแรงบันดาลใจ เท่ากับส่งต่อพลังใจให้ยิ่งชัชวาล”

ทยอยคลอดออกมาให้ได้เห็นกันแล้ว สำหรับหน้าตาของปฏิทินประจำปี ๒๕๕๙ ของหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงปฏิทินของ ธนาคารกรุงไทย หน่วยงานที่นอกจากส่งเสริมกิจกรรมทางด้านศิลปะ ผ่านการจัดประกวด "ศิลปกรรมกรุงไทย" ยังมีพื้นที่แสดงผลงานศิลปะ “หอศิลป์กรุงไทย” ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ธนาคารกรุงไทย สาขาเยาวราช

เนื่องจากปี ๒๕๕๙ เป็นปีครบรอบ ๕o ปี ของธนาคารฯ ปฏิทิน ประจำปี ๒๕๕๙ "ธ ทรงเป็นแรงบันดาลใจ" ที่ทางธนาคารฯจัดทำขึ้นเพื่อแจกลูกค้า จึงถูกจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ โดยนำเสนอเรื่องราวของ ๑๒ บุคคลต้นแบบ (ผู้มี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแรงบันดาลใจ) ถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะของ ๑๒ ศิลปิน ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ ได้แก่

๑. เรื่องราวของ ครูเรียม หรือ นางเรียม สิงห์ทร ผ่านผลงานศิลปะของ มล.จิราธร จิรประวัติ
๒. เรื่องราวของ หมอแป้น หรือ นพ.สุชาติ ทองแป้น ผ่านผลงานศิลปะของ โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี
๓. เรื่องราวของ ดาบวิชัย คนบ้าปลูกต้นไม้ หรือ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ ผ่านผลงานศิลปะของ วลัยกร สมรรถกร
๔. เรื่องราวของ พล.ร.ท.สมหมาย ปราการสมุทร ผ่านผลงานศิลปะของ ตั้ม-วิสุทธิ์ พรนิมิตร
๕. เรื่องราวของ ปราชญ์ไม้ไผ่ หรือ จ.อ.สมบัติ วิสูตรพันธุ์ ผ่านผลงานศิลปะของ ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์
๖. เรื่องราวของ ครูยักษ์ หรือ วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผ่านผลงานศิลปะของ สมวงศ์ ทัพพรัตน์
๗. เรื่องราวของ นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร ผ่านผลงานศิลปะของ นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร
๘. เรื่องราวของ ปลัดแตน หรือ ร.ต.(หญิง)สมพร ประดิษฐ์ ผ่านผลงานศิลปะของ เป้ สีน้ำ หรือ อรรณพ สีสัจจา
๙. เรื่องราวของ บุญมี สุระโคตร ผ่านผลงานศิลปะของ จิตต์สิงห์ สมบุญ
๑o. เรื่องราวของ นายธนาคารปูม้าปะทิว หรือ จาง ฟุ้งเฟื่อง ผ่านผลงานศิลปะของ สุรเดช แก้วท่าไม้
๑๑. เรื่องราวของ ปีเตอร์ เฟอร์ดินาน ผ่านผลงานศิลปะของ โอม รัชเวทย์
๑๒. เรื่องราวของ โจนบ้านดิน หรือ โจน จันได ผ่านผลงานศิลปะของ วิษณุพงษ์ หนูนันท์

โจนค้นพบว่าชีวิตควรเป็นเรื่องง่าย ๆ ลูกชาวนาจึงกลับคืนสู่ผืนนา เรียนรู้ชีวิตด้วยประสบการณ์จริง ทำเกษตรเพื่อกินไม่ใช่เพื่อขาย และเป็นผู้เชี่ยวชาญการปลูกบ้านด้วยดินเหนียวผสมแกลบ เป็นบุคคลต้นแบบผู้ดำรงตนตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ....ผลงานชื่อ "ภูมิพล บ้านดินของเรา" คนต้นแบบ "โจน จันได" วาดโดยศิลปิน"วิษณุพงษ์ หนูนันท์"

อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ผู้หมายมั่นว่า อยากสร้างสรรค์อะไรให้สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน...เพื่อในหลวง พล.ร.ท.สมหมาย ประยุกต์องค์ความรู้ ด้านการออกแบบตัวเรือและกลศาสตร์การบินเข้าด้วยกัน จนสามารถคิดประดิษฐ์เครื่องบินลาดตระเวณได้ทั้งบนบกและในน้ำแบบต่อเนื่องกัน เครื่องบินทะเลสัญชาติไทย กลายเป็นความภูมิใจของเราทุกคน...ผลงานชื่อ"เมฆ" คนต้นแบบ "พล.ร.ท.สมหมาย ปราการสมุทร" วาดโดยศิลปิน "วิศุทธิ์ พรนิมิตร"















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ปฏิทินตั้งโต๊ะชุดพิเศษ “บุปผาราชินี ชุดภาพพระราชทาน ปี ๒๕๕๙”



ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีต่อผู้ป่วยเด็กและสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีมาเป็นเวลาช้านาน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ดำเนินการจัดทำปฏิทินตั้งโต๊ะชุดพิเศษ “บุปผาราชินี ชุดภาพพระราชทาน ปี ๒๕๕๙” เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พร้อมสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในด้านการอนุรักษ์พรรณไม้ รายได้สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตและความสุขให้ผู้ป่วยเด็ก

รองศาสตราจารย์คลินิก แพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ และสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในด้านการอนุรักษ์พรรณไม้ทางสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จึงได้จัดทำปฏิทินตั้งโต๊ะชุดพิเศษ “บุปผาราชินี ชุดภาพพระราชทาน ปี ๒๕๕๙” โดยได้รับพระราชานุญาตพระราชทานพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เป็นภาพหน้าปกปฏิทินและภาพดอกไม้นานาชนิดอันประกอบด้วยดอกไม้ที่มีนามตามพระนามาภิไธย ดอกไม้นามพระราชทาน และดอกไม้โปรดของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาจัดพิมพ์เป็นภาพดอกไม้ประจำแต่ละเดือนพร้อมเรื่องราวของดอกไม้ทั้ง ๑๒ ชนิด เพื่อให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระปรีชาสามารถและร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติอันงดงามของไทยไว้ และเพื่อหารายได้สมทบทุน “กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ” ที่จะนำมาพัฒนาสถาบันฯ ในการจัดหาอุปกรณ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้มีความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็ก โดยเฉพาะด้านการดูแลรักษาทารกและเด็กพิการแต่กำเนิด เพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์การเป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาสุขภาพเด็กในระดับสากลภายในปี ๒๕๕๙






ดอกไม้พระนามาภิไธย ด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยในด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอันมาก ทำให้มีสถาบันในต่างประเทศ ชื่นชมและเทิดพระเกียรติคุณขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” ตั้งเป็นชื่อบุปผางามถึง ๓ ชนิด คือ กุหลาบควีนสิริกิติ์ กล้วยไม้คัทลียาควีนสิริกิติ์ และดอนญ่าควีนสิริกิติ์

กุหลาบควีนสิริกิติ์ ดอกกุหลาบขนาดใหญ่สีเหลือง ระเรื่อด้วยสีส้มแดงตรงปลายกลีบเมื่อกระทบกับแสงแดด กลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งเริ่มนำออกเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ และได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดกุหลาบที่กรุงเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์ โดยนาย Andre’ Hendricx ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของกุหลาบเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ครั้งเมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนประเทศเดนมาร์ก

กล้วยไม้คัทลียาควีนสิริกิติ์ กล้วยไม้ลูกผสมตระกูลคัทลียากลีบดอกขาวนวลแต่งแต้มด้วยสีเหลืองทองตรงกลาง ด้วยความงามอันโดดเด่นนี้ทำให้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก The Royal Horticulture Society ประเทศอังกฤษ ซึ่งบริษัทแบล็กแอนด์ฟลอรี่ (Black & Flory) บริษัทกล้วยไม้เก่าแก่ของอังกฤษ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของกล้วยไม้ โดยจดทะเบียนเมื่อ พ.ศ. ๒๕o๑ นอกจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้พระราชทาน คัทลียา ควีนสิริกิติ์ เป็นดอกไม้ประจำวันสตรีไทย

ดอนญ่าควีนสิริกิติ์ ไม้พุ่มประดับ ดอกรูปดาวสีเหลืองสดขนาดเล็กออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีกลีบรองสีชมพูอ่อนตัดด้วยขอบสีชมพูเข้มเกือบแดง เป็นพันธุ์ลูกผสมที่มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ผสมขึ้น ในปีพ.ศ. ๒๕o๖ เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยือนประเทศฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ทางมหาวิทยาลัยจึงได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของดอนญ่าลูกผสมพันธุ์ใหม่นี้






บัวควีนสิริกิติ์ บัวลูกผสมที่เกิดจากพันธุ์บัวสายเขตอบอุ่นพันธุ์ของสหรัฐอเมริกาและบัวสายเขตร้อนของไทย โดยกลีบดอก ๒ สี คือส่วนปลายกลีบดอกมีสีม่วง โคนกลีบดอกมีสีขาว ส่วนกลีบเลี้ยงมีสีขาวอมเขียว สีดอกของบัวลูกผสมนี้มีสีม่วง ถือได้ว่าเป็น “สีใหม่” ที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในบัวเขตอบอุ่น จากความงดงามและมีลักษณะแตกต่างจากบัวพันธุ์อื่น ๆ ทำให้สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขอพระราชทานพระราชานุญาต เชิญพระนามาภิไธย “สิริกิติ์” เป็นชื่อของบัวลูกผสมพันธุ์นี้ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระชนมพรรษา ๘o พรรษา

ดอกไม้พระราชทานนาม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยในธรรมชาติรอบพระวรกายอยู่เสมอ แม้ครั้งเมื่อเสด็จฯ ทรงงาน ณ พื้นที่แห่งใดก็จะทรงชื่นชมความงามของพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้หายากหรือแม้เพียงดอกไม้ป่าต้นเล็ก ๆ พระองค์ก็ทรงให้ความสำคัญและยังโปรดพระราชทานชื่อเพื่อสร้างคุณค่าให้กับพันธุ์ไม้เหล่านั้นได้เป็นสมบัติทางธรรมชาติที่ล้ำค่าของประเทศไทยตลอดไป ได้แก่ ดุสิตา มณีเทวา สร้อยสุวรรณา ทิพเกสร สรัสจันทร นิมมานนรดี และ โมกราชินี

ดอกไม้โปรด สัตตบงกช เป็นดอกไม้ที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเป็นบัวหลวงพันธุ์ดอกสีชมพูซ้อน รูปทรงดอกตูม ป้อมกว่าบัวหลวงธรรมดาเป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันดี นิยมใช้ในพิธีทางศาสนา และแทบทุกส่วนของบัวหลวงใช้ประโยชน์ได้ทั้งราก ใบ กลีบดอก เมล็ด และเกสร บัวทั้งสองสี เป็นพันธุ์ที่พบเฉพาะในประเทศไทย

ร่วมสั่งซื้อปฏิทินตั้งโต๊ะ “บุปผาราชินี ชุดภาพพระราชทาน ปี ๒๕๕๙” ราคาเล่มละ ๑oo บาท โดยสามารถติดต่อสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โทร. ๑๔๑๕ ต่อ ๒๖๑๕ โทร. o๒-๖๔o-๙๓๖๓ มือถือ o๘๘-๘๗๔-๔๖๗๓







ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














พระฉายาลักษณ์ 'สมเด็จพระเทพฯ' สุดประทับใจจากคลังภาพนิติกร กรัยวิเชียร



พระฉายาลักษณ์ในพระอิริยาบถต่าง ๆ ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงงดงามและเป็นธรรมชาติ จำนวน ๖o องค์ ซึ่งฉายโดย นิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างปี ๒๕๓๒-๒๕๕๘ ซึ่งบางภาพไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน จัดแสดงให้ประชาชนชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมีของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในนิทรรศการ "ปิยราชกุมารี" ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยการสนับสนุนจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการเมื่อวันก่อน

ภายในงาน นิติกร กรัยวิเชียร, ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ร่วมด้วย คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ, ผู้บริหารบริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และเหล่าเซเลบริตี้ ม.ล.รดีเทพ เทวกุล, ผศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร์, วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย), ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ ศิลปินชั้นเยี่ยม ร่วมงานเปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการ

โดยยอดนักถ่ายภาพบุคคลของเมืองไทย นิติกร กรัยวิเชียร กล่าวว่า นิทรรศการพระฉายา ลักษณ์ "ปิยราชกุมารี" เป็นนิทรรศการที่รวบรวมพระฉายาลักษณ์ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตนเป็นผู้ฉาย นับตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ จนถึงครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๑o ต.ค.ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา ๒๖ ปี นิทรรศการครั้งนี้ได้อัญเชิญพระฉายาลักษณ์ จำนวน ๖o องค์ มาจัดแสดง และจัดพิมพ์เป็นหนังสือ "ปิยราชกุมารี" เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษาในปีนี้ โดยพระฉายาลักษณ์หลายองค์ในงานนี้ยังไม่เคยเผยแพร่ในที่ใดมาก่อน

"ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานพระฉายาลักษณ์เหล่านี้ให้บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศจนเป็นที่แพร่หลาย นับเป็นงานที่ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ทรงพระราชทานโอกาสอันวิเศษแก่ตนเองเสมอมา" นิติกร ผู้ถวายงาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มากว่า ๒o ปี กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

นิติกร กรัยวิเชียร เผยแพร่พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ มีพระฉายาลักษณ์ที่เป็นไฮไลต์ นักถ่ายภาพแถวหน้ากล่าวว่า บางภาพฉายไว้นานแล้ว แต่ยังไม่เคยเผยแพร่มาก่อน รวมถึงบางภาพที่ฉายในปีนี้ด้วย แต่ภาพที่ประทับใจมากที่สุดคือ ภาพแรกที่ฉายเมื่อปี ๒๕๓๒ เป็นภาพขาว-ดำ ที่ประทับริมหน้าต่าง เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ฉายอย่างเป็นทางการ และเป็นภาพที่ทรงเป็นธรรมชาติมาก

วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า นิติกร กรัยวิเชียร เป็นผู้ถวายงานใกล้ชิดสมเด็จ

พระเทพฯ และได้มีโอกาสศึกษาด้านการถ่ายภาพจากต่างประเทศ จึงเป็นนักถ่ายภาพที่มีความสามารถ โดยเฉพาะภาพถ่ายบุคคล โดยเด่นที่มีแสงและรายละเอียดของภาพที่ดี เป็นภาพที่ทรงเป็นธรรมชาติ ผลงานที่นิติกรรวบรวมมาตลอด ๒๖ ปี หลายภาพไม่เคยเปิดเผย ทั้งยังจัดพิมพ์เป็นหนังสือ "ปิยราชกุมารี" เป็นการเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี และเชิญชวนให้หน่วยงานที่มีห้องสมุดจัดซื้อหนังสือเล่มนี้เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ค้นคว้า เกิดความรักและเจริญรอยตาม สมเด็จพระเทพฯ รวมทั้งให้หอสมุดแห่งชาติเก็บหนังสือไว้ในคลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ไม่มีกำลังซื้อเข้าถึงพระฉายาลักษณ์ ที่นี่มีบริการคัดลอกภาพและอ้างอิงอย่างถูกต้อง จะได้นำภาพไปใส่กรอบรูปติดที่บ้าน

สำหรับใครที่พลาดโอกาสชมนิทรรศการ "ปิยราชกุมารี" เนื่องจากจัดในระยะเวลาอันสั้น สามารถชมพระฉายาลักษณ์ได้จากหนังสือ "ปิยราชกุมารี" ที่มีคุณค่า จัดจำหน่ายในราคาเล่มละ ๓,ooo บาท ด้วยการสนับสนุนโดยบริษัท ไซเบอร์กรุ๊ป จำกัด จัดพิมพ์จำนวน ๓,ooo เล่ม โดยแม่งานฝากเชิญชวนทุกคนร่วมกันซื้อหนังสือ ผู้สนใจหนังสือ รายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย

ติดต่อได้ที่บริษัท ไซเบอร์กรุ๊ป จำกัด โทร. o-๒๖๔๑-๙๑๓๕-๘ ต่อ ๓o๘.















พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com














สมเด็จพระเทพฯ ดวงแก้วในดวงใจ



เมื่อไม่นานมานี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการ “หนึ่งทศวรรษ ฮอร์ส อะวอร์ด และนานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ด” และพิธีมอบถ้วยรางวัลพระราชทาน “โครงการประกวดวาดภาพเยาวชนฮอร์ส อะวอร์ด และโครงการประกวดผลงานจิตรกรรม นานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ด ครั้งที่ ๑o” ซึ่งกลุ่มบริษัทนานมีจัดขึ้น โดยมี นางปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการเฝ้ารับเสด็จฯ ณ อาคารนานมี สาทร

โครงการประกวดวาดภาพเยาวชนฮอร์ส อะวอร์ด และโครงการประกวดผลงานจิตรกรรมนานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ด จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนครบปีที่ ๑o ในปีนี้ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกผ่านทางงานศิลปะ โดยเปิดกว้างทุกเพศทุกวัยทั้งในระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา ตลอดจนถึงระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย

ในโอกาสที่ปี ๒๕๕๙ เป็นปีที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา เพื่อร่วมทิดพระเกียรติและถวายความจงรักภักดี จึงกำหนดหัวข้อในการประกวดว่า “สมเด็จพระเทพฯ ดวงแก้วในดวงใจ”

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงมอบถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดจากทั้งสองโครงการจำนวน ๘o รางวัล พร้อมทอดพระเนตรผลงาน“หนึ่งทศวรรษ ฮอร์ส อะวอร์ด และนานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ด” โอกาสนี้ทรงวาดภาพพระราชทานเป็นรูปดอกไม้โดยใช้ สีศิลปากรประดิษฐ์ และ สีวิจิตรรงค์ ซึ่งทรงเคยพระราชทานนาม เป็นสีที่มหาวิทยาลัยศิลปากรและกลุ่มบริษัทนานมีผลิตขึ้นเพื่อให้คนไทยได้ใช้สีคุณภาพดีและผลิตภายในประเทศ โดยทรงตรัสว่า “สีพาสเทลสวย”

นอกจากผลงานศิลปะของเด็กและเยาวชนมือสมัครเล่น แล้ว นิทรรศการครั้งนี้ยังได้รวบรวมผลงานของเหล่าศิลปินมืออาชีพ ศิลปินแห่งชาติ คณาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะ จำนวน ๔๕ ท่าน ร่วมแสดงผลงานในหัวข้อเดียวกันคือ “สมเด็จพระเทพฯ ดวงแก้วในดวงใจ” เพื่อให้คนไทยได้ชื่นชมพระบารมีอันแผ่ไพศาล แสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพผลงานร่วมสมทบทุนมูลนิธิเทพรัตนเวชชานุกูล

ขอเชิญประชาชนทั่วไปเข้าชมนิทรรศการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ อาคารนานมี สาทร โทร. o-๒๖๔๘-๘ooo































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














งานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ๒๕๕๘
เกษตรอินทรีย์หลากหลายถวาย ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพฯ



มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เตรียมจัดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ๒๕๕๘ เกษตรอินทรีย์หลากหลายถวาย ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตน์” ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๗ ธันวาคมนี้ (๑o.oo-๒๑.oo น.) ที่พระตำหนักวังสวนกุหลาบ

รศ.ดร.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เผยว่า “…สำหรับการจัดงานในปีนี้ ยังคงเน้นการทำการเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้เห็นถึงเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำที่ส่งผลให้เกิดความยั่งยืนทางอาชีพและรายได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจสามารถนำองค์ความรู้ที่นำมาเผยแพร่ไปปฏิบัติต่อหรือปรับใช้ให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ได้ รวมถึงความรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ที่สำคัญงานนี้ยังเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของสมาชิกที่มูลนิธิเข้าไปส่งเสริมอาชีพ เป็นการสร้างรายได้ให้ผู้ประสบภัยอีกทางหนึ่ง รวมถึงช่วงระยะเวลาการจัดงานยังเป็นช่วงปลายปี จึงเป็นโอกาสดีที่คนไทยจะได้มาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าภายในงานเพื่อนำไปใช้เองหรือมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย”

ในปีนี้ยังคงมีผลิตภัณฑ์หลากหลายเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าขายดีอย่าง ตับบดฝีพระหัตถ์ 3 สูตร ได้แก่ ตับบดเสวยสูตรธรรมดา สูตรมาซาล่า สูตรฮาลาล และไส้กรอกเห็ดเสวย ตลอดระยะดำเนินการของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากฯ ได้มุ่งเน้นในการสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้ประสบภัย การอยู่ร่วมกันกับโดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างความยั่งยืน จะเห็นได้จากกิจกรรมต่าง ๆ ที่มูลนิธิได้สนับสนุนผ่านกระบวนการเรียนรู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ปีนี้ร้านเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) จึงได้นำแนวความคิดของมูลนิธิถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวผลิตภัณฑ์ โดยมีชื่อคอลเลคชั่นว่า Nature selections โดยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในคอลเลคชั่นนี้จะเป็นลวดลายของต้นไม้เพื่อสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ อาทิ ผ้ารองจาน สมุดโน้ต หมวก เสื้อ และนอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่คือ น้ำมันเหลือง น้ำมันเขียว ยาหม่อง และตะไคร้หอมกันยุง ที่คัดสรรวัตถุดิบจากสมุนไพรธรรมชาติมากกว่า ๒o ชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีราคาเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ อาทิ ขนมปังไส้ต่าง ๆ ซีเรียลคุกกี้ ฯลฯ โดยส่วนผสมหลักมาจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ และธัญพืชชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ภายในร้านจะพบกับของขวัญชุดพิเศษที่ได้ทำขึ้นเฉพาะในงาน โดยมีงานฝีพระหัตถ์ Decoupage และกระเช้าของขวัญขนาดต่าง ๆ

ไฮไลท์ของปีนี้อยู่ที่ “ถนนข้าว นา ปลา ผัก อินทรีย์ วิถีออนไลน์” เพื่อจัดแสดงให้เห็นว่าการทำเกษตรอินทรีย์ และการเกษตรไม่จำเป็นจะต้องวางขายในตลาดปกติ แต่สามารถใช้ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ อย่างการขายออนไลน์ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ผู้ซื้อผู้ขายทำการซื้อขายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว “ตลาดเปี่ยมสุข” ที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทุกประเภท รวมถึงโซนเด่นที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานทุกปี ได้แก่ ตลาดอิ่มสุขออร์แกนิกส์ “ตลาดน้ำในวังฯ ” ที่ได้คัดเลือกของดีของเด่นจากตลาดน้ำชื่อดังใกล้กรุงมารวมไว้ในที่เดียว

ทั้งนี้ในส่วนของร้านภูฟ้า ได้นำสินค้าจากภูมิปัญญาชาวบ้าน พร้อมด้วยชุดสินค้าสุดพิเศษจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย เสื้อยืดคอโปโลทั้งหมดมี ๙ สี ได้แก่ สีขาวหนุมาน สีเหลืองสุรกานต์ สีชมพูเข้มนิลขัน สีชมพูอ่อนโกมุท สีเขียวพาลี สีส้มสุรเสน สีฟ้าพญาวารินทร์ สีกรมท่านิลพากร สีเมฆไวยบุตร และเสื้อยืดคอกลม จำนวน ๖ สี ได้แก่ สีขาวมัจฉานุ สีเหลืองกุมิตัน สีม่วงมายูร สีเขียวองคต สีฟ้านิลราช และสีหมึกไชยามพวาน นอกจากนี้ยังมีเสื้อทรงผู้หญิง ลายกล้วยสีสันสดใส ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่ลูกค้าจะเลือกซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ได้ อาทิ บัตรอวยพร ปีใหม่ ผ้าพันคอ ชุดกระติกน้ำ ผ้าขนหนู สมุดบันทึก สมุดฉีก กระเป๋าที่แปรรูปจากผ้าปกากะญอ แฟลชไดรฟ์ ปากกา ฯลฯ ออกวางจำหน่าย เพื่อต้อนรับปีวอก ๒๕๕๙ ที่จะมาถึงนี้























ภาพและข้อมูลจาก
phufa.org
พาเที่ยวงาน เพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ๒๕๕๘














‘เส้นสายลายสี ๗o ปีแห่งชีวิต ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ’



"ชลาลักษณ์ บุนนาค" นายใหญ่ บ.สินธรจำกัด จัดงานเปิดนิทรรศการผลงานเดี่ยว "เส้นสายลายสี ๗o ปีแห่งชีวิต ชูศักดิ์ วิษณุคำรณ" จิตรกรฝีมือชั้นครูจากถิ่นอีสาน ที่นำผลงานศิลปะย้อนหลังตั้งแต่เริ่มต้นเขียนรูปจนถึงปัจจุบันนานนับ ๕o ปี จำนวนผลงานกว่า ๒oo ชิ้น และผลงานภาพร่างต้นฉบับอีกกว่า ๑๘o ชิ้น มาจัดแสดงหวังปลุกจิตวิญญาณคนรุ่นหลังตระหนักถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่ามกลางเพื่อนๆที่ชื่นชอบในเส้นสีของอาจารย์ชูศักดิ์ มาร่วมแสดงความยินดีมากหน้าหลายตา อาทิ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, วิกรม กรมดิษฐ์ นิรุจน์ ศิริจรรยา ฯลฯ

สำหรับนิทรรศการดังกล่าวจะจัดแสดงตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๘ ที่ อาคารสินธร ถนนวิทยุ











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














นิทรรศการภาพถ่ายโบราณ



นิทรรศการภาพถ่ายโบราณที่เป็นผลงานของนายจอห์น ทอมสัน (พ.ศ. ๒๓๘o - ๒๔๖๔) ช่างภาพชาวสก็อตที่เดินทางเข้ามายังทวีปเอเชีย โดยผลงานของเขาได้ถูกนำไปจัดแสดงในหอศิลป์ประเทศต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง เป็นต้น โดยในแต่ละประเทศก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้รับการตอบรับจากผู้เข้าชมเป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดแสดงภาพถ่ายที่เกี่ยวกับประเทศจีนเท่านั้น

นายจอห์น ทอมสันได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ ๔ หรือ พ.ศ. ๒๔o๘ และใช้เวลาอยู่ในพระนครและจังหวัดใกล้เคียงเป็นเวลาหลายเดือน จึงได้สร้างผลงานด้านการถ่ายภาพบุคคลสำคัญ ชาวบ้าน บ้านเมือง ทิวทัศน์ ภาพถ่ายชิ้นที่สำคัญที่สุด คือ พระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์หรือรัชกาลที่ ๕ ตอนทรงพระเยาว์ โดยเขาเป็นช่างภาพคนแรกที่ได้รับเกียรติอย่างใหญ่หลวงโดยรัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพพระองค์ในพระบรมมหาราชวังและพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่น อีกหลายพระองค์

ทางคณะกรรมการจัดงานฯ จึงเห็นสมควรที่จะจัดนิทรรศการภาพถ่ายโบราณผลงานของนายจอห์น ทอมสัน ขึ้นที่พิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ หอศิลป์นี้ เนื่องจากเห็นว่า เป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง ที่ที่จอห์น ทอมสันได้เข้าไปเมื่อ ๑๕o ปีที่แล้วเพื่อถ่ายภาพสำคัญเหล่านี้
นิทรรศการครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพต้นฉบับมาจัดแสดง โดยแต่ละภาพจะมีการอัดขยายภาพขนาดไม่ต่ำกว่า ๑ เมตรเพื่อ ให้เห็นรายละเอียดของภาพโบราณนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

อนึ่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ นิทรรศการนี้จะเป็นหนึ่งในงานแรกที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจะทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ และเป็นการรำลึกครบรอบ ๑๕ ปีในการเข้ามาเมืองไทยของนายจอห์น ทอมสันอีกด้วย

จุดเด่นของนิทรรศการภาพถ่ายโบราณครั้งนี้คือ

- เป็นงานแรก ๆ ของปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคล ๕ รอบพระชนมายุใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- เป็นงานรำลึก ๑๕o ปีแห่งการมาเยือนสยามของจอห์น ทอมสัน
- นายจอห์น ทอมสันถือเป็นช่างภาพคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในคริสตวรรษที่ ๑๙
- ภาพที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ได้มาจากต้นฉบับฟิลม์กระจกเดิมที่มาจากสถาบันเวลคัมแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
- เป็นครั้งแรกที่ภาพถ่ายเมืองไทยของจอห์น ทอมสันได้มาจัดแสดงในที่เดียวกันทั้งหมด
- นิทรรศการนี้จะประกอบด้วยภาพถ่ายโบราณ ๖o ภาพพร้อมด้วยสิ่งของร่วมสมัยอีกจำนวนหนึ่ง
- เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำภาพถ่ายโบราณมาจัดแสดงในรูปแบบขนาดใหญ่ที่อัดขยายจากต้นฉบับ มีความคมชัดสูง

คณะกรรมการจัดนิทรรศการฯ มีดังนี้
๑. หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์ ประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการฯ และภัณฑารักษ์
๒. นางเบ็ตตี้ เยา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนายจอห์น ทอมสันและภัณฑารักษ์ร่วม
๓. นายไพศาลย์ เปี่ยมเมตตาวัฒน์ กรรมการจัดนิทรรศการและภัณฑารักษ์ร่วม
๕. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป กรมศิลปากร

กำหนดวันและเวลาของนิทรรศการ
นิทรรศการนี้จะเปิดให้ชมเป็นเวลา ๒ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑o มกราคมถึง ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๙.oo ถึง ๑๖.oo น. เว้นวันจันทร์และอังคาร
สอบถามรายละเอียดงานได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า
แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑o๒oo
โทรศัพท์: o-๒๒๘๒-๘๕๒๕ o-๒๒๘๑-๒๒๒๔



ภาพและข้อมูลจาก
FB The National Gallery Bangkok














ผ้าอาเซียน งามจับใจอ



ผ้าหรือเครื่องแต่งกาย นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประการหนึ่งที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษรวมถึงของชนชาติไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดในภูมิภาคใดก็ตาม รวมทั้งยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคได้อีกด้วย วัฒนธรรมของผ้า หรือเครื่องแต่งกายของแต่ละประเทศในแต่กลุ่มชนนั้นจึงสะท้อนให้เห็นถึงการสืบทอดภูมิปัญญา ความเชื่อ วัฒนธรรม ศิลปะ วิถีชีวิต ความประณีต และเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละชนชาติ ซึ่งอาจมีทั้งส่วนที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จึงจัดนิทรรศการ“ผ้าอาเซียนงามจับใจ โดยเมืองไทยประกันชีวิต” ขึ้น เพื่อให้นักวิชาการ นักเรียน นิสิตนักศึกษา ตลอดจนประชาชนผู้มีความสนใจเรื่องศิลปะและสิ่งทอได้เข้าชม และเพื่อทราบความเป็นมาที่ไปและความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคอาเซียนผ่านทางสิ่งทอเพื่อสร้างความเข้าใจและร่วมกันสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สำคัญคือ ยังเป็นการให้ความรู้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการศึกษา และการพัฒนาสินค้าทางด้านสิ่งทอต่อไปอีกด้วย

วันที่เปิดให้เข้าชมนิทรรศการ ทุกวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา ๙.oo น.-๑๘.oo น. (นิทรรศการหยุดทุกวันอาทิตย์) ระยะเวลาของนิทรรศการ วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ – ๓o มกราคม ๒๕๕๙
สถานที่จัดนิทรรศการ ลานเมืองไทย อาคารหอประชุม บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร o๘๑-๘๓๙-๒๓๙๖
(หมายเหตุ กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาโทรสำรองสิทธิ์ก่อนล่วงหน้า ๑ วัน)



ภาพและข้อมูลจาก
muangthai.co.th














ท่องเที่ยวไทยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดงานท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ พร้อมกับเทศกาลเที่ยวเมืองไทยประจำปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ มกราคม ๒๕๕๙ พร้อมถ่ายทอดสดพิธีเปิด โดยกำหนดให้มีขบวนแห่ตั้งแต่บริเวณถนนราชประสงค์ไปจนถึงสวนลุมพินี สถานที่จัดงาน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เดินทางเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านคน มั่นใจว่าจะสามารถช่วยสร้างการรับรู้เรื่องการท่องเที่ยวได้ตลอดปี

นอกจากนี้ ททท. เตรียมจัดโครงการเรียนรู้เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนตามรอยโครงการพระราชดำริ เป็นประจำทุกเดือน โดยจะทำการคัดเลือกนักเรียนนักศึกษา เดือนละ ๔o คน เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้แนวคิดท่องเที่ยววิถีไทยสามารถกระจายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล

ติดต่อ o๒-๒๕o-๕๕oo
//thai.tourismthailand.org/



ภาพและข้อมูลจาก
painaidii.com
zipeventapp.com














ประกวดออกแบบและผลิตโคมไฟ LED



กฟผ. สานฝันเยาวชนเปิดเวทีประกวดออกแบบและผลิตโคมไฟ LED ตั้งพื้นใช้ภายในอาคาร"Modern Lamp Design Contest 2016" ชิงเงินรางวัลรวมกว่า ๓ แสนบาท หวังกระตุ้นและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เยาวชนไทย

นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผนึกกำลัง สมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย และคณะผู้จัดงาน LED Expo & Thailand Energy Saving Week 2016 พร้อมด้วยพันธมิตรหลักจาก บริษัท ไอซ์ แอลอีดี จำกัด และบริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมการประกวด Modern Lamp Design Contest 2016 โครงการประกวดออกแบบและผลิตโคมไฟ LED ตั้งพื้นใช้ภายในอาคาร ซึ่งถือเป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ ๓ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ LED แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนกระตุ้นและต่อยอดฐานความรู้ความสามารถทางด้านการออกแบบและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนไทยทัดเทียมกับนานาประเทศ

โครงการ "Modern Lamp Design Contest 2016" เปิดรับสมัครผลงานการออกแบบจากนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือระดับปริญญาตรี ในสถาบันการศึกษาของภาครัฐ และภาคเอกชน โดยสามารถส่งโครงงานเข้าร่วมการประกวดได้ไม่เกิน ๑ ชิ้นงานต่อทีม (ทีมละไม่เกิน ๓ คน) ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่เกียรติยศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเงินรางวัลมูลค่า ๑oo,ooo บาท

ทั้งนี้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาและประกาศทีมที่ผ่านคัดเลือกเข้ารอบแรกในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ ก่อนไปทำการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนระดับภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เพื่อเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย ในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ โดยผลงานที่เข้ารอบสุดท้าย จำนวน20 ชิ้นงาน จะถูกนำไปจัดแสดงที่ Show Case Area ภายในงาน LED Expo & Thailand Energy Saving Week 2016 ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ อาคาร ๔ - ๘ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดสามารถศึกษาข้อมูล และดาวน์โหลดใบสมัครที่ //www.ledexpothailand.comโดยเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๙ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณพงษ์ศิริ ดาวเรือง บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด โทรศัพท์ o-๒๘๓๓-๕๓๔๘ โทรสาร o-๒๘๓๓-๕๑๒๗-๙ อีเมลpongsirid@impact.co.th



ภาพและข้อมูลจาก
thaipr.net
matichon.co.th














ประกวดหนังสือนิทานภาพ “ค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ”



บริษัท แม็ค เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ร่วมกับ สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญอาจารย์ ครู และนักศึกษา ส่งผลงานการประกวดหนังสือนิทานภาพ หัวข้อเรื่อง “ค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๑oo,ooo บาท พร้อมโล่รางวัล และเกียรติบัตร

หลักการและเหตุผล
จากการสำรวจตลาดหนังสืออ่านนอกเวลาในช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ทำให้ฝ่ายการตลาดทราบว่า bookstore และร้านหนังสือขายส่งมีความต้องการหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ การเสริมสร้างจริยธรรม หนังสือด้านการพัฒนาทักษะด้านการฟังและหนังสือด้านการอ่าน นอกจากนี้ยังพบว่าสำนักพิมพ์จำนวนไม่น้อยได้ผลิตหนังสือที่สอดคล้องกับค่านิยม ๑๒ ประการ ออกมาวางจำหน่ายเช่นกัน ประกอบกับหนังสือค้นคว้าอ้างอิงของบริษัทมีการจัดทำหนังสือใหม่ ๆ ออกมาจำหน่ายน้อยมากเนื่องจากขาดผู้เขียนหนังสือให้กับบริษัท

ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าควรที่จะจัดการประกวดหนังสือนิทานภาพหัวข้อ “ค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ” ขึ้น โดยจัด ร่วมกับ สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับบริษัท และยังสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ สามารถเข้าร่วมประกวดได้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับรางวัลและต้นฉบับจะได้รับการพิจารณาจัดพิมพ์ออกจำหน่าย

วัตถุประสงค์
เพื่อจัดประกวดนิทานภาพในหัวข้อเรื่อง “ค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ” และนำหนังสือที่ได้รับรางวัลมาจัดพิมพ์และจำหน่าย

คุณสมบัติ
ครู อาจารย์ และนักศึกษา

ลักษณะของผลงานที่เข้าประกวด
เนื้อหาเป็นความรู้ที่สอดคล้องกับค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ
เนื้อเรื่องต้องเหมาะกับกลุ่มผู้อ่านอายุระหว่าง ๓ - ๘ ปี
เนื้อหาพัฒนาจินตนาการของเด็ก ภาพประกอบมีความงดงามทางศิลปะ
ต้นฉบับภาพต้องเป็น ๔ สี (ไม่จำกัดเทคนิคการนำเสนอ)
กระดาษใช้เนื้อขาวไม่มีเส้น
ขนาดรูปเล่ม ๙x๙ นิ้ว จำนวน ๒๔ หน้า (ไม่รวมปก) ในกรณีที่ทำภาพในคอมพิวเตอร์ ให้พิมพ์ต้นฉบับพร้อมแนบแผ่นซีดีไฟล์งานมาด้วย
ต้นฉบับที่เป็นเนื้อหาให้พิมพ์ในคอมพิวเตอร์แยกจากต้นฉบับภาพ
ทำเล่มเสมือนจริงขนาด ๙x๙ นิ้ว ส่งยังกองประกว

เงื่อนไขการประกวด
๑. เป็นผลงานใหม่ ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในสื่อทุกประเภทก่อนการตัดสิน
๒. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดด้วยตัวท่านเองไม่ลอกเลียนหรือไม่ดัดแปลงจากผลงานของผู้อื่น หากมีการลอกเลียนดัดแปลงหรือละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้เขียนจะต้องรับผิดตามกฎหมาย
๓. เนื้อหาในการส่งเข้าประกวดจะต้องสอดคล้องกับหัวข้อ “ค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ”
๔. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดสามารถส่งเป็นผลงานเดี่ยวหรือกลุ่ม (กลุ่มละไม่เกิน ๓ คน)
๕. ผลงานที่ส่งเข้าประกวด จะต้องไม่ก่อเกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และบุคคลอื่นใดทั้งสิ้น
๖. คณะกรรมการจัดประกวดนิทานภาพ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ส่งคืนต้นฉบับผลงานที่ส่งเข้าประกวด
๗. การพิจารณาและการตัดสินของคณะกรรมการจัดประกวดนิทานภาพ ถือเป็นที่สิ้นสุดไม่สามารถนำไปฟ้องร้อง และดำเนินคดีได้
๘. ผลงานที่ได้รับรางวัล ถือเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท แม็ดเอ็ดดูเคชั่น จำกัด ทางบริษัทขอสงวนลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ เผยแพร่เป็นแห่งแรก
๙. ผู้เขียนที่ได้รับรางวัลต้องยอมให้มีการตรวจแก้ต้นฉบับตามระบบบรรณาธิการต้นฉบับในการพิมพ์ครั้งแรก

หลักเกณฑ์ ขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกและการตัดสิน
๑. เนื้อหาสอดคล้องกับค่านิยมพื้นฐาน ๑๒ ประการ
๒. มีความคิดสร้างสรรค์
๓. มีความงามด้านศิลปะ
๔. เนื้อหาต้องเหมาะสมกับเด็กอายุ ๓ – ๘ ปี

ระยะเวลาในการดำเนินงาน
เปิดรับผลงานเข้าประกวด ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ (ในกรณีที่ส่งไปรษณีย์จะถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ)
ประกาศรายชื่อผลงานที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบตัดสิน วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
ประกาศผลการตัดสินและพิธีมอบรางวัล ณ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปี ๒๕๕๙
สอบถามเพิ่มเติม

ฝ่ายการตลาด บริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จำกัด
โทรศัพท์ o-๕๑๒-o๖๖๑ ต่อ ๓๑๕๒, ๓๙๑๒, ๓๘๑๔



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














“ขัวศิลปะ ครั้งที่ ๔” และ “ไทยโทนเชียงราย” สองงานศิลป์ ส่งท้ายปีเก่าที่ “ขัวศิลปะ”



ปลายเดือนธันวาคม นอกจากศิลปินชาวเชียงรายจะรวมตัวกันแสดงผลงานอีกครั้งผ่านนิทรรศการ ขัวศิลปะ ครั้งที่ ๔ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๙)

นิทรรศการ ไทยโทนเชียงราย ถือเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่จะถูกจัดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน (๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙)

หลังจากที่ (๒๘-๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘) ๕๙ ศิลปินเชียงราย และเยาวชนจำนวนหนึ่ง ได้ผ่านการเวิร์คชอปด้วยการทดลองใช้สีไทยโทนทำงานศิลปะ

โดยสีไทยโทน มีจุดเริ่มต้นจากการค้นคว้าวิจัยของ อาจารย์โพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์พิเศษคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้สนใจศึกษาความเป็นมาของสีไทยที่มีรากเหง้ามานาน ปรุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีชื่อเรียกไพเราะ มีความหมาย และมีหลักฐานสืบค้นย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในการวิจัยได้มีการใช้อุปกรณ์ระบบดิจิตอลเพื่อเทียบสีงานจิตรกรรมไทยโบราณกับค่าสีปัจจุบันที่กำหนดด้วยคอมพิวเตอร์

ชุดความรู้ดังกล่าวทำให้เกิด ‘เทรนด์ไทยโทน’ ในรูปเฉดสีไทยมากกว่า ๒oo สี พร้อมชื่อสี และการกำหนดค่าสีที่สามารถนำไปใช้งานจริง โดยสามารถนำไปต่อยอดการในงานศิลปะและการออกแบบร่วมสมัย ธุรกิจบริการได้

นิทรรศการ ขัวศิลปะ ครั้งที่ ๔ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๙ และนิทรรศการไทยโทนเชียงราย (๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙) จะจัดให้มีงานเปิดนิทรรศการพร้อมกันในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น. ณ ขัวศิลปะ จ.เชียงราย (ArtBridge ChiangRai) โดยมี ศ. ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดนิทรรศการ





ผลงานโดย วิทยา ถานะกอง ในนิทรรศการ “ขัวศิลปะ ครั้งที่ ๔”





ผลงานโดย สุริยันต์ วงศ์โยธา ในนิทรรศการ “ขัวศิลปะ ครั้งที่ ๔”





ผลงานโดย สุมนัส ไสยวืริยะ ในนิทรรศการ "ไทยโทนเชียงราย"



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ความหวัง (Hope)



ดอง เบา (Dong Bao) เมื่อปี ๒๕๕๓ และ แฮนส์ (Hands) เมื่อปี ๒๕๕๕ ผลงานศิลปะทั้งสองชุดที่ผ่านมาของ ฝ่าม ฮุย ถ่อม (Pham Huy Thong) ศิลปินรุ่นใหม่ชาวเวียดนาม ไม่เพียงแสดงถึงชั้นเชิงและเทคนิคในการวาดภาพของศิลปินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนประเด็นทางสังคมและการเมืองที่มีอิทธิพลต่อประเทศเวียดนามและภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมถึง ความหวัง (Hope) นิทรรศการศิลปะแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุด ของเขา ที่สะท้อนเรื่องราวของเกษตรกรในชนบท และคนเมืองที่ยากจน และต้องการเน้นให้เห็นว่ากระบวนการการพัฒนาเข้าสู่สังคมเมืองและความทันสมัยที่ผ่านมาสร้างช่องว่างระหว่าง คนรวย กับ คนจน ในประเทศ และกำลังทำให้สังคมเสื่อมลง

ศิลปินกล่าวถึงผลงานชุดนี้ของตนเองที่เริ่มสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อต้นปี ๒๕๕๗ ด้วยว่า “ผมต้องการวาดภาพเกษตรกรที่อยู่ในวังวนของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จากขั้นตอนการ พัฒนาเศรษฐกิจที่ทำให้เกษตรกรในชนบทต้องละทิ้ง ขายบ้านเกิดเพื่อที่จะได้เข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ ที่ที่พวกเขาสามารถหางานทำและมีรายได้ที่แน่นอน ซึ่งเป็นผลให้ วัฒนธรรม ที่มาเป็นพัน ๆ ปีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวถูกละเลยและสูญหาย

สิ่งที่ถูกสื่อผ่านผลงานชุดล่าสุดของผมมากที่สุดคือการมองมุมที่ลึกขึ้น ในภาพรวมของสภาพสังคมที่เกษตรกรเลือกที่จะทิ้งหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดบรรพบุรุษของเขาเอง ผู้คนแต่ละคนที่ละทิ้งบ้านเกิดนั้นจะนำเอาอะไรบางอย่างที่มีความเป็นเฉพาะหรือพิเศษในบ้านเกิดหรือท้องถิ่นของตัวเอง เรียกอีกอย่างว่า “วัฒธรรมท้องถิ่น” ติดเข้ามาสู่จุดหมายแห่งใหม่นี้ด้วย

อย่างไรก็ตามในแง่ของเศรษฐกิจนั้น มันมีอะไรที่มากกว่าการแลกเปลี่ยน ระหว่างผู้คนในชนบทและความเป็นไปของชีวิตใหม่ในเมืองของเขาเหล่านั้น เขาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหางานและกลับไปบ้านเกิดเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว หรือเมื่อถูกขอร้องให้กลับไป เพื่อทำธุระหรือหน้าที่ที่เกี่ยวกับครอบครัว ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

การนำเอาพลังงาน เวลา หรือแม้กระทั่งความสุข เข้ามาขายในเมือง เพื่อซื้อโอกาส และความอยู่รอดของครอบครัว การแลกเปลี่ยนลักษณะนี้ บางทีก็เรียกได้ว่า เป็น “การพนัน” ในมุมของจิตวิทยาและศาสนา ผมอยากที่จะเข้าไป สัมผัสเส้นของการเชื่อมโยงระหว่างคนในประเทศและถิ่นฐานบ้านเกิดเดิมของพวกเขา”

ภาพวาด ในนิทรรศการชุด ความหวัง (Hope) ได้แก่ Land for Sale, Hometown Along และ Homeland Burden ศิลปินไม่ได้ใส่จุดหมายปลายทางของประเทศที่ผู้คนเหล่านี้เดินทางไป

"เพราะไม่ต้องการเลือกว่าจะวาดแบบเหมือนจริงหรือวาดแบบนามธรรม ผมจึงเลือกที่จะวาดในมุมของการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น ขณะที่เขากำลังโยกย้ายสัมภาระไปกับเขาด้วย บ้านคือจุดที่เริ่มออกเดินทาง และยังเป็นที่ที่ทำให้พวกเขาต้องออกไปผจญภัย เขาออกเดินทางไปพร้อมกับความหวังที่จะส่งเงินกลับไปเพื่อครอบครัวที่บ้านเกิด แต่ในระหว่างทางพวกเขาก็ต้องสูญเสียความเป็นตัวเองและรากเหง้า เพื่อความพยายามที่จะได้มาซึ่งวิถีชีวิตที่พวกเขาคิดว่ามันดีกว่า"

ฝ่าม ฮุย ถ่อม เกิดเมื่อปี ๒๕๒๔ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฮานอย อินดัสเทรียล ไฟน์ อาร์ต (Hanoi Industrial Fine Arts University) เมื่อปี ๒๕๔๗

ขณะนี้ภาพวาดในนิทรรศการชุด ความหวัง (Hope) ของเขา กำลังจัดแสดงให้ชมที่ เครก โทมัส แกลเลอรี ถนนคาลเม็ตต์ (ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘) จากนั้น (ระหว่างวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ - วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๙) จะย้ายไปแสดงต่อที่ เครก โทมัส แกลเลอรี ถนนจัน หยัด หย่วด โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม



















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














อวดผลงานนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง และภาพประกอบหนังสือเด็กจาก “สาธารณรัฐเชก”



ภาพวาดประกอบหนังสือ เดินทางไกลจาก สาธารณรัฐเชก มาจัดแสดงเต็มผนังโค้ง บริเวณ ชั้น ๓, ๔ และ ๕ ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเชก ผู้เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดแสดง มีมาจัดแสดงให้ชม ๒ นิทรรศการด้วยกัน

นิทรรศการแรก (วันนี้ - ๓o ธันวาคม ๒๕๕_ บริเวณผนังโค้ง ชั้น ๓) Café Puzzle : นิทรรศการแสดงภาพวาดประกอบโดย จิริ ซลิว่า (Jiří Slíva) นักเขียนการ์ตูนชาวเชกผู้มีชื่อเสียง ซึ่งที่ผ่านมาผลงานส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นภาพประกอบในการ์ตูนและภาพประกอบหนังสือ ตั้งแต่มีผลงานตีพิมพ์ในหนังสือครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ และอุทิศตัวเองให้กับการเขียนการ์ตูนและวาดภาพประกอบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เขาผลงานการ์ตูน ๑๓ เล่มและมีผลงานได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือทั้งในยุโรปและอเมริกากว่า ๑๕o เล่ม

ส่วนผลงานของ จิริ ซลิว่า ที่นำมาจัดแสดงที่เมืองไทยในครั้งนี้ เป็นผลงานภาพประกอบเทคนิคภาพพิมพ์หินที่ได้แรงบันดาลใจจาก ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ หนึ่งในแรงบันดาลใจที่เขาชื่นชอบมากที่สุด รวมไปถึงภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ฟรานซ์ คาฟกา (Franz Kafka) นักเขียนชื่อดัง และดนตรีแจ๊ส เพราะด้านหนึ่งของ จิริ ซลิว่า ยังเป็นนักดนตรีแจ๊ส อีกด้วย

อีกนิทรรศการคือ นิทรรศการโลกแห่งเวทย์มนตร์ ภาพประกอบหนังสือเด็กภาษาเชก (วันนี้ - ๑๗ มกราคม ๒๕๕๙ บริเวณผนังโค้ง ชั้น ๔ และ ๕) จัดแสดงภาพวาดประกอบหนังสือเด็กโดยศิลปินชาวเชกที่สร้างสรรค์ขึ้นในช่วง ๑oo ปีที่ผ่านมา และหลายภาพเคยได้รับรางวัลจากนิทรรศการและเทศกาลหนังสือเด็กทั่วโลก

หนังสือดี ๆ เพียงแค่หนึ่งเล่มสามารถนำทางให้เด็กคนหนึ่งได้ทั้งชีวิต หนังสือทำให้เด็กได้เปิดหูเปิดตาและรับรู้ถึงความสวยงามของชีวิตรอบ ๆ ตัว หนังสือสื่อให้เห็นคุณค่าของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความรัก ความซื่อสัตย์ คุณธรรม และความเมตตากรุณา และในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงด้านมืดของชีวิตด้วย

ไปชมและหาคำตอบว่า แม้สาธารณรัฐเชก จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ทำไมหนังสือเด็กภาษาเชก กลับได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายประเทศของยุโรป

ในจำนวนผู้ชม ที่สนใจไปชมสองนิทรรศการดีๆจากสาธารณรัฐเชก พบว่ามีชาวเชกมาร่วมชมนิทรรศการด้วย ตัวอย่างเช่น นายแพทย์ Oldrich Capek ผู้มาเปิดคลินิกและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งได้บอกเล่าว่า จิริ ซลิว่า เป็นหนึ่งในนักเขียนการ์ตูนที่คุณหมอชื่นชอบในผลงาน

ภาพประกอบเทคนิคภาพพิมพ์หินของจิริ ซลิว่า ซึ่งเป็นภาพเกี่ยวกับกาแฟเป็นสิ่งสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า เชกเป็นชาติหนึ่งที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และภาพของจิริ ซลิว่า ต้องการสื่อสารกับผู้ชมว่า เวลาที่คนแต่ละคนดื่มกาแฟ มีหลากหลายอารมณ์ด้วยกัน

“บางคนดื่มขณะที่มีอารมณ์โกรธเหมือน ท้องทะเลมีสึนามิ หรือบางคนดื่มกาแฟเพื่อที่จะสื่อสัมพันธ์กันคนทั่วไป ดังภาพต้นไม้ที่มีผลเป็นถ้วยกาแฟ และยัง มีมุมองอีกหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้คนและกาแฟที่ ศิลปิน จิริ ซลิว่า อยากจะถ่ายทอดให้ผู้ชมได้ทราบ”

ขณะที่หลายผลงานในส่วนของ นิทรรศการโลกแห่งเวทย์มนตร์ ภาพประกอบหนังสือเด็กภาษาเช็ก คุณหมอท่านนี้ก็บอกด้วยได้อ่านได้เห็นมาตั้งแต่เด็ก และมีส่วนหล่อหลอมความเป็นตัวเองใน วันนี้ ทั้งในเรื่องของจินตนาการและการเป็นคนมองโลกในแง่บวก แม้ว่าจะไม่เติบโตมามีอาชีพที่ทำงานทางด้านนี้ก็ตาม

“ศิลปะทำให้คนอารมณ์ดี และมีสุขภาพดี เพราะศิลปะเป็นศาสตร์หนึ่งที่ช่วยเยียวยารรักษาโรค ถ้าจิตใจเราดีสุขภาพเราก็แข็งแรง และมีอารมณ์สุนทรีย์ไปด้วย ดังนั้นอาชีพหมอก็ต้องใช้เรื่องของศิลปะไปช่วยรักษาคนไข้ของตัวเองด้วยครับ”















































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














นิทรรศการโดย ๒๕ ศิลปินมาเก๊า
Matters Printed - Macau Printmakers



นิทรรศการ Matters Printed - Macau Printmakers โดย ๒๕ ศิลปินมาเก๊า นำเสนอผลงานภาพพิมพ์จากหลากหลายศิลปิน ซึ่งต่างสร้างสรรค์ผลงานขึ้นด้วยเทคนิคกระบวนการอันแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นภาพพิมพ์แกะไม้ ภาพพิมพ์โลหะร่องลึก ภาพพิมพ์ตะแกรงไหม และภาพพิมพ์เทคนิคผสมอื่นๆ อีกมากมาย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าสนใจและพัฒนาการที่ก้าวรุดไปพร้อมกับความทันสมัยของเหล่าศิลปินรุ่นใหม่จากมาเก๊า

วันและเวลา : ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕
สถานที่ : หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เด



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 22 ธันวาคม 2558
Last Update : 22 ธันวาคม 2558 21:23:40 น. 0 comments
Counter : 3863 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.