ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

อาหารที่สาวออฟฟิศต้องการ

สาวทำงานอย่างเรา ต้องทำงานหนักทุกวัน อาหารที่กินเข้าไปจึงไม่ใช่เพื่อ แค่เลี้ยงปากท้องให้รอดไปวันๆ แต่ต้องเป็นพระเอก ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายเราต้องการด้วย

ออฟฟิศให้เช่า สำนักงานให้เช่า พระราม 9 - Office ให้เช่า,ออฟฟิศให

ธาตุเหล็ก

ผู้หญิงทุกคนควรทานตับ ไข่ และนมเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงนั้นของเดือน เพราะเวลาที่รอบเดือน ร่างกายจะสูญเสีย ธาตุเหล็กไปเพียบ นี่ล่ะคือสาเหตุว่าทำไมช่วงนั้นสาวๆ ถึงได้อารมณ์บูด เหนื่อยง่าย

และไม่มีสมาธิเลย


น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3

ประโยชน์ของน้ำมันปลา นอกจากจะต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหัวใจ โรคไขข้อ และลดอาการซึมเศร้าแล้ว ยังช่วยบำรุงสมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนต้องการมาก

ของหวานหลังมื้อเที่ยง

ปกติสาวสวยหุ่นสลิม อาจจะไม่อยากข้องแวะกับของหวาน แต่หลังจากมื้อกลางวันถ้าได้กินของหวานๆ ตบท้ายสักหน่อย จะช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้น


วิตามินบี

วิตามินบีเป็นอาหารที่มนุษย์ทำงานจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้วปวง เพราะมันคือ ยาเพิ่ม ความกระฉับกระเฉงตามธรรมชาติ ถ้าทำงานมาจนล้าแล้ว หาขนมปังโฮลวีต จมูกข้าว ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม กล้วย หรือส้ม มาเป็นตัวช่วยสักหน่อย รับรองตำแหน่งพนักงานดีเด่นไม่หลุดมือ

วิตามินซี

มีมากในผัก และผลไม้ทุกชนิด วิตามินซีเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ร่างกายเราต้องใช้ ในการสร้างฮอร์โมน ระงับความเครียด สาวๆ ที่เติมวิตามินซีให้ตัวเองอยู่เสมอถึงได้สดใสไม่เคยเปลี่ยนแปลง


ผักใบเขียว

ไม่ว่าจะเป็นตำลึง คะน้า บร็อคโคลี กะหล่ำ ฯลฯ เป็นอาหารที่มีวิตามินบีสูง ช่วยเพิ่มความจำ และสร้างสมาธิ จะได้ทำงานกันอย่างไม่วอกแวก สาวสมาธิสั้น รีบมาตบเท้า เข้าชมรมคนรักผักใบเขียวกันเร็ว

น้ำใบบัวบก

ถึงจะเป็นน้ำที่หน้าตาบ้านๆ ไปหน่อย สำหรับสาวสมัยใหม่บางคน แต่ขอบอกว่านี่ล่ะ ..สุดยอดยาเพิ่มพลัง ใบบัวบกมีสรรพคุณ ช่วยเสริมสร้างความจำ ทำให้สมองทำงานดี แก้อ่อนเพลีย และช่วยให้ผ่อนคลาย เห็นมั้ย ..ของแบบนี้ดูกันแต่หน้าไม่ได้หรอก


ข้าวกล้อง

ในข้าวกล้องอุดมไปด้วยวิตามินบี และอีสูงปรี๊ด จึงเหมาะสำหรับสาวออฟฟิศ ที่ต้องใช้พลังสมองตลอดวัน แถมยังป้องกันโรคสมองเสื่อม ในอนาคตได้ด้วย


ถั่ว

การทำงานสมัยนี้ ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เสียสายตาง่ายมาก แต่ถ้าทานถั่วบ่อยๆ ปัญหานี้ ลืมไปได้เลย เพราะถั่วมีวิตามินบี 2 ที่ช่วยบำรุงสายตาและฟื้นฟูสายตาที่เสื่อมไป ให้กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม


น้ำผลไม้

สำหรับสาวที่ชีวิตนี้ขาดกาแฟไม่ได้ ก่อนจะดื่มกาแฟถ้วยต่อไป อย่าลืมจิบน้ำผลไม้ก่อนสักแก้ว เพราะการดื่มกาแฟ โดยไม่มีอะไรรองท้องเลย จะทำให้กาแฟหมดฤทธิ์เร็วมาก ไม่นานความกระปรี้กระเปร่า ที่เราต้องการก็หายไป และกลับมาง่วงซึมเหมือนเดิม

ออฟฟิศให้เช่า สำนักงานให้เช่า พระราม 9 Office ให้เช่า

ดื่มน้ำ 8 แก้ว / วัน

เพราะสาวงานทำงานต้องนั่งตากแอร์ ในออฟฟิศทั้งวัน ผิวพรรณก็เลยมักจะแห้ง แต่การดื่มน้ำ จะคืนความใสกิ๊ง ให้คุณได้ … ใครว่าคนทำงานต้องโทรมเสมอไปไม่ทานอาหารเค็ม และมันจัดในมื้อเที่ยง

เพราะเกลือและไขมันมักจะมาสะสมอยู่ตามร่างกาย ทำให้อ้วน อึดอัด ไม่กระฉับกระเฉง เสียชื่อสาวเก่ง คล่องงานอย่างเราหมด


//imageweberror.com/topic/542387




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 8:33:55 น.
Counter : 1459 Pageviews.  

8 เรื่องของผู้หญิง ที่ทำให้เขาตกหลุมรัก

boy, couple, cute, fire

เคยแอบเห็นคุณผู้ชายเหล่ตามองผู้หญิงสวยๆ กันบ้างไหมคะ แล้วเคยคิดกันบ้างหรือเปล่าว่าอยากให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเราบ้างจัง...ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาเผยความลับของคุณผู้ชายทั้งหลาย ว่านอกจากรูปร่างหน้าตาที่เห็นกันแค่ภายนอกแล้ว สิ่งไหนกันแน่ที่ทำให้เขาหลงใหลในตัวผู้หญิงอย่างเราๆ จนโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

country, couple, cuddle, cute, field
 1. กลิ่นเฉพาะตัวและความนุ่มนิ่มที่แสนพิเศษ

           ผลิตภัณฑ์ที่ผู้หญิงทุกคนใช้ประทินโฉมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งแชมพู ครีมอาบน้ำ แป้ง น้ำหอม นี่ล่ะค่ะที่เป็นสิ่งดึงดูดชั้นดี เพราะเมื่อกลิ่นหอมจากสิ่งต่างๆ ที่เราใส่มา บวกกับกลิ่นเนื้อนางของเรา ก็จะกลายเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ยังไม่รวมไปถึงเนื้อตัวอันอ่อนนุ่มจากสิ่งที่ธรรมชาติให้มา และผลพวงจากการดูแลผิวพรรณของเราอีกนะคะ ทั้งหอมทั้งนุ่มอย่างนี้ ผู้ชายคนไหนๆ ก็ไปไม่รอดแล้วค่ะ



beach, beauty, bikini, cute

2. มั่นใจในชุดบิกินี

           ชุดบิกินีจะช่วยเผยสัดส่วนโค้งเว้าของคุณออกสู่สายตาชาวโลก และมั่นใจได้เลยว่าสายตาของผู้ชายทุกคนจะจับจ้องอยู่ที่คุณเป็นจุดเดียว แต่ถ้าคุณติดปัญหาเรื่องสรีระที่ไม่ได้เป๊ะเว่อร์เหมือนใครๆ ก็อย่ากังวลไปค่ะ เพราะคุณผู้ชายเขากระซิบมาว่า แค่มีความมั่นใจก็จะทำให้คุณสวยได้ในทุกสถานการณ์แล้วค่ะ

hot, omg, beautiful, couple

3. แตกต่างแต่ดึงดูด

           ด้วยสรีระที่แตกต่างกันของเพศหญิงและเพศชาย ทำให้ต่างก็ดึงดูดซึ่งกันและกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ และแน่นอนว่าสำหรับหนุ่มๆ หน้าอกหน้าใจและสะโพกผายๆ แบบสาวเต็มตัวของผู้หญิงเรานี่ล่ะค่ะ ที่เป็นสิ่งที่ดึงดูดเขามากกว่าสิ่งไหน ๆ บนร่างกาย เพราะฉะนั้น พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกย่างก้าวของเรา อาจจะกระชากหัวใจหนุ่มคนไหนติดตัวไปด้วยก็ได้นะ

beach, boy, cute, girl

  4. อิสระในการแสดงอารมณ์ของผู้หญิง

           อิสระในการแสดงอารมณ์ได้ทุกที่ทุกเวลาของสาวๆ เป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนถวิลหา เพราะต่อให้เขามีอารมณ์งอแงจนอยากจะลงไปดิ้นบนพื้นให้รู้แล้วรู้รอดแค่ไหน ก็ทำได้แค่ข่มเก็บอารมณ์เอาไว้ เพราะศักดิ์ศรีของคำว่าลูกผู้ชายมันค้ำคออยู่ อีกอย่างคือผู้ชายมักจะมีโอกาสแสดงออกได้น้อยกว่าผู้หญิง หลายครั้งในวงสนทนา เราจึงเข้าใจไปเองว่าฝ่ายชายสมัครใจที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด แต่ความจริงแล้วผู้ชายไม่ได้ต้องการอย่างนั้นเลย เพียงแต่เขาไม่รู้วิธีว่าควรจะแสดงออกอย่างไร โดยเฉพาะกับเพศตรงข้าม ดังนั้น ทักษะการแสดงออกของผู้หญิงจึงเป็นสิ่งที่เขาพอใจอยู่ลึกๆ

forever young, black, cool, cute

  5. สวยสง่าบนส้นสูง

           ผู้หญิงกับส้นสูงเกิดมาเพื่อคู่กัน บรรดาผู้ชายทั้งหลายเขาจึงชื่นชมเสมอที่คุณสามารถยืนบนส้นสูงกว่า 3 นิ้ว ได้อย่างสง่างาม แต่อย่าลืมพกรองเท้าส้นเตี้ยไปด้วยนะ ในวันที่คุณรู้ว่าต้องเดินระยะไกลๆ หรือต้องเดินไปเดินมาทั้งวัน เพราะถึงจะสวยสง่าแค่ไหน แต่คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากได้ยินคุณบ่นว่าเจ็บเท้าให้รำคาญหูหรอกนะจ๊ะ

boy, cute, girl, hug

6. เสน่ห์ที่มากกว่า

           ไม่ปฏิเสธว่าผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงในตอนที่เธอแต่งตัวจัดเต็มจนสวยเด้งเหมือนเป็นคนละคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน้าเปลือยของสาวๆ ก็ทำให้ใจชายหวั่นไหวได้ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งในตอนที่เธออยู่ในชุดกีฬา เหงื่อหยดเล็กน้อย ยิ่งเซ็กซี่อย่าบอกใครเชียวล่ะ

autumn, couple, hug, kiss
 7. เป็นผู้ฟังที่ดีและพร้อมจะเข้าใจ

           ธรรมชาติของผู้หญิงมักจะมีความอ่อนโยนอยู่เสมอ คุณสมบัติข้อนี้ของสาว ๆ จึงดึงดูดให้หนุ่ม ๆ ไว้ใจและยกตำแหน่ง "เพื่อนปรับทุกข์" ให้เธออย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะสิ่งที่เขาต้องการในวันที่เจอปัญหา ก็แค่คนรับฟังที่พร้อมจะเข้าใจ และกำลังใจดีๆ เท่านั้นเองค่ะ

adorable, amazing, beijo, beijos
8. ดูแลเอาใจใส่อย่างดี

           ท้ายที่สุดแล้วคุณผู้ชายทั้งหลายก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการดูแลเอาใจใส่อย่างดี และจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าเผื่อแผ่ไปดูแลคนรอบข้างของเขาได้ด้วย ยิ่งถ้าคุณมีเสน่ห์ปลายจวักเป็นออปชั่นเสริมด้วยแล้ว บรรดาผู้ชายทั้งหลายก็เหมือนลูกไก่ในกำมือแล้วล่ะค่ะ

แค่ธรรมชาติแบบปราศจากการปรุงแต่งที่ผู้หญิงทุกคนล้วนมีติดตัวตั้งแต่เกิด ก็เพียงพอแล้วที่จะมัดใจหนุ่ม ๆ ให้อยู่กับเราตลอดไปค่ะ

couple, cute, field, love


//imageweberror.com/topic/542384




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 8:32:13 น.
Counter : 2806 Pageviews.  

ทายใจคู่รักจากท่านอน

365วันแห่งรัก…… แหมจั่วหัวก็อยากรู้แล้วว่าวันนี้จะมีคำทำนายอะไรมาฝาก ก็ตอนนี้ละครเรื่องนี้กำลังฮิตติดลมบนก็ต้องตามกระแสกันหน่อย มาถึงตรงนี้แล้ว เวลาเราเลือกคบใคร ก็เป็นธรรมดานะคะ ที่อยากจะรู้จักนิสัยของเขาอย่างแท้จริงพ่อหนุ่มของเรา จะมีนิสัยอย่างไร ก็ต้องแอบสังเกตุดูกันนะคะ ว่าเขาน่ะ มีบุคคลิกท่านอน แบบไหนเราก็มาดูกันเถอะค่ะ ว่าบุคคลิก ท่าทาง การนอนของพ่อหนุ่มน่ะ บ่งบอก ถึงนิสัยของเขาอย่างไร บ้างกับท่านอนใน 365 วัน

sleep
นอนหงายเต็มแผ่นหลัง
คนที่นอนหงาย ด้วยการเหยียดตัว อย่างเต็มที่ รวมทั้ง ทิ้งน้ำหนัก เต็มแผ่นหลังคือคนที่ มีความมั่นใจสูงค่ะ รวมถึงมีความเป็นผู้ใหญ่ที่มีสติสำหรับแก้ไขปัญหา   และสถานการณ์ต่างๆเขาเป็นคนกล้าได้ กล้าเสีย กับคำท้าทาย ทุกรูปแบบ แต่ในสถานการณ์ปกติ จะไม่ค่อยแสดงตัว รวมไปถึงเรื่องความรัก ด้วยนะคะ เขาไม่ค่อยจะโรแมนติก สักเท่าไรเลยค่ะ ( ทำใจค่ะทำใจ)


ชอบนอนกอดสิ่งของข้างๆ
นั่นรวมไปถึง คนรักด้วยนะคะ ถึงจะทำให้ รู้สึกอึดอัดสักหน่อย แต่มั่นใจได้เลยค่ะ ว่าเขาจะ ปัดป้องผองภัยทุกอย่าง ให้หลุดไปจากวงโคจรของคนรักของเขา โดยไม่เหลือซาก ทิ้งไว้ ให้เกะกะตาค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น    บุคคลิกนี้ จะส่งผลถึงความเป็นคนโรแมนติกจนหยดสุดท้าย ซะด้วยสิคะ คือไม่ว่า คนรักของเขา จะทำอะไรก็ตามล้วนเป็นภาพประทับใจ สำหรับเขา ไปทั้งหมด


ต่างคนต่างกอด
คราวนี้ ไม่ใช่เขา เข้ามาหาเรา เพียงข้างเดียวแล้วนะคะ แต่เขาจะชอบให้ต่างฝ่ายต่างสวมกอดเข้าหากันค่ะ ซึ่งสะท้อนถึง ความสัมพันธ์ ในลักษณะ “เติมเต็ม ให้แก่กัน” คือในขณะที่ คนหนึ่งขาด แต่ฝ่ายตรงข้ามจะมี  และพร้อมจะยอมเสียสละให้ เพื่อความสุขส่วนรวม แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ความสัมพันธ์ ก็ค่อนข้างจะเปราะบางนะคะ ถ้าต่างฝ่าย ต่างลืม เอาใจใส่ เล็กๆ น้อยๆ แก่กันค่ะ


ชอบนอนขดตัวคุดคู้
ถ้าเขาชอบนอนท่า งอตัวเป็นรูปตัวโอ หัวจวนเจียนจะถึงหน้าท้องมะรอมมะร่อ หนำซ้ำ ยังเก่งกว่านักกายกรรมเปียงยางซะอีก เพราะสามารถ คงท่านั้นได้ จนถึงรุ่งเช้านั่นแสดงถึง ความมั่นใจ ในตัวเอง ที่มีอยู่สูง     ถึงขนาดบางครั้ง ไม่ยอมฟัง คำทัดทาน จากคนรอบข้าง จนการกระทำนั้น เป็นการ ทำร้ายตัวเอง แต่ว่าเขาน่ะ เป็นผู้นำที่ดีเรื่องบนเตียงนะคะ เนื่องจากเขามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ค่ะ


นอนพลิกไปพลิกมา
ลักษณะแบบนี้ ไม่ต่างจาก การชอบกลับลำค่ะ ซึ่งเขาเองก็ชอบนะคะ และนั่นเป็น นิสัยลึกๆ ภายในใจของเขา อยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ ถึงขนาดตลบตะแลงนะคะเพียงแต่ เขาเป็นคนที่ ปรับตัว ให้เข้ากับ สถานการณ์ได้เก่งค่ะ ฉะนั้น การได้อยู่ กับชายหนุ่ม แบบนี้ก็ดีตรงที่ ไม่มีเรื่องร้อนใจค่ะ   แต่ขณะเดียวกัน ก็ยาก ที่จะไว้วางใจได้นะคะ ถ้าอยากจะอยู่กับเขาให้รอด ก็ต้องหัดค่ะ หัดจับความรู้สึกของเขาให้มากๆ เพราะผู้ชาย ลักษณะแบบนี้ ซ่อนความรู้สึกเก่งค่ะ


ชอบนอนอยู่ตรงขอบเตียง
คนที่นอนท่านี้ ไม่ว่าหญิง หรือชาย ต้องมีสิ่งผิดปกติ เกิดขึ้นแน่ค่ะ ไม่อย่างนั้น จะหนีไปหลบอยู่คนเดียวทำไม ดังนั้น ขอแนะนำค่ะ ว่าอย่าเพิ่งปักใจ ร่วมหัวจมท้ายกับเขาตอนนี้เลยแต่สำหรับคนที่ ก้าวเข้าไปใช้ชีวิตคู่กันแล้ว ก็คงอยู่ใน อาการขั้นโคม่าค่ะ      เพราะภาพที่เกิดขึ้นคือ เขาไม่ได้ปรารถนาในตัวคนที่นอนอยู่ข้างๆ เขาเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดเลือกเสี่ยงเจ็บตัวจากการตกเตียงมากกว่าจะมารู้สึกทรมานอยู่ใกล้ๆ โธ่! พ่อคุณไม่ชอบก็บอกแต่แรกซิคะใครเค้าจะว่าอะไรแค่เสียใจนิดเดียว


ครบทุกท่าทางการนอนแล้วล่ะค่ะ ทีนี้คุณๆคงต้องไปสังเกตุกันเอาเองแล้วค่ะว่าพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายมีท่านอนดังที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ถ้าใช่ดังที่กล่าวมาจะได้ปรับตัวให้ถูกกับสถานการณ์เพื่อจะได้รู้ว่า 365 วันแห่งรักของคุณ คือความรักแบบไหนกันแน่


//imageweberror.com/topic/439611




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 8:31:39 น.
Counter : 1323 Pageviews.  

15 วิธีคุมกำเนิด... ที่คุณเลือกได้

การ คุมกำเนิดไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียว ผู้ชายก็ช่วยคุมกำเนิดได้ ซึ่งมีทั้งวิธีธรรมชาติและอาศัยเทคโนโลยี แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดด้วย 

เจมี่ ลินน์ สเปียร์รส น้องสาววัยทีนของนักร้องสาว บริตนีย์ สเปียร์ส ตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจในวัย 16 ปี ทำให้พ่อแม่ผิดหวังเป็นอย่างมากที่ลูกสาวตัดอนาคตตัวเอง ทั้งนี้ การ คุมกำเนิดมีหลายวิธีซึ่งบางคนอาจรู้จักแค่ยาคุมกำเนิดกับถุงยางอนามัย แต่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีคุมกำเนิดหลากหลายวิธีให้เลือกทั้ง โดยวิธีธรรมชาติและอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ โดยแต่ละวิธีก็มีความปลอดภัยมากน้อยต่างกัน และมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ดังนั้น นพ.วิสิทธิ์ สภัครพงษ์กุล กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลราชวิถี จึงให้ความกระจ่างดังนี้ค่ะ 

 1. ถุงยางอนามัย เป็น วิธีคุมกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุดและยังเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ สัมพันธ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ความปลอดภัยในการคุมกำเนิดก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ กระนั้นก็ตามก็ยังมีคนใช้ผิดวิธี หรือใช้ถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพต่ำหรือหมดอายุ ที่พบบ่อยคือการสวมถุงยางอนามัยตอนใกล้จะหลั่งคือไม่ใช้ตั้งแต่ต้น ก็จะเกิดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากน้ำหล่อลื่นในช่วงแรกก็อาจมีเชื้ออสุจิออกมาแล้ว 

2. ยาคุมกำเนิด มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและเจสตาเจน (Gestagen) 
ฮอร์โมน ทั้งสองตัวนี้จะป้องกันไม่ให้ไข่ตกและเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก ให้ไม่เหมาะแก่การฝังตัว ทั้งนี้ ต้องกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ที่จะมีประจำเดือนในช่วงนั้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากและยังช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ด้วย แต่อาจทำให้ผู้หญิงที่สูบบุหรี่เกิดโรคโลหิตหรือน้ำเหลืองคั่งได้ ทำให้อารมณ์เพศลดลง และอาจทำให้ผู้หญิงเกิดโรคลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด (Deep Vein Thrombosis DVT) ซึ่งพบบ่อยในชาวตะวันตก ปัจจุบันเริ่มพบมากขึ้นในประเทศไทยเนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงเริ่ม เปลี่ยนไปแบบตะวันตก เช่น กินอาหารแบบตะวันตก และออกกำลังกายน้อยลง 

3. ยาคุมกำเนิด Desogestrel และ Levonorgestrel มี เพียงฮอร์โมนเจสตาเจนเท่านั้นที่จะป้องกันไม่ให้ไข่ตกและป้องกันไม่ให้ สเปิร์มผ่านเข้าไปในมดลูก ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากและยังช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนด้วย แต่ต้องกินยานี้ทุกวันข้อเสียคือ ทำให้มีเลือดออกกะปริด กะปรอยในระยะแรกของการใช้ ส่วนมากจะใช้ในกรณีตลอดบุตรใหม่ๆ และต้องการให้นมบุตรแต่ถ้าเราใช้ยาคุมกำเนิดทั่วๆ ไปที่รวมเจสตาเจนและโปรเจสเตอโรน (ดีในแง่ของการยับยั้งการตกไข่) ก็มีข้อเสียคือทำให้น้ำนมน้อยลง จึงควรใช้ยาคุมกำเนิด Desogestrel ซึ่งมีเจสตาเจนอย่างเดียว คือทั้ง Desogestrel และ Levonorgestrel เป็นกลุ่มเจสตาเจนในระยะแรกจะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยสักระยะหนึ่งแล้วก็หาย อาจใช้ในกรณีหลังคลอดบุตรใหม่ๆ และต้องการให้นมบุตร 

4. ยาคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็น ยาที่มีความแรงของตัวยาและต้องให้แพทย์สั่งในกรณีฉุกเฉิน เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจไม่ได้ป้องกัน หรือมีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ที่มีไม่พึงปรารถนา ยานี้ต้องกินภายใน 72 ชม. หลังการมีเพศสัมพันธ์ยิ่งกินยาได้เร็วเท่าไหร่ก็จะปลอดภัยมากเท่านั้น วิธีคุมกำเนิดวิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ เพราะเนื่องจากจะมีอากรข้างเคียงมาก อีกทั้งประสิทธิภาพไม่ดีพอ อาการข้างเคียงก็อย่างเช่น ทำให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ 

5. คุมกำเนิดแบบฉีด 3 เดือน เป็น ยาฉีดที่มีฮอร์โมนเจสตาเจน โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่สะโพกหรือต้นแขนมีผลควบคุมไม่ให้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนมีปลอดภัยในการคุมกำเนิดสูงและช่วยลดอาการปวดท้องระหว่างมีรอบเดือนแต่ เป็นยาที่มีฮอร์โมนสูง จึงต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ ยานี้เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ระยะแรกของการฉีดอาจมีประจำเดือนกะปริดกะปรอย แต่ไม่เป็นอันตราย เมื่อฉีดไปสักระยะ อาจไม่มีประจำเดือนเลย ซึ่งทั้งสองอาการนี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ เป็นอาการที่พบได้จากการใช้วิธีนี้ 

6. ฝังไว้ที่ผิวหนัง มี ลักษณะเป็นแท่งพลาสติก มีขนาดเท่าไม้ขีด มีฮอร์โมนเจสตาเจน โดยใช้การใส่เข้าไปที่ต้นแขนใต้ผิวหนังของผู้หญิง ป้องกันไข่ตกและป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าไปในรังไข่ หลังจาก 3 ปี ก็ให้แพทย์เอาออก เป็นวิธีที่ปลอดภัยแต่วิธีนี้อาจทำให้มีแผลเป็นเล็กๆ และมีเลือดออกกะปริดกะปรอยในระยะแรกเมื่อใช้ไประยะหนึ่งก็จะหาย 

7. การใส่ห่วง เป็น ห่วงที่ทำจากพลาสติกขนาดเล็กและมีขดลวดทองแดงเล็กๆ (Copper-T) พันรอบห่วง ใช้สำหรับคุมกำเนิดอย่างเดียว โดยผู้หญิงจะใส่ห่วงในช่วงมีรอบเดือนเพราะใส่ง่ายมีอายุคุมกำเนิดได้ถึง 5 ปี เป็นห่วงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและเจสตาเจนน้อยสามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี และอาจพบแพทย์ระยะแรกเพื่อตรวจห่วง มีจำหน่ายในประเทศเยอรมนีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2003 ส่วนห่วงอีกชนิดหนึ่งเป็นห่วงที่มีฮอร์โมนเจสตาเจน ใช้ได้ทั้งคุมกำเนิดลดอาการปวดประจำเดือนและอาการประจำเดือนมามาก ที่มีสาเหตุจากความผิดปกติของมดลูกบางชนิด 

8. การวัดฮอร์โมนตกไข่ เป็น วิธีทดสอบปัสสาวะของผู้หญิงโดยการใช้แท่งตรวจจุ่มลงไปในปัสสาวะเพื่อ ตรวจสอบฮอร์โมนในปัสสาวะและคำนวณวันที่ไข่จะตก แต่เป็นวิธีที่ไม่ค่อยปลอดภัย เพราะวัดเพียงไม่กี่วันของแต่ละเดือน ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีต้องการมีบุตรมากกว่า คือรู้วันตกไข่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ให้ตรงวัน 

9. การวัดอุณหภูมิ เพื่อ ความมั่นใจในการคุมกำเนิด จำเป็นต้องหมั่นวัดอุณหภูมิร่างกายทุกวัน ในช่วงเวลาเดียวกันและในตำแหน่งเดิม เพื่อจะได้รู้วันไข่ตกที่แน่นอน เพราะในระยะหนึ่งถึงสองวันหลังไข่ตก อุณหภูมิของร่างกายจะขึ้นสูงมากกว่า 0.2 องศา ซึ่งนั่นก็คือเป็นที่ปลอดภัย 
ข้อดีก็คือไม่เจ็บปวดและประหยัด ข้อเสียคือ เหมาะสำหรับผู้หญิงมีรอบเดือนสม่ำเสมอและไม่มีไข้เท่านั้น 

10. นับวันจากปฏิทิน เป็น วิธีที่ผู้หญิงต้องมีปฏิทินประจำตัว เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก เหมาะกับผู้หญิงที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอ (28 วัน) แต่ช่วงไข่ตกก็ต้องใช้วิธีอื่นคุมกำเนิด โดยเฉลี่ยของการผิดพลาดคือ 9 คนจาก 100 คนที่พลาดจนเกิดการตั้งครรภ์ 

11. สังเกตมูกจากปากมดลูก เป็น วิธีคุมกำเนิดอย่างธรรมชาติและเป็นวิธีที่ประหยัด โดยผู้หญิงต้องสังเกตมูกตกขาวจากปากมดลูก (Cervical Mucus) ทุกวันและจดโน้ตไว้เพื่อดูวันที่ไข่ตกและในระหว่างที่มีการตกไข่ก็ต้องคุม กำเนิดด้วยวิธีอื่น แต่อาจคลาดเคลื่อนได้หรือแปลผลผิด เช่น ในกรณีที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบของช่องคลอด 

12. วิธีคุมกำเนิดแบบ Sympto Thermal เป็น วิธีคุมกำเนิดอย่างธรรมชาติโดยการผสมผสานระหว่างอุณหภูมิและการสังเกต มูกตกขาววิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยถ้าผู้หญิงหมั่นสังเกตตัวเอง แต่ถ้ามีไข้หรือมีการอักเสบของช่องคลอดก็จะทำให้แปลผลผิดได้และระหว่างวัน ที่ไข่ตกก็จะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย 

13. Coitus lnterruptus เป็นวิธีที่ฝ่ายชายหลั่งอสุจิข้างนอกหลังการมีเพศสัมพันธ์ แต่ สเปิร์มอาจเล็ดลอดออกไปได้ก่อนหน้านั้น จึงไม่แนะนำเพราะไม่ปลอดภัย จากสถิติผู้หญิง 100 คน มีจำนวน 4-18 คนที่ผิดพลาดจนตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้ 

14. การทำหมันชาย วิธีนี้ใช้การผ่าตัดเพียงนิดเดียวในผู้ชายเพื่อตัดท่ออสุจิ เหมาะกับผู้ชายที่ไม่ต้องการมีลูกอีก ป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูง 

15. การทำหมันหญิง คือ กรรมวิธีการตัดบางส่วนหรือแยกท่อนำไข่ออกจากกันทั้ง 2 ข้าง ทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ การแก้ไขเพื่อให้ท่อนำไข่สู่ภาวะปกติก็ทำได้ แต่ค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องอาศัยการผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ 

ข้อแนะนำจาก นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล 

อย่าง ไรก็ตาม มันก็เป็นข้อมูลเบื้อต้นเพื่อสื่อสารถึงผู้หญิงไทยในการคุมกำเนิดด้วยวิธีใด ที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วยมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ ตัวเองเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหนวิธีคุมกำเนิดต่างๆ มีหลายวิธี หลังจากเราได้ข้อมูลเหล่านี้แล้วจะได้เลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เศรษฐกิจสังคมของตัวเอง 

อย่างไรก็ตามก็ควรปรึกษาแพทย์ว่าวิธีคุม กำเนิดนั้นๆ เหมาะสมกับสภาพร่างกายหรือไม่ รวมทั้งระบบรอบเดือนด้วย ที่สำคัญคือการคุมกำเนิดต้องเป็นการ่วมมือระหว่างสามีภรรยามากกว่าการทำ เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะถ้ายังอยู่ในช่วงวัยที่ไม่พร้อม ดังนั้น ความเข้าใจเรื่องการคุมกำเนิดหรือป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เป็นความรู้ที่ควรมีและต้องนำไปปฏิบัติให้ได้ผล

//imageweberror.com/topic/440007




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 8:31:04 น.
Counter : 1768 Pageviews.  

น้ำตา...คืออะไร

บางคนเวลาดีใจ หรือเสียใจก็ร้องไห้ เมื่อพูดถึงน้ำตาคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก น้ำใส ๆ ที่ไหลออกจากตาเวลามีอารมณ์เสียใจ ดีใจ หรือเจ็บปวด บางคนบอกว่า เกิดมาไม่เคยเสียน้ำตาให้กับสิ่งใด หารู้ไม่ว่าน้ำตามีการสร้างตลอดเวลาแม้ขณะที่คุณหลับ บางคนอาจไม่เคยเห็นว่าน้ำตาจะมีประโยชน์ตรงไหน ลองดูกันซิว่าคุณรู้จักน้ำตามากน้อยเพียงใด

หน้าที่
        หรือความสำคัญของน้ำตามีหลายประการ ได้แก่ การเคลือบให้ผิวกระจกตาเรียบ เพื่อให้เป็นพื้นผิวที่เหมาะสำหรับการมองเห็น การขับล้างสิ่งแปลกปลอมจากเยื่อบุตา หรือกระจกตาในกรณีที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในตาจะรู้สึกได้ชัดเจนในช่วงที่มีฝุ่นผงเข้าตา ทำให้มีน้ำตาไหลออกมามาก การช่วยหล่อลื่นเปลือกตาเวลาที่มีการกระพริบตา นอกจากนี้ยังช่วยนำอ๊อกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์กระจกตา และยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรคด้วย เมื่อมีคุณค่ามากมายขนาดนี้ ลองมารู้จักน้ำตาเพิ่มขึ้นอีกหน่อยแล้วกัน

     น้ำตาที่ดูใส ๆ อย่างนี้ แท้จริงมีส่วนประกอบ 3 ส่วนด้วยกันคือ
1. ส่วนที่เป็นไขมัน เป็นชั้นที่อยู่ผิวบนสุด ไขมันนี้ได้จากต่อมที่สร้างไขมัน เราเรียกว่า Meibomian gland ชั้นไขมันนี้ จะมีหน้าที่ในการป้องกันการระเหยของน้ำตา ทำให้น้ำตาคงอยู่ในตานานขึ้น โดยปกติชั้นนี้จะบางมาก ทำให้ไม่เห็นสีของชั้นไขมันนี้
2. ชั้นกลางเป็นชั้นที่เป็นน้ำ ซึ่งสร้างจากต่อมน้ำตา ทำหน้าที่ให้อ๊อกซิเจนแก่กระจกตา
3. ชั้นที่อยู่ในสุดติดกับกระจกตา มีลักษณะเป็นเมือก (mucus) ชั้นนี้เป็นส่วนที่สร้างจากเซลล์เยื่อบุของเยื่อบุตา ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับกระจกตา

       จะเห็นว่าน้ำตาใส ๆ นี้ มีส่วนประกอบมากกว่าที่เราเห็น ทั้งสามส่วนที่ประกอบเป็นน้ำตา มีความสำคัญในแต่ละด้าน ซึ่งถ้าขาดชั้นใดชั้นหนึ่งจะทำให้เกิดอาการผิดปกติของตา เช่นถ้าชั้นเมือก หรือ mucus มีน้อย หรือไม่มี อาจทำให้เกิดอาการตาแห้ง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองได้ เนื่องจากชั้นนี้ทำให้ส่วนที่เป็นน้ำสามารถเกาะติดกับกระจกตา

       โดยปกติน้ำตาของคนเรามีการสร้างอยู่ตลอดเวลา หลายคนอาจคิดว่าน้ำตาสร้างเฉพาะตอนที่คนเราร้องไห้ น้ำตาที่ออกมามากในช่วงมีอารมณ์เศร้า หรือเจ็บปวดเรียกกว่า reflex tear เกิดจากการสั่งของระบบประสาท เมื่อมีการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ดาราเจ้าน้ำตาทั้งหลายสามารถสร้างน้ำตาชนิดนี้ได้มาก รวมทั้งกรณีที่มีฝุ่นผงเข้าตา หรือมีการอับเสบของเยื่อบุตา แต่โดยปกติคนเราจะมีการสร้างน้ำตาตลอดเวลา เราเรียกว่า basic tear ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างโดยต่อมที่อยู่บริเวณเยื่อบุตา เป็นตัวที่ช่วยทำหน้าที่ต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น

      ในกรณีที่มีความผิดปกติทางการสร้างน้ำตา ทำให้มีการสร้างน้ำตาน้อยกว่าปกติ ได้แก่ ในผู้ป่วยที่ขาดไวตามินเอ ความผิดปกติของเยื่อบุตา หรือกระจกตา นอกจานี้สาเหตุที่ทำให้มีการสร้างน้ำตาน้อยกว่าปกติ คือ สาเหตุมาจากความเครียด ซึ่งพบว่าเป็นสาเหตุ 50% ของผู้ป่วยที่มีตาแห้ง โดยเฉพาะในสตรีวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการตาแดง เคืองตามาก เมื่อเวลาที่ใช้สายตาอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ โดนแดดหรือลม ในกลุ่มนี้การรักษาคือหาสาเหตุที่ทำให้เครียด และการใช้น้ำตาเทียมเข้าช่วย

เราคงจะได้ยินบ่อยๆ ถึงเรื่องของน้ำตาเทียม คำถามยอดนิยมสำหรับน้ำตาเทียมคงจะเป็นคำถามที่ว่า หยอดน้ำตาเทียมบ่อย ๆ จะมีอันตรายหรือไม่ คงต้องมาทำความเข้าใจถึงส่วนประกอบของน้ำตาเทียมว่ามีอะไรบ้าง

โดยปกติประโยชน์ของน้ำตาเทียม โดยหลักคือ การให้ความชุ่มชื้นต่อดวงตา ซึ่งปกติน้ำตาของคนเรจะให้ความชุ่มชื้นเพียงพออยู่แล้ว แต่ในบางกรณีพบว่า ความชุ่มชื้นของตาน้อยกว่าปกติ ได้แก่ การสร้างน้ำตาน้อยลง ในผู้ป่วยบางรายที่ปิดตาได้ไม่สนิท หรือมีโรคของเยื่อบุตาบางอย่างทำให้มีอาการของตาแห้ง การอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้งมาก เช่น ในห้องโดยสารในเครื่องบินจะพบว่า อากาศจะแห้งกว่าปกติ ทำให้ต้องมีการบริการน้ำดื่มตลอด หรือในผู้ป่วยที่ใช้เลนส์สัมผัส ก็อาจะทำให้มีความต้องการน้ำตาเพิ่มขึ้น

       น้ำตาเทียมจึงประกอบด้วยสารที่สามารถให้ความชุ่มชื้นตา มีความข้นหนืดทำให้สามารถอยู่ในตาได้นาน เช่น methycellulose หรือ polyvinyl alcohol บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งสามารถใช้นานหลายวัน ซึ่งจำเป็นต้องการใช้สารการเสีย (preservatives) เพื่อให้สามารถเก็บยาขวดนี้ได้นาน ๆ โดยสามารถป้องกันการปกเปื้อนของเชื้อโรค ที่อาจเข้าไปในขวดขณะหยอดได้ ซึ่งสารกันเสียนี้ก็อาจทำให้มีการระคายเคืองหรือการแพ้ต่อเยื่อบุตา เราอาจสามารถแบ่งชนิดของน้ำตาเทียมตามการใช้สารกันเสียเป็นประเภทต่าง ๆ กัน ได้แก่
1. น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย กลุ่ม Benzalkonium chloride เป็นน้ำตาเทียมที่บรรจุในขวดประมาณ 10-15 มล. สามารถใช้หยอดตาต่อเนื่องได้ประมาณ 1 เดือนหลังจากเปิดขวด แต่มีข้อเสียคือ สารกันเสียอาจทำให้เดการแพ้ระคายเคืองต่อเยื่อบุตาเสียเอง หรือการปกเปื้อนในกรณีที่เก็บไว้นาน ๆ
2. น้ำตาเทียม ชนิดที่ไม่มีสารกันเสียอยู่เลย ได้แก่ น้ำตาเทียมที่บรรจุในกระเปาะเล็ก ๆ ใช้หมดวันต่อวัน ข้อดีคือผู้ป่วยจะไม่มีอาการแพ้เลย แต่มีข้อเสียเมื่อเปิดใช้แล้วจะต้องหมดในหนึ่งวัน และมีราคาสูงกว่าชนิดอื่น
        ปัจจุบันมีการพัฒนาน้ำตาเทียมโดยการใช้สารกันเสียที่สามารถสลายตัวเองได้เมื่อถูกแสงแดด เป็นกลุ่ม Nonperoxide Purite ซึ่งมีประโยชน์ในด้านของความประหยัดและการแพ้สารกันเสียได้ โดยสารชนิดนี้จะสลายตัวเมื่อถูกแสง แล้วกลายเป็นเกลือที่ไม่มีผลข้างเคียงต่อเยื่อบุตา

การใช้น้ำตาเทียมให้ได้ประโยชน์เต็มที่ จึงต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้ว่า มีปัญหาของน้ำตามากน้อยเพียงใด เราสามารถใช้น้ำตาเทียมได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อน เหมือนยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคต้อหิน หรือต้อกระจกเมื่อใช้หยอดตานาน ๆ แต่ยาหยอดตาทุกชนิดก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การแพ้ หรือการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ และปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนเสมอ




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 7:32:28 น.
Counter : 1336 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.