happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๓๓





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการศิลปกรรมสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทยครั้งที่ ๘



ขอเชิญชมนิทรรศการศิลปกรรมสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทยครั้งที่ ๘ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย เป็นการแสดงผลงานของศิลปินกิตติมศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินชั้นแนวหน้า ศิลปินนานาชาติ และศิลปินรุ่นใหม่ของไทย จำนวนกว่า ๒oo คน รวมผลงานศิลปกรรมกว่า ๔oo ชิ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พิธีเปิดนิทรรศการจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น. ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ

สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย เกิดขึ้นจากการรวมตัวของศิลปินไทยในสาขาทัศนศิลป์ ได้แก่ ด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และศิลปะภาพพิมพ์ รวมทั้งศิลปินนานาชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย และสิงคโปร์ จัดตั้งสมาคมขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕o และจัดแสดงนิทรรศการผลงานของสมาชิกสมาคมฯเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า ๒oo คน โดยมี นายสมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงบัดนี้รวมระยะเวลา ๘ ปี

การจัดแสดงนิทรรศการศิลปกรรมของสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทยในปี ๒๕๕๘ นี้นับเป็นครั้งที่ ๘ โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปกรรมชิ้นใหม่ ๆของสมาชิกสมาคมฯ ที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาด้านเทคนิค และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างศิลปินไทยและศิลปินนานาชาติ ผลงานที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้มีจำนวนกว่า ๔oo ชิ้น หลากหลายประเภท ทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสื่อผสม ตามความถนัดและเชี่ยวชาญของศิลปินแต่ละท่าน ซึ่งนอกจากการเผยแพร่ผลงานศิลปกรรมของสมาชิกแล้ว ยังมีการจำหน่ายผลงานในนิทรรศการเพื่อนำรายได้สมทบทุนในการจัดทำสวัสดิการช่วยเหลือศิลปินและสังคมต่อไปด้วย











































ภาพและข้อมูลจาก
queengallery.org
FB Suwit Jaipom














60 พรรษา เจ้าฟ้าแห่งศาสตร์และศิลป์



พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน ได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ หัวข้อ “๖o พรรษา เจ้าฟ้าแห่งศาสตร์และศิลป์” ระหว่าง ๑ เม.ย. – ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๘ โดยนำเสนอพระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพด้านศาสตร์และศิลป์ผ่านเรื่องราวจากดวงแสตมป์ของพระองค์ท่าน สำหรับผู้เข้าชมได้ร่วมถวายพระพรด้วยโปสการ์ดดิจิทัล และร่วมกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














ศิลป์สะท้อน ‘คำพ่อสอน’



โรงเรียนพระดาบส นับว่าเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการพระราชทานโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กด้อยโอกาสในสังคม เพื่อให้มีชีวิตใหม่สดใสงดงามและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม ด้วยทรงเชื่อมั่นว่าถ้าเยาวชนมีความรู้มีอาชีพ โอกาสที่จะถูกชักจูงไปในทิศทางที่ผิดย่อมน้อยลง ด้วยเหตุนี้ “กลุ่มศิลปิน” จากแขนงต่าง ๆ จึงรวมตัวกันจัดกิจกรรมศิลปะเฉลิมพระเกียรติ “โครงการคำสอนพ่อ” ขึ้น ผ่านการรวบรวมผลงานภาพเขียนและประติมากรรมจำนวน ๘๙ ชิ้น เพื่อประมูลและจำหน่ายหารายได้หลังหักค่าใช้จ่ายร่วมถวายเป็นพระราชกุศลสมทบทุนกองทุนนักเรียน โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ดร.อรสุดา เจริญรัถ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้, วิทิตนันท์ โรจนพานิช, วรัทยา วัฒนายุทธ, จารุต วงศ์คำจันทราในนามคณะกรรมการ จัดงานเปิดตัวโครงการพร้อมตั้งโต๊ะจัดกิจกรรมเสวนา “กว่าจะมาเป็นศิลปะคำพ่อสอน” โดยเชิญศิลปินเจ้าของผลงาน ๙ ภาพสำหรับใช้ประมูล อาทิ ศ.เกียรติคุณปรีชา เถาทอง, อ.ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ, วรสันต์ สุภาพ, อ.สุไลมาน ยาโม และ เอกชัย วรรณแก้ว ร่วมพูดคุยที่บริเวณคริสตัล คอร์ท ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้าสยามพารากอนเมื่อวันก่อน

ภายในงาน ดร.อรสา เจริญรัถ ผู้ช่วยเลขาธิการโครงการพระดาบส เผยถึงที่มาของโครงการดังกล่าวว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานโรงเรียนพระดาบส จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนที่ขาดโอกาส แล้วอยู่นอกระบบการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้เป็นชีวิตใหม่เป็นโอกาสและเป็นความสุขของเยาวชนเหล่านี้ โครงการคำพ่อสอนเกิดขึ้นโดยวัตถุประสงค์สำคัญคือการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เยาวชนและประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้น้อมนำและนำการเรียนรู้มาสู่การประพฤติปฏิบัติจากคำพ่อสอนสู่การประพฤติที่ยั่งยืน เพราะฉะนั้นในเรื่องของศิลปะเฉลิมพระเกียรติคำพ่อสอนนั้น เป็นการเรียนรู้ผ่านงานศิลปะซึ่งเป็นความงดงามของจิตใจ และเมื่อใดจิตใจได้เรียนรู้ถึงคำพ่อสอนแล้วเชื่อว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน

ศ.เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ทัศนศิลป์ปี ๒๕๕๒ เล่าถึงผลงานเขียนภาพ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ว่ามีแรงบันดาลใจมาจากปฐมบรมราชโองการที่ทรงตรัสไว้เมื่อตอนขึ้นครองราชย์ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตัวเองก็เป็นหนึ่งในมหาชนชาวสยามที่ได้รับพระเมตตาดังจะเห็นได้ว่าทรงได้พระราชทานโครงการต่าง ๆ โดยภาพนี้เขียนขึ้นเมื่อ ๗ ปีที่แล้ว ฉลอง ๘o พรรษาและครองราชย์ ๖o ปี ทำแล้วก็จัดแสดงมาหลายครั้งแต่ไม่ได้นำมาเพื่อจำหน่ายหรือการประมูล ครั้งนี้ถือว่าสำคัญที่นำออกมาเพื่อให้ประชาชนได้ประมูลนำเอาไปบูชา ส่วนเงินที่ได้ก็นำเอาโครงการพระดาบสซึ่งเป็นหนึ่งในพันกว่าโครงการ ส่วนโครงสร้างของภาพนี้ มีที่มาจากผ้าทอหนึ่งผืน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ส่วนแรกผ้าทอซึ่งประกอบด้วยเส้นยืนเส้นพุ่งตัดกันได้ช่องตาราง ๒๙,๒oo ถามว่าทำไมต้องเป็นจำนวนนี้ก็เพราะเอาจำนวน ๓๖๕X๘o ช่อง แต่ละช่องนั้นเขียนใบโพธิ์สีทอง เพื่อใช้เป็นตัวแทนน้ำพระราชหฤทัยของในหลวง นอกจากนี้ตรงบริเวณด้านล่างของภาพเปรียบเหมือนชายผ้าทอก็ใช้เป็นตัวแทนดิน น้ำ ป่า สัตว์ ที่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอยู่ใต้ร่มพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สุดท้าย พระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปราฏขึ้นโดยประโยคทศพิธราชธรรม ๑o ข้อเรียงร้อยจนกลายเป็นพระพักตร์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจาก “คำสอนของพ่อ” ในข้อที่ว่า “วิริยะ” จึงเกิดเป็นภาพดังกล่าวขึ้น

ด้านศิลปินผู้ลุ่มหลงในชีวิตชาวเรือและเป็นเจ้าของผลงานภาพ “ชีวิตสายน้ำ” วรสันต์ สุภาพ เล่าว่า ทุกวันนี้แทบหาภาพครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเรือเอี้ยมจุ๊นไม่ได้แล้ว จึงอยากจะนำเสนอภาพนี้ให้เหล่านี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่า แม้จะเป็นพื้นที่เล็ก ๆ เป็นความรู้สึกอบอุ่นพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ต่างจากบ้านใหญ่โต วิถีชีวิตชาวเรือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยที่หาดูที่ไหนในโลกไม่ได้ต้องที่นี่ที่เดียว เช่นเดียวกับแม่น้ำเจ้าพระยา วัดพระแก้ว สำหรับงานชิ้นนี้ตรงกับพระบรมราโชวาทใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตแบบ “พอเพียง” สังเกตในงานจะมีการสอดแทรกในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อบอกว่าไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนยากดีมีจนหรือร่ำรวยก็ต้องมีปฏิทินที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงทุกบ้าน

สำหรับศิลปินผู้ดับไฟใต้ด้วยปลายพู่กัน จากจังหวัดปัตตานีที่เข้าร่วมโครงการนี้ อ.สุไลมาน ยาโม กับภาพ “ยิ้มสู้” เผยถึงแรงบันดาลใจในการเขียนภาพหญิงชราชาวใต้กำลังเปิดประตูบ้านออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่ตรงฝาบ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้อยู่หัว และมีโมบายเป็นนกพิราบห้อยที่ประตูบ้านโดยใช้เทคนิกสีน้ำมันว่า อยากสื่อให้ถึงคนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสงบแต่เมาะ (ยาย) คนนี้ยังยิ้มสู้ กล้าที่จะเผชิญหน้าโดยมีนกเป็นตัวแทนสันติภาพ และมีในหลวงทรงทอดพระเนตรด้วยความห่วงใยลูกๆ ทุกคนในประเทศ แต่จะว่าไปแล้วถึงเราจะอยู่ตรงไหนของประเทศ ศาสนาใด เราก็มี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน รูปที่มีทุกบ้านก็คือรูปในหลวง

อีกหนึ่งศิลปินแม้ร่างกายพิการแต่มี่หัวใจรักในหลวงไม่น้อยกว่าใคร เอกชัย วรรณแก้ว เข้าร่วมกิจกรรมด้วยการขึ้นเวทีโชว์วาดภาพ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ประกอบบทเพลง “คำสอนของพ่อ” ซึ่งขับร้องโดย อี๊ด วงฟลาย จากนั้นจึงเปิดให้ผู้ร่วมงานประมูลภาพและก็ได้สมทบเข้าโครงการไปเป็นจำนวนเงิน ๓o,ooo บาท ทั้งนี้เจ้าตัวเผยว่า ก่อนหน้านี้ใช้เท้าวาดภาพ กระทั่งเมื่อตั้งใจจะฝึกวาดภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพยายามใช้หัวไหล่หนีบพู่กันและปากคาบพู่กันเขียนแทน แม้จะต้องลำบากมากแต่ก็ทำได้จนสำเร็จ สำหรับหลักที่ใช้ในการดำเนินชีวิตมาโดยตลอดก็คือ “เป็นคนดีของพ่อ”

ทั้งนี้ กิจกรรมศิลปะเฉลิมพระเกียรติ “โครงการคำสอนพ่อ” จำนวน ๘o ภาพ จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ไปจนถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์ศิลปะ ฮอฟ อาร์ต สุขุมวิท ส่วนอีก ๙ ภาพจะจัดงานประมูลในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ห้องนภาลัย บอลลูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ในหลวงในดวงใจ ๒ - อิตาลี ๒o๑๕



กลุ่มคนไทย ซึ่งนำโดย ชมรมตัวไกลใจรักชาติ-ยุโรป ประกอบด้วยคนไทยที่อาศัยในยุโรปทั้งหมด 18 ประเทศ อันได้แก่ Denmark Slovakia Ireland Sweden Netherlands Italy France-Monaca Spain Poland Luxemburg Finland Austria Norway England Czech Switzerland Belguim Germany ร่วมกันจัดงานเทิดพระเกียรติ “ในหลวงในดวงใจ ๒-อิตาลี ๒o๑๕” ณ กรุงโรมซึ่งเป็นการรวมตัวกันจัดงานวันพ่อครั้งที่ ๒ ต่อจากงานที่จัดขึ้นที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗






สถานที่จัดงานเทิดพระเกียรติ “ในหลวงในดวงใจ ๒-อิตาลี ๒o๑๕” ณ กรุงโรม คือ Piazzale dei Santi Pietro e Paolo ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีความหมายทางศาสนามาก อีกทั้ง ยังเป็นเขตชุมชน ย่านการค้า เป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงให้ชาวต่างชาติได้ประจักษ์ตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ถึงความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทย และเข้าใจว่าคนไทยรักพระองค์ท่านมากเพียงใด โดย รูปแบบงานจะจัดเป็น ๒ ส่วน คือส่วนงานกลางแจ้ง จะมีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี ในเวลา ๑๙.oo น. ณ ลานหน้าโบสถ์ Santi Pietro e Paolo และส่วนที่ ๒ คือ งานพบปะสังสรรค์และรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างคนไทยที่มาร่วมงานถวายพระพร สถานที่จัดงานคือ ศาลาประจำเมือง






การจัดงานครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ทุนในการจัดงานมาจากภาคประชาชนทั้งหมด โดยรายได้หลักมาจากการจำหน่ายเสื้อที่ใส่ร่วมงาน และจำหน่ายโคมไฟเพื่อจุดถวายพระพร รายได้ทั้งหมดหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการจัดงานแล้วจะมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาต่อไป อีกทั้ง ในปีนี้ “งานในหลวง ในดวงใจ ๒-อิตาลี ๒o๑๕” ยังมีงานคู่ขนานที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย โดยงานที่โรมและซูริคจะมีปกสมุดลงนามถวายพระพรลายเดียวกัน และรวมรูปในอัลบั้มภาพเล่มเดียวกัน เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสต่อไป

รายละเอียดเพิ่มเติมของงานคลิกที่ https://www.facebook.com/kingofhearts2014







ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
FB Kings of Hearts














ภูมิพลังคีตาภิวาทน์



ชมรม "ภูมิพลังแผ่นดิน" จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมสุดยอดศิลปินระดับครูจัดคอนเสิร์ต "ภูมิพลังคีตาภิวาทน์" เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา ในวันอังคารที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับบรมครูในวงการมาร่วมแสดงจำนวนมาก

โดยแบ่งการแสดงออกเป็น ๓ องก์ ประกอบด้วย

องก์ที่ ๑ “เดินตามรอยเท้าพ่อ” เป็นการขับร้องประสานเสียงเพลงพระราชนิพนธ์และบทเพลงที่มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ ร้องประสานเสียงโดยคณะนักร้องประสานเสียง “วงสวนพลูคอรัส”

องก์ที่ ๒ “พระปรีชาชาญแผ่ไพศาล” เป็นการแสดงดนตรีสานสัมพันธ์ ไทย - จีน  โดยการบรรเลงซอระหว่าง Ms. Huo Yongkang และ อาจารย์เลอเกียรติ มหาวินิจฉัย มนตรี และการบรรเลงขลุ่ย โดย Ms. Gong Yuan และ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี 

องก์ที่ ๓ “เทิดพระเกียรติ ดวงแก้วแห่งแผ่นดิน” เป็นการนำเสนอบทเพลงพระราชนิพนธ์ และบทเพลงต่าง ๆ ผ่านการบรรเลงโดยวงดุริยางค์ราชนาวี และขับร้องโดยศิลปินรับเชิญที่มีชื่อเสียง เช่น นัดดา วิยกาญจน์, วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, ธนพร แวกประยูร, สุชาติ ชวางกูร, อุเทน พรหมมินทร์ และ ปราการ ไรวา

รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อสภากาชาดไทย ในการสมทบทุนสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ๑๕o ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย

นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธานจัดงานคอนเสิร์ต กล่าวว่า เนื่องด้วยโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ให้บริการประชาชนมากว่า ๑๑๒ ปี ปัจจุบันมีสภาพค่อนข้างแออัด เนื่องจากต้องรับภาระให้บริการผู้ป่วยมากกว่า ๑ ล้านรายต่อปี และมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับโรงพยาบาลยังมีระบบการรักษาพยาบาลที่ไม่ทันสมัย สภาพของอาคารและอุปกรณ์ เก่าและชำรุดทรุดโทรม หอผู้ป่วยวิกฤต ห้องผ่าตัด ห้องรับผู้ป่วย และห้องฉุกเฉิน ไม่เพียงพอและคับแคบ ทำให้ไม่สามารถรองรับผู้ประสบอุบัติเหตุ อุบัติภัยหมู่ หรือผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างเพียงพอ

อีกทั้งโรงพยาบาลยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในการปรับปรุงมาเป็นระยะเวลานาน ชมรมภูมิพลังแผ่นดินตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับปรุงพัฒนาโรงพยาบาล จึงเป็นที่มาของการจัดคอนเสิร์ต “ภูมิพลังสังคีตาภิวาทน์” ขึ้น เพื่อหารายได้สมทบทุนโครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๑๕o ปี พระราชสมภพสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ในพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีกำหนดแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ในภาคตะวันออก

ผู้สนใจชมคอนเสิร์ตสามารถจองบัตรในราคา ๒,ooo บาท ๓,ooo บาท และ ๕,ooo บาท ที่ รุ้งเพ็ชร ลิ้มสวัสดิวงศ์ โทร. o๘๑-๙๘๘-๘๙๙๙ และ ดร.สุนีย์ ศรไชยธนะสุข โทร o๘๑-๘๑๔-๕๓๓๓











ภาพและข้อมูลจาก
prachachat.net
dailynews.co.th














หนังสั้นจากแรงบันดาลใจ 'คุณทองแดง'



๔ สตูดิโอแอนิเมชั่นชั้นนำเมืองไทย เปิดตัวภาพยนตร์แห่งแรงบันดาลใจ “คุณทองแดง The Inspirations” ที่ทุ่มทุนสร้างกว่า ๑๕o ล้านบาท ถ่ายทอดพระราชกระแสรับสั่งของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “การให้โอกาส” รวมถึงข้อคิดจากพระราชนิพนธ์ “ทองแดง” ทั้งความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ และความกล้าหาญ สู่เด็กไทยรุ่นใหม่ผ่านหนังสั้น ๓ เรื่อง ๓ ตัวการ์ตูน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ในพระบรมราชูปถัมภ์
ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ เมื่อวันที่ ๒๙ ก.ย.นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์แอนิเมชั่น “คุณทองแดง The Inspirations” พร้อมด้วยนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ประธานที่ปรึกษาโครงการภาพยนตร์ฯ และนายปรีดี ดาวฉาย กก.ผจก.ธนาคารกสิกรไทย ผู้สนับสนุนหลักการสร้างภาพยนตร์ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่น “คุณทองแดง The Inspirations” ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่นำเสนอเรื่องราวของสุนัข ๓ ตัว ได้แก่ สุนัขหุ่นยนต์ สุนัขดูแลเด็กตาบอด และสุนัขจรจัด มาช่วยกันถ่ายทอดข้อคิดเรื่องการสร้างความหมายให้ชีวิตมีค่า ความกตัญญูรู้คุณ การหวงแหนปกป้องคนที่รัก จากพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “ทองแดง” ให้คนไทยได้ซึมซับเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต และให้เด็กและเยาวชนมีความรักและเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง






ทั้งนี้ นายวินิจ เลิศรัตนชัย กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจจากพระราชนิพนธ์เรื่อง “ทองแดง” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความซื่อสัตย์และคุณความดีของ “คุณทองแดง” สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางบริษัท เฟรชแอร์ฯ จึงจับมือกับ ดร.เฮด, อิเมจิแมกซ์, เดอะ มั๊งค์ สตูดิโอ และเวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส สตูดิโอ ๔ สตูดิโอแอนิเมชั่นชั้นนำของไทยร่วมกันสร้างสรรค์ “คุณทองแดง The Inspirations” นานเกือบ ๒ ปี ใช้ทุนสร้างกว่า ๑๕o ล้านบาท เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสั้น ๓ เรื่อง มีความยาวรวม ๑๒o นาที ประกอบด้วยเรื่อง “หมาวัด” เรื่องราวความกตัญญูของ “จร” สุนัขข้างถนนที่พระรูปหนึ่งนำมาเลี้ยงในวัด แต่ต่อสู้กับคนร้ายเพื่อปกป้องวัดและพระในวัดด้วยชีวิต เรื่อง “ทองหล่อ” เรื่องราวความผูกผันระหว่างเด็กสาวตาบอดกับลูกสุนัขแสนซน ที่เป็นสุดยอดองครักษ์เด็กสาว และเรื่อง “คอปเปอร์เพื่อนรัก” เรื่องราวของเศษเหล็กไร้ค่าที่กลายมาเป็นสุนัขหุ่นยนต์ของเล่นที่สาวน้อยอัจฉริยะผู้ไร้เพื่อน ชุบชีวิตขึ้นมาด้วยความรัก โดย มีศิลปินสินเจริญ บราเธอร์ส เป็นผู้สร้างสรรค์และขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์
นายวินิจกล่าวอีกว่า “คุณทองแดง The Inspirations” มีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ในวันที่ ๒ ธ.ค.นี้ ที่โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซิเนอาร์ตศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ และโรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เอ็มพริเว ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และมีกำหนด ฉายพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในวันที่ ๓ ธ.ค. โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการฉายภาพยนตร์ จะมอบให้มูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ในพระบรมราชูปถัมภ์ต่อไป






ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น คุณทองแดง The Inspirations เพียงรายเดียว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๘ พรรษา ซึ่งเนื้อหาของคุณทองแดงเป็นที่ยอมรับและขึ้นชื่อเรื่องความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ และความกล้าหาญ ธนาคารกสิกรไทยจึงมีความยินดีอย่างยิ่งในการเป็นผู้สนับสนุนการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมและปลูกฝังให้คนไทยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน มีความรักและเมตตาต่อสัตว์เลี้ยงและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคนได้นำคติธรรมที่ได้จากภาพยนตร์มาเป็นพื้นฐานการดำเนินชีวิต รวมถึงสร้างคุณงามความดีที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ต่อสังคมและต่อประเทศชาติ

ขณะที่นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง กล่าวถึงภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ว่า ไม่ได้พูดเรื่องราวประวัติคุณทองแดง แต่อัญเชิญพระราช กระแสรับสั่งและพระราชนิพนธ์คุณทองแดงมาเป็นแรงบันดาลใจ จะเตือนสติคนไทยว่า พระเจ้าแผ่นดินทรงนำสุนัขไทยมาเลี้ยง ให้โอกาสและกลายเป็นสุนัขที่น่ารัก มีความหมาย แล้วก็ให้ข้อคิดแก่เยาวชนที่อยากเลี้ยงสุนัขราคาแพง ตอนเป็นลูกสุนัขอยากเลี้ยงแต่เมื่อโตก็ปล่อยทิ้งไม่รับผิดชอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า แม้จะเป็นสุนัขข้าง ถนนก็มีคุณค่า อยู่ที่เราให้โอกาส สำหรับรายได้จากภาพยนตร์ส่วนหนึ่งเข้ามูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำให้มีทุนเพิ่มเติมในการดูแลสุนัขจรจัด นอกจากงบประมาณที่เทศบาลหัวหินจัดสรรให้



ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th














“วรรณกรรมเจ้าฟ้าฯ” ถ่ายทอดเป็นความงดงามใน “งานศิลป์”



จากความประทับใจใน “วรรณกรรมเจ้าฟ้าฯ” ถ่ายทอดเป็นความงดงามใน “งานศิลป์” กับโครงการ จินตนาการ สืบสาน วรรณกรรมไทยกับอินทัช ปีที่ ๙ วรรณกรรมไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ขึ้น เป็นสื่อที่รวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมประเพณี และความรู้ต่าง ๆ มากมาย การปลูกฝังให้เยาวชนรัก ภูมิใจในภาษาและวรรณกรรมไทยจึงเป็นเจตนารมณ์ของการดำเนินโครงการ จินตนาการ สืบสาน วรรณกรรมไทยกับอินทัช ที่บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ยึดมั่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๙ กับการประกวดวาดภาพตามจินตนาการจากการอ่านวรรณกรรมไทยในหัวข้อ “วรรณกรรมเจ้าฟ้าแห่งความประทับใจ” เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติในปีมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา มีผลงานที่ได้รับรางวัล ๔๗ รางวัล ซึ่งผู้ชนะเลิศการประกวดในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษา ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ รวมทุนการศึกษาทั้งสิ้น ๑,๔๔o,ooo บาท

ในปีนี้ เป็นปีมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา เพื่อร่วมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์ของพระองค์ท่าน สืบเนื่องมาจากที่ได้รับการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และการเขียนมาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้พระองค์ท่านพระราชนิพนธ์หนังสือประเภทต่าง ๆ ออกมากว่า ๑๕o เล่ม ซึ่งมีหลากหลายประเภท อาทิ สารคดีท่องเที่ยวเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ พระราชนิพนธ์วิชาการและประวัติศาสตร์ พระราชนิพนธ์แปล พระราชนิพนธ์บทกวี และพระราชนิพนธ์ทั่วไป จึงได้จัดการประกวดในหัวข้อ “วรรณกรรมเจ้าฟ้าแห่งความประทับใจ” มีเยาวชนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ปีที่ ๔ ถึงอุดมศึกษา ส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน ๑,o๒๔ ผลงาน สำหรับพระราชนิพนธ์ที่เยาวชนประทับใจ และนำมาถ่ายทอดมากที่สุด คือ แก้วจอมแก่น เป็นวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่เผยแพร่อย่างกว้างขวาง อ่านเข้าใจง่าย สอดแทรกความรู้ และความสนุกสนาน รองลงมาคือ พระราชนิพนธ์ เรื่อง แก้วจอนซน ผีเสื้อ ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน และความฝัน

สำหรับผลงานที่ชนะเลิศในแต่ละระดับชั้น ได้แก่ ระดับอุดมศึกษา นางสาวปาลฉัตร ยอดมณี มหาวิทยาลัยศิลปากร ชื่อผลงาน “โลกพระจันทร์” จากวรรณกรรมเรื่อง นิทานโกหกเยอรมัน ตอนการเดินทางไปพระจันทร์ , ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เด็กหญิงณัฐณิชา นักปราชญ์ ชมรมศิลปะปาร์ตี้อาร์ตแกลลอรี่ ชื่อผลงาน “มิตรภาพของสตรีที่ต่างวัย” จากวรรณกรรมเรื่อง นารีนครา , ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เด็กหญิงนวลจุฑา ยุ่นประยงค์ โรงเรียนสมคิดจิตต์วิทยา ชื่อผลงาน “พระบ้า” จากวรรณกรรมเรื่อง มุ่งไกลในรอยทราย และระดับประถมศึกษาตอนปลาย เด็กหญิงพิมพ์มาดา แสวงสวัสดิ์ โรงเรียนบวรรัตนศาสตร์ ชื่อผลงาน “ใต้ร่มเงาวังสระปทุม” จากวรรณกรรมเรื่อง สัตว์เลี้ยงวังสระปทุม ผลงานทั้งหมดได้รับการตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งด้านศิลปะ และวรรณกรรม ประกอบด้วย คุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์, คุณสังคม ทองมี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร, คุณปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์, คุณเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตไทย, คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ (ทมยันตี) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ , คุณธวัชชัย สมคง บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Fine Art และคุณสุวิทย์ ใจป้อม อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเพาะช่าง

นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน แสดงความคิดเห็นว่า “ผลงานที่ส่งเข้ามาปีนี้ใช้เทคนิค และวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ เช่น ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับอุดมศึกษา เป็นรูปแฟนตาซี นำเสนอจินตนาการที่เราไม่เคยเห็น แตกต่างจากภาพในสไตล์เดิม ๆ ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ได้สร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ต้องคิด ต้องฝึกฝน หาความเป็นตัวตนของเราให้เจอ อย่าไปลอกเค้า ดังนั้น คนที่จะเก่งได้ คือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดี เทคนิคดี และฝีมือดี”

ทั้งนี้ อินทัช ได้นำผลงานที่ได้รับรางวัลมาจัดแสดงนิทรรศการ “วรรณกรรมเจ้าฟ้าแห่งความประทับใจ” ณ ชั้น ๑ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ระหว่างวันที่ ๒๘ กันยายน – ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ผู้ที่สนใจสามารถชม และร่วมซื้อภาพการกุศล รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เพื่อสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.intouchcompany.com หรือ //www.facebook.com/intouchstation

นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของอินทัช ที่ได้มีโอกาสร่วมปลูกฝังให้เยาวชนไทยรัก และเห็นคุณค่าของภาษาและวรรณกรรมไทย รวมทั้งสนับสนุนให้เยาวชนมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถและสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะรอบด้านโดยมีวรรณกรรมและศิลปะเป็นสื่อกลางที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังเป็นการอนุรักษ์วรรณกรรมไทยไว้ไม่ให้สูญหาย และเป็นสมบัติของชาติสืบไป

อินทัช เชื่อมต่อโอกาส สร้างรากฐานที่แข็งแรง เพื่ออนาคตของสังคมไทย





กรรมการตัดสิน คุณหญิงไขศรีและคุณสมประสงค์





ชนะเลิศทั้ง ๔ ระดับถ่ายภาพร่วมกับคุณหญิงไขศรีและอ.เฉลิมชัย





ผู้บริหาร-และกรรมการเปิดงานนิทรรศการ





เยาวชนที่ได้รับราวัลทั้ง ๔๗ คน





นิทรรศการพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพฯ









พิมพ์มาดา แสวงสวัสดิ์ ชนะเลิศประถม





ปาลฉัตร ยอดมณี ชนะเลิศอุดมศึกษา





นวลจุฑา ยุ่นประยงค์ ชนะเลิศ ม.ต้น





ชนะเลิศ อุดมศึกษา





ชนะเลิศ ม.ปลาย





ชนะเลิศ ม.ต้น





ชนะเลิศ ประถม



ภาพและข้อมูลจาก
fineart-magazine.com














งานศิลป์สร้าง‘บ้านพิงพัก’ช่วยผู้ป่วยมะเร็งเต้านม



จากจุดมุ่งหมายที่จะดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมและอยู่เคียงข้างผู้หญิงในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้การกำกับดูแลของ รศ.นพ.กฤษณ์ จาฏามระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เปิดโครงการล่าสุด “บ้านพักพิง” เพื่อวางแผนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมยากไร้ โดยจับมือกับ บุษกร วรรณอุ่น แห่งก้อย อาร์ต แกลเลอรี่ (Koi Art Gallery) จัดงาน “Let's Paint Pink Park” ชักชวนศิลปิน อาทิ โกวิท วัฒนราช, ศิลาวิศว์ พูลสวัสดิ์, มะนูล ขันหล่อ, ปอม จิตรประทักษ์, กมล ตามสีวัน ฯลฯ ร่วมแสดงนิทรรศการศิลปะ พร้อมเปิดประมูลผลงานประติมากรรมชิ้นพิเศษ “ช้อนเงิน” ของ พไรวา ไรวา พร้อมจำหน่ายหนังสือ“เบิร์ด ออฟ อเมริกา” หนังสือที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดอีกเล่มของโลก รายได้สนับสนุนบ้านพิงพักสวรรค์บนดินของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมยากไร้ ที่บริเวณชั้น ๑ ลานแฟชั่นฮอล์ สยามพารากอน เมื่อเร็ว ๆ นี้

บุษกร วรรณอุ่น เผยถึงความตั้งใจที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ว่า เมื่อ ๕ ปีที่แล้วเคยช่วย รศ.นพ.กฤษณ์ จาฎามระ หาทุนมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย พอครั้งนี้ได้รับการติดต่อจึงรีบตอบรับเพราะทราบว่าเป็นโครงการดีที่มุ่งหวังช่วยผู้ป่วยยากไร้ โดยการนำเอาศิลปะเข้ามาช่วย ซึ่่งถือว่าใกล้ชิดกับคนมาก โดยตัวเองทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการช่วยประสานกับเพื่อน ๆ ศิลปินว่าใครต้องการร่วมทำบุญบ้าง และก็ได้เสียงตอบรับจากเพื่อน ๆ ถึง ๙ คน เช่น โกวิท วัฒนราช เจ้าของผลงานชื่อเดียวกับงาน “Miss Pink Park” ขณะที่ศิลปินท่านอื่น ๆ ก็นำผลงานที่มีอยู่แล้วแต่ก็เลือกภาพที่เชื่อมโยงกับผู้หญิงมาร่วมจัดแสดง นอกจากนี้ยังมีจิตรกรแดนอีสาน มะนูล ขันหล่อ ซึ่งนำผลงานเกี่ยวกับการเล่นแสงและเงาเพื่อสื่อความหมายว่าชีวิตของคนย่อมมีขึ้นมีลงเหมือนดวงอาทิตย์

หนึ่งในผลงานไฮไลท์ คือ ผลงานประติมากรรมชิ้นพิเศษ “ช้อนเงิน” ซึ่งศิลปินเจ้าของผลงานอย่าง พไรวา ไรวา จะไม่ได้มาร่วมงานแต่เจ้าตัวฝากบอกว่า ผลงานชิ้นดังกล่าวอาจจะมีเนื้อหาไม่เชื่อมโยงกับการจัดงานในครั้งนี้ แต่อยากให้มองถึงคุณค่าที่ต้องการช่วยเหลือสังคมมากกว่า

ด้านศิลปิน โกวิท วัฒนราช ซึ่งวาดภาพใหม่ชื่อ“ Miss Pink Park” ให้โครงการ บอกว่า เมื่อทางก้อย อาร์ต แกลเลอรี่ ชวนสร้างงานก็สนใจ ใช้เวลา ๑ สัปดาห์เกิดเป็นภาพศิลปะแนว Pop Art ชิ้นนี้ แสดงถึงความสวยงามและแฟชั่นของผู้หญิงในปัจจุบัน ใช้ธีมสีชมพูเข้ากับการณรงค์ดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เช่นเดียวกับเพื่อนศิลปินอีกหลายคนที่ร่วมงาน เราตระหนักความสำคัญและใช้ศิลปะให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม

ส่วน มะนูล ขันหล่อ จิตรกรแดนอีสาน เผยแรงบันดาลใจภาพ “ยามเย็นตรงเส้นขอบฟ้า” ว่า ประทับใจช่วงพระอาทิตย์ตกดินทำให้เราได้ทบทวนชีวิต พร้อมจินตนาการถึงวันรุ่งขึ้น เพราะพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน สื่อคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ขอให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีกำลังใจ รวมถึงทุกคนหากล้มแล้วลุกขึ้นสู้ ก็ขอแบ่งปันงานศิลปะจรรโลงใจเพื่อให้เกิดบ้านพิงพัก สถานของใจในอนาคตใกล้นี้

รศ.นพ.กฤษณ์ จาฎามระ เผยความตั้งใจว่า โครงการ“บ้านพิงพัก” เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมยากจนระยะสุดท้ายถูกทอดทิ้ง เพราะจากการลงพื้นที่ชุมชนแออัดของพยาบาลและเจ้าหน้าที่ศูนย์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ๓ ครั้งต่อปี เพื่อส่งเสริมความรู้โรคมะเร็งเต้านมและคัดเลือกผู้ป่วยเข้ารักษาที่ศูนย์ฯ เพื่อตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม โดยทำต่อเนื่องมา ๑๕ ปี พบว่าผู้ป่วยยากไร้ส่วนหนึ่งไม่ได้รับการดูแล ผู้ป่วยมาหาเราช้ามาก ซึ่งแนวทางรักษามะเร็งเต้านม พบเร็วมีโอกาสรักษาหาย จึงต้องการสร้างบ้านพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยยากไร้ รวมถึงผู้ป่วยด้อยโอกาสที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด แล้วเข้ามารักษาที่กรุงเทพฯ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าพักระหว่างรักษาตัว ต้องไปอยู่ตามวัดหรือใต้สะพาน

“บ้านพิงพักในสวนบนเนื้อที่ ๑๒๙ ไร่ ย่านมีนบุรี จะเป็นที่พักพิงแก่ผู้ป่วยเหล่านี้ด้วยการให้การดูแลทั้งทางร่างกายและจิตใจเหมือนดูแลญาติที่เรารัก ไม่ใช่รอความตาย มีเตียงให้นอนเตียง มีข้าวให้กิน ศูนย์บำบัดนี้จะไม่เก็บค่ารักษาพยาบาล ดูแลผู้ป่วยจนจากไป สิ่งสำคัญคือ ให้ผู้ป่วยมีความภูมิใจในความเป็นคน บ้านพิงพักจะมีพยาบาลผู้ใหญ่ที่เกษียณเป็นหัวหน้าพยาบาลให้ความรู้และฝึกอบรมบุคลากร อาสาสมัคร เราเตรียมงานมา ๕ ปี และเริ่มสร้างปี ๕๘ ต้องใช้งบกว่า ๕oo ล้านบาท ” ประธานกรรมการมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ กล่าว











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














สานตำนานสร้างศิลป์เวียงท่ากาน



ด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงกำหนดจัดงานประจำปีเวียงท่ากาน ครั้งที่ ๕ ภายใต้ชื่อว่า “สานตำนานยิ่งใหญ่ สายใยชุมชนท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลป์ พิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน” ในการนี้เมื่อวันก่อนทรงมีพระกรุณาธิคุณประทานให้ผู้แทนพระองค์เปิดการแถลงข่าว ณ สำนักส่งเสิรมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

จิรศักดิ์ โพธิ์ขำ ผู้แทนพระองค์ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานกองทุน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ รักษาการหัวหน้าโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จฯ ทรงงาน ณ โบราณสถาน เวียงท่ากานทุกปี ทรงจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกสองปีโดยร่วมกับประชาชนในพื้นที่เวียงท่ากานและจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับปี ๒๕๕๘ และในวันนี้เป็นโอกาสอันดี ที่จะได้นำเสนอแบบจำลองพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากานที่จะใช้ในการก่อสร้างซึ่งผ่านการทำประชาพิจารณ์จากชาวเวียงท่ากานมาแล้ว มาให้ชมเป็นครั้งแรก ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ทรงตั้งพระทัยที่จะนำความรู้ ความสามารถที่ทรงศึกษามาปฏิบัติพระกรณียกิจเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และบูรณะศาสนสถาน โบราณวัตถุ โบราณสถาน ทรงคำนึงถึงบริบทแวดล้อมรวมถึงสภาพภูมิสังคม ชุมชนการทรงงานในพื้นที่มุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและสังคมโดยรวม โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างสมเหตุสมผลตามสภาพภูมิสังคม วัฒนธรรมชุมชนรวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของสังคมอย่างพอเพียงและยั่งยืน" ผู้แทนพระองค์กล่าว

ด้าน อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมด้านศิลปะในปีนี้ พระเจ้าเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ มีพระดำริให้เชิญศิลปินผู้มีชื่อเสียงจากภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งศิลปินจากภาคเหนือ เพื่อร่วมกันวาดภาพโบราณวัตถุ โบราณสถาน ซึ่งภาพเขียนทั้งหมดจะนำไปจัดนิทรรศการอีกครั้งที่กรุงเทพมหานคร และนำภาพไปประมูล เพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิเวียงท่ากาน ในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ที่จะเกิดขึ้นในโอกาสต่อไป

“สำหรับการจัดงานในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายนนี้ไฮไลท์ของการแสดงอันน่าตื่นเต้นตระการตา ด้วยศิลปะวาดภาพจากทราย โดยศิลปินผู้มีชื่อเสียง อาจารย์ก้องเกียรติ กองจันทร์ดี ประกอบกับแสง สี เสียง เทคนิค Projection Mapping อันทันสมัยจาก ARTs OF KORAT ซึ่งผู้สนใจไม่ควรพลาดโอกาสอันดีงามความสำคัญอีกประการหนึ่ง ขอให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ร่วมกันบริจาคสมทบทุนการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ โดยบริจาคได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ (เวียงท่ากาน)











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














อลังการงานดอกไม้ประจำปี ครั้งที่ ๒๙



โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ เจ้าของตำนานงานดอกไม้การกุศลประจำปีในโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้จัดงานแสดงดอกไม้นานาชาติขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ โดยปีนี้งานดอกไม้ประจำปี ครั้งที่ ๒๙ ได้ร่วมกับสภาดอกไม้โลก (World Flower Council) องค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมกิจการที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ทั่วโลก พร้อมนำเสนอผลงานการจัดแสดงดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาสู่สายตาสาธารณชน ด้วยรูปแบบและแนวคิดในการจัดดอกไม้ ภายใต้ชื่อ “ตำนานแห่งไทย จารึกไว้ชั่วนิรันดร์ (Mythical Thailand and Beyond)” ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ กรุงเทพฯ รายได้ทั้งหมดจากการจัดงาน การจัดกิจกรรม และเงินบริจาค มอบให้กับมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย

สุชาดา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา รองประธานจัดงานดอกไม้ประจำปี แถลงข่าวการจัด “งานแสดงดอกไม้นานาชาติประจำปี ครั้งที่ ๒๙” โดยมี ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร คณะกรรมการจัดงานดอกไม้ประจำปี, ภูเบศร์ เจษฎ์เมธี รองประธานสภาดอกไม้โลก และ ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์สุพัฒน์ วาณิชย์การ เลขาธิการมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ กรุงเทพฯ

สุชาดา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา รองประธานจัดงานดอกไม้ประจำปี ครั้งที่ ๒๙ เผยว่า คณะกรรมการจัดงาน มีเจตนารมณ์ในการมอบสิ่งที่ดีกลับคืนสู่สังคม จึงได้ร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการกุศลขึ้นภายในงานเพื่อรวบรวมรายได้ทั้งหมดจากการจัดงาน การจัดกิจกรรม และเงินบริจาค มอบให้กับ มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย โดยตลอด ๔ วันเต็มของการจัดงาน ผู้เข้าชมงาน
จะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับโลกแห่งพฤกษานานาชาติผลงานการรังสรรค์ของนักจัดดอกไม้มืออาชีพกว่า ๒oo คน จาก ๒o ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะมาประชันฝีมือกันในการแข่งขันการจัดดอกไม้ ซึ่งมั่นใจได้ว่าผู้เข้าชมจะได้ชมความหลากหลายของศิลปะการจัดดอกไม้จากแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมและความบันเทิงอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงการออกร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร และของที่ระลึกอีกด้วย

กิจกรรมหลักๆ จะประกอบไปด้วย ประติมากรรมดอกไม้สุดตระการตา โดยสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ที่ล็อบบี้, การแข่งขันจัดดอกไม้นานาชาติ โดยนักจัดดอกไม้จาก ๒o ประเทศ ทั่วโลก โดยสมาคมดอกไม้โลก ที่ห้องบอลรูม, การแสดงจัดดอกไม้ จัดโดยสมาคมดอกไม้โลก ที่ แกลเลอรี่ เอ บี ซี,กิจกรรมจากสมาคมดอกไม้โลก, การจัดดอกไม้ตกแต่งโต๊ะอาหาร และการแสดงผลงานการจัดดอกไม้นานาชาติ ที่เดอะ แกลเลอรี่, ร้านค้าจำหน่ายเครื่องใช้เกี่ยวกับสวนและดอกไม้ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อัพเปอร์ แกลเลอรี่, สถานที่จัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ และแฟชั่น ที่การ์เด้นส์ วิงส์,สถานที่จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์โครงการหลวงในพระราชดำริ ที่ซินบาร์, สถานที่จัดจำหน่ายเค้ก ขนมอบ และช็อกโกแลต ที่กูร์มองดิสส์ คาเฟ่ แอนด์ เบเกอรี่

อีกทั้ง ร่วมเปิดประสบการณ์ดินเนอร์เซตเมนูมื้อค่ำสุดหรูระดับเวิลด์คลาส โดยสุดยอดเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เชฟชุมพล แจ้งไพร ค่ำวันที่ ๑๖-๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ในราคาพิเศษ ท่านละ ๔,๙๕o บาท (สำหรับอาหาร และค็อกเทลแชมเปญ ๑ แก้ว) และ ๖,๙๕o บาท (สำหรับอาหารและไวน์) ที่ห้องคอนเซอวาทอรี่, ตระการตากับการสาธิตทำช็อกโกแลต โดยเชฟ Fiona Sciolti จากประเทศอังกฤษ และอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ช็อกโกแลต ราคาท่านละ ๕๕o บาท++ พร้อม Prosecco wine หรือ ๘๕o บาท++พร้อมเครื่องดื่มมาร์ตินี่จากดอกไม้ ที่ซินบาร์, อิ่มอร่อยกับเทศกาลอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ พร้อมเมนูพิเศษและสเตชั่นช็อกโกแลต ที่ห้องอาหารไอโซ่ ราคามื้อกลางวัน ๘๙๙ บาท++ มื้อค่ำ ๑,o๙๙ บาท ++ และซันเดย์บรันซ์ ๒,๑๙๙ บาท ++, บุฟเฟ่ต์อาหารจีนระดับต้นตำรับ ที่ห้องอาหารจีนโนเบิ้ลเฮ้าส์ ราคามื้อกลางวัน ๘๙๙ บาท++ มื้อค่ำ ๑,o๙๙ บาท ++, ดื่มด่ำกับชายามบ่ายในคอนเซ็ปต์ชาดอกไม้ Floral Afternoon Tea ในราคาท่านละ ๓๕o บาท++ ที่กูร์มองดิสส์คาเฟ่แอนด์เบเกอรี่

งานแสดงดอกไม้ประจำปี ครั้งที่ ๒๙ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ กรุงเทพฯ บัตรเข้าชมงานราคา ๑๒o บาท และพิเศษสำหรับนักเรียน และเด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี ราคา ๕o บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อซื้อบัตรได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศ กรุงเทพฯ โทร. o๒-๒๕๓-o๑๒๓ หรือ อี-เมล์ SNL.publicrelations@swissotel.com เว็บไซต์: //www.swissotel.com/hotels/bangkok-nai-lert-park/





ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร และ ภูเบศร์ เจษฎ์เมธี



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














เปิดรายชื่อ ๒๕ ศิลปินไทยอวดศิลปะเวทีโลก



วธ.เปิดรายชื่อ ๒๕ ศิลปินไทย นำผลงานไปจัดแสดงหอศิลป์ระดับโลก การแสดงภายใต้นิรรศการ Thailand Eye ที่หอศิลป์ซัทชี่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่าง พ.ย. ๕๘ - ม.ค. ๕๙ “ศ.ดร.อภินันท์” เผย กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลอง ๖o พรรษาสมเด็จพระเทพฯ และฉลอง ๑๖o ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อังกฤษ

ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร หอศิลป์ซัทชี่ (Saatchi Parallel Contemporary Art) และโดยการสนับสนุนจากภาคเอกชน อาทิ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กำหนดจัดนิทรรศการศิลปะไทยร่วมสมัย Thailand Eye presented by Prudential นำผลงานของศิลปินร่วมสมัยไทยจำนวน ๒๕ คน ไปจัดแสดงที่หอศิลป์ซัทชี่ กรุงลอนดอน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘-มกราคม ๒๕๕๙

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๖o พรรษา และเพื่อเฉลิมฉลอง ๑๖o ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหราชอาณาจักร และยังถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้แก่วงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ที่ผลงานได้เข้าไปจัดแสดงในหอศิลป์ระดับโลก ได้เผยแพร่ผลงานออกไปสู่สายตาชาวต่างชาติ

“ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ส่งรายชื่อศิลปินไทยประมาณ ๒oo รายชื่อให้ทางหอศิลป์ซัทชี่ โดยนายไนเจล เฮิร์สท ผู้อำนวยการและกรรมการผู้จัดการหอศิลป์ซัทชี่ และผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ช่วยกันคัดเลือก เบื้องต้นจะคัดเลือกจำนวน ๗๕ คน ผลงานและเรื่องราวของ ๗๕ คนนี้ จะได้ตีพิมพ์ในหนังสือที่ทางหอศิลป์ซัทชี่และสำนักพิมพ์สคีรา (Skira) ของอิตาลี จะจัดพิมพ์หลายพันเล่มเพื่อแจกไปตามสถานศึกษาต่าง ๆ สุดท้าย จะคัดเลือกให้เหลือ ๒๕ คน ที่ผลงานจะได้จัดแสดงที่หอศิลป์ซัทชี่ในนิทรรศการ Thailand Eye"

สำหรับรายชื่อศิลปินไทยที่ผลงานได้รับการคัดเลือกไปร่วมในนิทรรศการ “Thailand Eye presented by Prudential" จำนวน ๒๕ ราย มีดังนี้ ๑. บุษราพร ทองชัย ๒. ชาติชาย ปูนเปีย ๓. ชูศักดิ์ ศรีขวัญ ๔. ดาว วาสิกศิริ ๕. กมลพันธุ์ โชติวิชัย ๖. กวิตา วัฒนะชยังกูร ๗. กรกฤช อรุณานนท์ชัย ๘. โฆษิต จันทรทิพย์ ๙. กฤษ งามสม ๑o. มานิตย์ ศรีวานิชภูมิ ๑๑. นที อุตฤทธิ์ ๑๒. นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ๑๓. นพชัย อังควัฒนะพงษ์ ๑๔. ปานพรรณ ยอดมณี ๑๕. ปัญญา วิจินธนสาร ๑๖. ปวีณา กล่อมนก ๑๗. ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ๑๘. รอล์ฟ วอน บูเรน ๑๙. สาครินทร์ เครืออ่อน ๒o. สมบูรณ์ หอมเทียนทอง ๒๑. ทรงชัย บัวคุ้ม ๒๒. สุรสีห์ กุศลวงศ์ ๒๓. ไตรรัตน์ ศรีบุรินทร์ ๒๔. อุดมศักดิ์ กฤษณมิษ และ ๒๕. วิริยะ โชติปัญญาวิสุทธิ์

ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวอีกว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการศิลปะร่วมสมัยของประเทศอังกฤษ คาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้ที่สนใจงานศิลปะร่วมสมัยในสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก

ด้านนายไนเจล เปิดเผยว่า ในมุมมองของตน ผลงานของศิลปินไทยน่าตื่นเต้นมาก มีการทดลองเทคนิคที่หลากหลาย และให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพ อาหาร ซึ่งนำเสนออยู่ในผลงาน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนั้นจะพยายามมองในภาพกว้าง นำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยของไทยไปสู่สายตาผู้ชม ซึ่งอาจไม่คุ้นเคยศิลปะร่วมสมัยของไทย







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ท่องแดนแห่งสีสันผ่านผืนผ้าชาวภูไท



ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาการทอผ้าแพรวา ทำให้ผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทยหรือภูไทยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้จัดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “ผ้าแพรวา : จากผ้าเบี่ยงธรรมดา สู่ราชินีแห่งไหมไทย” พร้อมชมการแสดงพื้นบ้านชุดรำแพรวากาฬสินธุ์ ณ ห้องโถง พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันก่อน

คำใหม่ โยคะสิงห์ อายุ ๘๓ ปี ผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตแห่ง อ.ท่าม่วง จ.กาฬสินธุ์ บอกเล่า แรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มต้นทอผ้าแพรวาผืนแรกว่า ไม่เคยสนใจเรื่องการทอผ้าแพรวามาก่อนเลย ตัวเองไม่ใช่คนบ้านโพน แต่สามีมาเป็นครูอยู่ที่นี่ ตอนย้ายมาอยู่ใหม่ ๆ ก็ทำไร่ ทำนา เลี้ยงลูกไปตามประสา จน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมชาวบ้านที่ บ้านโพน ความที่อยากจะไปเฝ้าฯ รับเสด็จทั้งสองพระองค์ ก็พยายามหาของมีค่าเพื่อจะไปทูลเกล้าฯ ถวาย ไปขอซื้อผ้าแพรวาจากเพื่อนบ้าน เขาก็ไม่ยอมขายกัน จนได้หมอนขิด จึงนำไปทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่าน พอวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่จากอำเภอ ก็มาเรียกกลุ่มคนที่ถวายผ้าให้ไปพบท่านผู้หญิงสุประภาดากับท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ และได้ให้ตัวอย่างผ้าแพรวาที่ต้องการให้พวกเราทอ โดยให้ไหมมาจำนวนหนึ่งเพื่อให้กลับไปทอผ้าแพรวามาถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

“ตอนนั้นรับปากท่านผู้หญิงมาแล้ว แต่ตัวเองก็ทอไม่เป็น หาคนทอก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมทำให้ จนสุดท้ายได้ชาวบ้านมากลุ่มหนึ่ง และลองหัดทำด้วยตัวเอง ใครทอลายแบบไหนได้ ก็มาช่วยกันทอจนสำเร็จ ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานกลุ่มฟื้นฟูการทอผ้าแพรวาแห่งบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา” คำใหม่ ย้อนความหลังด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแห่งความปีติยินดีอย่างที่สุดในชีวิต

บุญชัย ทองเจริญบัวงาม นักวิชาการและหนึ่งในผู้สะสมผ้ากลุ่มชาติพันธุ์แพรวาได้ให้ความรู้เรื่องผ้าแพรวาหรือผ้าไหมแพรวา ว่าเป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทยหรือภูไท ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในบริเวณแคว้นสิบสองจุไทย (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และเวียดนาม ซึ่งติดต่อกับดินแดนภาคใต้ของจีน) ต่อมา ได้อพยพเคลื่อนย้ายผ่านเวียดนาม ลาว แล้วข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพานทางภาคอีสานของไทย ส่วนใหญ่อยู่ใน จ.กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ การแต่งกาย และการทอผ้าไหมที่ทอด้วยการเก็บลายจากการเก็บขิดและการจก มีลวดลายโดดเด่น อันเป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผ้าแพรวาจึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มชนที่สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มภูไท











ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ประชิด-แปลกหน้า



"ประชิด-แปลกหน้า" นิทรรศการศิลปินในพำนักจากเมืองควิเบก ประเทศแคนาดา จัดโดย ฝ่ายกิจกรรมเครือข่าย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๖ กันยายน - ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องสตูดิโอ ชั้น ๔ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

"ประชิด-แปลกหน้า" นิทรรศการศิลปินในพำนักจากเมืองควิเบก ประเทศแคนาดา นำเสนอผลงานของกลุ่มศิลปินเมืองควิเบกซึ่งเดินทางมาพำนักและสร้างสรรค์ผลงานที่กรุงเทพมหานคร ตลอดระยะเวลาพำนัก ๒ สัปดาห์ ศิลปินจะผสมผสานสำนึกอันฝังแน่นของตนออกมาปะทะกับภาวะที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน การเผชิญหน้าของผู้แปลกถิ่นในมหานครเอเชียที่สับสน วุ่นวาย อากาศร้อนชื้น เสียงอึกทึกของผู้คนและยวดยานบนท้องถนน “Encounter with Strangers" คือคำอธิบายของสภาวะเช่นนี้

ศิลปิน: Cynthia Dinan-Mitchell

ฉันเติบโตในเมืองที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส งานของฉันเลยจึงมักจะถ่ายทอดการผสมผสานของสองวัฒนธรรม สำหรับนิทรรศการนี้ ฉันจะสร้างสรรค์เสื้อผ้าโบราณของประเทศแคนาดาขึ้นมาใหม่ด้วยผ้าไทย และในทางตรงกันข้าม ฉันจะตัดเย็บชุดแบบไทยด้วยผ้าจากประเทศแคนาดา ผ้าไทยมีลวดลายสวยงาม ละเอียด มีการปักผ้าเยอะซึ่งต่างจากผ้าของแคนาดามากที่ส่วนใหญ่จะหนามากและมักจะทำจากขนสัตว์ เพราะว่าหนาวมาก ฉันคิดว่าการเปรียบเทียบให้เห็นความต่างของผ้าสองแบบนี้จะน่าสนใจมาก ๆ



ภาพและข้อมูลจาก
bacc.or.th
FB นิทรรศการ














By The Glass



นิทรรศการ "BY THE GLASS" ผลงานโดยศิลปินชาวอังกฤษ Louise Truslow จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ Serindia Gallery



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com












Another ME



นิทรรศการ “Another ME” ผลงานโดย วัชระ บุญปกครอง (Watchara Boonpokkrong) และณัฐพล กาญจนามัย (Nuttapol Kanjanamai) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๙ กันยายน - ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ Subhashok The Arts Centre (S.A.C.) : ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์

นิทรรศการ “Another ME ” มีที่มาจากความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราทุกคนมีอีกตัวตนที่แฝงเร้นอยู่ หนึ่งการกระทำ หนึ่งการแสดงออก หนึ่งภาพ หนึ่งความทรงจำ มีนัยยะที่มากกว่าที่เห็น และเป็นไปได้ในวิถีหรือทิศทางที่ไม่อาจคาดการณ์ วัชระ บุญปกครอง และ ณัฐพล กาญจนามัย คือ ๒ ศิลปินที่จะพิสูจน์ทฤษฎีความเชื่อนี้ ผ่านงานศิลปะและบทบาทชีวิตของเขา

วัชระ บุญปกครอง Modeller ชื่อดัง ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักในวงการ Model มาร่วม ๒o ปี ครั้งนี้เขานำเสนอผลงาน Concept model ในรูปแบบ Diorama ผลงานที่เปรียบเสมือนบทสนทนาใหม่ที่เขาอยากจะสื่อสาร “การตีความมนุษย์” โดยเลือกบุคคลที่โลกนี้คุ้นเคยกับภาพลักษณ์ และได้ตัดสินตัวตนเขาไปแล้ว จากการกระทำที่จารึกให้โลกจดจำ วัชระ นำเสนอผลงานโดยย้อนวันเวลา ไปยังเมื่อครั้งที่เกิดสถานการณ์ ที่เป็นจุดเปลี่ยนของคนเหล่านั้น โดยเล่นกับโจทย์ที่ว่า.....
ถ้าบุคคลเหล่านั้นได้เลือกอีกหนทางหนึ่ง ที่เขาเองต้องการเป็นได้ บางทีหน้าประวัติศาสตร์อาจจะเปลี่ยนไป .....

แต่ถึงอย่างนั้นศิลปินได้ซ่อนนัยของคำถาม ถึงชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้อย่างแยบยล ตัวละคร Adolf Hitler ,Vincent van Gogh , Jimi Hendrix รวมทั้งตัวศิลปินเอง คือ บทบาทที่ถูกเล่าใหม่อีกครั้ง ผ่านมุมมองพิเศษของ วัชระ ทีไม่ซ้ำกับใครบนโลกใบนี้ นี่คือครั้งแรกในชีวิตการทำงานของเขาที่แสดงออกในพื้นที่ศิลปะเต็มตัว และเป็นครั้งแรกของวงการศิลปะไทย ที่จะได้ต้อนรับประติมากรฝีมือเยี่ยม กับผลงานที่ วัชระ บุญปกครอง เดิมพันด้วยประสบการณ์และความทุ่มเท เพื่อพิสูจน์อีกบทบาทที่มากกว่าที่เขาเคยเป็น และที่ใคร ๆ เคยตัดสินให้เขาเป็น.......

ณัฐพล กาญจนามัย
ศิลปินรุ่นน้องที่มีผลงานโดดเด่นอย่างยิ่ง กับการเขียนใบหน้าคนในรูปแบบ hyperrealism ดยที่ความอัศจรรย์ของทักษะที่มีจะถูกแสดงออกในนิทรรศการนี้เป็นครั้งแรกผ่านภาพใบหน้ามนุษย์ที่จัดแสดงเพียง ๘ ชิ้น แต่เน้นย้ำชี้ชัดถึงพัฒนาการก้าวกระโดดของศิลปิน จากชิ้นเริ่มต้นอย่างเรียบง่าย และพัฒนาไปเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ในเวลานี้ที่เขามีอายุเพียง ๒o ต้น ๆ เริ่มต้นกับการสนใจบุคลิกภาพคนรอบตัว การเขียนใบหน้าให้ เพื่อน ไล่ลำดับมาที่ใบหน้าตนเอง พ่อ ครู อาจารย์ และผลงานชิ้นสุดท้ายของชุด

ที่เป็นต้นแบบนำทางสู่ผลงานชุดต่อ ๆ ไปของเขา ทักษะและการมองเห็นด้วยสายตาของเขาจะกลายเป็นคุณค่าอย่างยิ่งต่อวงการศิลปะในอนาคต การเขียนภาพเหมือนบุคคลในความเข้าใจของสังคมทั่วไปอาจจำกัดวงอยู่เพียงการรับเขียนภาพที่คนอื่นต้องการ แต่ ณัฐพล ต้องการแสดงอีกจุดยืนหนึ่งถึงการได้เขียน ได้ “ตีความมนุษย์ “ อย่างที่ตนเองต้องการบ้าง ความรู้สึก อารมณ์ ตัวตนที่ศิลปินสัมผัสถึง รายละเอียดทุกอณู .... ขุมขน ผิวหนัง เส้นผม แววตา มิติแห่งแสงเงา คือเครื่องมือสะท้อนอีกตัวตนของคนตรงหน้า หล่อหลอมเป็นบุคคลในมุมมองที่ศิลปินต้องการ นิทรรศการครั้งนี้จะเป็นสะพานก้าวข้ามจุดมุ่งหมายการเขียนภาพมนุษย์ในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม อารมณ์ลึกลับ เย็นชา สนุกสนาน เมตตา หนักแน่น ประหม่า มั่นใจ และ อบอุ่น ของผู้คนที่รายล้อม จะเป็นตัวชูโรงที่ควบคู่ไปกับทักษะ hyperrealism ของศิลปิน

สองศิลปินที่สังคมและวงการที่ห้อมล้อมเขา คาดการณ์ตัดสินความเป็นไปของเขาอย่างหนึ่ง แต่นิทรรศการ” Another ME “ครั้งนี้คือประตูอีกหนึ่งบานที่เปิดให้เขาทั้งสองได้ก้าวออกมาจากโครงสร้างความคิดเดิม และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าแรงบันดาลใจที่เขาทั้งสองสร้าง จะเป็นกุญแจไขประตูให้ผู้คนอีกมากมาย พบหนทางพิเศษที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวตนที่เป็นค้นพบ “ Another ME “ ของคุณเอง .........

นิทรรศการ " Another ME "
โดยศิลปิน วัชระ บุญปกครอง , ณัฐพล กาญจนามัย
จะจัดแสดงที่ หอศิลป์ ศุภโชค ดิอาร์ท เซ็นเตอร์
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน – ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยเรียนเชิญทุกท่านให้กำลังใจศิลปินเข้าร่วมงานเปิด
ในวันที่ ๑๙ กันยายน เวลา ๑๘.oo น.
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
หมายเลขโทรศัพท์ o๒-๖๖๒-o๒๙๙ , o๘๖-๘๙๑-๑๘๙๓















ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














รับมอบและขอซื้องานศิลปะ ของนักสะสมไทย มาแสดงที่ “หอศิลป์ร่วมสมัยรัชดา”



เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของผลงานศิลปะที่อยู่ในการครอบครองของ นายเทพ จุลดุลย์ นักสะสมชาวไทยในรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่ง นายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ นำมาโพสต์ผ่าน facebook ส่วนตัว ในวันนี้ (๑๘ ก.ย. ๒๕๕๘)

พร้อมๆกับที่มีข่าวเผยแพร่ผ่านสื่อหลายสำนักในช่วงหนึ่งถึงสองวันมานี้ว่า นายกมล ซึ่งขณะนี้พำนักอยู่ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แจ้งว่าได้รับการประสานงานจาก น.ส.สิริมา จุลดุลย์ น้องสาวของนายเทพ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ ๑ ปีที่ผ่านมาว่าพี่ชายเคยได้แสดงความจำนงเอาไว้ก่อนเสียชีวิตว่าจะยกผลงานศิลปะที่อยู่ในการครอบครองบางส่วนเป็นสมบัติของประเทศไทย

และนายกมลได้แจ้งเรื่องมายังสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงได้เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.สิริมา ทำให้ได้เห็ยผลงานศิลปะที่อยู่ในการครอบครองของนายเทพหลายรายการ

อาทิ ผลงานภาพสเกตช์รูปคนนั่ง ซึ่งเป็นภาพสเกตช์ภาพสุดท้ายของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ได้เขียนไว้ เพื่อสอนนักเรียนก่อนเสียชีวิต ๓ วัน พร้อมลงวันที่ ๑o พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕o๕

ภาพวาดผลงานของนายเฟื้อ หริพิทักษ์ ซึ่งวาดขึ้นขณะอยู่ในค่ายกักกัน ที่ประเทศอินเดีย เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดภาพวาดในอินเดีย พ.ศ.๒๔๘๘ และภาพดอกไม้ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศงานศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๑ ของมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒

ภาพวัดโพธิ์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๔ ผลงาน ของนายทวี นันทขว้าง

ตลอดจนผลงานภาพพิมพ์ชุดแรกพิมพ์บนกระดาษสา ของนายชะลูด นิ่มเสมอ ซึ่งได้รับรางวัลของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ แห่งเมืองริจิก้า ในการประกวดศิลปกรรมครั้งที่ ๕ ที่พิพิธภัณฑ์ลุบยานา ประเทศ ยูโกสลาเวีย พ.ศ. ๒๕o๖

และภาพ Flowera ผลงานของนายสวัสดิ์ ตันติสุข ที่ได้รับรางวัลที่ ๒ การประกวดศิลปะนานาชาติครั้งที่ ๑ เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม พ.ศ. ๒๕o๕ ฯลฯ

นอกจากนี้นายกมลยังแจ้งว่าได้พบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ บันทึกประวัติการปรับปรุงวงดนตรีกองทัพเรือ และต้นฉบับสมุดโน้ตเพลงชาติไทยฉบับจริง ซึ่ง พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย เขียนด้วยลายมือตัวเอง แล้วมอบให้นายเทพนำไปพิมพ์ดีด คัดลอกต้นฉบับเก็บรักษาไว้ ๓ ชุด ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ และต้นฉบับพจนานุกรมเกี่ยวกับดนตรีของโลก จำนวน ๒,ooo หน้า ซึ่งบันทึกไว้ด้วยลายมือ

หลังจากที่ นายชาย นครชัย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเรื่องรายงานต่อ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

ต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ นายชัยจะเดินทางไปรัฐโอเรกอน เพื่อไปนำงานศิลปะที่นายเทพแจ้งความจำนงจะยกบางส่วนเป็นสมบัติของแผ่นดิน กลับมาประเทศไทย

รวมถึงจะขอซื้ออีกบางส่วน ในนามกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนำมาจัดแสดงใน หอศิลป์ร่วมสมัยรัชดา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และว่ากันว่าจะเป็นหอศิลป์ที่มีความยิ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

"คุณเทพ จุลดุล นักสะสมศิลปะที่ผมรู้จักมากว่า ๔o ปีเดินทางมาอยู่สหรัฐอเมริกา ต้ังแต่ปี ๑๙๖๗ อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี Los Angeles. และย้ายไปอยู่ที่ Portland , Oregon. ประมาณ ๒o ปี หลังแผ่นดินไหวที่แอลเอ ผมรู้จักครอบครัวและน้องสาวและญาติ ๆ ที่อยู่แอลเอ และเคยยืมผลงานส่วนหนึ่งของท่านและนักสะสมศิลป์ Morris Pressและคัดเลือกผลงานแสดง”

คือข้อความของนายกมล ที่โพสต์ผ่าน facebook พร้อมผลงานศิลปะที่อยู่ในการครอบครองของนายเทพ















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














เลียบรายทาง



เปิดให้เข้าชมแล้วสำหรับนิทรรศการ “เลียบรายทาง” แสดงผลงานศิลปะทั้งสิ้น ๓๖ ชิ้น ของ ปาสกาล แกนเนอออง

ปาสกาล เป็นช่างภาพชาวฝรั่งเศส เกิดที่ปารีส เขาเริ่มชีวิตนักเดินทางตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี เป็นช่างภาพข่าวที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ทำงานร่วมกับนิตยสารแนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก เล็กซ์เพรส ลิเบอเรชั่น แมรี่แคลร์ และ หนังสืออีกหลายเล่ม และปาสกาลยังเป็นช่างภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

เขาใช้เวลาหลายสิบปีออกเดินทางไปทำงานทั่วโลกกับกล้องคู่ใจ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ปาสกาลจึงตัดสินใจเลิกอาชีพที่มีแต่จะหมดความสำคัญลงไปในที่สุด แล้วหันมาใช้ฝีมือในแนวทางอื่นแทน เขาเลือกอาชีพช่างภาพศิลปะตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

หลังจากเดินทางท่องไปทั่วโลก ปาสกาลเก็บเกี่ยวบทเรียนสำคัญที่สุดแก่ตัวเองได้ว่า "เราไม่มีทางมีเวลาพอหรอกเมื่อคิดจะเก็บชีวิตจิตใจของผู้คนบันทึกเอาไว้" นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผลงานของเขาจึงเป็นมากกว่าเพียงภาพถ่าย แต่คือชิ้นงานที่เป็นหลักฐานเฉพาะกาลของวันเวลาที่ล่วงไปอย่างจีรัง

“เลียบรายทาง” คือ การแสดงผลงานของปาสกาล ที่บันทึกภาพมากมายไม่ว่าจะเป็นดินแดนตะวันตกของทวีปอเมริกา ไปจนถึงประเทศจอร์แดน จากเนปาล ไปจนถึงทะเลทรายแห่งอัลจีเรีย หรือจากกรุงมอสโคว์ ไปถึงกรุงปักกิ่ง รวมไปถึงภาพโรงงานซิการ์สักแห่งในไมอามี และถนนธรรมดา ๆ สายหนึ่งในปารีส ภาพถ่ายต่าง ๆ เหล่านั้นคือตัวแทนช่วงชีวิตในอาชีพช่างภาพข่าวของปาสกาลนั่นเอง เป็นสิ่งแสดงถึงลมหายใจแห่งชีวิต มุมมอง รอยยิ้มและโลกที่ผู้คนมีสิ่งเหล่านั้นร่วมกัน

สัจธรรมภายใต้ผืนภาพก็คือภาพถ่ายทุกภาพเป็นหลักฐานของสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ หลังจากการท่องโลก ปาสกาลยังเก็บหลักฐานเป็นสิ่งของพิเศษต่าง ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูรองนั่งสวดมนต์ ผ้าคลุมไหล่ เสื้อคอร์เซ็ต ผ้ากระสอบบรรจุเมล็ดกาแฟ ผืนธงชาติอเมริกา ชุดกิโมโน และผ้าบฏหลากแบบจากเนปาล เขากล่าวว่า

“เมื่อผมเดินทางคือผมแสวงหาการผจญภัยในการท้าทายจินตนาการของตัวเองที่จะค้นหาสิ่งของที่เหมาะกับภาพถ่ายของผมให้ได้ หรือไม่ก็ถ่ายภาพที่จะอยู่กับผืนผ้าหรือสิ่งของชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้ได้”

และเมื่อนั้น ภาพถ่ายแต่ละภาพก็จะถูกแปลงลงบนผืนวัสดุที่คงทนและยืดหยุ่นให้เป็นภาพเงาเรียบ หรือไม่ภาพมุมมองแบบรังผึ้ง ในขั้นตอนสุดท้ายปาสกาลก็จะให้นักออกแบบชาวมาเลเซียในปารีสคนหนึ่งเย็บภาพพิมพ์แต่ละภาพติดเข้ากับผืนผ้าที่เขาเลือกไว้ ชิ้นงานที่ได้คืองานศิลปะที่เป็นหลักฐานของการเดินทาง ความพลิ้วไหวในต่างแดน และความทรงจำมากมายที่ปะติดปะต่อขึ้นใหม่

ทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดผลงานแต่ละชิ้นที่ไม่ซ้ำกันบนกรอบผืนผ้าที่เกิดจากจินตนาการของศิลปิน เพื่อแสดงสู่สายตาผู้ชมในโลกแห่งการผลิตซ้ำทุกรูปแบบ

ผลงานเหล่านี้คือร่องรอยที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงให้ปรากฏถึงการไหลเลื่อนเคลื่อนไปเลียบรายทางผ่านดินแดนต่างๆ ที่การเดินทางสัญจรไปนั้นทั้งสุขทั้งสวยงาม ทั้งต้องมีหลักการ และขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยจินตนาการอันสุนทรีย์

ในตัวตนของปาสกาล แกนเนอออง มีความเป็น แตง แตง ตัวละครเด็กผู้ชายที่เป็นนักข่าวอยู่ด้วย นอกจากจะเป็นนักข่าวแล้วเขายังเป็นช่างภาพที่ฉับไวมากคนหนึ่ง จากประสบการณ์ท่องโลกที่ผ่านมา

ปาสกาล เชื่ออย่างสนิทใจและยืนยันได้ถึงความหมายของคำพูดของนักเดินทางเร่ร่อนคนหนึ่งในทะเลทรายแห่งอัลจีเรียที่กล่าวว่า

“คุณน่ะมีนาฬิกา แต่พวกเราต่างหากที่มีเวลา”

“เลียบรายทาง” โดย ปาสกาล แกนเนอออง วันที่ ๒๔ กันยายน - ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ โกลเดน เทอทอยส์ (Golden Tortoise) เลขที่ ๑oo ถนนสุขุมวิท ๔๙ เลขที่ ๑oo ถนนสุขุมวิท ๔๙ กรุงเทพมหานคร โทร. o-๒๖๖๒ -๕๖oo























ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii


Free TextEditor





Create Date : 10 ตุลาคม 2558
Last Update : 10 ตุลาคม 2558 21:29:59 น. 0 comments
Counter : 4541 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.