ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ทดลองเล่น OPPO N3 สมาร์ทโฟนสำหรับคนรักการถ่ายรูป

ในที่สุดก็ได้ลองเล่น OPPO N3 อย่างเป็นทางการสักที ก่อนหน้านี้ผมเองได้ยินเค้าพูดกันมาว่า OPPO N3 รุ่นใหม่ล่าสุดนั้นเค้าเน้นเรื่องกล้องมาก ผมว่าคนที่บ้าถ่ายรูปเหมือนอย่างผมคงอยากได้รับคำยืนยันว่ามันดีจริงหรือไม่จากคนที่ได้ทดลองเล่นจริงๆ มากกว่าการได้เห็นผลการทดสอบที่มาจากการโฆษณา

และวันในวันนี้เรากำลังจะเขียนบอกเล่าให้ได้อ่านกันว่า OPPO N3 นั้นดีอย่างที่เค้าพูดกันหนักหนาหรือไม่ครับ!!

ก่อนจะไปอ่านรีวิวเพิ่มเติมเรามาอัพเดต Spec ของ OPPO N3 กันก่อน

- จอแสดงผลแบบ TFT LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 403 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330

- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974AA Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.4 KitKat)

- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และ RAM ขนาด 2 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB

- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Fingerprint Sensor : Touch Access) ที่รองรับได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยการสัมผัสในแอปพลิเคชันต่างๆ

- กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels (Schneider Kreuznach Certified) ซึ่งสามารถหมุนได้ 206 องศา พร้อมระบบหมุนอัตโนมัติตามโหมดของการถ่ายภาพ (Motorized Rotating Camera)

- ขนาด 161.2x77x9.9 มิลลิเมตร

- น้ำหนัก 192 กรัม

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

หากมองแบบผ่านๆ นั้นเรียกได้ว่า OPPO N3 เป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่มีการดีไซน์ได้สวยงาม เห็นรุ่นนี้แล้วทำให้ย้อนกลับสมัยเรียน ปวช. นู่นเลย OPPO N3 มาพร้อมขนาดหน้าจอกว้าง 5.5 นิ้ว เรียกได้ว่าใหญ่พอสมควรสำหรับสาวๆ

    เอาเป็นว่าเพื่อให้เห็นภาพกันชัดๆ ผมจึงให้น้องในออฟฟิตมาเป็นนางแบบให้เราเลยก็แล้วกัน จากภาพจะเห็นได้ว่าผู้หญิงจับจะเต็มไม้เต็มมือมากครับ แม้ว่าจะลดขนาดให้เล็กกว่า OPPO N1 แล้วก็ตาม

OPPO N3 รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่ยังไม่ฉีกออกจากรุ่นก่อนหน้านี้เท่าไร กระจกเป็น Corning Gorilla Glass 3 เพื่อความคมชัดและทนทานสูงสุด

ด้านหน้าส่วนบนของจอแสดงผลเป็นตำแหน่งของกล้องหลักที่มีความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels สำหรับกล้องของรุ่นนี้นั้นเป็นกล้องอัตโนมัติเป็นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในตัวเดียวกัน รอบๆ ตัวของกล้องนั้นถูกบุด้วยหนังเทียมเดินเส้นด้วยด้ายดูดีไปอีกแบบ

ส่วนของกล้องนั้นสามารถหมุนไปมาได้ถึง 206 องศาส่วนกล้องด้านหลังนั้น สามารถหมุนสลับไปเป็นกล้องด้านหน้าได้ เพียงแต่คุณเล่นกล้องหน้าเท่านั้น อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Pure Image หรือ PI2.0 Plus ใส่มาให้ด้วยดังนั้นจึงการันตีได้ตรงนี้ว่าภาพที่ออกมานั้นจะสวยงามแทบไม่ ต้องผ่าน App อะไรเพิมเติมอีกแล้ว

ตัวกล้องยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถควบคุมการหมุนของเลนส์ได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นด้วยการสัมผัสผ่านหน้าจอผ่าน Touch Access และ O-Click

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลประกอบด้วยปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส3 ปุ่มหลักได้แก่ Home, Back และ Muti-Tasking เหมือนสมาร์ทโฟน Android ทั่วไป

ต่อมาเป็นส่วนของด้านขวาตัวเครื่องขอบด้านข้างของ OPPO N3 นั้น ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์รอบตัวขอบด้านขวาเป็นตำแหน่งของปุ่ม เพิ่ม-ลด และด้านข้างเป็นส่วนของช่องสำหรับเสียบหูฟัง ขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร

ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่อง OPPO N3 ก็จะมีช่องใส่ซิมที่อยู่ด้านบนสุด ซึ่งส่วนนี้ด้านในจะมีช่องจำนวน 2 ช่องไว้สำหรับใส่ซิมหลัก และอีกช่องสำหรับให้เลือกใส่ระหว่างซิมรองแบบ Nano SIM หรือ MicroSD card อย่างใดอย่างหนึ่ง

ถัดมาเป็นตำแหน่งของปุ่มปลดล็อคหน้าจอ และปิดท้ายด้านข้างด้วยพอร์ต Micro USB สำหรับเชื่อมต่อต่างๆ ครับ

ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใดๆ คาดว่าเพื่อให้รองรับการใช้งานของกล้องมากที่สุดนั้นเองเพื่อความสะดวก

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องเป็นไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียงที่ให้เสียงค่อนข้างดังเรียกว่าคุณภาพเสียงดีมาก เป็นอีกอย่างที่พอได้ทดลองเล่นอยากพอต่อ

และที่พิเศษสุดๆ สำหรับรุ่นนี้นั้นคือด้านล่างจะมีดีไซน์ส่วนนี้ให้มีลักษณะโค้งเว้า เพื่อรองรับการแจ้งเดือนต่างๆ ที่ถูกเรียกว่า skyline notification light 2.0 แสงแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นเมื่อได้รับการแจ้งเตือนต่างๆ เป็นจังหวะกระพิบ เช่น มีสายที่ไม่ได้รับ, มีข้อความที่ไม่ได้อ่าน, แจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ และเมื่อมีการชาร์จแบตเตอรี่

สุดท้ายเป็นด้านหลังของ OPPO N3  ลักษณะพื้นผิวเรียบลื่นไม่มีลูกเล่นอะไร กรอบตัวเครื่องผลิตจากวัสดุ Aluminum Alloy 7075

ประกอบไปด้วยกล้องด้านหลัง ที่มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED, ไมโครโฟนตัวที่สองอยู่ใต้เลนส์กล้องสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, โลโก้ OPPO อยู่ตรงกลางสวยงาม ล่างสุดเป็นตำแหน่งของ trackpad ที่รองรับได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน

เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่า trackpad นั้นมีไว้สำหรับทำอะไรได้บ้าง หน้าที่หลักของ trackpad  นั้นคือสแกนลายนิ้วมือครับ ลักษณะการทำงานเป็นแบบแตะ ไม่ใช่รูด และมันไม่ได้เป็นเพียงที่สแกนลายนิ้วมืออย่างเดียวนะ ยังเป็นที่ใช้ในการบังคับหน้าจอได้ด้วย

มาอีกหนึ่งของเล่นที่คงไม่ถูดถึงไม่ได้นั้นคือ OPPO N3 รุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมอีกชิ้นที่ถูกเรียกว่า O-Click รีโหมตบลูทูธ สำหรับควบคุมการสั่งงาน "กล้อง" สั่งถ่ายภาพ ควบคุมการเล่นเพลงได้ แถมมีขนาดเล็กทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกครับ

ทดสอบเล่น ทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ กันหน่อย

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งแอปพลิเคชันและ UI กล้องเป็นแบบเดียวกันกับ OPPO รุ่นอื่นๆ ครับ โดย พร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.4 KitKat) ทำให้มีลูกเล่นมากมายที่น่าสนใจ อย่างเช่นการปรับเปลี่ยน Theme ที่มีมาให้เลือกหลากหลาย

หน้ารวมแอปพลิเคชันทั้งหมดที่มีในตัวเครื่อง

เด่นด้วย ฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ

สำหรับ N3 นั้นมีอีกหนึ่งจุดเด่นคือการสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเรียกง่ายๆ ว่า Touch Access หน้าที่หลักคือใช้สำหรับการปลดล็อกเครื่อง และรองรับการสั่งงานกล้อง จุดเด่นคือ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่องนี้รองรับได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยการสัมผัสในแอปพลิเคชันต่างๆ

ขั้นตอนการใช้งานก็ไม่อยากครับเพียงแค่เลือกที่ Settings > Fingerprint and Lockscreen ( การตั้งค่า > ทั่วไป > ลายนิ้วมือและหน้าจอล็อค) แค่นี้ก็เรียบร้อย สำหรับ O-Touch เป็นแบบแตะเช่นเดียวกับใน iPhone

แล้ว OPPO N3 แรงแค่ไหน?

OPPO N3 มาพร้อมหน่วยประมวลผลการทำงาน  Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm SM8974AA Snapdragon 801) ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในตอนนี้ เอาละครับไหนๆ ก็อวดกันว่าแรงขนาดนี้แล้ว ถ้าจับมาทดสอบ Benchmark สักหน่อยจะได้ผลออกมาอย่างไรบ้างนะ?

ผลทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark โดยคะแนนอยู่ที่ 42143 คะแนนเรียกว่าอยู่ในระดับดีครับ(ไม่ใช่แค่ราคาคุย)

ตัวอย่างของอินเทอร์เฟสของเครื่องเล่นเพลงสวยงามครับ

ฟังก์ชันโทรศัพท์ มีการออกแบบให้ใช้งานง่าย และสามารถ เลือกเก็บบันทึกเบอร์ผู้ติดต่อใหม่ได้ตามที่ต้องการ

ส่วนของ Notification Center หรือแถบการแจ้งเตือน สามารถเลือกตั้งค่า เมนูลัด ที่ใช้งานบ่อยสามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะที่ขอบด้านบนแล้วลากลงมาเบาๆ
สำหรับใน OPPO N3( ) นั้นมีไอคอนเคลียร์ Notification ทั้งหมดในครั้งเดียวได้ครับ

แอปพลิเคชันพื้นฐานอย่าง นาฬิกา ที่ประกอบไปด้วย นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ไฟฉาย รวมไปถึงเครื่องคิดเลข มีมาให้ครบครับ

ทดลองเล่นกล้องด้านหน้า และด้านหลัง

ส่วนต่อมาทีหากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะนั้นคือเรื่องของกล้องนั้นเอง มา ดูส่วนด้านบนของ N3 ที่ถือเป็นจุดขายกันครับนั้นคือ กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels (Schneider Kreuznach Certified) ซึ่งสามารถหมุนได้ 206 องศา พร้อมระบบหมุนอัตโนมัติตามโหมดของการถ่ายภาพ (Motorized Rotating Camera)

ส่วนของเลนส์นั้นมีคุณภาพสูงและโครงสร้างภายใน ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ Schneider Kreuznach Certified

มาดูกันกล้องของ OPPO N3มีโหมดอะไรน่าเล่นบ้าง?

- โหมดถ่ายภาพแบบ RAW

- โหมดถ่ายภาพแบบ Slow Shutter

- โหมดถ่ายภาพแบบ Ultra Micro

- โหมดถ่ายภาพแบบ After Focus

- โหมดถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range)

- โหมดถ่ายภาพในแนวกว้าง (Panorama Mode : ความละเอียดสูงสุด 64 ล้าน Pixels)

- โหมดถ่ายภาพแบบ Colorful Night

- โหมดถ่ายภาพแบบ Beautify

- โหมดถ่ายภาพแบบ Audio Photo

- โหมดถ่ายภาพแบบ GIF Mode

- โหมดถ่ายภาพแบบ Double Exposure

- โหมดถ่ายภาพแบบ Super Macro

- ฟังก์ชัน Geotagging รองรับการแนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลกไปกับรูปถ่าย

- โปรแกรมตกแต่งแก้ไขรูปภาพ

แต่ที่ถูกใจสาวๆ มากที่สุดคงไม่พ้นโหมดถ่ายภาพแบบ Beautify ที่เราสามารถปรับแต่งภาพให้ออกมาดูดีได้เพียงแค่นิ้วแตะ

ส่วนนี้อยากนำเสนอมากครับเรื่องของการซูมภาพระยะไกลๆ OPPO N3 ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ด้วยเลนส์คุณภาพสูง และโครงสร้างภายใน ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ Schneider Kreuznach Certified ทำให้เราได้ภาพที่ชัดมากๆ หากไม่เชื่อดูได้จากภาพประกอบด้านล่างครับ ซูม ซูม.....

 เมื่อ Zoom ให้สุด

 เมื่อ Zoom ให้สุด

ผมมีตัวอย่างภาพถ่ายบางส่วนจากกล้องของ OPPO N3 มาให้ชมกันนิดหน่อย(ตรงนี้ผมไม่ได้แต่งภาพแค่ย่อขนาดลงมาเท่านั้น)

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายจากโต๊ะทำงาน

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายจากโต๊ะทำงาน

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายในคอนโดแสงน้อย

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายในคอนโด

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายในลักษณะแสงจ้า

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลถ่ายในตอนกลางคืนไม่เปิดแฟลช

ตัวอย่างภาพถ่ายด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ตอนกลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Beauty

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Beauty

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Beauty


บทสรุปของ OPPO N3

หลังจากได้ทดลองเล่น OPPO N3 นั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นของสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นในเรื่อง "กล้อง" ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการนำเทคโนโลยี Pure Image หรือ PI2.0 plus มาใช้งานทำให้ภาพถ่ายที่ได้นั้นมีความสมบูรณ์แบบ ภาพที่ถ่ายคุณภาพไม่แพ้กล้อง DLSR เลยครับ

และอีกหนึ่งจุดเด่นคือส่วนของกล้องที่สามารถหมุนได้ 206 องศา ที่สามารถตอบโจทย์คนที่ชอบถ่ายภาพ และช่วยเพิ่มความสนุก ในการถ่ายภาพให้กับคุณได้มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป พูดเลยถูกใจคนที่ชอบเซลฟี่สุดๆ

นอกจากนี้ยังมี O-Click รีโมตสำหรับควบคุมการสั่งงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรีโมตในการควบคุมการถ่ายรูป ทั้งการหมุนกล้อง และการชัตเตอร์, กด O-Click สองครั้งเพื่อให้โทรศัพท์ดัง และมีระบบแจ้งเตือน เมื่อสมาร์ทโฟนอยู่นอกสัญญาณของ O-Click เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่อาจเป็นต้นแบบของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต

เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องกล้องและที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายรูปสูงที่สุดในตอนนี้ คุณจะสนุกกับการถ่ายภาพมากกว่าการถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อย่างแน่นอน

แต่ก็มีบางอย่างใน OPPO N3 อีกนิดหน่อยเหมือนกันที่ผมว่าต้องปรับปรุง อย่างเรื่องของกล้องที่หมุนง่ายไปหน่อย และเรื่องของการเปิด-ปิดของหน้าจอสัมผัสที่แม้แตะเบาๆ หน้าจอก็ติดแล้ว ส่วนนี้รู้สึกว่าหากลงกระเป๋าแล้วโดนกระแทกหน้าจอคงติดๆ ดับๆ ทั้งวัน

แถมให้นิ๊ด... จากการได้พูดคุยกับสาวๆ ที่ผมให้พวกเธอทดลองถือเครื่อง OPPO N3 นั้นได้คำตอบว่าพวกเธอเหล่านั้นชอบการการดีไซน์และกล้องมากที่สุด หากจะติดนิดหน่อยคงเป็นเรื่องของขนาดตัวเครื่องที่ค่อนข้างหนาและใหญ่จนล้นมือไปสำหรับผู้หญิงอย่างพวกเธอครับ

และส่วนในมุมมองของหนุ่มๆ ออฟฟิตนั้นได้คำตอบว่าเมื่อได้ลองจับ OPPO N3 นั้นพวกเค้ารู้สึกล้ำสมัยไปกับส่วนของกล้องที่หมุมได้ 206 องศาและเมื่อได้ทดลองถือรู้สึกจับกระชับมือดีครับ เอาเป็นว่าส่วนนี้อยากให้ทดลองเล่นกันก่อนก็ดีนะครับ ตอนนี้นั้น OPPO N3  รอให้คุณได้จับจองเป็นเจ้าของแล้วครับด้วยราคา19,990 บาท

หากแฟนๆ Sanook! Hitech อยากรู้ข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติมสามารถ Inbox ฝากข้อความสอบถามเข้ามาได้นะครับช่องทางไหนก็ได้ ทางทีมงานยินดีตอบคำถามครับ




 

Create Date : 06 มีนาคม 2558    
Last Update : 6 มีนาคม 2558 8:16:34 น.
Counter : 7369 Pageviews.  

Samsung Galaxy S6 Edge กับ 5 สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้ ?

การเปิดตัว Samsung แบบ แพ็คคู่ แม้ดีไซน์และฟีเจอร์โดยรวมแทบไม่ต่างกัน แต่ความน่าสนใจของ Galaxy S6 Edge อยู่ที่หน้าจอแสดงผลที่โค้งเอียงลงทั้งด้านซ้ายและขวา ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงเทคโนโลยีด้านจอภาพของ Samsung เองแล้ว Galaxy S6 Edge ยังมีอีก 5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน ?

1. หน้าจอด้านข้างเสมือนจอที่สอง

Galaxy-S6-edge

หน้าจอที่โค้งเอียงลงมาด้านข้างของ Galaxy S6 Edge ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเลิศหรู แต่มันสามารถเป็นหน้าจอแสดงผลหรือแจ้งเตือนได้ พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้ใช้สามารถกำหนดแอพพลิเคชันที่ใช้บ่อยครั้ง สำหรับการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

2. แบตเตอรี่กับการทำงานร่วมกับชิปประมวลรุ่นใหม่ 

แม้ Galaxy S6 Edge จะให้แบตเตอรี่ความจุเพียง 2600mAh ซึ่งน้อยกว่าที่หลายคนคาดหวัง แต่ด้วยชิปประมวลรุ่นใหม่ที่ Samsung ระบุว่าเป็นการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร จะคอยช่วยจัดสรรการใช้พลังงานได้อย่างประสิทธิภาพ รวมไปถึงเป็นการลดการใช้ พลังงาน ส่งผลดีต่อชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น

3. แบตเตอรี่ถอดไม่ได้อีกต่อไป

Galaxy-S6-edge-3

หลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟนของ Samsung อาจคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือการถอดแบตเตอรี่ในกรณีที่เครื่องค้าง เป็นต้น แต่สำหรับใน Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 จะไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้อีกต่อไป ดังนั้นหากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดทางเลือกที่ช่วยยืดชั่วโมงการใช้งาน คือการใช้ Ultra Saving Mode หรือการใช้ Power Bank นั่นเอง

4. ตำแหน่งของลำโพง

Galaxy-S6-edge-2

แม้สาวก iPhone จะแอบเหน็บแนมว่าบางส่วนของการออกแบบ Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 จะมีความคล้ายคลึงกับ iPhone 6 / 6 Plus อาทิ ตำแหน่งลำโพงที่ถูกย้ายมาอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพของเสียงที่ดีขึ้นและ ความดังที่มากขึ้นเช่นกัน

5. microSD ไม่มีอีกแล้ว

ความจุภายในของ Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 เริ่มต้นที่ 32GB, 64GB และ 128GB ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่คู่กับตระกูล Galaxy S มาโดยตลอดนั่นคือ microSD สำหรับการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล แต่ในเจเนอเรชั่นที่ 6 ทาง Samsung ได้ตัดสิ่งนี้ออกไป พร้อมกับยกเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Universal Flash Storage หน่วยความจำใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดย Samsung ช่วยให้การอ่านหรือเขียนข้อมูลทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Samsung Galaxy S6 Edge เตรียมวางขาย 10 เมษายน ศกนี้

ภาพจาก Wired




 

Create Date : 05 มีนาคม 2558    
Last Update : 5 มีนาคม 2558 8:07:51 น.
Counter : 1979 Pageviews.  

เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S6 vs iPhone 6 รุ่นไหน สเปคดีกว่ากัน

   เผยโฉมอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวล่าสุด ที่ในปีนี้ เปิดตัวพร้อมกับ Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้งทั้ง 2 ด้าน

     โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 รุ่นนี้ ก็คือ ดีไซน์ที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จากตัวเครื่องพลาสติก กลายเป็นตัวเครื่องแบบโลหะ ที่ดูหรูหรามากขึ้น และพรีเมียมมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเน้นเรื่องการถ่ายรูปเป็นหลักอีกด้วย

     และเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แบรนด์คู่แข่งอย่าง Apple ก็ได้เปิดตัวทั้ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่อัพเกรดหน้าจอให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และตัวเครื่องบางลงกว่าเดิม จึงทำให้ทั้ง Samsung Galaxy S6 กับ iPhone 6 โดนเปรียบเทียบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน techmoblog ได้นำสเปคของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ iPhone 6 มาเปรียบเทียบให้ชมกัน มาดูกันว่า แต่ละรุ่น โดดเด่นในด้านในกันบ้าง


     จากภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy S6 นั้น โดดเด่นกว่า iPhone 6 แทบจะทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่องที่บางกว่าเล็กน้อย, หน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่า, ความละเอียดของหน้าจอสูงกว่า

     รวมไปถึงด้านการใช้งานกล้องถ่ายรูป ที่ Samsung Galaxy S6 เน้นการถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดี ด้วยรูรับแสงกว้าง F/1.9 นั่นเอง เช่นเดียวกับ กล้องด้านหน้า ที่มาพร้อมกับความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดการถ่ายภาพต่างๆ

     สำหรับ iPhone 6 นั่น เด่นในเรื่องน้ำหนักตัวเครื่องที่เบากว่า เนื่องจากขนาดตัวเครื่องเล็กกว่านั่นเอง ส่วนในเรื่องของแบตเตอรี่ Samsung Galaxy S6 มีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 2550 mAh เทียบกับ iPhone 6 ที่มีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 1810 mAh

     อีกทั้ง Samsung Galaxy S6 ยังมีระบบ Fast Charging ด้วยการชาร์จเพียงแค่ 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง ลดปัญหาแบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

      แม้ว่าในตอนนี้ จะยังไม่มีข้อมูลราคา Samsung Galaxy S6 เผยออกมา แต่คาดว่า ไม่น่าจะต่างจาก iPhone 6 มากเท่าที่ควร อย่างไรก็ดี ตารางข้างต้น ไม่ได้หมายความว่า Samsung Galaxy S6 นั้น ใช้งานได้ดีกว่า และประมวลผลได้เร็วกว่า iPhone 6 เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นนี้ รันระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ซึ่งรุ่นใดจะดีกว่า อยู่ที่ความชื่นชอบของผู้ใช้เป็นหลักครับ

เปรียบเทียบสเปค iPhone 6 vs Samsung Galaxy S6

รายละเอียดเพิ่มเติม : techmoblog.com




 

Create Date : 04 มีนาคม 2558    
Last Update : 4 มีนาคม 2558 10:38:59 น.
Counter : 1425 Pageviews.  

เปิดตัว Huawei Watch หรูซะจนไม่คิดว่าจะเป็น Smart watch!

เปิดตัว Huawei Watch นาฬิกาอัจฉริยะในระบบแอนดรอยด์ ที่งาน Mobile World Congress เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นเป็นแบรนด์จีนแบบนี้ แต่ดีไซน์หรูไม่เบา เฉพาะหน้าตาอย่างเดียวก็ลบภาพลักษณ์สินค้าแบรนด์จีนในความคิดของหลายๆ คนไปได้มาก ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงยังคงต้องดูกันต่อไป

Huawei Watch มีหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว เรื่องความคมชัดใสแจ๋วนี่คงหายห่วง มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ ทอง เงิน และดำ ตัวเรือนทำจากสแตนเลส ฟีเจอร์เด่นๆ ข้างในคือ ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ หน่วยความจำในตัว 4 GB มาพร้อมกับ RAM 512 MB มีระบบเซนเซอร์ความเคลื่อนไหวร่างกายและติดตามข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน และเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ

ทางบริษัทวางแผนไว้ว่าจะวางจำหน่ายใน 20 ประเทศทั่วโลก พร้อมขายในเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ราคานั้นขออุบไว้ก่อน

เสียงตอบรับหลังจากเปิดตัวถือว่าน่ายินดีสำหรับ Huawei เพราะหลายๆ คนชอบหน้าตาของมัน ว่ากันว่ามันดูดีกว่าหลายๆ แบรนด์ที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ รวมทั้ง LG Watch Urbane ที่ใกล้จะเปิดตัวเร็วๆ นี้

ที่มา : Techcrunch




 

Create Date : 04 มีนาคม 2558    
Last Update : 4 มีนาคม 2558 10:36:27 น.
Counter : 1588 Pageviews.  

MWC 2015 : Acer เปิดตัว Liquid Leap+ ริชแบนด์ฉลาดๆ เชื่อมได้ทั้ง iOS, Android และ Windows Phone

ไม่เพียงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ Acer ยังใช้เวที Mobile World Congress () เปิดตัวริชแบนด์ฉลาดๆ รุ่นใหม่ Liquid Leap+ สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iOS, Android และ Windows Phone

Liquid Leap+ เป็นริชแบนด์ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 1 นิ้ว ความละเอียด 128 x 320 พิกเซล เป็นริชแบนด์ฉลาดๆ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Windows Phone สำหรับการควบคุมเพลง, การแจ้งเตือนต่างๆ จากสมาร์ทโฟน รองรับการตรวจวัดการนอน และคอยตรวจเช็คแคลอรี่ที่เผาผลาญไปหลังออกกำลังกาย

ในส่วนแบตเตอรี่ ทาง Acer ให้ข้อมูลว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 5-7 วัน สายรัดข้อมือทำด้วยยางที่มีให้เลือกหลากสี ให้ความสบายแก่การสวมใส่ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 79 ยูโร หรือประมาณ 2,900 บาท

ที่มา Phonearena




 

Create Date : 03 มีนาคม 2558    
Last Update : 3 มีนาคม 2558 7:29:40 น.
Counter : 1025 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.