ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ไอขาม ในหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคือใคร??



จากกระทู้ บุเรงนอง น่ะครับ ตัวละครอีกตัวนึึงที่ผมรู้สึกชอบอีกตัวก็คือ ไอขาม ก็เลยสงสัยอีกว่า เค้ามีตัวตนจรงในประวัติศาสตร์รึป่าวน่ะ เลยไปหาข้อมูลมา แทบหาไม่เจอ แต่เจอมาว่าท่านมุ้ยฯบอกว่าเป็นตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ครับ แต่ท่านมุ้ยก็ไม่ได้บอกว่าเค้าคือใครอะไรยังไง จากข้อมูลที่หามาได้ก็มีอยู่ว่า

"สมเด็จพระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชัยยุทธ ให้ผูกช้างพระที่นั่งชื่อพลายภูเขาทอง ขึ้นระวางเป็นเจ้าพระยาไชยานุภาพ เป็นพระคชาธารของพระองค์ มีเจ้ารามราฆพเป็นกลางช้าง นายมหานุภาพเป็นควาญ อีกช้างหนึ่งชื่อพลายบุญเรือง ขึ้นระวางเป็นเจ้าพระยาปราบไตรจักร เป็นพระคชาธารสมเด็จพระเอกาทศรถ มีหมื่นภักดีศวรเป็นกลางช้าง ขุนศรีคชคงเป็นควาญ"

เชื่อว่าหลายท่านคงเคยชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกันมาบ้างแล้ว และในภาค ๓ (ยุทธนาวี) นั้นปรากฏตัวละครใหม่อีกตัวหนึ่ง นั่นคือ อ้ายขาม ซึ่งเป็นคนบ้าใบ้ไร้ประโยชน์ในสายตาคนอื่น แต่เคยช่วยพระราชมนูให้ได้ความลับเรื่องพระยาจีนจันตุลอบส่งสารถึงเมืองละแวก ในที่สุดอ้ายขามได้มาอยู่รับใช้มหาเถรที่วัด ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลแต่งเสริมเข้ามาให้เหตุการณ์ในบันทึกประวัติศาสตร์ต่างๆ ไปด้วยกันอย่างลงตัว และเป็นการเปิดฉากที่มาให้กับอ้ายขามผู้ต่ำต้อยโดยผู้ชมหลายท่านอาจไม่คาดคิดว่าต่อมาเนื้อเรื่องจะโยงให้เขาคือ "นายมหานุภาพ" นายท้ายช้างพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวรในศึกยุทธหัตถี

แต่สุดท้ายอ้ายขามหรือ "นายมหานุภาพ" ต้องจบชีวิตในศึกยุทธหัตถี หลังสมเด็จพระนเรศวรฟันพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ทหารพม่าได้ยิงปืนไฟมาถูกนายมหานุภาพควาญช้าง(นั่งตรงท้ายช้าง)ของสมเด็จพระนเรศวร และถูกหมื่นภักดีศวรซึ่งเป็นกลางช้าง(คนส่งสัญญาณ ถือแพนขนหางนกยูงนั่งบนสัปคับ)ของสมเด็จพระเอกาทศรถเสียชีวิตเช่นกัน

สุดท้ายนี้อยากฝากว่าถ้าท่านได้เห็นภาพวาดยุทธหัตถีโปรดสังเกตควาญช้างหรือนายท้ายช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งจิตรกรมักจะวาดเขาเสียชีวิตอยู่ที่ท้ายช้างพระที่นั่งนั่นเอง



ปล.ตัวละคร "ไอขาม" ก่อนที่ "ต๊อก ศุภกรณ์" จะมารับบท "ท่านมุ้ย" เคยวางตัวละครนี้ไว้ให้ "จา พนม" แสดงด้วย

ที่มา: สามก๊ก 1994 三国演义




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2557 19:45:45 น.
Counter : 4311 Pageviews.  

คนไทยกับความเข้าใจเรื่องแผ่นดินไหว

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะสุมาตรา ในปี 2004 ดูเหมือนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน จะติดภาพความน่าสะพรึงกลัวและตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณเกาะสุมาตรา - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณเกาะสุมาตรา - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ในปี 2004 ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จากจุดศูนย์กลางทางตอนเหนือบนเกาะสุมาตรา ที่มีแรงสั่นสะเทือนขนาด 9.1 ผลที่ตามมาคือคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ ความสูงของคลื่นสูงที่สุดที่มีการวัดได้คือ 30 เมตร มีประเทศที่ได้รับความเสียหาย 15 ประเทศ คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 230,000 คน ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์ครั้งนี้
แต่ใครจะไปคิดว่าในอีก 7 ปีต่อมา ในวันที่ 11 เมษายน 2012 จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 8.6 และ 8.2 ในเวลาไล่เลี่ยกัน ใกล้เคียงกับจุดเดิมที่เคยเกิดขึ้นในปี 2004 โชคดีที่แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนตามแนวระดับ ต่างจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 2004 ที่เป็นแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนย้อน จึงไม่ทำให้เกิดคลื่นสึนามิพัดเข้าสู่ชายฝั่งสร้างความเสียหายแต่อย่างใด ประวัติศาสตร์จึงไม่ซ้ำรอย
เพียงไม่กี่วันหลังจากแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา วันที่ 16 – 22 เมษายน 2012 ที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้เกิดแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกนับเป็นระลอกได้กว่า 20 ครั้ง แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดที่วัดได้มีขนาด 4.3 เพียง 1 ครั้ง นอกนั้นเป็นแผ่นดินไหวที่ไม่รุนแรง มีขนาดเพียง 2.0 – 2.7 เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ตามมาจากแผ่นดินไหวที่ภูเก็ตครั้งนี้ ไม่ใช่สึนามิขนาดใหญ่ แต่เป็นความหวั่นวิตกของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับข่าวลือว่าเกาะภูเก็ตกำลังจะจมเพราะภัยพิบัติแผ่นดินไหว
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายถึงขั้นเป็นความหายนะมีอยู่จริง และเคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แผ่นดินไหวบนเกาะภูเก็ตที่เกิดขึ้นช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา รุนแรงเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เกาะภูเก็ตจมได้ตามที่หลายคนตื่นตระหนก เรื่องเหล่านี้สามารถหาคำตอบได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา ที่ใช้เวลาหลายสิบปีในการศึกษารอยเลื่อนและติดตามเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยอธิบายว่า แผ่นดินไหวที่มีขนาดความรุนแรงไม่ถึง 9.0 ไม่สามารถทำให้เกาะภูเก็ตจมได้ เนื่องจากเกาะภูเก็ตตั้งอยู่บนฐานหินตะกอนอายุกว่า 100 ล้านปี ซึ่งมีความแข็งแรงมาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 9.0 บนเกาะภูเก็ต เพราะรอยเลื่อนที่พาดผ่านเกาะภูเก็ตเป็นรอยเลื่อนที่ตายแล้ว คือไม่มีพลังงานสะสมมากจนจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้
อาจกล่าวได้ว่าแผ่นดินไหวไม่ใช่เหตุการณ์ที่คุ้นชินสำหรับคนไทย หากจะไปเปรียบเทียบกับประเทศที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นประจำอย่างญี่ปุ่น ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวคนไทยย่อมตื่นเต้นมากกว่าเป็นธรรมดา ที่น่าสนใจก็คือ ตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดในปี 2004 เป็นต้นมา คนไทยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นจากเดิมมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องความถี่ในการเกิด และขนาดของแผ่นดินไหว
การเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกในแต่ละปี - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
การเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกในแต่ละปี - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
องค์กรสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Geological Survey) ได้ทำการบันทึกข้อมูลแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 1900 จนถึงปัจจุบัน พบว่าค่าเฉลี่ยของการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกในแต่ละปีมีมากกว่า 1 ล้านครั้ง เป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ตั้งแต่ 7.0 – 7.9 จำนวน 15 ครั้งต่อปี และ ขนาดตั้งแต่ 8.0 ขึ้นไป เกิดขึ้นเฉลี่ยปีละ 1 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2000 – 2012 พบว่ามีจำนวนปีที่มีแผ่นดินไหวขนาดตั้งแต่ 8.0 ขึ้นไป มากกว่าค่าเฉลี่ย มีจำนวน 4 ปี คือปี 2004, 2006, 2007 และ 2012 ซึ่งในปี 2012 มีแผ่นดินไหวขนาดตั้งแต่ 8.0 ขึ้นไป เกิดขึ้น 2 ครั้ง ในเดือนเมษายน บริเวณเกาะสุมาตรา
หมายความว่า แผ่นดินไหวขนาดมากกว่า 4.0 ที่ตรวจจับได้ในปัจจุบัน เกิดขึ้นเฉลี่ยถึง 55 ครั้งต่อวัน หรือประมาณ 20,000 ครั้งต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของประเทศไทยที่มีการตรวจจับแผ่นดินไหวขนาด 4.3 บนเกาะภูเก็ตได้เพียงครั้งเดียวในปี 2012 และตรวจพบแผ่นดินไหวที่มีขนาดเกินกว่า 4.0 เฉลี่ยไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี ทั่วประเทศไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประเทศไทยมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลก ในขณะที่ แผ่นดินไหวขนาด 2.0 – 2.9 ที่เกิดขึ้นบนเกาะภูเก็ตหลายสิบครั้ง และสร้างความกังวลให้กับคนไทยนั้น แต่ละปีทั่วโลกเกิดแผ่นดินไหวขนาดเท่ากันนี้มากกว่า 1 ล้านครั้ง
นอกจากเรื่องความถี่ของแผ่นดินไหวแล้ว ในเรื่องขนาดและการวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว มาตรวัดที่คนไทยคุ้นชินกับการตรวจสอบขนาดของแผ่นดินไหว คือมาตรวัดแบบ “ริกเตอร์” (Richter scale) แต่ในปัจจุบัน มาตรวัดความสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่าคือมาตรวัดแบบ “แมกนิจูด” (Moment magnitude scale) ซึ่งไม่มีหน่วย เมื่อเขียนแสดงตัวเลขจะบอกเป็นขนาด เช่น แรงสั่นสะเทือนขนาด 4.3 หรือ M 4.3 ทำให้เกิดความสับสนในการใช้มาตรวัดทั้ง 2 วิธี
ในทฤษฎีทางธรณีวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการวัดขนาดของแผ่นดินไหวพบว่า การใช้มาตรวัดแบบแมกนิจูด จะสามารถระบุขนาดของแผ่นดินไหวในระดับใหญ่ได้เที่ยงตรงกว่า มาตรวัดแบบริกเตอร์ ที่เหมาะกับการวัดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางและขนาดเล็ก ทำให้ปัจจุบัน สำนักธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกาและนักธรณีวิทยาส่วนใหญ่ของโลกหันมาใช้มาตรวัดแบบแมกนิจูดแทนการวัดแบบริกเตอร์ แต่อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวที่มีขนาดปานกลางยังคงมีการใช้มาตรวัดทั้ง 2 แบบสลับกันบ้าง เนื่องจากมีค่าที่ใกล้เคียงกัน
โดยค่าที่ได้จากตัวเลขตามมาตราริกเตอร์ที่เพิ่มขึ้นหนึ่งค่า เช่น จาก 4.0 ริกเตอร์ เป็น 5.0 ริกเตอร์ จะมีพลังงานที่ปลดปล่อยจากแผ่นดินไหว ต่างกัน 10 เท่า แต่การวัดแบบแมกนิจูด ตัวเลขตามมาตราแมกนิจูดที่เพิ่มขึ้นหนึ่งค่า จะมีพลังงานที่ปลดปล่อยจากแผ่นดินไหวต่างกันประมาณ 32 เท่า
ขนาดของแผ่นดินไหวและพลังงานที่ปลดปล่อย - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
ขนาดของแผ่นดินไหวและพลังงานที่ปลดปล่อย - ภาพจาก วิชาการธรณีไทย GeoThai.net
หากคิดเป็นค่าพลังงานที่ปลดปล่อยออกจากขนาดของแผ่นดินไหวแล้ว แผ่นดินไหวที่ทำให้คนรู้สึกได้จะมีขนาดอยู่ที่ 4.0 มีความรุนแรงเทียบเท่ากับฟ้าผ่าขนาดใหญ่ แต่ในแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเทียบได้กับการปลดปล่อยพลังงานของระเบิดนิวเคลียร์ 1 ลูก ซึ่งแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลในอดีต เช่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะสุมาตราในปี 2004 แรงสั่นสะเทือนขนาด 9.1 หรือ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น ในปี 2011 แรงสั่นสะเทือน 9.0 มีพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาเทียบเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ถึง 32,768 ลูก
ดังนั้น แผ่นดินไหวบนเกาะภูเก็ตที่มีแรงสั่นสะเทือนขนาด 4.3 จึงเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ที่มีการปลดปล่อยพลังงานออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต แม้ตัวเลขที่ได้จากการวัดขนาดของแผ่นดินไหวจะดูเหมือนมีความใกล้เคียงกัน เช่น 4.3 กับ 6.0 หรือ 7.0 แต่พลังงานที่ปลดปล่อยออกมา มีความแตกต่างกันเป็นร้อยเป็นพันเท่า
การรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับแผ่นดินไหวด้วยความไม่รู้หรือความไม่เข้าใจ จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่จะสร้างให้เกิดความโกลาหลตามมา ความตื่นตระหนกที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นว่าเรายังคงต้องใช้เวลาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหวอีก เพื่อจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข เพราะแผ่นดินไหวเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่อยู่คู่กับโลกใบนี้ แม้ว่าการตื่นตัวและไม่ประมาทเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าตื่นตัวมากเกินไปจนขาดสติก็ย่อมมีผลเสียตามมาเช่นกัน





 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 16:34:32 น.
Counter : 1098 Pageviews.  

โฉมใหม่ธนบัตรฉบับละ 500 บาท

ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดตัวแบงค์ 500 แบบใหม่ เริ่มใช้อย่างเป็นทางการล็อตแรกจำนวน 100 ล้านฉบับ 12 พฤษภาคมนี้

นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย  ออกธนบัตรฉบับชนิดราคา 500 บาท แบบใหม่ โดยกำหนดใช้อย่างเป็นทางการ 12 พฤษภาคมนี้ นำร่องก่อนล็อตแรกจำนวน 100 ล้านฉบับ ซึ่งคาดว่า จะสามารถทดแทนธนบัตร 500 บาท ที่มีอยู่ล้านฉบับได้ในอีกประมาณ 1 ปีครึ่ง - 2 ปี

สำหรับธนบัตรแบบใหม่นี้ได้พัฒนา และปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อให้มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย และเป็นสากล โดยมีลักษณะพิเศษด้วยเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงที่ประชาชนสามารถสังเกตได้ คือ

1. หมึกพิมพ์สลับสี พร้อมตัวเลขแฝงบริเวณแถบลายประดิษฐ์สีทองจะสลับเป็นสีเขียวเมื่อพลิกเอียง ภายในมีตัวอารบิก 500 ซ่อนไว้

2. ลายน้ำพระบรมฉายาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน และตัวเลขไทยซ่อนไว้ จะมองเห็นเมื่อยกส่องกับแสงสว่าง

3. แถบฟอยล์ 3 มิติงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งตราสัญลักษณ์เมื่อพลิกเอียงตัวเลข 500 จะเปลี่ยนเป็นเลขไทย

4. แถบสี่เหลี่ยมเคลื่อนไหวสลับสีฝั่งในเนื้อธนบัตรด้านหลัง จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อพลิกธนบัตร

5. หมึกพิมพ์พิเศษสีเคลือบเหลืองจะปรากฏเลขอารบิกและเลขไทยสลับกับลายประจำยามในแนวตั้งสีเหลือบเหลือง และสำหรับคนบกพร่องทางสายตาจะสามารถสัมผัสดอกไม้สีม่วง 3 ดอก จากอักษรโรมัน F ในอักษรเบรลล์




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 16:28:38 น.
Counter : 1127 Pageviews.  

ทำไมหนังAV ในญี่ปุ่่นจึงถูกกฎหมาย...มาดูกัน (AV เพียบเลย)

หนัง AV หรือ Adult Video (หนังโป๊ หนังผู้ใหญ่) ในประเทศญี่ปุ่นจำกัดอายุของผู้ชมไว้ที่ 18 ปีเช่นกันทั้งสื่อที่เป็นภาพยนตร์ ที่ใช้คนแสดง หรืออะนิเมะชั่นที่เป็นการ์ตูน โดยกฎหมายของ ประเทศญี่ปุ่นได้จำกัดสื่อเอาไว้ว่า หากจะขายหนังโป๊ได้อย่างถูกกฎหมาย จำเป็นที่จะต้องทำการ เซ็นเซอร์ หรือทำภาพโมเสกไว้

อุตสาหกรรม สื่อโป๊ยังเจริญต่อไปในประเทศ ญี่ปุ่นเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเลย สำหรับประเทศที่มีความเป็นวัฒนธรรมสูงแต่กระนั้นเหตุใดรัฐบาลญี่ปุ่นถึงไม่ เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ทั้งๆที่มันเป็นภาพลักษณ์ทำลายประเทศ แม้แต่ในกฎหมายญี่ปุ่นยังบอกเองว่าสื่อโป๊นั้นเป็นสื่อผิดกฎหมาย ทั้งนี้ เพราะมีอิทธิพลจากพวกมาเฟีย ยากูซ่าคอยคุมผลประโยชน์การค้าเนื้อสดตรงนี้อยู่เหล่านักการเมืองไม่กล้า เข้าไปยุ่ง เพราะวิธีตัดสินปัญหาของยากูซ่านั้นตัดสินกันง่ายๆ แค่กระสุนนัดเดียวก็จอด แถมไม่ใช่แค่ฆ่านักการเมืองที่เข้ามาจุ้นเท่านั้น ยังอาจจะจัดการครอบครัวของผู้จุ้นจ้าน จับภรรยาและลูกๆไปเล่นหนังโป๊เสียให้เข็ด ความมีอิทธิพลมืดขนาดนี้ทำ ให้นักการเมืองและผู้กุมกฎหมาย จำเป็นต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

ที่มา: guped.wordpress.com




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 16:26:16 น.
Counter : 15665 Pageviews.  

นักฟิสิกส์ ชาวดัตช์ ไขความลับอีกหนึ่งข้อของการสร้างปิรามิด

13994541351399454183l

เมื่อสมัยพันปีก่อน คนยุคโบราณสามารถเคลื่อนย้ายแท่งหินทรายขนาดยักษ์ได้อย่างไร ซึ่งทีมนักฟิสิกส์เผยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ความซับซ้อนแต่อย่างใด เพราะมีการเขียนระบุบนภาพฝาผนังภายในปิรามิดของสุสานโบราณของจีฮูตีโฮเตป ฟาโรห์แห่งอียิปต์  ซึ่งอยู่ในช่วง 1900 ปีก่อนคริสตกาล

ภาพเขียนดังกล่าวได้รับการตีความที่ผิดๆ ทำให้ไม่สามารถไขความลับได้สักที ซึ่งทีมฟิสิกส์เผยว่า ในภาพเป็นผู้ชายอียิปต์ 172 คน กำลังลากเชือกยาวผูกติดกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีผู้ชายคนหนึ่งคอยเทบางอย่างลงสู่พื้น ซึ่งทีมวิจัยชี้ว่า น่าจะเป็นน้ำ เนื่องจากน้ำช่วยลดการเสียดสีระหว่างวัตถุกับพื้นทรายได้และสามารถทำให้ของหนักๆเคลื่อนไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น

โดยภาพนี้ถูกนักอียิปต์วิทยาตีความว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่พิธีกรรมอย่างหนึ่ง แต่ทีมนักฟิสิกส์มองว่า มันช่วยไขปริศนาเรื่องนี้ได้ ซึ่งทางทีมนักฟิสิกส์ได้ทดลองราดน้ำลงไปบนทรายแล้วลากวัตถุ ซึ่งก็พบว่ามันสามารถทำให้เคลื่อนที่ไปได้อย่างดี โดยสิ่งนี้เป็นภูมิปัญญาและไหวพริบที่น่าทึ่งของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นข้อสันนิษฐานที่น่าเป็นไปได้

MThai News




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 16:11:28 น.
Counter : 1336 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.