ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ ! อยากมีเงินเก็บ 20 ล้านหลังเกษียณ วางแผนยังไง ?



มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ ! อยากมีเงินเก็บ 20 ล้านหลังเกษียณ วางแผนยังไง ?

มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ ! อยากมีเงินเก็บ 20 ล้านหลังเกษียณ วางแผนยังไง ?

Money Hub

สนับสนุนเนื้อหา

ท่ามกลางสังคมในยุดปัจจุบันที่ทุกอย่างมีการอำนวยความสะดวกมากมาย เทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยให้เราจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตเราให้มีระบบระเบียบในการวางแผนการในแต่ละวัน เดือน หรือปี ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการทำงาน การวางแผนนัดพบลูกค้า การวางแผนออกกำลังกาย หรือ ว่างแผนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญในชีวิตของมนุษย์เดือน รวมเป็นถึงผู้ประกอบการและทุกคนๆ นั้นก็คือเรื่องของการวางแผนทางการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับอนาคตแต่เรากลับมองข้าม เราต้องเริ่มทำให้เร็วที่สุดเพราะอะไรนั้นผมจะยกตัวอย่างให้ดูครับ


เมื่อเราเริ่มคิดที่จะออมเงินในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปนั้น เรามักจะคิดว่าเราต้องให้ถึงสิ้นเดือนก่อนแล้วเหลือเงินเท่าไรค่อยฝากเข้าเป็นในบัญชีธนาคาร โดยส่วนใหญ่จะทำไม่ค่อยได้และไม่ค่อยที่จะมีเหลือเก็บถึงสิ้นเดือนด้วยซ้ำซึ่งผมก็เป็นคนส่วนใหญ่ที่พอถึงสิ้นเดือนมักไม่ค่อยมีเงินเหลือเก็บเช่นกัน เนื่องมาจากผมนั้นยังไม่เห็นถึงความสำคัญของการเก็บเงินและยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวอีกด้วย แต่ด้วยกระแสของตลาดหุ้นที่ร้อนแรงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นทำให้ผมเริ่มสนใจในตลาดหลักทรัพย์และได้เริ่มเข้ามาสนเรื่องการวางแผนทางการเงิน

โดยทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ผมจะขอพูดถึงการวางแผนทางการเงินก่อนแล้วจะนำเสนอว่าเกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นยังไงครับ โดยทั่วไปเมื่อเราคิดจะออมเงินเราต้องมักจะคิดถึงตอนที่เราเกษียณแล้วเนื่องจากเราจะไม่มีรายได้จากการทำงาน โดยสมมุติว่าผมอายุ 25ปี ต้องการมีเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือนหลังอายุ 60 ปี เดือนละ 20,000 บาท จนกระทั้งอายุ 90 ปี ผมจะต้องมีเงินเก็บ 7,200,000 บาท


แต่ว่าในความเป็นจริงนั้นข้าวของแต่ละอย่างที่เราซื้อจะมีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นเราเคยซื้อข้าวจานละ 20 บาท ปัจจุบันเราซื้อจานละ 30 บาท ซึ่งนี้เป็นผลมาจากค่าเงินที่เราเรียกว่า เงินเฟ้อ ดังนั้นมูลค่าของเงินที่เราจะต้องเก็บจะต้องมีมูลค่ามากขึ้นตามค่าเงินที่เฟ้อ โดยใช้อัตราเงินเฟ้อ 3% ซึ่งหมายความว่าผมจะต้องมีเงินตอนอายุ 60 เป็นเงิน 20.3 ล้านบาท!!!!


แค่เห็นตัวเลขจากการคำนวณ ก็ไม่อยากที่จะคิดเรื่องการเก็บเงินต่อแล้วใช่ไหมละครับเพราะตัวเลขที่คิดขึ้นมาได้นั้นมันเยอะมากจนกระทั้งไม่อยากที่จะคิดปล่อยให้ตัวผมในอนาคตเป็นคนจัดการ แต่มันเป็นแค่แผนการคราวๆทำให้เรามีเป้าหมายเพราะเงินจำนวนนี้หมายถึงเราใช้อย่างเดียวโดยไม่เอาเงินจำนวนนี้ไปทำอะไรเลย แต่ในชีวิตจริงเราอาจจะให้เงินส่วนนี้ทำอะไรเพื่อเงินหมุนเวียนก็เป็นได้อย่างน้อยก็ฝากแบงค์ยังได้ดอกเบี้ย ที่นี้เราลองมาคำนวณหาวิธีการเก็บเงิน


การคิดการเก็บแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างผมจะสามารถเก็บเงินได้เดือนละเกือบ 50,000 บาท
ผมเลยต้องไปหาวิธีการเก็บเงินด้วยวิธีอื่นที่มีผลตอบแทนแบบต่างๆ เพื่อจะได้ลดระยะเวลาในการเก็บเงิน

จากตารางผลตอบแทนการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์จะทำให้เรารู้ได้ว่า การออมเงินด้วยวิธีต่างๆไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองเก็บเอาไว้ การฝากเงินธนาคาร หรือว่าการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และการลงทุนในหุ้นในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเท่าไรกันบ้าง ซึ่งเมื่อเห็นผลตอบหลังจากหักอัตราเงินเฟ้อแล้วจะทำให้เรารู้ได้ว่าการฝากเงินกับธนาคารนั้นให้ผลตอบแทนที่ติดลบไม่คุ้มค่ากับการลงทุนที่สุด ส่วนผลตอบแทนที่ดีที่สุดนั้นก็คือตลาดหุ้น ดังนั้นในผลจึงสนใจในการเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ผมจึงลองเอาผลตอบแทนต่างๆมาคำนวณใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะหาเงินเก็บต่อเดือนว่าควรเป็นเท่าไร เพื่อที่จะได้เงินจำนวน 20,259,809 บาท ภายในเวลา 35 ปี

จะเห็นได้ว่าถ้าที่ระดับผลตอบแทนต่างๆนั้น เงินที่ใช้สำหรับการออมเพื่อการลงทุนนั้นแต่ต่างกันมาก ซึ่งถ้าในระดับผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าตลาดหลักทรัพย์นั้น ดูพอจะทำให้การวางแผนออมเงินสำหรับการเกษียณของผมนั้นผมจะเป็นจริงขึ้นมาได้เพราะผมจะใช้เงินสำหรับการลงทุนต่อเดือนเพียงเดือนละ 782 บาทต่อเดือน แต่ในอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กับผลตอบแทนที่ได้จากลงทุนนั้นก็คือระยะเวลาสำหรับการลงทุน


ซึ่งถึงแม้ว่าผลตอบแทน(17%ต่อปี) ที่ได้เท่ากัน แต่เมื่อระยะเวลาแตกต่างกันจำนวนเงินที่ใช้ออมสำหรับการเกษียณนั้นก็แตกต่างกันมากด้วยเช่นกัน ดังการเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นจะทำให้การวางแผนต่อการเกษียณของเรานั้นเป็นไปง่ายมากขึ้นครับ  เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยได้เริ่มลองผิดลองถูกกับการลงทุนดีกว่าไปเรียนรู้ความผิดพลาดเมื่อตอนใกล้เกษียณครับ สุดท้ายผมเคยได้เห็นข้อความหนึ่งให้แง่คิดดีครับ “ไม่มีใครวางแผนให้ชีวิตล้มเหลว แต่ที่ชีวิตล้มเหลวเพราะไม่ได้วางแผน”

สนับสนุนเนื้อหาโดย MoneyHub




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2559    
Last Update : 27 สิงหาคม 2559 10:27:14 น.
Counter : 5342 Pageviews.  

ลดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีละ 1 บาท ดึงคนใช้เพิ่ม นั่งตลอดสายเหลือ 29 บ.



ลดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีละ 1 บาท ดึงคนใช้เพิ่ม นั่งตลอดสายเหลือ 29 บ.

ลดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีละ 1 บาท ดึงคนใช้เพิ่ม นั่งตลอดสายเหลือ 29 บ.

thaipbs

สนับสนุนเนื้อหา

รฟม.ปรับลดค่าโดยสารจูงใจคนใช้บริการ สถานีละ 1 บาท โดยราคาตลอดสายเหลือ 29 บาท จากเดิม 42 บาท เฉพาะผู้ใช้บัตร MRT plus หวังเพิ่มยอดผู้โดยสารร้อยละ 30 หลังเปิดมา 3 สัปดาห์ผู้ใช้บริการต่ำกว่าเป้า


 ที่ประชุมคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประชุมหารือแนวทางการปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางบางใหญ่-เตาปูน กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพทจำกัด มหาชน หรือ บีอีเอ็ม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินร และบริษัทที่ปรึกษา เพื่อพิจารณาแนวทางปรับลดค่าโดยสาร โดยมีผลสรุปแนวทางแก้ปัญหา จัดโปรโมชั่นปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ลงสถานีละ 1 บาท จากเดิม 2 บาท โดยจะคงค่าบริการแรกเข้าไว้ที่ 14 บาท ทำให้ตลอดสายอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 29 บาท จากเดิม 42 บาท แต่เป็นการลดราคาเฉพาะผู้ถือบัตร MRT PLUS มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป จนกว่าการเชื่อมต่อ 1 สถานีจะแล้วเสร็จ

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ รฟม.กล่าวว่า การลดราคานี้จะเป็นโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ใช้บัตรโดยสาร เนื่องจากต้องการส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้บัตรโดยสารเอ็มอาร์ทีพลัสด้วย พร้อมคาดว่าการลดค่าโดยสารจะทำให้มีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 ซึ่งคงรอดูยอดการใช้บริการในเดือนกันยายนว่า เมื่อลดราคาแล้วตจะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่

ทั้งนี้ หลังรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดใช้งานได้ 3 สัปดาห์ ประสบปัญหาขาดทุนวันละ 3 ล้าบนบาท เดิม รฟม.คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการมากที่สุดถึงวันละ 1 แสนคน แต่มีผู้มาใช้บริการจริงเพียงวันละ 20,000 คน ปัจจัยที่ทำให้ประชาชนเลือกใช้บริการน้อย คือ รอยต่อที่หายไป 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูนและสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องใช้รถเมล์หรือรถไฟเพื่อเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังพบว่าระบบการเดินรถที่ยังไม่เสถียร และประชาชนมีตัวเลือกอื่นในการเดินทาง เช่น รถตู้


ที่มา  //money.sanook.com/413227/




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2559    
Last Update : 25 สิงหาคม 2559 15:12:09 น.
Counter : 850 Pageviews.  

18+ กลยุทธ์เด็ด การตลาดวงการปั๊ม ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว



 ขอคารวะสำหรับกลยุทธ์เด็ด ๆ ของการตลาดวงการปั๊มน้ำมันในรัสเซีย กับโครงการเติมน้ำมันฟรี แต่มีข้อแม้ว่า คนที่จะเติมนั้นต้องใส่ชุดว่ายน้ำ และรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง แบบสาวสวยเหล่านี้นั่นเอง แหม...การตลาดวงการปั๊ม ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วจริง ๆ
























ที่มา //moneyzaa.blogspot.com/2016/08/blog-post_5.html




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559    
Last Update : 7 สิงหาคม 2559 18:06:01 น.
Counter : 605 Pageviews.  

ธุรกิจหนังโป๊ลุยเทคโนโลยี VR





อุตสาหกรรมภาพยนตร์ปลุกใจเสือป่าลุยธุรกิจ VR (Virtual Reality) หวังสร้างประสบการณ์ในการรับชมให้เสมือนจริงมากกว่าเดิม

..:: ปล่อยให้ผู้ชมเป็นเหมือนบุคคลที่สามมานาน ต่อจากนี้ไป การรับชมหนังโป๊ผ่านเทคโนโลยีเวอร์ชวลเรียลิตี้ (Virtual Reality) อาจทำให้คุณได้เข้าใกล้ความรู้สึกของนักแสดงจริง ๆ มากขึ้น

..:: โดยทาง BaDoinkVR ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้คร่ำหวอดในแวดวงหนังโป๊ได้เพิ่มบริการ Virtual Sexology ลงในวิดีโอปลุกใจแบบพิเศษ พร้อมระบุว่า บริการดังกล่าวสามารถสอนวิธีในการปฏิบัติการบนเตียงนอนให้กับคุณผู้ชายให้เก่งขึ้นกว่าที่อยู่ได้ และเพื่อความสมจริง ภาพยนตร์ VR นี้สามารถทำงานร่วมกับเซ็กซ์ทอย เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว และการสั่นสะเทือนอย่างเต็มรูปแบบได้ด้วย

..:: สำหรับการพัฒนาคอนเทนต์วิดีโอในลักษณะดังกล่าวอยู่ภายใต้คำแนะนำของนักบำบัดด้านครอบครัว Hernando Chaves ซึ่งมองว่า เทคโนโลยีเวอร์ชวลเรียลิตี้จะช่วยให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในสถานการณ์จริง ขณะที่ประสบการณ์ในการรับชมวิดีโอโป๊แบบเดิมนั้น มีจุดอ่อนคือระยะทาง ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนเป็นบุคคลที่สาม แต่เทคโนโลยี VR สามารถสร้างประสบการณ์ได้ใกล้ชิดกว่าเดิม ประหนึ่งว่าผู้ชมคือตัวเอกของเรื่อง

..:: เพื่อให้วิดีโอสามารถสร้างประสบการณ์เวอร์ชวลเรียลิตี้ได้อย่างสมจริง การถ่ายทำภาพยนตร์โป๊นี้จึงต้องใช้กล้องที่แตกต่างออกไป โดยมีการใช้กล้อง 360 องศา ร่วมกับกล้อง GoPro อีกหลายตัวเพื่อจับภาพในอิริยาบถต่าง ๆ ของตัวแสดง และสถานที่ ซึ่งเมื่อผู้ชมสวมแว่น goggle แล้วสามารถมองไปรอบ ๆ ห้องได้

..:: “เพราะนี่เป็นการถ่ายทำเพื่อนำเสนอในมุมมองของผู้ชาย ดังนั้น ผู้ชมจึงไม่ต้องการเห็นตัวแสดงชายอยู่ในวิดีโอ” Todd Glider ซีอีโอของ BaDoinkVR กล่าว “ในฐานะของผู้ชม เทคโนโลยี VR ในหนังโป๊เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่สำหรับการถ่ายทำแล้ว อาจไม่สนุกเท่าไรนัก”



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Manager Online




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559    
Last Update : 7 สิงหาคม 2559 8:25:06 น.
Counter : 1450 Pageviews.  

เจาะเบื้องหลัง รีแบรนด์ “ดอยคำ”





ดอยคำ รีแบรนด์แบบยกเครื่องครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ปรับดีไซน์โลโก้ พร้อมแพคเกจจิ้ง หวังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มีกำลังซื้อ หลังจากทำการบ้านเป็นเวลา 2 ปี และใช้เอเจนซี่เป็นที่ปรึกษารวม 5 ราย

..:: ด้วยความที่แบรนด์ดอยคำมีอายุถึง 40 ปี ถ้าเปรียบเป็นคนก็จัดว่าอยู่ในช่วงวัยกลางคน ดอยคำจึงใช้จังหวะนี้ “รีแบรนด์” เพื่อสร้างความสดใส ให้เข้ากับคนรุ่นใหม่



..:: ขณะเดียวกัน เพื่อตอบรับกับเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง คนหันมาดื่มน้ำผลไม้มากขึ้น แต่ที่มากไปกว่านั้น เมื่อดอยคำ ได้อานิสงจากกระแสบอกต่อบนโลกออนไลน์ กับกินน้ำมะเขือเทศดอยคำเพื่อความงาม ส่งผลให้ดอยคำเติบโตและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

..:: “ที่ผ่านมาดอยคำมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ทุก 10 ปี อยู่แล้ว แต่การรีแบรนด์ครั้งนี้ นี้ถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด เราเลือกทำจังหวะนี้เพราะแบรนด์ได้โตเต็มที่ก็ ได้เวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้รับกับตลาดที่เปลี่ยน และความคาดหวังของผู้บริโภคที่มากขึ้น” สรภัส สุตเธียรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการรีแบรนด์ครั้งนี้



..:: ดอยคำก็ใช้จังหวะนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่แบรนด์กำลังโตเต็มที่ ในการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ “ดอยคำ โฉมใหม่ หัวใจเดิม” มีการปรับโลโก้ และดีไซน์ของแพคเกตจิ้งใหม่ทั้งหมดทุกสินค้า เพื่อให้มีความทันสมัย และเน้นภาพลักษณ์สินค้าพรีเมี่ยม

..:: สรภัส บอกว่า กลุ่มลูกค้าเดิมของดอยคำเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ อย่างกลุ่มคนกินเจ หรือซื้อเป็นของฝาก อายุ 35 ปีขึ้นไป แต่ด้วยเทรนด์สุขภาพ และเทรนด์เรื่องความงามเติบโต ทำให้คนหันมาดื่มน้ำผลไม้ และดอยคำเองก็มีน้ำมะเขือเทศเป็นพระเอกที่คนเชื่อกินแล้วสวย เป็นจุดที่เราจะขยับขยับไปหากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น



..:: ดอยคำมองว่า ปีนี้ดอยคำจะสร้างรายได้ 1,800 ล้านบาท เคิบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,480 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้เป็น น้ำผลไม้ 70% และอื่นๆ 30% โดยที่น้ำมะเขือเทศกินสัดส่วน 60% จากรายได้ของน้ำผลไม้ทั้งหมด


เปิดเบื้องหลังรีแบรนด์ทั้งที ใช้ที่ปรึกษา 5 ราย!


..:: กว่าที่ดอยคำจะตัดสินใจรีแบรนด์ ต้องทำการบ้านมาเป็นเวลา 2 ปี โดยได้ใช้เอเจนซี่ที่ปรึกษาด้านการตลาดร่วมกันถึง 5 ราย ได้แก่ IPG, Dragon ink, BPN, Kinetic และ VGI

..:: มณลักษณ์ อัศวศิลปกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เล่าว่า เริ่มต้นจาก IPG จะดูแลเรื่องแบรนด์ ทำการรีเสิจความคิดเห็นของผู้บริโภค และวิเคราะห์ Identity ของแบรนด์วามีจุดอ่อนจุดแข็งอะไร เพื่อให้แบรนด์ได้เกิดใหม่

..:: “จากผลวิจัยพบว่า แบรนด์ดอยคำถ้าเปรียบเป็นคนก็เหมือนเป็นป้าที่แก่แต่เก๋าคนนึง ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเข้าถึง ไอพีจี เลยเสนอให้จับป้าคนนี้แต่งตัวใหม่ให้วัยรุ่น จากนั้นส่งต่อให้ทาง Dragon ink นำคอนเซ็ปต์ต่างๆ ที่ได้จากการวิจัยมาครีเอตผลงานที่เป็น Visual ทั้งหมด เป็นการออกแบบกราฟิคทั้งโลโก้ และแพคเกจจิ้ง ที่มีการเปลี่ยนใหม่ยกชุด

..:: จากนั้นก็ทำคลิปวิดีโอไวรัลในชื่อ “ดอยคำขอโทษ…” โดย BPN Production ที่ได้เผยแพร่บนช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจในตัวแบรนด์มากขึ้น เพราะจากทำรีเสิจก็ได้จุดที่ผู้บริโภคพูดถึงเยอะก็คือเรื่องรสชาติ ราคา และชนิดของผลไม้ ดอยคำจึงมองว่าจุดต่างๆ เหล่านี้เป็นเหมือนจุดอ่อนที่เป็นจุดแข็งที่แท้จริงของดอยคำ รสชาติที่เป็นธรรมชาติแท้ แม้จะไม่อร่อยเท่าแบรนด์อื่น ราคาที่จับกลุ่มพรีเมี่ยม และชนิดของผลไม้ที่ไม่ได้ทำตามท้องตลาดตามแบรนด์อื่น จึงเป็นที่มาของการขอโทษที่ไม่ได้ทำตามตลาด แต่ผลิตของดีให้ตลาด

..:: เนื่องด้วยงบโฆษณาที่มีจำกัด และมองว่ามีสื่ออื่นที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ จึงตัดสินใจไม่ใช้ภาพยนตร์โฆษณา แต่หันมาเน้นช่องทางของสื่อนอกบ้าน และ In store เป็นหลัก เพื่อให้คาแรคเตอร์ของแบรนด์ ที่ถูกมองว่าค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ดูเปิดเผย และการใช้สื่อนอกบ้านให้คนเห็นมากขึ้น โดยให้ Kinetic ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อนอกบ้านเป็นผู้ดูแลการซื้อสื่อ รวมถึง VGI ด้วย

ขยายแฟรนไชส์ร้านดอยคำ




..:: การรีแบรนด์ครั้งนี้ ยังมาพร้อมกับการขยายร้านค้าปลีกชื่อ “ครอบครัวดอย” ด้วยการเตรียมการแฟรนไชส์ จากเวลานี้ที่มีอยู่ 3 สาขาได้แก่ ลำปาง เชียงราย และสกลนคร ตั้งเป้าขยายให้ครบ 76 จังหวัดภายใน 5 ปี

..:: สำหรับจำหน่ายสินค้า นอกเหนือจากช่องทางโมเดิร์นเทรด ดอยคำยังเปิดร้านค้าปลีกขึ้นมาเพื่อจำหน่ายสินค้าทั้งหมดของดอยคำ โดย จะมี 3 รูปแบบด้วยกัน แบบ A จะมีขนาดใหญ่ที่สุดราวตะมีโซนขายสินค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหาร แบบ B จะมีโซนขายสินค้า และร้านกาแฟ และแบบ C จะมีแค่โซนขายสินค้า ปัจจุบันร้านดอยคำมีทั้งหมด 40 สาขา





---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Positioning




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559    
Last Update : 7 สิงหาคม 2559 8:23:13 น.
Counter : 1558 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.